ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 153.3
ความในใจของเมิ่งเหริน
ในห้องรับรองมีคุณชายเศรษฐีกิริยากระด้าง ก้าวเท้าพลิ้วไหวเดินออกมา เห็นสภาพของคุณหนูตู้ พูดด้วยความโมโห “ใครกันที่บังอาจ กล้ารังแกคนงามของข้า เด็กๆ ตีมันออกไปจากภัตตาคาร”
หลงจู๊ของภัตตาคารรีบเข้ามาห้ามปราบ “คุณชายจาง มีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน ท่านอย่าได้ลงมือลงไม้ในภัตตาคารเด็ดขาด”
คุณชายจางยกมือยกไม้ พูดอย่างไม่แยแส “กลัวอะไร อะไรเสียหายให้มาคิดบัญชีกับข้า” พูดจบด่าว่าผู้ติดตามสองสามคนด้านหลัง “พวกเจ้าทั้งหมดยังไม่รีบจัดการ?”
ผู้ติดตามทั้งหมดเดินขึ้นหน้า กำลังจะลงมือกับเมิ่งเหริน ผู้คนที่มุงดูตกใจแยกย้ายถอยหนี
เมิ่งเชี่ยนโยวแผดเสียงร้องพูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ช้าก่อน!”
ผู้ติดตามทั้งหมดหยุดชะงัก
คุณชายจางได้ฟังหันมองกลับมา ตอนที่เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวดวงตาก็เปล่งประกาย โบกสะบัดมือให้ผู้ติดตาม ผู้ติดตามล่าถอยออกไป คุณชายจางเดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว พูดจากะลิ้มกะเหลี่ยกับเมิ่งเชี่ยนโยว “สาวน้อยคนงามนางนี้ ว่าอย่างไร ไปกับข้าเถอะ ข้าจะให้เจ้าได้กินอิ่มหลับสบาย”
พูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวถีบลอยโด่งออกไป
คนมุงดูร้องอุทานขึ้นพร้อมกัน
ร่างตุ้ยนุ้ยของคุณชายจางร่วงสู่พื้นดัง “ตุ๊บ” เกิดเสียงร้องโหยหวนดังสนั่น
เหล่าผู้ติดตามตกใจตัวลอย รีบเดินขึ้นหน้า เข้าไปประคองคุณชายจางอย่างหวาดผวา ร้องถามเสียงหลง “คุณชาย ไม่เป็นอะไรนะ”
คุณชายจางเจ็บจนพูดไม่ออก รอพักใหญ่ก็ยังไม่ดีขึ้น เหล่าผู้ติดตามยิ่งทวีความหวาดผวา เขย่าตัวเขาเอาแต่ถามไม่หยุด
หลงจู๊ก็ตกใจมาก หันไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางน้อย ครั้งนี้เจ้าก่อเรื่องใหญ่แล้ว คุณชายจางเป็นหลานชายคนเดียวของจางหยวนว่าย หากเขาเป็นอะไรขึ้นมา พวกเจ้าได้เข้าซังเตเป็นแน่”
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้เมิ่งเสียนตกใจหนัก รีบร้อนพูด “น้องสาว พวกเรารีบไปเถอะ”
หลงจู๊ได้ยินเช่นนั้นเข้าไปยืนขวางพวกเขาที่หน้าบันได “พวกท่านจะไปไม่ได้ ถ้าพวกท่านไป ประเดี๋ยวพอคุณชายจางฟื้นขึ้นมา ได้พังราบภัตตาคารของข้าเป็นแน่”
เมิ่งเหรินไม่คิดว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้ ตาค้างทำอะไรไม่ถูก
สองพี่น้องตู้หันหน้าสบตากัน ต่างก็วิ่งไปข้างกายคุณชายจาง ลนลานร้องถาม “คุณชายจาง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
ครู่ใหญ่ ในที่สุดคุณชายจางก็อาการดีขึ้น ผลักสองพี่น้องตู้ออก พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างเคืองแค้น “นังตัวดี กล้าลงมือกับข้า วันนี้ข้าจะให้คนอัดเจ้าให้ตายทั้งเป็น”
พูดจบ หันไปคำรามใส่ผู้ติดตาม “ยังจะยืนบื้ออยู่ทำไม ยังไม่รีบเข้าไปรุมอัดนังตัวดีที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำนั่นอีก”
ผู้ติดตามได้ยินปล่อยมือจากคุณชายจาง ตรงเข้าหาเมิ่งเชี่ยนโยว
คุณชายจางไม่คิดว่าผู้ติดตามที่ผยุงหลังจะปล่อยมือ ล้มไปกองกับพื้นอีกครั้ง เจ็บปวดร้องโอดโอยเสียงลั่น
สองพี่น้องตู้รีบรวมพลังประคองเขา ถามอย่างเป็นห่วง “คุณชายจาง ท่านไม่เป็นอะไรนะ”
คุณชายจางพูดด้วยน้ำโห “เจ้าตาบอดหรือไง? ข้าล้มไปถึงสองครั้ง จะไม่เป็นไรได้อย่างไร?”
