ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 154.3
สองพี่น้องตู้หันหน้ามองกันอย่างหวาดกลัว รอคอยอย่างไม่เป็นสุข
เจ้าหน้าที่ทำงานเร็ว ไม่นานก็พาตัวหลงจู๊ร้านเครื่องประดับเข้ามา
หลงจู๊ผู้นั้นไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตกใจสองขาสั่นพับๆ พอมาถึงศาลก็คุกเข่าลงดัง “พลั่ก” เอ่ยปากถามเสียงสั่น “ไม่ทราบว่าใต้เท้าเรียกตัวผู้น้อยมา ด้วยเรื่องอันใด?”
เปาชิงเหอส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่กางภาพปิ่นปักผมออก ถามหลงจู๊ “เจ้าเคยรับซื้อปิ่นปักผมเช่นนี้หรือไม่?”
หลงจู๊พยักหน้าตามจริง “เรียนใต้เท้า เคยซื้อ”
เปาชิงเหอเค้นถาม “เมื่อไร และใครเป็นคนนำมาขาย?”
หลงจู๊ตอบ “หลังวันปีใหม่ ตอนนั้นผู้น้อยเพิ่งจะเปิดประตูร้านค้า ก็มีชายหญิงวัยหนุ่มสาวคู่หนึ่งเข้ามา หยิบปิ่นปักผมใหม่เอี่ยมออกมา ถามว่าร้านพวกเรารับซื้อหรือไม่? ข้าเห็นว่าเป็นปิ่นปักผมใหม่ คุณภาพก็ดี จึงถามราคาพวกเขา พวกเขาบอกว่าสิบตำลึง ข้าเห็นว่าราคาถูก เกิดความละโมบ จึงซื้อเก็บไว้”
เปาชิงเหอถามอีก “เจ้ายังจำคนที่ขายปิ่นนั้นได้หรือไม่?”
หลงจู๊พยักหน้า “ตอนนั้นพวกเขาให้ราคาที่ถูกมาก ข้าคลางแคลงใจ จึงเพ่งมองพวกเขาหลายครั้ง น่าจะจำได้”
เปาชิงเหอชี้สองพี่น้องตู้ถามเขา “เจ้าดูว่าใช่พวกเขาสองคนหรือไม่?”
หลงจู๊เงยหน้า แวบเดียวก็จำพวกเขาได้ ตอบกลับพลัน “ใต้เท้า ก็คือพวกเขา”
พอถูกจำได้ สองพี่น้องตู้นั่งซึมกระทื่อไปกับพื้น
เปาชิงเหอโมโหหนัก ตะเบ็งเสียงดังลั่น “กำเริบเสิบสาน ตอนนี้พยานหลักฐานพร้อม ยังไม่สารภาพความจริงออกมาอีก”
คุณหนูตู้มองพี่ชายตัวเองแวบหนึ่ง แสร้งพูดอย่างหวาดกลัว “ใต้เท้า ข้ายอมรับแล้ว”
คุณชายตู้คิดจะห้ามนาง คุณหนูตู้ส่งสายตาให้เขา คุณชายตู้รีบหดตัวกลับไปอยู่อีกด้านอย่างเชื่อฟัง
คุณหนูตู้พูดว่า “เรียนใต้เท้า เมื่อครู่ผู้น้อยพูดโกหก ความจริงครั้งแรกที่ข้าเห็นคุณชายเมิ่งก็เกิดเป็นรักแรกพบกับเขาแล้ว และเป็นข้าที่ขอร้องพี่ชายฝากข้อความแก่เขา บอกว่าข้ามีใจให้เขา ถามเขาว่าเขาก็พึงพอใจข้าหรือไม่ หลังจากที่คุณชายเมิ่งรับปากแล้ว ข้าก็ยินดีปรีดา มักจะใช้การมาเยี่ยมพี่ชายบังหน้าเพื่อมานัดเจอเขา เพื่อไม่ให้เขาเปลี่ยนใจหลังจากสอบซิ่วไฉได้ ข้าจึงขอร้องให้เขาซื้อของหมั้นหมาย เขาจึงซื้อปิ่นปักผมให้ข้า ข้าหวงแหนดั่งดวงใจ เก็บรักษาไว้อย่างดี แต่ไม่รู้ว่าบิดามารดาข้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร หลังจากตำหนิข้าอย่างหนัก ยังสั่งห้ามไม่ให้ข้าออกจากบ้าน และห้ามมาพบคุณชายเมิ่งอีก ข้าไม่กล้าขัดแย้งความคิดเห็นบิดามารดา ทำได้เพียงให้พี่ชายบอกกล่าวความจนใจนี้ของข้ากับคุณชายเมิ่ง