ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 157.2
คนทั้งหมดเพิ่งจะเดินมาถึงปากบันไดชั้นสอง เสียงว่ากล่าวของหลงจู๊ก็ดังลอยมา “หากเสี่ยวเอ้อทุกคนเป็นเหมือนเจ้า มาขอเบิกเงินค่าแรงล่วงหน้าในคราเดียวถึงครึ่งปี ข้ายังจะเปิดภัตตาคารต่อไปได้ไหม”
น้ำเสียงขอร้องเสียงอ่อนของเมิ่งอี้ดังแว่วมา “หลงจู๊ ข้ารับประกันกับท่าน จะไม่ให้มีครั้งหน้าอีก”
หลงจู๊ยังคงดุว่า “เจ้ารับประกันกับข้าจะมีประโยชน์อะไร เจ้าลองไปสอบถามที่ภัตตาคารอื่น มีใครเป็นเหมือนเจ้าบ้าง ยังไม่ทำงานก็ขอเบิกเงินค่าแรงล่วงหน้า ยังดีที่เจ้าทำงานที่นี่มานาน ข้าถึงยอมให้เจ้า หากเป็นเสี่ยวเอ้อคนอื่น ดูสิว่าข้าจะให้เขาเบิกเงินล่วงหน้าหรือไม่”
เห็นหลงจู๊น้ำเสียงอ่อนลงแล้ว เมิ่งอี้รีบกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณหลงจู๊ ท่านวางใจเถอะ ก่อนที่จะจ่ายเงินเหล่านี้หมด ข้าจะไม่ขอลางานเลยสักวัน”
เมิ่งอี้ทำงานที่ภัตตาคารแห่งนี้มาหลายปี หลงจู๊รู้นิสัยของเขาดี ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ค่อยคลายโทสะลง พูดว่า “เจ้านี่นะ ให้ลูกพี่ลูกน้องมากินข้าวมื้อเดียวก็กินค่าแรงเจ้าไปถึงครึ่งปี”
เมิ่งอี้รีบร้อนอธิบาย “หลงจู๊ ลูกพี่ลูกน้องข้าอายุยังน้อยทั้งไม่เคยกินข้าวในภัตตาคารมาก่อน ไม่รู้ราคาอาหารว่าแพงแค่ไหน จะโทษพวกเขาไม่ได้”
หลงจู๊ได้ฟังโทสะครุกรุ่นอีกครั้ง “ไม่รู้ราคาอาหารว่าแพงแค่ไหนยังกล้ามากินในภัตตาคาร พวกเขาเป็นใครกัน โชคดีมากินที่ภัตตาคารข้า หากไปที่อื่น ไม่มีเงินจ่ายได้ถูกทุบตีตายทั้งเป็น”
เมิ่งอี้โบกมือเป็นพัลวัน พูดว่า “วันนี้พวกเขาแค่มาเยี่ยมเยียนข้า ก็เลยกินข้าวไปด้วย พวกเขารู้อะไรควรไม่ควร ไม่มีเงินไม่มีทางไปกินข้าวที่ภัตตาคารแน่นอน”
หลงจู๊เห็นเขาช่วยออกรับแทนคนทั้งหมด พูดอย่างเสียความรู้สึก “นิสัยอย่างเจ้า สักวันจะต้องเสียเปรียบ”
เมิ่งอี้ก้มหน้าไม่พูดอะไร
เมิ่งเชี่ยนโยวตะโกนเรียกเสียงลั่น “พี่เมิ่งอี้”
เมิ่งอี้ได้ยินนางตะโกนร้อง เงยหน้าขึ้น เห็นพวกเขาออกมากันหมด มองหลงจู๊ด้วยสายตาวิงวอน ถึงหันมาถามพวกเขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “พวกเจ้ากินอิ่มแล้วหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “กินอิ่มแล้ว อาหารที่ภัตตาคารนี้อร่อยทุกอย่าง พวกเราคิดจนพุงกางเลย”
หลงจู๊มองพวกเขาอย่างดูแคลนแวบหนึ่ง เจตนาพูดเสียงดัง “เมิ่งอี้ ยังไม่รีบไปทำงาน ติดเงินมากเช่นนี้ เมื่อไหร่ถึงจะชดใช้หมด”