สองพี่น้องตู้เห็นเขาหันมาแผดเผาไฟโทสะใส่ตนเอง ตกใจจนไม่กล้าส่งเสียง
เห็นพวกผู้ติดตามพุ่งเข้ามา เมิ่งเชี่ยนโยวก้าวถอยหลังสองสามก้าว เมิ่งเสียนก้าวเท้าขวางเบื้องหน้านาง รับมือพวกผู้ติดตามที่เข้ามา
เมิ่งเสียนฝึกวรยุทธ์กับเมิ่งเชี่ยนโยวมาได้ครึ่งปีแล้ว รับมือกับพวกผู้ติดตามนี้ได้สบาย เพียงไม่กี่กระบวนท่าก็จัดการพวกเขาลงไปนอนร้องครวญครางโหยหวน เมิ่งเชี่ยนโยวยืนเอ้อระเหยอยู่หลังเมิ่งเสียน กระทืบซ้ำพวกผู้ติดตามที่ล้มไปกับพื้นบ้างสองสามครั้ง
ผู้คนที่มุงดูถลึงตาโตอ้าปากค้างมองดูฉากระทึกขวัญนี้
พอเห็นว่าพวกผู้ติดตามไม่ทันได้เข้าใกล้เมิ่งเชี่ยนโยว ก็ถูกเมิ่งเสียนอัดล้มไปกองกับพื้น คุณชายจางโมโหจนจมูกเบี้ยวแล้ว คำรามร้องด่า “เลี้ยงเสียข้าวสุก แม้แต่เด็กหน้าอ่อนไม่ทันหย่านมยังจัดการไม่ได้ ข้าเลี้ยงพวกเจ้าจะมีประโยชน์อะไร?”
พวกผู้ติดตามได้ยินเสียงก่นด่าของเขา ฝืนผยุงร่างลุกขึ้น ตรงเข้าสู้กับเมิ่งเสียนอีกครั้ง
ครั้งนี้เมิ่งเสียนจัดการพวกเขาจนมอบเหมือนเล่นสนุก
คุณชายจางโมโหตวาดใส่ผู้ติดตามคนหนึ่ง “ยังไม่รีบไสหัวไปตามคนมาอีก!”
ผู้ติดตามตะเกียกตะกายวิ่งไปตามคนมา
หลงจู๊ตกใจหนัก ประสานมือขอร้องคุณชายจางอีกครั้ง “คุณชายจาง ขอร้องท่านล่ะ อย่าได้ลงไม้ลงมือในภัตตาคารอีกเลย หากการค้าพังเสียหาย ข้าจะไปบอกนายท่านอย่างไร”
คุณชายจางโมโหถึงขีดสุดแล้ว ไหนเลยจะฟังคำพูดเขาเข้าหู ร้องตวาด “ไสหัวไป ถ้ายังกล้าพูดมากอีก ข้าจะให้คนพังภัตตาคารของเจ้าเดี๋ยวนี้”
หลงจู๊รู้ว่าคุณชายจางเป็นคนอย่างไร ได้ยินแบบนั้นไม่กล้าปริปากแล้ว จำต้องหันมาพูดกับเมิ่งเสียนและเมิ่งเชี่ยนโยว “ทั้งสองท่าน ขอร้องพวกท่านพูดดีๆ กับคุณชายจางเถิด อย่าได้วิวาทกันอีกเลย ภัตตาคารของพวกเราทนรับการกระทำของพวกเจ้าไม่ไหว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างรู้สึกผิด “หลงจู๊ ไม่ใช่พวกเราอยากวิวาท แต่พวกเราไม่สู้ไม่ได้ ท่านดูสถานการณ์ตอนนี้ หากพวกเราไม่ลงมือ พวกเราจะมีทางรอดไหม?”
