ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 156.3
พอกินอิ่ม เมิ่งเชี่ยนโยวถึงพูดกับเปาอีฝาน “คุณชายเปา ข้ายังมีเรื่องอยากรบกวนท่าน”
เปาอีฝานพูด “แม่นางเมิ่งไม่ต้องเกรงใจ มีเรื่องอะไรก็พูดมาได้เลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ท่านช่วยหารถม้าให้ข้าสักคันได้หรือไม่ คนในครอบครัวข้าเยอะ รถม้าคันเดียวน้อยเกินไป”
เปาอีฝานตอบ “ข้านึกว่าเรื่องใหญ่อะไร ที่แท้ก็ซื้อรถม้าสักคัน เรื่องนี้ไม่ยาก ประเดี๋ยวพวกเราไปเลือกม้าดี พร้อมด้วยตัวรถ แล้วส่งไปให้เจ้าที่โรงเตี๊ยม”
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณ ถามขึ้น “ต้องใช้เงินประมาณเท่าใด ข้ามอบให้ท่าน”
เปาอีฝานกำลังจะพูด ซุนฮุ่ยก็แย่งพูดก่อน “ให้เงินอะไรกัน ถือว่าพี่สาวคนนี้ให้รถม้าเป็นของขวัญเจ้าแล้วกัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวปฏิเสธอุตลุด “ได้ที่ไหนกัน?”
“มีอะไรไม่ได้ ถ้าเจ้ารู้สึกรับไม่ได้จริงๆ เอาไว้พอข้าไปบ้านเจ้า ก็ทำของอร่อยให้ข้ากินเยอะอีกหน่อย” ซุนฮุ่ยพูด
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบ “เรื่องนี้ยิ่งไม่มีปัญหาเลย ไม่ว่าพี่ซุนมาอยู่บ้านพวกเรานานแค่ไหน ข้ารับประกันจะไม่ทำให้ซ้ำกันเลย”
ซุนฮุ่ยได้ฟังดีใจยกใหญ่ “เช่นนั้นก็ว่าตามนี้ อีกสักระยะหนึ่งข้าจะต้องไปขอนอนบ้านพวกเจ้าสักหลายวันหน่อย”
คนทั้งหมดพูดคุยสัพเพเหระอีกครู่หนึ่ง
เมิ่งเชี่ยนโยวก็พูดขึ้น “ข้ายังมีธุระ ต้องไปแล้ว”
ซุนฮุ่ยยังอาวรณ์
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “รอให้อาการของคุณชายจูหายดี พวกท่านไปพักที่บ้านข้าหลายๆ วัน ข้ายังคิดจะทำพระกระโดดกำแพงให้พวกท่านกินด้วย”
บอกลาคนทั้งหมดแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งรถม้ากลับมาโรงเตี๊ยม พ้นประตูเข้ามาก็ถามเสี่ยวเอ้อทันที “มีคนที่มีลักษณะเหมือนบัณฑิตมาหาพวกเราหรือไม่?”