เมิ่งอี้รีบขานรับ พูดกับคนทั้งหมดอย่างรู้สึกผิด “ข้าต้องไปทำงานแล้ว ไม่อยู่ส่งพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ากลับโรงเตี๊ยมก็ระวังด้วย”
พูดจบ กระวีกระวาดจะไปทำงาน
เมิ่งเชี่ยนโยวร้องเรียกเขา “พี่เมิ่งอี้ ท่านรอประเดี๋ยว”
เมิ่งอี้มองนางอย่างสงสัย
เมิ่งเชี่ยนโยวล้วงเงินออกมาวางบนโต๊ะคิดเงิน พูดกับหลงจู๊ “นี่เป็นเงินค่าอาหารของพวกเรา ท่านดูว่าพอหรือไม่”
หลงจู๊ตกตะลึง
เมิ่งเชี่ยนโยวถาม “พอหรือไม่”
หลงจู๊ได้สติกลับคืน ลนลานพูด “พอๆๆ”
เมิ่งอี้มองเมิ่งเชี่ยนโยวล้วงเงินมากเช่นนั้นออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ ตื่นตกใจจนพูดไม่ออก
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับหลงจู๊ “เมื่อเงินจ่ายครบแล้ว ข้าจะขอพูดแทนพี่เมิ่งอี้เรื่องหนึ่ง นับแต่นี้ไปเขาจะไม่ทำงานที่ภัตตาคารของพวกท่านอีก รบกวนท่านตัดเงินค่าแรงของเขาด้วย”
ได้ยินนางจะลาออกให้ตัวเอง เมิ่งอี้ร้องเสียงหลง “น้องโยวเอ๋อร์ทำเช่นนี้ได้อย่างไร ข้ายังต้องหาเงินค่าใช้จ่ายให้พี่ใหญ่นะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะพูด “ต่อไปพี่ใหญ่ไม่ต้องการค่าใช้จ่ายแล้ว”
เมิ่งอี้ไม่เข้าใจ มองไปที่เมิ่งเหริน
เมิ่งเหรินโมโหเดินออกไปจากประตูใหญ่ภัตตาคาร
เมิ่งอี้ยิ่งทวีความงุนงง
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับหลงจู๊ที่หน้าตาตื่นยิ่งกว่า “คำนวณค่าแรงของพี่เมิ่งอี้เสร็จหรือยัง”
หลงจู๊ตื่นจากภวังค์ พูดว่า “ภัตตาคารของเรามีกฎ หากจะลาออกต้องแจ้งข้าก่อน ไม่เช่นนั้น จะถูกริบเงินค่าแรงทั้งหมด”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “เช่นนั้นก็ไม่ต้องแล้ว”
จากนั้นหันไปพูดกับเมิ่งอี้ “ท่านไปเก็บข้าวของของตัวเองเถอะ กลับไปโรงเตี๊ยมกับพวกเราก่อน พรุ่งนี้พวกเราจะกลับบ้านไปแต่เช้า”
เมิ่งอี้ไม่รู้เลยว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าพลิกดินขึ้นในครอบครัว ย่อมไม่ยินยอม ก้มหัวคำนับให้หลงจู๊ไม่หยุด “หลงจู๊ น้องสาวข้ายังพูดอะไรเชื่อถือไม่ได้ ท่านอย่าเก็บไปใส่ใจ ข้าไม่มีทางลาออก”
หลงจู๊ไม่พูดอไร
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปส่งสายตาให้เมิ่งเสียนแวบหนึ่ง
เมิ่งเสียนเข้าใจ กระซิบบางอย่างข้างหูเมิ่งอี้
เมิ่งอี้ได้ฟังถามเขาหน้าตาตื่น “จริงหรือ”
เมิ่งเสียนพยักหน้า
เมิ่งอี้ดีอกดีใจใหญ่ “ข้าจะกลับบ้านไปกับพวกเจ้าเดี๋ยวนี้ แต่ว่า จะลาออกจากงานไม่ได้ ข้าจะอยู่บ้านสองวันแล้วกลับมา”
พูดจบหันไปพูดกับหลงจู๊ “หลงจู๊ ข้าขอลากลับบ้านสองวัน พอครบกำหนดสองวัน ข้าจะกลับมา”