หลงจู๊เกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว “เช่นนี้จะทำอย่างไรดี? อีกประเดี๋ยวพอคนบ้านจางมา ภัตตาคารข้าไม่เหลือแน่”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองคุณชายจางแวบหนึ่ง พูดกระซิบกับหลงจู๊ด้วยเจตนาดี “ท่านรีบให้เสี่ยวเอ้อไปแจ้งความที่ศาลาว่าการ บอกว่ามีคนวิวาทกันในภัตตาคารของท่าน ให้พวกเขาส่งเจ้าหน้าที่มาห้ามปราบก็ได้แล้ว”
หลงจู๊ได้ยินเช่นนั้นมองคุณชายจางอย่างหวาดกลัวแวบหนึ่ง หันหลังลงไปชั้นล่าง บอกเสี่ยวเอ้อให้ไปแจ้งความ
เมิ่งอี้เซวียนนั่งรอให้ห้องรับรองได้ครู่ใหญ่ เห็นพวกเขาไม่กลับมาสักที อดไม่ได้เดินออกมาดู เห็นสถานการณ์ด้านนอก ถามขึ้นอย่างฉงน “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ? เหตุใดพี่ใหญ่ถึงยังไม่กลับเข้าไปกินข้าว?”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเมิ่งเหรินแวบหนึ่ง
เมิ่งเหรินอับอายก้มหน้าก้มตา
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับเมิ่งอี้เซวียน “อี้เซวียน เจ้าพาพี่ใหญ่ไปนั่งในห้องรับรอง ถ้าข้าไม่อนุญาต พวกเจ้าสองคนใครก็ห้ามออกมา”
เมิ่งอี้เซวียนตระหนักรู้ว่าเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง หันไปพูดกับเมิ่งเหริน “พี่เมิ่งเหริน พวกเราไปห้องรับรองเถอะ”
เมิ่งเหรินไม่ขยับ
เมิ่งเสียนเร่งเร้าเขา “พี่เมิ่งเหริน รีบเข้าไปกับอี้เซวียนเถอะ อีกประเดี๋ยวต่อสู้ขึ้นมาพวกเราต้องมาห่วงหน้าพะวงหลังอีก”
เมิ่งเหรินมองคุณหนูตู้แวบหนึ่ง ลังเลตัดสินใจไม่ได้
เสียงเย็นเยียบของเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้น “ถ้าท่านอยากให้ท่านปู่ไล่ออกจากสกุลเมิ่ง ก็จงรีบไปหานาง พวกเราจะไม่ห้ามท่าน”
สิ้นเสียงนาง เมิ่งเหรินตกใจตัวสั่นเทิ้ม เดินไปห้องรับรองกับเมิ่งอี้เซวียนอย่างไม่ลังเลอีก
ไม่นานผู้ติดตามคุณชายจางก็ตามคนรับใช้กลุ่มหนึ่งพร้อมกระบองในมือ ร้องเอะอะมะเทิ่ง ท่าทีดุดันโหดเ**้ยมมาถึงภัตตาคาร ลูกค้าในห้องโถงชั้นหนึ่งเห็นกลุ่มคนดุร้ายอำมหิตวิ่งเข้ามา ต่างวางอาหารในมือลง วิ่งหนีออกไปจ้าละหวั่น
หลงจู๊ร้องเรียกเสียงหลง “พวกท่านยังไม่ได้คิดบัญชี?”