เดิมข้าก็คิดจะคืนปิ่นปักผมนี้ให้เขา แต่พอคิดว่าสักวันเขาก็จะมอบปิ่นปักผมนี้ให้กับผู้หญิงอื่น ใจข้าดั่งถูกมีดกรีด ถึงตัดสินใจไม่ว่าราคาเท่าไหร่ก็จะขายมันทิ้ง เพื่อตัดใจที่มีต่อเขาอย่างเด็ดขาด ไม่คิดว่าคุณชายเมิ่งจะรักปักใจต่อข้าเช่นนี้ ไม่ยอมรามือต่อคำปฏิเสธของข้า คอยตอแยข้าไม่เลิก ข้ากลัวเขาคลุ้มคลั่งเสียสติ ทำลายอนาคตที่ดีของตัวเอง ถึงหักใจอย่างไรก็ไม่ยอมรับ”
นางเพิ่งจะพูดจบ เมิ่งเชี่ยนโยวก็ปรบมือแปะๆ ให้ พูดเย้ยหยัน “ช่างเป็นคำสารภาพรักที่ลึกซึ้งเต็มไปด้วยช่องโหว่ หากวันนี้ข้าไม่อยู่ในที่นี้ เกรงว่าพี่ใหญ่ข้าคงซาบซึ้งไปกับคำพูดของเจ้าจนไม่รู้จะตอบแทนเจ้าอย่างไรดีแล้ว น่าเสียดาย ที่เจ้ามาเจอข้า เกรงว่าคำพูดที่เจ้าวางแผนปั้นแต่งมาอย่างเหนื่อยยากนี้คงต้องล้มเหลวไม่เป็นท่าแล้ว”
หลังจากได้ยินคำพูดช่วงแรก คุณหนูตู้ก็แอบชำเลืองมองเมิ่งเหริน เห็นใบหน้าเขาปรากฎอาการรวดร้าวใจจริงๆ ตอนที่กำลังลอบลำพองใจที่คำพูดนี้ของตัวเองไม่แน่ว่าจะทำให้เขาหวั่นไหว แล้วยินดียอมรับตัวเองอีกครั้งนั้น ก็ได้ยินคำพูดต่อมาของเมิ่งเชี่ยนโยว เคียดแค้นจนปวดรากฟัน ถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เมื่อครู่ข้าพูดล้วนเป็นความจริง ไม่เชื่อใต้เท้าส่งคนไปตรวจสอบดูได้ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาว่าข้าวางแผนปั้นแต่งเรื่อง? ข้าวางแผนใครกัน?”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะเยาะหยัน “ก็ต้องเป็นพี่ใหญ่ข้าอยู่แล้ว เจ้าคาดการณ์แล้วว่าพอพี่ใหญ่ข้าได้ยินคำพูดเช่นนี้จากปากเจ้า จะต้องหวั่นไหวจนทนไม่ได้ ต่อไปจะต้องยิ่งทะนุถนอมเจ้า เจ้าก็จะยังเกาะเกาะพี่ใหญ่ข้าไม่ปล่อยได้ แต่น่าเสียดาย เจ้าคาดการณ์ผิดแล้ว แม้ข้าจะมีเงินหลายพันตำลึงในมือ แต่ครอบครัวพี่ใหญ่ข้ากลับแร้นแค้นมาก แม้แต่ค่าใช้จ่ายของเขายังต้องอาศัยเงินที่พี่รองข้าทำงานในภัตตาคารอย่างลำบากถึงได้มา”
คุณหนูตู้ร้องเสียงหลง “จะเป็นไปได้อย่างไร พวกเจ้ามิใช่ครอบครัวเดียวกันเรอะ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่พวกเราแยกบ้านกันนานแล้ว เงินที่ครอบครัวพวกเราหามาได้เขาไม่มีสิทธิ์ได้แม้แต่อีแปะเดียว”
คุณหนูตู้มองเมิ่งเหรินอย่างไม่เชื่อ
เมิ่งเหรินก้มหน้าละอาย
คุณหนูตู้นั่งแน่นิ่งไปกับพื้น คุณชายตู้ก็อ้าปากค้าง ไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
เมิ่งเชี่ยนโยวยังรู้สึกว่าเล่นงามไม่หนำใจ เอ่ยปากพูดต่อ “คุณหนูตู้และคุณชายตู้สมรู้ร่วมคิดกัน หลอกเงินนักเรียนยากจน ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเยี่ยงพี่น้องใช่หรือไม่?”