เมิ่งเชี่ยนโยวจ่ายค่าอาหารหมดแล้ว บวกกับที่สองปีมานี้เมิ่งอี้ไม่เคยขอลาหยุดเลย หลงจู๊ถึงพยักหน้าอนุญาต “ก็ได้ เจ้ารีบไปรีบกลับ”
เมิ่งอี้ดีใจกล่าวขอบคุณ หันไปพูดกับคนทั้งหมด “ไปเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวถาม “ท่านไม่เก็บข้าวของหรือ”
เมิ่งอี้ไม่ทำอย่างที่นางคิด ตอบว่า “ไม่ต้องเก็บดอก อีกสองวันข้าก็กลับมาแล้ว”
คนทั้งหมดเดินออกมาจากภัตตาคาร เมิ่งเหรินเดินไปไกลแล้ว
เมิ่งอี้ถามอย่างประหลาดใจ “พี่ใหญ่เป็นอะไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งเสียนสบตากัน แล้วยิ้มพูด “พวกเราขอร้องให้เขากลับไปพร้อมพวกเรา พี่ใหญ่คงจะโมโห”
เมิ่งอี้พูดอย่างไม่เห็นด้วย “อีกครึ่งปีพี่ใหญ่ก็จะสอบซิ่วไฉแล้ว ช่วงเวลานี้ไม่ควรให้เขาเสียเวลา เมื่อข้ากลับไปพอดี มีเรื่องอะไรข้าจะทำแทนเขาเอง ให้พี่ใหญ่กลับไปโรงเรียนประจำอำเภอเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “พี่ใหญ่จะต้องกลับไป”
เมิ่งอี้ถามอย่างกังขา “เพราะอะไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “พี่ใหญ่กลับไปครั้งนี้เพื่อแต่งงาน ท่านจะทำแทนได้หรือ”
เมิ่งอี้ตกตะลึง พูดอย่างยินดี “พี่ใหญ่จะแต่งงานแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
เมิ่งอี้ยิ่งดีอกดีใจ “ถึงว่าพวกเจ้าจะให้ข้ากลับไปด้วยให้ได้ ที่แท้เพราะพี่ใหญ่จะแต่งงานแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวกับเมิ่งเสียนไม่ได้พูดอะไร
เมิ่งอี้สะกดความรู้สึกดีใจไว้ไม่อยู่ เอาแต่ซักไซ้เรื่องในครอบครัว จนมาถึงโรงเตี๊ยม ถึงหยุดพูด ถามพวกเขาอย่างตื่นตะลึง “พวกเจ้าพักที่นี่”
เมิ่งเสียนพยักหน้า
เมิ่งอี้อยู่ในตัวอำเภอมาหลายปี ย่อมรู้ว่าโรงเตี๊ยมเยว่ไหลเป็นโรงเตี๊ยมหรูระดับอำเภอ คนที่มาพักที่นี่ล้วนเป็นคนมีเงิน เห็นพวกเขาก็อาศัยอยู่ที่นี่ พลันตกใจไม่น้อย ถามอย่างเลือนลอย “พวกเจ้าไปเอาเงินจากไหนมาพักโรงเตี๊ยมดีเช่นนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะพูด “พี่เมิ่งอี้วางใจ ล้วนเป็นเงินที่พวกเราหามาได้เอง เอาไว้มีเวลาจะให้พี่ใหญ่ค่อยๆ เล่าให้ท่านฟัง ตอนนี้ท่านเข้าไปชำระล้างเนื้อตัวในห้องพี่เมิ่งเหรินก่อน ข้าจะให้หลงจู๊ทำอาหารชั้นดีไปให้”
เมิ่งอี้โบกมือ “อาหารชั้นดีต้องใช้เงินมาก ทำอะไรง่ายๆ มาก็พอแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะไม่ได้พูดอะไร
