ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 155.3
เมิ่งอี้เซวียนเห็นท่าทีของนางก็ให้กังขา ถามเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ โยวเอ๋อร์คิดจะทำสิ่งใด?”
เมิ่งเสียนเห็นพฤติกรรมแปลกประหลาดของนาง ก็ไม่เข้าใจ ส่ายหน้าตอบ “ข้าก็ไม่รู้”
กระทั่งกลุ่มคนเดินไปไกล เมิ่งเชี่ยนโยวถึงค่อยๆ เดินกลับมาโรงเตี๊ยม เสี่ยวเอ้อเห็นนางกลับมา คิดว่านางคงรู้สึกแปลกใหม่กับเหตุการณ์เมื่อครู่ จึงออกไปดู พูดว่า “แม่นางคงรู้สึกประหลาดใจมากใช่ไหมขอรับ ความจริงเหตุการณ์คุ้มกันตัวนักโทษพบเห็นได้บ่อยในอำเภอแห่งนี้ พวกเราเห็นจนชินตาแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวชะงักฝีเท้า แสร้งถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “นักโทษที่ถูกคุมตัวไปล้วนเป็นคนแบบไหน?”
เดิมเสี่ยวเอ้อก็มีความซาบซึ้งใจต่อนาง คอยแต่คิดจะทำอะไรเพื่อตอบแทนบุญคุณ เห็นนางสนใจเรื่องนี้มาก จึงพูดให้นางฟังอย่างละเอียด “นักโทษแบบไหนก็มีหมด มีทั้งลักขโมย ฆ่าคนวางเพลิง ก่อกรรมทำชั่ว บางครั้งยังมีพวกโจรภูเขา พวกเขาล้วนแต่ทำความผิดที่ไม่อาจให้อภัยได้ ถูกทางการตัดสินให้เป็นทาสหลวง”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าถาม “เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่านักโทษในวันนี้กระทำความผิดใด?”
เสี่ยวเอ้อเหลียวซ้ายแลขวา เห็นว่าไม่มีคนสนใจทางนี้ ถึงพูดกับนางเสียงเบา “ข้าได้ยินลูกค้าที่มาพักพูดว่า พวกคนในวันนี้ เดิมเป็นคนของสำนักคุ้มภัยมีชื่อของเมืองหลวง ไม่รู้เพราะสาเหตุใดเกิดไปล่วงเกินผู้สูงศักดิ์เข้า ถึงถูกเล่นงานจนต้องมีจุดจบเช่นนี้” พูดถึงตรงนี้ยิ่งกดเสียงต่ำพูดขึ้นอีกว่า “ข้ายังได้ยินมาว่านอกจากสิบกว่าคนนี้ ผู้คุ้มกันภัยคนอื่นของสำนักคุ้มภัยต่างถูกส่งไปยังพื้นที่แร้นแค้น ห้ามกลับมาชั่วชีวิต”
เมิ่งเชี่ยนโยวเลียนแบบท่าทางของเขากดเสียงต่ำถาม “เช่นนั้นเหตุใดถึงมีแต่พวกเขาที่ถูกตัดสินเป็นทาสหลวง?”