ได้ยินเสียงตะโกนของเขา กลุ่มคนกลับวิ่งเร็วขึ้น
หลงจู๊มองดูห้องโถงที่พริบตาเดียวเหลือเพียงความว่างเปล่า เกือบจะร้องไห้ออกมา
คนรับใช้บ้านจางวิ่งเฮโลขึ้นมาชั้นสอง ร้องเรียกคุณชายจางโดยพร้อมเพรียง “คุณชาย พวกเรามาแล้ว”
คุณชายจางที่พอเห็นคนรับใช้มากกันมากเช่นนี้ ก็เริ่มมีความมั่นใจ ผลักสองพี่น้องตู้ที่ประคองตัวเองออก ลุกขึ้นยืน พูดอย่างเหิมเกริม “จัดการพวกมันทั้งสองคนให้หนัก อัดจนตายได้จะมีรางวัลให้”
คนรับใช้ควงกระบองเฮโลกันเข้ามา
ผู้คนที่มามุงดูเรื่องสนุกหนีหายไปไกลนานแล้ว เห็นสถานการณ์ตอนนี้ ต่างตกใจร้องอุทานอื้ออึง
เมิ่งเชี่ยนโยวมายืนด้านข้างเมิ่งเสียน รับมือคนรับใช้ที่ดาหน้าเข้ามา ชั้นบนเกิดการต่อสู้เป็นพัลวัน
หลงจู๊อยู่ชั้นล่างร้อนรุ่มกระวนกระวาย เฝ้ารอให้เจ้าหน้าที่รีบมาถึงโดยไว
เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งเสียนแม้จะมีวรยุทธ์ แต่พื้นที่ชั้นบนแคบไม่อาจออกท่วงท่าได้เต็มที่ บวกกับอีกฝ่ายคนมาก เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ทันระวัง ถูกกระบองของคนรับใช้คนหนึ่งพาดเข้าอย่างจัง เซไปเล็กน้อย คุณชายจางดีอกดีใจ ร้องพูด “ใช่เลย ต้องแบบนี้ จัดการพวกมันให้ตายคามือ!”
เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวถูกตี เมิ่งเสียนรีบซักถาม “น้องสาว เจ้าไม่เป็นไรนะ?” พอวอกแวก ก็ถูกกระบองของคนรับใช้ฟาดเข้าให้
คุณชายจางตะโกนร้องชม “ดี กลับไปมีรางวัลให้!”
พวกคนรับใช้ยิ่งดาหน้าสู้สุดกำลัง
เมิ่งเชี่ยนโยวเตะคนรับใช้ที่พุ่งเข้ามา หันไปพูดกับเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ ท่านไปอยู่ข้างหลังข้า ข้าจะรับมือพวกเขาเอง”
เมิ่งเสียนไม่ยินยอม ด้านหนึ่งต้านทานคนรับใช้อีกด้านพูดว่า “เจ้าอยู่ข้างหลังข้าเถอะ พี่ใหญ่รับไหว”
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบร้อนพูด “พี่ใหญ่ วรยุทธ์ท่านไม่สูง เป็นแบบนี้ต่อไปพวกเราจะเสียเปรียบ เชื่อข้า รีบไปยืนข้างหลังข้า”
เมิ่งเสียนเข้าใจความหมายแฝงของนาง ต้านคนรับใช้คนหนึ่งที่พุ่งเข้ามาให้ถอยร่นไป แล้วรีบถอยไปอยู่ข้างหลังเมิ่งเชี่ยนโยว
คนรับใช้เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเปลี่ยนมาอยู่ข้างหน้า ถือกระบองตรงเข้ามา ปากพูดว่า “นังตัวดี ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว วันนี้ของปีหน้าก็คือวันเซ่นไหว้ของเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่หลบไม่หลีก เล็งเป้าหมาย แล้วถีบคนรับใช้ลอยโด่งออกไป
คนรับใช้ร้องโหยหวนตกจากชั้นบนลงมา กระแทกลงบนโต๊ะในห้องโถงใหญ่ โต๊ะแหลกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี อาหารบนโต๊ะกระเด็นใส่เต็มตัวคนรับใช้
หลงจู๊ตกใจร้องเสียงหลง
เจ้าหน้าที่ที่เพิ่งพ้นประตูเข้ามาก็ตกใจสะดุ้งร้อง ชักมีดใหญ่ข้างเอวออกมา ถามเป็นพัลวัน “เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น? มีคนตายแล้วหรือ?”