เสี่ยวเอ้อส่ายหน้า “ข้าเฝ้าอยู่ที่นี่ตลอด ไม่มีเลยขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวชักสีหน้าเข้ม หันไปพูดกับเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ พวกเราไปโรงเรียนประจำอำเภอ”
เมิ่งเสียนเห็นสีหน้านางไม่ดี ยับยั้งนาง “น้องสาว ไม่แน่ว่าท่านพี่ใหญ่มีเรื่องอะไรทำให้มาช้า พวกเรารออีกหน่อยเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ไม่ต้องรอแล้ว พี่ใหญ่ไม่มีทางมาเอง พวกเราไปรับเขาเองเถอะ”
เมิ่งเสียนเห็นนางมีท่าทีแน่วแน่ ไม่มีทางเลือก จำต้องสอบถามเส้นทางไปโรงเรียนประจำอำเภอกับเสี่ยวเอ้อ แล้วบังคับรถม้ามาถึงหน้าประตูโรงเรียน
บรรดานักเรียนกำลังเรียนหนังสือ ประตูโรงเรียนปิดสนิท
เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า เดินตรงมาที่หน้าประตูใหญ่ ใช้มือทุบตีประตูใหญ่ของโรงเรียนเบาๆ
อาจารย์เวรด้านในขานรับ เปิดประตูออก เห็นสาวน้อยคนหนึ่งยืนอยู่ด้านนอก ถามอย่างประหลาดใจ “แม่นางน้อย มีเรื่องอันใด?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับอาจารย์อย่างมีมารยาท “ข้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของเมิ่งเหริน เกิดเรื่องกับครอบครัวพวกเรา ข้าตั้งใจมารับพี่ชายกลับบ้าน ท่านช่วยไปเรียกเขามาให้พวกเราได้หรือไม่”
อาจารย์มองประเมินนาง แล้วพูด “พวกเจ้ารอสักครู่ ประเดี๋ยวก็ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว ถึงตอนนั้นข้าจะไปเรียกเขามาให้”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างร้อนใจ “รบกวนท่านไปตามเขามาตอนนี้เลยได้หรือไม่? บ้านพวกเราอยู่ค่อนข้างไกล ข้ากลัวจะกลับไปไม่ทันก่อนฟ้ามืด”
อาจารย์เห็นนางดูรีบร้อนเร่งเร้า คิดเองว่าจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในครอบครัว ลนลานพูด “ได้ เจ้ารอประเดี๋ยว ข้าจะไปเรียกเขามาให้เดี๋ยวนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณ
อาจารย์ปิดประตูใหญ่เดินเข้าไปด้านใน ไม่นานเท่าไหร่ ประตูใหญ่ก็เปิดออกอีกครั้ง เมิ่งเหรินถูกอาจารย์เรียกตัวออกมา
เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียน เมิ่งเหรินหน้าซีดขาวฉับพลัน ถามเสียงต่ำ “น้องโยวเอ๋อร์ ไยต้องบีบคั้นกันเช่นนี้?”
เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน พูดกับเขาเสียงดังลั่น “พี่ใหญ่ ที่บ้านเกิดเรื่อง ท่านปู่ให้ข้ามารับท่าน ท่านกลับไปเก็บข้าวของ แล้วตามพวกเรากลับบ้านเถอะ”
เมิ่งเหรินเห็นนางพูดเหลวไหลด้วยท่าทีขึงขัง โมโหเดือดดาล กัดฟันกรอดๆ พูด “ที่บ้านจะเกิดเรื่องใหญ่อะไรได้ ถึงต้องให้ข้ากลับไปให้ได้?”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเขาไม่สำนึกผิด ต่อต้านถึงที่สุด ชักสีหน้าเคร่งขรึม กดเสียงต่ำพูด “ข้าทำบันไดให้ท่านไม่ลง อยากให้ข้าใช้วิธีไม่ธรรมดาใช่หรือไม่?”
เมิ่งเหรินหน้าขาวซีดโดยสิ้นเชิง ยืนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น
อาจารย์เวรมองมาอย่างประหลาดใจ เมิ่งเชี่ยนโยวรีบพูดแก้เก้อ “พี่ใหญ่ข้าตกใจตะลึงค้างกับข่าวของครอบครัว ยังตกอยู่ในภวังค์”
อาจารย์มองเมิ่งเหริน เห็นเขาใบหน้าซีดขาว รีบร้อนพูด “นักเรียนผู้นี้ ในเมื่อครอบครัวเจ้าเกิดเรื่องใหญ่ จงรีบกลับไปขอลากับอาจารย์ประจำชั้น แล้วรีบกลับบ้านไปเถอะ ช้ากว่านี้จะไม่ทันการ”
เมิ่งเหรินตกใจตื่นด้วยคำพูดของอาจารย์ เงยหน้าขึ้น มองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างแค้นเคือง
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างมีนัยแฝง “ท่านพี่ใหญ่ ท่านอย่าใจร้อน เรื่องนี้ข้าจะกลับไปปรึกษาท่านปู่และลุงใหญ่ก่อน หากพวกเขาเห็นพ้อง ข้าจะพาท่านกลับมาส่ง”
พอได้ยินนางพูดว่าจะกลับไปปรึกษากับคนในครอบครัว เมิ่งเหรินก็โล่งใจ ท่านปู่วาดหวังต่ออนาคตของตนเองสูงมาก ทุ่มเทแรงกำลังหลายปีไว้ที่ตัวเขา จะต้องไม่เห็นด้วยให้ตัวเองไม่ได้เข้าสอบขุนนาง คิดถึงตรงนี้ สีหน้าก็ผ่อนคลายลง หันไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “เจ้ารอประเดี๋ยว ข้าจะไปทำเรื่องลากับอาจารย์ประจำชั้น”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ฉุดรั้ง
ไม่นานเมิ่งเหรินก็ลาเรียนเสร็จเดินออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเขาไม่นำสิ่งของใดติดตัวออกมา มุ่นหัวคิ้วถาม “ท่านพี่ใหญ่ไม่นำสิ่งของติดตัวกลับไปหรือ?”