คุณหนูตู้และคุณชายตู้เงยหน้าขึ้นพร้อมกัน ใบหน้าซีดขาวมองมาที่นาง
คุณชายตู้โพล่งปากถามออกไปอย่างไม่เชื่อ “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
พูดจบ ถึงรู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไป สีหน้ายิ่งขาวซีดพลัน เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะเหยาะหยัน “ข้าไม่เพียงรู้ว่าพวกเจ้าไม่ใช่พี่น้องกัน ข้ายังรู้ว่าพวกเจ้าเป็นสามีภรรยากัน ข้ายิ่งรู้ด้วยว่าพวกเจ้าหาใช่คุณชายคุณหนูสูงศักดิ์สกุลไหน เหล่านั้นพวกเจ้าล้วนปั้นแต่งเรื่องขึ้นเพื่อหลอกพวกนักเรียนฐานะยากจน โป้ปดให้พวกเขานำเงินที่มีทั้งหมดมาซื้อของให้พวกเจ้า”
สองพี่น้องตู้ใบหน้าซีดเผือด ทิ้งตัวอ่อนระทวยไปกับพื้น
เมิ่งเหรินไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน ถามอย่างไม่เชื่อ “น้องโยวเอ๋อร์ ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริง?”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจเขา หันไปพูดกับเปาชิงเหอ “ใต้เท้า ข้าน่าจะพูดไม่ผิด หากท่านไม่เชื่อ ก็ให้พวกเขาบอกที่อยู่ของตัวเอง แล้วส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ เรื่องก็จะกระจ่างเอง”
เปาชิงเหอก็ตกใจในคำพูดของนาง ได้ยินคำแนะนำ ย้อนกลับมาถามสองพี่น้องตู้ทันที “ที่แม่นางเมิ่งพูดเป็นความจริงหรือไม่ พวกเจ้ามิใช่พี่น้องแต่เป็นสามีภรรยากัน เพียงเพื่อต้องการหลอกต้มตุ๋นเงินทองถึงเสแสร้งพูดว่าเป็นพี่น้องกัน?”
ทั้งสองก้มหน้า ตัวสั่นเทิ้มไม่ได้พูดอะไร
เปาชิงเหอบันดาลโทสะ ตบแท่งไม้ไปที่บัลลังก์ พูดอย่างฉุนเฉียว “ยังไม่สารภาพความผิดออกมาตามจริง อยากถูกโบยใช่หรือไม่?”
คุณหนูตู้ตกใจตัวสั่นระริกเหมือนกระชอน คุณชายตู้ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน คลานเข่าวิงวอนอย่างขยาดกลัว “ใต้เท้าไว้ชีวิตด้วย ข้าพูด ข้าจะพูดทั้งหมด”
คุณหนูตู้หน้าถอดสีอย่างสิ้นเชิงฟุบไปกับพื้น
เปาชิงเหอพูดเกรี้ยวกราด “ยังไม่รีบพูด?”