เสี่ยวเอ้อเหลียวหน้าแลหลัง ถึงพูดว่า “คนสิบกว่าคนนี้เป็นคุณชายและคนในครอบครัวสำนักคุ้มภัย ได้ยินว่าเมื่อหลายปีก่อนนายท่านของสำนักคุ้มภัยเคยช่วยเหลือผู้สูงศักดิ์ท่านหนึ่ง ตอนพวกเขาได้รับโทษผู้สูงศักดิ์ท่านนี้มาช่วยพูดประนีประนอมให้พวกเขา ทางการถึงยอมไว้หน้าตัดสินโทษพวกเขาเป็นทาสหลวง แม้จะเป็นทาสหลวงก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่ แต่ก็ยังดีกว่าต้องเอาชีวิตไปทิ้งในดินแดนแร้นแค้น”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า กล่าวขอบคุณอย่างยินดี “ขอบคุณเสี่ยวเอ้อ”
เสี่ยวเอ้อตกใจที่ได้รับการเอ็นดู โบกมือเป็นพัลวัน “ข้าหาได้ทำสิ่งใดไม่ แม่นางอย่าได้เกรงใจ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เรื่องที่เจ้าพูดกับข้านี้ถือว่าได้ช่วยข้ามากมายแล้ว”
เสี่ยวเอ้อไม่เข้าใจ เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่อธิบายกับเขา เปลี่ยนเรื่องพูด “ตอนกลางคืนพวกเราไม่คิดจะออกไปแล้ว รบกวนพวกเจ้าเตรียมสำรับอาหารชั้นดี ส่งมาที่ห้องพวกเราด้วย”
ส่งอาหารเพิ่มเท่ากับได้รายรับเพิ่ม เสี่ยวเอ้อย่อมรับคำด้วยความยินดี บอกให้นางกลับไปรออย่างสบายใจ พอห้องครัวทำอาหารเสร็จ เขาจะรีบยกขึ้นไปให้
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาที่ห้อง เมิ่งเสียนเข้าไปถาม “น้องสาว เมื่อครู่เจ้ารีบร้อนไปดูนักโทษกลุ่มนั้น คิดจะทำสิ่งใด?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “พี่ใหญ่ เมื่อครู่ข้าไปดูพวกเขา ในกลุ่มคนพวกนั้นมีคนหนึ่งวรยุทธ์สูงส่ง ข้าอยากจะซื้อตัวเขา ต่อไปจะได้มาคุ้มกันอี้เซวียนไปเรียนหนังสือ”
พอได้ยินว่าจะซื้อคน เมิ่งเสียนก็ตกใจสะดุ้งโหยง “น้องสาว ซื้อคนเป็นเรื่องใหญ่ พวกเรากลับไปปรึกษาท่านพ่อท่านแม่ก่อนเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “พวกเรากลับไปปรึกษาเสียเวลาเกินไป หากช่วงเวลานี้พวกเขาถูกคนอื่นซื้อตัวไป ข้าเสียใจก็ไม่ทันการแล้ว อีกอย่างท่านพ่อท่านแม่จะต้องไม่เห็นด้วยให้ข้าซื้อคนกลับไป พวกเราซื้อคนกลับไปก่อน พอพากลับไป ท่านพ่อท่านแม่เห็นแก่ที่พวกเขาน่าเวทนา ไม่แน่ว่าก็จะไม่คัดค้าน”
เมิ่งเสียนมุ่นหัวคิ้ว “พวกเขา? น้องสาวคิดจะซื้อพวกเขาทั้งหมดหรือ? แต่ข้าเห็นคนสิบกว่าคนนั้น ส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวและเด็ก พวกเราซื้อไปจะมีประโยชน์อะไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ตอนนี้ข้ายังไม่รู้ว่าจะซื้อกี่คน รอพรุ่งนี้พออี้เซวียนเข้าสนามสอบ เราไปถึงตลาดค้ามนุษย์ค่อยว่ากันอีกที”
เมิ่งเสียนรู้ว่าเรื่องที่นางตัดสินใจแล้วใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ทำได้เพียงพยักหน้า
เมิ่งอี้เซวียนนั่งฟังอีกด้านเงียบๆ ไม่พูดอะไร
ตอนค่ำ เสี่ยวเอ้อนำอาหารขึ้นมาส่งแต่หัววัน ทั้งสามกินอาหารค่ำในห้องเสร็จ พูดคุยอีกเล็กน้อย ถึงแยกย้ายไปพักผ่อน
ค่ำคืนเงียบสงบเคลื่อนคล้อยผ่านไป
วันรุ่งขึ้นทั้งสามคนตื่นนอนแต่เช้า แปรงฟันล้างหน้าล้างตา กินอาหารเช้าที่เสี่ยวเอ้อส่งมาให้ แล้วตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง หลังจากแน่ใจว่าเมิ่งอี้เซวียนไม่มีสิ่งใดตกหล่น ก็เดินลงมาชั้นล่าง