เมิ่งอี้ตามเมิ่งเสียนเข้าไปล้างเนื้อล้างตัวในห้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับหลงจู๊ให้เตรียมอาหารชั้นดีสองสามอย่างให้เมิ่งอี้
พอเมิ่งอี้ออกมาเห็นอาหารทั้งหมดแม้จะปวดใจ แต่อาหารก็ทำเสร็จแล้ว สวาปามกินจนหมดไม่เหลือ
หลังจากกินเสร็จ พูดคุยอีกครู่หนึ่ง จึงแยกย้ายกลับไปพักผ่อนที่ห้องตัวเอง
เช้าวันรุ่งขึ้น จัดเตรียมให้ทุกคนกินอาหารเช้าเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวชำระเงินค่าห้องพักทั้งหมด เสี่ยวเอ้อนำรถม้าสองคันออกมา เมิ่งอี้ย่อมตะลึงตาค้างอีกครั้ง ตอนที่ได้ยินว่ากลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาเป็นคนที่เมิ่งเชี่ยนโยวซื้อตัวมา อากัปกิริยานั้นไม่อาจใช้คำว่าตกตะลึงมาบรรยายได้อีก เขาได้แต่อ้าปากค้าง ยืนเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นอาการเขา เจตนาถามขึ้น “พี่เมิ่งอี้ เป็นอะไรหรือ”
เมิ่งอี้ชี้สิ่งของทั้งหมด พูดอะไรไม่ออก
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะพูด “ตอนนี้บ้านพวกเราไม่เหมือนก่อนแล้ว ไว้ท่านกลับไปก็จะรู้เอง”
เมิ่งอี้พยักหน้าเซื่องๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวให้คนที่ถูกซื้อมานั่งรถม้าหนึ่งคัน คนของตัวเองนั่งรถม้าอีกคัน
ชายฉกรรจ์เดินมาข้างหน้า พูดอย่างนบนอบ “แม่นาง ให้ข้าบังคับเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวคิดได้ว่าเขาเป็นผู้คุ้มภัย ย่อมต้องบังคับรถม้าเป็น จึงมอบบังเ**ยนให้เขาอย่างวางใจ พูดว่า “เจ้าบังคับช้าหน่อย ตามหลังพี่ใหญ่ข้ามา บ้านพวกเราอยู่ไม่ไกล สองชั่วยามก็ถึงแล้ว”
ชายหนุ่มอีกคนเดินขึ้นหน้าคิดจะมารับบังเ**ยนจากมือเมิ่งเสียน เมิ่งเชี่ยนโยวบอกปัดเขา “ไม่ต้องแล้ว พวกเจ้าไม่รู้ทาง ให้พี่ใหญ่ข้าบังคับเองเถอะ”
ชายหนุ่มถอยหลัง ขึ้นไปนั่งที่คานรถด้านหน้าอีกคันกับชายฉกรรจ์
คนทั้งหมดนั่งดีแล้ว เมิ่งเสียนบังคับรถม้าค่อยๆ เดินทางกลับ ชายฉกรรจ์บังคับรถม้าเว้นระยะห่างไม่ใกล้และไม่ไกลเกินไปตามหลังไป
คนทั้งหมดออกมานานหลายวัน เมิ่งชื่อเป็นกังวลแทบทนไม่ไหวแล้ว วันนี้ตื่นมาก็ไม่มีอารมณ์เย็บกระเป๋านักเรียนแต่เช้าแล้ว ยืนหน้าประตูคอยชะเง้อชะแง้คอมอง กระทั่งใกล้เวลาเที่ยงถึงเห็นรถม้าเข้ามา เข้าไปถามอย่างดีใจ “พวกเจ้ากลับมาซักที”
เมิ่งเสียนหยุดรถม้า คนทั้งหมดลงมาจากรถ
เมิ่งเหริน เมิ่งอี้ร้องเรียกเขา “อาสะใภ้รอง”
เมิ่งชื่อเห็นพวกเขาตามกลับมาด้วย ดีใจยกใหญ่ พูดขึ้น “พวกเจ้าก็มาด้วย รีบเข้าไปนั่งในบ้านเถอะ”