เมิ่งเหรินตอบ “ไม่ต้องยุ่งยากแล้ว ข้าขอลาอาจารย์ประจำชั้นไว้เพียงสามวัน สามวันให้หลังข้าก็กลับมาแล้ว”
พูดจบเดินอาดๆ มาข้างรถม้า
เมิ่งเสียนเห็นเขาเดินมา สะท้อนแววตา ร้องเรียกอย่างละอายใจ “พี่เมิ่งเหริน”
เมิ่งเหรินไม่รับคำ ขึ้นนั่งบนรถม้า
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามา พูดอย่างไม่ยำเกรง “อี้เซวียนน่าจะสอบเสร็จแล้ว พวกเรายังต้องไปรับเขา ท่านพี่ใหญ่เดินกลับไปโรงเตี๊ยมรอพวกเราเองเถอะ”
เมิ่งเหรินโมโห “อย่างไรพวกเราก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เจ้าอย่าทำให้มากเกินไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวย้อนถาม “ข้าทำมากเกินไปอย่างไร เพราะพวกเราเป็นลูกพี่น้องลูกน้องกัน ถึงไม่ควรมีเพียงท่านข้าสองคนนั่งอยู่ในรถม้า”
เมิ่งเหรินโต้เถียงไม่ออก โมโหลุกขึ้น สะบัดชายแขนเสื้อจากไป
เมิ่งเสียนพูดอย่างเป็นกังวล “น้องสาว เจ้าปฏิบัติต่อพี่ใหญ่เช่นนี้ เขาจะผูกใจเจ็บกับเจ้าได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างไม่แยแส “นี่ยังน้อยไป ภายหน้าเขาจะต้องแค้นข้ายิ่งกว่านี้”
เมิ่งเสียนนิ่งงัน ครู่หนึ่งถึงพูดขึ้น “เจ้าจะทำไปไย พี่ใหญ่กระทำผิด สมควรให้ลุงใหญ่และท่านปู่ลงโทษ”
เมิ่งเชี่ยนโยวถอนใจ “พี่ใหญ่ ท่านไม่รู้อะไร ด้วยนิสัยของพี่ใหญ่ หากเขาสอบขุนนางได้จริงๆ ภายหน้าจะต้องนำพาภัยพิบัติมาสู่พวกเราทั้งครอบครัว สู้ดับฝันเขาเสียแต่ตอนนี้ ให้พวกเราทั้งหมดได้อยู่เย็นเป็นสุข”
เมิ่งเสียนยังคงไม่เข้าใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่อธิบายกับเขาเพิ่ม เปลี่ยนหัวข้อพูด “พี่ใหญ่ ใกล้เวลาแล้ว พวกเราไปสนามสอบรออี้เซวียนเถอะ”
เมิ่งเสียนจำต้องยุติการสนทนา บังคับรถม้ามาถึงด้านนอกสนามสอบระดับอำเภอ
ด้านนอกสนามสอบมีคนยืนออจำนวนมาก จับกลุ่มถกเถียงเรื่องบางอย่าง
เมิ่งเสียนหาที่โล่งกว้างจอดรถม้า นั่งบนรถม้ารอเวลาพร้อมเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างสงบ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เสียงกระดิ่งบอกหมดเวลาสอบถึงดังขึ้น เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า เดินตามกลุ่มคนมายืนรอหน้าประตูโรงเรียน