เมิ่งเสียนเดินไปจูงมาออกมาจากหลังโรงเตี๊ยม ซักถามสถานที่โดยละเอียดกับเสี่ยวเอ้อ แล้วจึงให้เมิ่งเชี่ยนโยวกับเมิ่งอี้เซวียนขึ้นนั่งบนรถม้า เมิ่งเสียนบังคับรถม้ามุ่งหน้าไปยังสถานที่สอบระดับอำเภอ
พอมาถึงสนามสอบ ก็เห็นนักเรียนมากมายยืนรายล้อมรอบข้างสนามสอบแล้ว เมิ่งเสียนจอดรถม้าในจุดที่คนค่อนข้างน้อย เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งอี้เซวียนลงจากรถม้า เดินไปที่หน้าประตูสนามสอบ
บรรดานักเรียนเห็นรถม้าเข้ามา ไม่ได้สนใจอะไร เพราะเวลามาสอบถงเซิงจะมีคนบังคับรถม้าเข้ามาทุกครั้ง แต่พอเห็นมีแค่เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งอี้เซวียนที่เดินมุ่งหน้ามายังสนามสอบ ต่างก็ไม่เชื่อว่าอายุยังน้อยอย่างเมิ่งอี้เซวียนก็มาเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอด้วย เกิดเสียงกระซิบกระซาบขึ้นฉับพลัน
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจเสียงวิพากษ์ของบรรดานักเรียน พาเมิ่งอี้เซวียนมาถึงหน้าประตูสนามสอบ ช่วยจัดแจงกระเป๋านักเรียนให้เขา พูดกับเขาอย่างขึงขัง “เข้าไปในสนามสอบแล้วไม่ต้องกลัว ตั้งใจตอบคำถามก็พอ ไม่ต้องมีแรงกดดันอะไร เจ้าสอบผ่าน พวกเราทั้งครอบครัวก็ดีใจ เจ้าสอบไม่ผ่าน พวกเราก็ไม่ผิดหวัง เพราะเจ้าอายุยังน้อย ปีหน้าพวกเรามาสอบอีกได้”
เมิ่งอี้เซวียนจ้องนางเขม็ง ถามขึ้น “เจ้าอยากให้ข้าสอบผ่านหรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวกรอกตาขาวใส่เขา “ก็ต้องอยากให้เจ้าสอบผ่านอยู่แล้ว เช่นนั้นใบหน้าข้าถึงจะเปล่งแสงได้”
เมิ่งอี้เซวียนรับประกัน “วางใจเถอะ ข้าจะต้องสอบผ่าน”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองบนใส่เขาอีกครั้ง “น้อยๆ หน่อย ให้สอนผ่านได้ก่อนค่อยว่ากัน”
เมิ่งอี้เซวียนเผยรอยยิ้มชวนหลงใหล
เมิ่งเชี่ยนโยวสบถเสียงต่ำ หลบตาไปทางอื่น
นักเรียนโดยรอบได้ยินพวกเขาบทสนทนาของพวกเขา เสียงวิพากษ์ยิ่งดังขึ้น
ประตูสนามสอบเปิดออก เจ้าหน้าที่คุมสอบเดินออกมา ให้บรรดานักเรียนที่หน้าประตูเข้าแถวให้เป็นระเบียบ นำจดหมายแนะนำออกมา มอบให้เจ้าหน้าที่คุมสอบอีกคนที่นั่งหน้าโต๊ะข้างสนามสอบ บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องให้ไปจากสนามสอบ รอช่วงบ่ายยามเซินค่อยกลับมารับ
บรรดานักเรียนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ นำจดหมายแนะนำในมือมอบให้กับมือเจ้าหน้าที่คุมสอบอย่างเป็นระบบ ถือป้ายหมายเลขที่ตนเองได้รับไปยังสนามสอบตามหมายเลข กระทั่งได้เห็นเมิ่งอี้เซวียนเด็กตัวน้อย เจ้าหน้าที่คุมสอบรับจดหมายแนะนำหลายฉบับมาจากเขาอย่างไม่เชื่อ เพ่งพินิจซ้ำแล้วซ้ำเล่า พบว่าไม่มีปัญหาอะไร ก็มองประเมินเขาอีกพักใหญ่ ถึงมอบป้ายหมายเลขให้เขา ให้เขาเข้าไปได้
เมิ่งเชี่ยนโยวยืนอยู่ด้านนอกประตูสนามสอบ เห็นเข้าเดินเข้าไปลิบๆ ถึงวางใจเดินกลับมาที่รถม้า พูดกับเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ พวกเราไปหาใต้เท้าเปาที่ศาลาว่าการ ให้เขาช่วยสืบข่าว พวกคนที่จะถูกขายเมื่อวานว่าถูกคุมตัวไปไว้ที่ไหน?”