คุณชายตู้พูดเสียงสั่น “พวกเรามิใช่พี่น้อง แต่เป็นสามีภรรยากัน”
สิ้นเสียงเขา เกิดเสียงสูดลมหายใจดังไปทั่วทั้งศาล เจ้าหน้าที่ทั้งหมดต่างมองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างเลื่อมใส แม้แต่เปาชิงเหอก็แสดงสายตาชื่นชม
หลังเสียงสูดลมหายใจผ่านไป คุณชายตู้ก็พูดต่อ “พวกเราเป็นสามีภรรยาในตำบลข้างๆ เดิมข้าเรียนหนังสือ นางทำนา ชีวิตครอบครัวราบรื่นเป็นสุขดี แต่ปีที่แล้วเกิดเหตุการณ์พลิกผัน ไม่เพียงใช้เงินของพวกเราไปจนหมด ยังติดหนี้ญาติสนิทมิตรสหายไม่น้อย เดิมข้าคิดจะล้มเลิก กลับบ้านไปช่วยนางทำงาน แต่นางไม่ยินยอม บอกว่าทำเช่นนั้นพวกเราก็จะไม่มีวันได้ลืมตาอ้าปาก เพื่อหลบเลี่ยงญาติมิตรทวงเงิน ข้าจึงเข้ามาเรียนในอำเภอ แต่เงินที่เหลือทั้งหมดรวมกันแล้ว เพียงพอให้ข้าเรียนในอำเภอได้เพียงสองเดือน อีกสองเดือนให้หลังข้าก็จะถูกโรงเรียนขับออก พวกเราปรึกษาหารือกัน จึงคิดวิธีนี้ขึ้นมา ข้าเริ่มจากตัดใจนำเงินกว่าครึ่งซื้อเสื้อผ้าชั้นดีมาสวมใส่ แสร้งเป็นคุณชายเศรษฐี แล้วถึงให้นางแสดงเป็นน้องสาวข้า แต่งองค์เป็นคุณหนูสูงศักดิ์มาเยี่ยมเยียนข้า ข้าจงใจเชิญเพื่อนร่วมชั้นเรียนไปรับนางที่หน้าประตูกับข้าด้วย แล้วจึงบอกว่าน้องสาวข้าพึงพอใจพวกเขา แล้วพวกเขาก็ติดกับ เพื่อเอาอกเอาใจน้องสาวข้า นำเงินที่มีทั้งหมดมาซื้อของกำนัลมอบให้นาง แต่เพราะพวกเขาจนมาก พวกเราหลอกเอาเงินมาจากพวกเขาได้ไม่กี่มากน้อย”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “ดังนั้นพวกเจ้าเห็นคุณชายจางเจ้าชู้บ้าตัณหาบนถนน ก็เลยเกิดแผน คิดจะหลอกเงินจากเขามาสักก้อน ถึงได้จงใจเดินชนเขา เรียกร้องความสนใจจากเขา หลอกล่อเขาให้ลุ่มหลง รับเลี้ยงเจ้าไว้เป็นบ้านเล็ก”
คุณชายตู้มองคุณชายจางแวบหนึ่ง ไม่โต้แย้ง ถือว่ายอมรับกลายๆ
คุณชายจางไม่เคยถูกใครวางแผนการเช่นนี้มาก่อน โมโหเดือดดาลพลัน
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับถามต่อ “พวกเจ้าทำเช่นนี้ก็นับว่ามีเหตุมีผล แต่ข้ายังแคลงใจอยู่เรื่องหนึ่ง หากคุณชายจางรับภรรยาเจ้าเป็นบ้านเล็กจริงๆ เจ้าก็เท่ากับถูกสวมเขา เจ้าเป็นคน ยอมรับได้หรือ?”
คุณชายตู้กระพริบตาปริบ ถอยร่นไปด้านหลัง ห่างจากคุณชายจางเล็กน้อย ถึงพูด “ไม่มีทาง พวกเราปรึกษากันแล้ว ถึงตอนนั้นจะซื้อยากล่อมประสาท ทุกครั้งที่คุณชายจางมา จะเอาให้เขากิน ทำให้เหมือนว่าทำกิจสำเร็จแล้ว รอให้ผ่านไปสักระยะหนึ่งพอพวกเราหลอกได้เงินมา จะขายเรือนทิ้ง แล้วหนีไปไกล ไม่กลับมาอีก ให้เขาหาพวกเราไม่เจอ”
คุณชายจางโมโห ตรงเข้าเตะคุณชายตู้ “รนหาที่ตายชัดๆ กล้าวางแผนเช่นนี้กับข้า คอยดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร?”
คุณชายตู้ถูกเตะกลิ้งไม่เป็นท่า ล้มพับไปอยู่ข้างคุณหนูตู้
คุณหนูตู้ตกใจร้องลั่น กระเถิบหนีไปอีกด้าน
เปาชิงเหอก็โมโหโกรธเกรี้ยว แผดเสียงก่นด่า “เสียแรงที่เจ้าเป็นคน กลับคิดแผนการชั้นต่ำเช่นนี้มาหลอกเงินคนอื่น ข้าว่าเจ้าไม่ต้องคิดจะสอบซิ่วไฉแล้ว เข้าไปทบทวนตัวเองในคุกเถอะ”
คุณชายตู้ได้ฟังพยุงตัวขึ้นโขกศีรษะอย่างไม่คิดชีวิต “ท่านใต้เท้า อภัยให้ข้าสักครั้งเถอะ ต่อไปพวกเราไม่กล้าอีกแล้ว ท่านอย่าได้จับข้าเข้าคุกเลย ทำเช่นนั้นข้าจะไม่มีวันเข้าสอบเคอจวี่ได้อีก”