เมิ่งอี้รีบร้อนตอบ “ไม่ล่ะ อาสะใภ้รอง ข้าไม่ได้กลับมานานแล้ว อยากรีบกลับไปเจอหน้าท่านปู่ท่านย่าและท่านพ่อท่านแม่”
เมิ่งชื่อรู้ว่าเขาคิดถึงบ้าน ไม่ดึงรั้งเขาไว้
เมิ่งเหรินและเมิ่งอี้กลับบ้านไปด้วยกัน
คนที่ถูกซื้อตัวมาก็ลงจากรถแล้ว ยืนกระสับกระส่ายอยู่ข้างรถม้า
เมิ่งชื่อเห็นพวกเขา ถามอย่างไม่เข้าใจ “โยวเอ๋อร์ คนพวกนี้มาทำอะไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “พวกเขาเป็นคนที่ข้าซื้อมา”
เมิ่งชื่อร้องอุทาน “คนที่เจ้าซื้อมา”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแป้นเดินเข้าไปกอดแขนเมิ่งซื่อ พูดกระเง้ากระงอด “ท่านแม่ ท่านอย่าตกใจเกินไป คนพวกนี้น่าสงสารมาก ข้าทนทำใจไม่ได้ ถึงได้ซื้อพวกเขามา ไม่เชื่อท่านถามพี่ใหญ่ได้”
เมิ่งชื่อมองไปที่เมิ่งเสียน
เมิ่งเสียนพยักหน้า
เมิ่งชื่อมองดูกลุ่มคนที่ยืนกระสับกระส่ายไม่เป็นสุข ทอดถอนใจ พูดว่า “ซื้อมาแล้วก็ช่างเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวปีติยินดี “ท่านแม่ ท่านยอมตกลงแล้ว”
เมิ่งชื่อร้องเอ็ดแล้วตีนางหนึ่งที “ไม่อย่างนั้นเล่า จะให้แม่ไล่เจ้าออกไปพร้อมพวกเขาหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวดีใจร้องพูด “ท่านแม่ ท่านช่างแสนดีเหลือเกิน!”
เมิ่งชื่อหลุดขำ
ซุนเหลียงไฉที่เล่นกับเมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงอย่างสุดเหวี่ยง เห็นพวกเขาก็วิ่งออกมา พูดอย่างเริงร่า “พวกเจ้ากลับมาแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นสภาพเขา เจตนาพูดขึ้น “ใช่สิ พวกเรากลับมาแล้ว เจ้าไปเตรียมการบ้านที่ข้าทิ้งไว้ให้พร้อม ประเดี๋ยวข้าจะไปตรวจสอบ”
ซุนเหลียงไฉนิ่งอึ้ง แล้วส่งเสียงร้องโอดโอย “ไหนเจ้าบอกจะตรวจตอนกลางคืนไง ข้ายังทำไม่เสร็จนะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวถลึงตา “ยังไม่รีบไปทำ จะไม่กินข้าวสองวันจริงๆ ใช่ไหม”
ซุนเหลียงไฉตะลีตะลานหันหลังวิ่งกลับไปทำการบ้านในห้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวปล่อยแขนเมิ่งชื่อ เก็บคืนสีหน้า พูดกับคนที่ซื้อตัวมาด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านนี้คือมารดาข้า ต่อไปพวกเจ้าเรียก “นายหญิงใหญ่”
เมิ่งชื่อหน้าแดงเรื่อฉับพลัน ไม่รู้จะวางมือวางไม้อย่างไร
เมิ่งเชี่ยนโยวชี้เมิ่งเสียนและเมิ่งอี้เซวียนพูดว่า “เขาเป็นพี่ใหญ่และน้องชายข้า พวกเจ้าเรียกนายน้อยก็พอ”
คนทั้งหมดร้องเรียกนายน้อยพร้อมกัน