เมิ่งเสียนพยักหน้า บังคับรถม้ามาถึงหน้าประตูศาลาว่าการ
วันนี้เปาชิงเหอไปเป็นหัวหน้าคุมสอบ ในศาลาว่าการไม่มีคน มีเพียงเจ้าหน้าที่เฝ้าเวรอยู่ด้านในอย่างเบื่อหน่าย พอเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามา กุลีกุจอลุกขึ้น เดินมาตรงหน้านาง ถามอย่างนอบน้อม “แม่นางเมิ่ง ท่านมาแล้ว วันนี้นายท่านของพวกเราไปเป็นหัวหน้าคุมสอบ ไม่อยู่ศาลาว่าการ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ข้ารู้ ข้ามาหาคุณชายของพวกเจ้า ไม่ทราบว่าเขาอยู่ด้านในหรือไม่?”
เจ้าหน้าที่ตอบกลับ “อยู่ๆๆ ท่านรอสักครู่ ข้าจะรีบไปตามมาให้เดี๋ยวนี้” พูดจบก็รีบวิ่งไปแจ้งข่าว เปาอีฝานได้ฟังรายงาน รีบเดินออกมา พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “ข้ากำลังจะไปหาเจ้าอยู่พอดี ไม่คิดว่าเจ้าจะมาก่อน พอดีเลย เข้าไปนั่งข้างในเถอะ ข้าจะพูดกับเจ้าเรื่องพวกค้ามนุษย์”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เรื่องพวกค้ามนุษย์ไว้ค่อยพูดเถอะ ข้ามีเรื่องอยากขอให้ท่านช่วย”
“มีเรื่องอะไรว่ามาได้เลย ถ้าข้าทำได้จะช่วยเจ้าเต็มที่” เปาอีฝานตอบ
เมิ่งเชี่ยนโยวบอกเรื่องที่ตนเองคิดจะซื้อทาสหลวงที่ถูกคุมตัวมาเมื่อวานอย่างไม่ปิดบัง เปาอีฝานได้ฟังแล้วพูดอย่างเบิกบาน “สบายมาก ข้าจะให้เจ้าหน้าที่ไปสอบถามให้ พวกเขาอยู่ที่ตลาดค้ามนุษย์ พวกเราไปซื้อมาก็ได้แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณ
เปาอีฝานเรียกเจ้าหน้าที่เข้ามา ให้เขารีบรุดไปสอบถามดูว่าทาสหลวงที่ถูกคุมตัวมาเมื่อวานอยู่ในมือพวกค้ามนุษย์คนไหน
เจ้าหน้ารีบรับคำแล้วออกไป
เปาอีฝานแย้มยิ้มพูด “ตั้งแต่เจ้าจากไป ฮุ่ยเอ๋อร์ก็เอาแต่ถามถึงเจ้า พอจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จ ข้าจะไปรับนางมา พวกเจ้าจะได้เสวนากัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ไม่ได้เจอหลายวัน ข้าเองก็คิดถึงพี่ซุนแล้ว ได้มาอยู่พร้อมหน้ากัน พูดคุยสารทุกข์สุกดิบ”
เจ้าหน้าที่กลับมาโดยไว บอกว่าพวกคนเมื่อวานอยู่ในมือยายหวังตลาดค้ามนุษย์ด้านตะวันตกของอำเภอ
เปาอีฝานมุ่นหัวคิ้ว พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “ยายหวังเป็นตลาดค้ามนุษย์ที่มีชื่อเรื่องความหน้าเงิน ขอเพียงคนตกไปอยู่ในมือเขา หากไม่ได้ราคาอีกเท่าตัวเจ้าอย่าหวังจะซื้อคนออกมาได้ ดูท่าคนที่พวกเราต้องการซื้อในวันนี้จะไม่ราบรื่นแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดสัพยอก “มีคุณชายเปาผู้ยิ่งใหญ่ไปด้วยก็ยังไม่ได้หรือ?”