บรรดานักเรียนถือสิ่งของของตัวเอง ทยอยเดินออกมา
ร่างเล็กจ้อยของเมิ่งอี้เซวียนคั่นกลางระหว่างบรรดานักเรียน เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวกำลังรอตนเองอยู่ด้านนอกประตู รีบสาวเท้าเดินออกมาอย่างดีใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวรับกระเป๋านักเรียนจากตัวเขามาถือ ไม่ได้ถามเขาเรื่องการสอบ พูดขึ้นตามตรง “พี่ใหญ่รออยู่ทางนั้น พวกเรากลับโรงเตี๊ยมเถอะ”
เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า เดินมาข้างรถม้าพร้อมนาง
เมิ่งเสียนเห็นพวกเขาเดินมา กำลังจะอ้าปากถามเขาว่าสอบเป็นอย่างไร? เมิ่งเชี่ยนโยวแอบโบกมือให้เขา เมิ่งเสียนเข้าใจทันที ยิ้มพูด “อี้เซวียนเหนื่อยแย่แล้ว รีบขึ้นรถ พวกเรากลับไปพักผ่อนที่โรงเตี๊ยม”
ต้องสอบต่อเนื่องหลายวิชา เมิ่งอี้เซวียนรู้สึกเหนื่อยล้าไม่น้อย ได้ฟังก็พยักหน้า ขึ้นรถม้าไปแต่โดยดี
เมิ่งเสียนค่อยๆ บังคับรถม้ามุ่งหน้าไปโรงเตี๊ยม เมิ่งอี้เซวียนเล่าเรื่องการสอบว่าเป็นอย่างไรให้นางฟังอย่างตื่นเต้น
เมิ่งเชี่ยนโยวอมยิ้มนั่งฟังไปตลอดทาง
มาถึงโรงเตี๊ยม เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งอี้เซวียนเพิ่งจะลงจากรถม้า เสี่ยวเอ้อรีบวิ่งเข้ามารับหน้า ชี้คนรับใช้ที่จูงรถม้าอยู่อีกด้านพูดว่า “แม่นาง คนรับใช้คนนั้นบอกว่ามาหาท่าน มารอท่านนานแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปตรงหน้าคนรับใช้ ถามขึ้น “เจ้ามาหาข้า?”
คนรับใช้ถามอย่างนอบน้อม “ท่านคือแม่นางเมิ่ง?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
คนรับใช้พูด “นี่เป็นรถม้าที่คุณชายของพวกเราให้นำมาส่งให้แม่นาง กำชับข้าจะต้องส่งมอบให้แม่นางต่อหน้า ดูว่าท่านมีตรงไหนไม่พอใจ หากว่ามี คุณชายจะเปลี่ยนให้ท่านทันที”
เมิ่งเชี่ยนโยวพินิจดูม้า พบว่าดีกว่าตัวที่ได้ไปครั้งก่อน พยักหน้าพอใจ “กลับไปบอกคุณชายพวกเจ้า ข้าพอใจมาก ภายหน้ามีโอกาสข้าจะต้องขอบคุณเขาอย่างดี”
คนรับใช้รับคำ มอบบังเ**ยนในมือให้เมิ่งเชี่ยนโยวอย่างนอบน้อม ซอยเท้าเดินจากไป
เมิ่งอี้เซวียนเห็นว่าซื้อรถม้าอีกครั้งแล้ว เข้ามาด้วยใบหน้าปิติ ลูบคลำตัวม้า
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มถามเขา “ชอบหรือไม่?”
เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ชอบก็ดี ต่อไปจะใช้ม้าตัวนี้รับส่งเจ้าไปโรงเรียน”
เมิ่งอี้เซวียนยิ่งดีใจกว่าเดิม
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้นอีก “ข้ายังหาคนสองคนไว้ ต่อไปจะมีหน้าที่รับส่งเจ้าและเหลียงไฉไปโรงเรียนโดยเฉพาะ ตอนนี้พวกเขากำลังพักผ่อน ตอนค่ำเจ้าก็จะได้พบพวกเขาแล้ว”
เมิ่งอี้เซวียนรอยยิ้มแข็งค้าง พูดอย่างไม่ยินดี “ต่อไปเจ้าก็จะไม่สนใจข้าแล้วหรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ไม่หรอก หากข้ามีเวลาว่างก็ยังจะไปรับเจ้า”
ได้ยินนางพูดเช่นนี้ เมิ่งอี้เซวียนดีอกดีใจอีกครั้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวมอบบังเ**ยนให้เสี่ยวเอ้อที่ยังตะลึงค้าง กำชับเขาให้จูงรถม้าทั้งสองคันไปดูแลหลังร้านให้ดี ถึงกลับเข้าห้องพักชั้นบนไปพร้อมเมิ่งเสียนและเมิ่งอี้เซวียน พูดกับเมิ่งอี้เซวียนที่อ่อนล้า “เหนื่อยแย่แล้วสิ เจ้าพักสักหน่อยเถอะ ถึงเวลาอาหารค่ำข้าค่อยเรียกเจ้าขึ้นมากินข้าว”
เมิ่งอี้เซวียนเหน็ดเหนื่อยแทบทนไม่ไหวนานแล้ว ได้ยินนางพูดเช่นนี้ ขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างเชื่อฟัง ไม่นานก็หลับสนิทไป
เมิ่งเชี่ยนโยวห่มผ้าให้เขา พูดกับเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ ท่านเองก็พักหน่อยเถอะ ตอนค่ำเราจะไปกินข้าวภัตตาคารที่พี่รองทำงาน จะได้ไปหาเขาด้วย”
เมิ่งเสียนพูดขึ้น “แต่พวกเราไม่รู้ว่าพี่รองอยู่ที่ไหน?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “พวกเราถามพี่ใหญ่ได้”
พูดถึงตรงนี้ เมิ่งเสียนถึงนึกขึ้นได้ว่าเมิ่งเหรินยังมาไม่ถึง ถามอย่างเป็นห่วง “น้องสาว นานขนาดนี้แล้วพี่ใหญ่ยังมาไม่ถึง คงไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นนะ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “พี่ใหญ่อยู่โรงเรียนประจำอำเภอมาหลายปี คุ้นเคยกับตัวอำเภอเป็นอย่างดี ท่านไม่ต้องเป็นห่วงเขา”
เมิ่งเสียนได้ยินก็วางใจลง
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ท่านกับอี้เซวียนพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะไปดูพวกคนที่ซื้อมาวันนี้ว่าตื่นหรือยัง”
เมิ่งเสียนพยักหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวค่อยๆ งับประตูห้องให้พวกเขา เดินลงมาชั้นล่าง ชักสีหน้าเข้มนั่งรออยู่กลางห้องโถง ดูว่าเมิ่งเหรินจะมาถึงตอนไหน
เสี่ยวเอ้อเห็นนางทำหน้าถมึงทึง ตกใจเข้าไปหลบอยู่หลังโต๊ะคิดเงิน แม้แต่เสียงร้องเรียกจากแขกคนอื่นยังไม่กล้าขานรับเสียงดัง
กระทั่งฟ้ามืดลง เมิ่งเหรินถึงเดินเอื่อยเฉื่อยเข้ามาโรงเตี๊ยม
เห็นท่าทีเบาสบายของเขา เมิ่งเชี่ยนโยวพูดถากถาง “ใช้เวลานานขนาดนี้พี่ใหญ่ถึงมาถึง ท่านคลานมาหรืออย่างไร?”