หลงจู๊เห็นพวกเขาราวกับเห็นดาวช่วยชีวิต ลนลานพูด “ท่านเจ้าหน้าที่ พวกท่านมาเสียที หากยังไม่มาภัตตาคารข้าได้จบเห่แน่”
เจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงการต่อสู้บนชั้นสอง ไม่ทันได้สนใจคนรับใช้ที่นอนร้องครวญครางบนพื้น กวัดแกว่งมีดใหญ่ในมือวิ่งขึ้นไป ปากร้องตะโกน “หยุดเดี๋ยวนี้ กลางวันแสกๆ กล้าจับกลุ่มทะเลาะวิวาท พวกเจ้าเบื่อจะมีชีวิตแล้วใช่ไหม”
พวกคนรับใช้เห็นเจ้าหน้าที่เข้ามา ต่างก็รามือ ถอยกลับไปยืนข้างคุณชายจาง
สกุลของคุณชายจางในตัวอำเภอนี้ถือว่าเป็นบุคคลมีหน้ามีตา เจ้าหน้าที่ย่อมจำเขาได้ สำหรับพฤติกรรมอันธพาลเกเรของเขาก็หลับตาข้างหนึ่งมาตลอด ปล่อยผ่านได้ก็ปล่อยผ่านไป ตอนนี้พอเห็นว่าเป็นเขาที่ก่อเรื่อง หัวหน้าเจ้าหน้าที่เก็บคืนท่าทีแข็งกร้าว ถามด้วยเสียงโอนอ่อน “คุณชายจาง ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ท่านถึงกับต้องแห่พาคนมากมายมาอาละวาดที่ภัตตาคาร?”
คุณชายจางชี้เมิ่งเชี่ยนโยว พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “ก็เพราะนังตัวดีนี่ นางเตะข้าลอยไปไกลต่อหน้าคนมากมาย วันนี้ข้าจะต้องสั่งสอนนางให้รู้สำนึก”
เจ้าหน้าที่ได้ฟังตะลึงลาน หันหลังร้องตวาด “ใครที่มันไม่มีตากล้าเตะ” กลับเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
เมิ่งเชี่ยนโยวแย้มยิ้มมองเขา
หัวหน้าเจ้าหน้าที่สั่นสะท้านไปทั้งตัว ถามอย่างสะพรึงกลัว “แม่นาง เหตุใดถึงเป็นเจ้า?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบ “ข้าและพี่ใหญ่ น้องเล็กแวะมากินข้าว เจอเรื่องบางอย่างโดยไม่ตั้งใจ พูดจาไม่ลงรอยกับคุณชายจางก็เลยลงไม้ลงมือกัน หากไม่เพราะพวกท่านมาได้เร็ว วันนี้พวกเราพี่น้องเกรงจะต้องถูกตีตายอยู่ที่นี่แล้ว”
หัวหน้าเจ้าหน้าที่คิดถึงความโหดเ**้ยมที่นางกระทำต่อซุนหมิ่น ตัวสั่นเทิ้มอย่างไม่รู้ตัวอีกครั้ง แอบพูดค่อนขอดในใจ ด้วยวรยุทธ์อย่างท่าน ใครจะถูกตีตายก่อนก็ยังไม่แน่ ทว่า ใบหน้ากลับไม่แสดงออก กลับพูดอย่างขึงขังแทน “แม่นางพูดล้อเล่นแล้ว ความปลอดภัยในอำเภอนี้ดีมาก ไม่มีใครกล้าลงมือกับท่านกลางวันแสกๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองคนรับใช้มากมายด้านหลังเขา ถามเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “งั้นหรือ?”
เจ้าหน้าที่สะอึกกึก
คุณชายจางถูกคนยกยอจนเคยตัวแล้ว ไม่ว่าเรื่องใดเขาจะต้องมาก่อน ตอนนี้มาเห็นเจ้าหน้าที่ประจบสอพลอเมิ่งเชี่ยนโยว เริ่มไม่พอใจ พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าเป็นอะไรไปแล้ว ไม่ได้ยินข้าพูดหรือไง? นังตัวแสบนี่ต่างหากที่ลงมือกับข้าก่อน ตอนนี้เจ้าไม่เพียงไม่นำตัวนางไปศาลาว่าการ ให้ท่านนายอำเภอลงโทษให้เข็ดหลาบ กลับแสดงท่าทีพินอบพิเทาเช่นนี้ได้เยี่ยงไร”