เปาอีฝานส่ายหน้า “พวกตลาดค้ามนุษย์นี้ต่างดำเนินการถูกต้องตามกฎทางการ พวกเราแทรกแซงไม่ได้ ตลาดค้ามนุษย์แห่งอื่นยังพอพูดคุยได้ แต่ยายหวังผู้นี้เป็นเจ้าของที่ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม คิดถึงแต่เงิน ไม่เคยไว้หน้าใครทั้งนั้น ทว่า ในมือนางล้วนเป็นทาสหลวงชั้นดี คนที่ซื้อกลับไปต่างพึงพอใจ ผ่านไปนานเข้า แม้ราคาของนางจะสูงไปบ้าง ก็มีคนไม่น้อยยินดีไปซื้อกับนาง”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “เมื่อในมือนางล้วนเป็นทาสหลวงชั้นดี ราคาสูงไปบ้างก็ไม่เป็นไร พวกเราไปดูหน่อยเถอะ”
เปาอีฝานให้คนรถนำรถม้าออกมา หลังจากขึ้นนั่ง ก็สั่งเขาไปสถานที่ซื้อขายมนุษย์ของยายหวัง
คนรถบังคับรถม้านำหน้า เมิ่งเสียนบังคับรถม้าตามหลัง ไม่นานก็มาถึงพื้นที่ของยายหวัง
คนรถและเมิ่งเสียนจอดรถม้าสนิท เปาอีฝานและเมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ ท่านนำรถม้าไปผูกใต้ต้นไม้ทางนั้น ให้คนรถคุณชายเปาช่วยดูแล ท่านตามข้าเข้าไปเถอะ”
เมิ่งเสียนขบคิดเล็กน้อย นำรถม้าไปผูกใต้ต้นไม้ใหญ่ พูดกับคนรถของเปาอีฝานอย่างเกรงใจ ถึงเข้ามาในลานกว้างบ้านยายหวังพร้อมเปาอีฝานและเมิ่งเชี่ยนโยว
ยายหวังเห็นมีคนเข้ามาแต่เช้า ร้องทักทายอย่างยินดี “ทุกท่าน มาซื้อคนเรอะ?”
พอเห็นชัดเจนว่าคนตรงหน้าคือเปาอีฝาน ก็ยิ่งทวีความเป็นกันเอง “ที่แท้ก็คุณชายเปา ไม่ทราบว่าท่านมาแต่เช้ามีธุระอันใด?”
เปาอีฝานวางมาดนิ่ง พูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน “สองคนนี้เป็นสหายข้า คิดจะซื้อคนกลับไปเป็นคนรับใช้จำนวนหนึ่ง ข้าได้ยินว่าทาสหลวงของที่นี่มีคุณภาพดี ตั้งใจพาพวกเขามาดู”
ยายหวังได้ฟังก็ปิติยินดี “คุณชายเปาสายตาแหลมคม ข้าจะบอกให้นะ ทาสหลวงของข้าที่นี่ล้วนเป็นทาสหลวงที่ถูกคุมตัวมาที่ดีที่สุดของอำเภอ ไม่ว่าท่านซื้อกลับไปให้พวกเขาทำอะไร รับประกันว่าท่านจะต้องพอใจ”
เปาอีฝานย่นหัวคิ้ว พูดอย่างรำคาญ “ยังจะพร่ำอะไรอีก ยังไม่รีบเรียกคนออกมาให้สหายทั้งสองของข้าดู”
ยายหวังรีบเข้าไปหลังเรือนร้องเรียกคนออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวกวาดตาดู ไม่มีกลุ่มคนของเมื่อวาน ส่ายหน้าให้เปาอีฝาน
เปาอีฝานถามขึ้น “ที่นี่มีแค่คนพวกนี้หรือ?”
ยายหวังตอบ “พวกที่สั่งสอนดีแล้วมีเพียงเท่านี้ ยังมีเมื่อวานเพิ่งซื้อกลับมาอีกกลุ่ม ข้าไม่ได้ให้พวกเขาออกมา”
เปาอีฝานออกคำสั่ง “ให้พวกเขาออกมา ให้สหายของข้าได้ดู”
ยายหวังลังเลพูดว่า “คุณชายเปา คนพวกนั้นข้ายังไม่ได้สั่งสอน หากสหายของท่านซื้อกลับไปแล้วพวกเขาไม่เชื่อฟัง จะทำให้เสียชื่อข้าได้ ข้าว่าท่านเลือกจากคนพวกนี้กลับไปเถอะ ข้ารับประกันว่าพวกเขาจะเชื่อฟังเป็นอย่างดี”
เปาอีฝานแสร้งทวีความขุ่นเคืองใจ “ข้าบอกให้เจ้าไปพามา ก็ไปพามา ต่อหน้าสหายข้ากลับไม่ไว้หน้าข้า เจ้าไม่อยากทำการค้านี้แล้วใช่ไหม?”
แม้ในมือยายหวังจะมีเอกสารดำเนินการค้ามนุษย์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ทำผิดกฎใดของทางการ แต่อย่างไรเปาอีฝานก็เป็นบุตรชายนายอำเภอ หากทำเขาไม่พอใจขึ้นมา ต่อไปเขาคอยมาขัดแข้งขัดขา การค้าของตัวเองก็จะยุ่งยากแล้ว พอเห็นเปาอีฝานเริ่มมีอาการเคืองขุ่น ยายหวังไม่กล้าขัดคำสั่ง รีบเดินไปหลังเรือน เรียกคนที่เพิ่งจะซื้อตัวมาออกมา พูดกับเปาอีฝาน “คุณชายเปา คนของข้าทั้งหมดอยู่ตรงนี้แล้ว ท่านดูก่อนว่ามีถูกใจสหายของท่านหรือไม่?”
เห็นกลุ่มคนเมื่อวานก็อยู่ในนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพยักหน้ากับเปาอีฝาน
เปาอีฝานทำทีเป็นพูดกับนาง “แม่นางเมิ่ง เจ้าก็ได้ยินคำพูดของยายหวังแล้ว เจ้าดูก่อนว่ามีที่เหมาะสมหรือไม่? ถ้ามีเจ้าก็เลือกออกมา หากว่าไม่มีพวกเราจะได้ไปที่อื่น”
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ยายหวังรีบคุยโวกับเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นาง ข้าจะบอกให้นะ ทาสหลวงของข้าที่นี่ดีที่สุดแล้ว หากเจ้าไม่ได้คนที่เหมาะสมจากที่นี่ เจ้าไปหาที่ไหนก็ไม่มีแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มปากยกยิ้ม พูดเสียงอ่อน “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าซื้อคน ไม่ค่อยรู้เรื่อง เห็นคนไหนถูกชะตาก็ซื้อคนนั้น”
ยายหวังได้ยินว่านางไม่เคยซื้อคนมาก่อน นึกว่าจะหลอกได้ง่าย ลอบยินดี ชี้ทาสหลวงเต็มลานบ้านพูดว่า “เร็วๆๆ แม่นางดูให้ดีก่อน พอใจคนไหน ข้าจะให้ราคาต่ำสุดกับเจ้า”