เมิ่งเชี่ยนโยวถึงพูดกับทุกคนอย่างขึงขัง “ข้าเคยพูดแล้ว แม้ข้าจะซื้อพวกเจ้ามา แต่ข้าจะไม่ปฏิบัติกับพวกเจ้าเยี่ยงคนรับใช้ ขอเพียงพวกเจ้าทำตามคำสั่งของข้าให้ดีก็พอ ข้าก็จะไม่ลงโทษพวกเจ้าอย่างไร้เหตุผล”
คนทั้งหมดกล่าวขอบคุณโดยพร้อมเพรียง
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “ตอนนี้ ให้ทุกคนแนะนำตัวเอง ให้คนในครอบครัวพวกเราได้รู้จัก”
ชายฉกรรจ์พูดก่อน “ข้าชื่อเหวินเปียว” จากนั้นชี้ผู้หญิงและเด็กอีกสามคนพูดว่า “นี่เป็นลูกชายสองคนและลูกสาวข้า”
จากนั้นชี้คนในครอบครัวอีกด้านพูดว่า “นี่เป็นครอบครัวน้องชายข้าเหวินหู่” จากนั้นชี้คนสุดท้ายที่เหลือพูดว่า “นี่เป็นน้องคนเล็กข้าเหวินเป้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า หันไปพูดกับเมิ่งชื่อ “ท่านแม่ วันนี้พวกท่านอย่าเพิ่งเย็บกระเป๋านักเรียน ช่วยพวกเขาจัดเตรียมผ้าห่มที่นอน ข้าจะพาพวกเขาไปเก็บกวาดที่บ้านยายหลี่ ให้พวกเขาไปอาศัยนอนที่บ้านนาง”
เมิ่งชื่อพยักหน้า พูดกับเมิ่งอี้เซวียน “อี้เซวียน เหนื่อยแล้วสินะ รีบเข้าไปพักในบ้านก่อน แม่จะทำของอร่อยให้กิน”
เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า เดินตามเมิ่งชื่อไป
เมิ่งเชี่ยนโยวให้ชายฉกรรจ์และเมิ่งเสียนนำรถม้าไปหลังเรือน ถึงพาคนทั้งหมดมายังบ้านหลี่ต้าฉุยและภรรยา
สองสามีภรรยาหลี่หลายวันมานี้กำลังยุ่งกับการก่อเตาไฟ เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามา พูดกับนางอย่างยินดี “โยวเอ๋อร์ เจ้ามาแล้ว รีบมาดูเร็ว พวกเราก่อเตาไฟเป็นอย่างไรบ้าง”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ดีมากๆ ฝีมือท่านตาหลี่ไม่มีที่ติเลย”
ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดยกยอ หลี่ต้าฉุยดีใจหนวดกระตุก
ภรรยาหลี่ต้าฉุยก็หัวเราะตามไปด้วย
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับพวกเขา “ยายหลี่ ตาหลี่ ข้ามีเรื่องจะรบกวนพวกท่าน”
ภรรยาหลี่ต้าฉุยพูดขึ้น “รบกงรบกวนอะไรกัน มีอะไรก็พูดมาได้เลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวชี้กลุ่มคนด้านหลัง พูดว่า “พวกเขาเป็นคนที่ข้าเพิ่งซื้อตัวกลับมา ในบ้านไม่มีที่รองรับพวกเขา ข้าอยากให้พวกเขาพักอยู่ที่นี่ชั่วคราว ไม่ทราบว่าจะได้หรือไม่”
ช่วงเวลานี้สองสามีภรรยาหลี่คุ้นชินกับชีวิตที่อึกทึกผู้คนพลุกพล่านเสียแล้ว อยู่ๆ โรงงานรมควันเนื้อก็มาปิดตัวลง เงียบเหงาหดหู่ ทั้งสองคนย่ำแย่ไปหลายวัน ตอนนี้ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวบอกจะจัดคนเหล่านี้มาพักที่บ้านตัวเอง ต่างดีอกดีใจ ภรรยาหลี่ต้าฉุยพูดไม่หยุดปาก “ได้ๆๆ ข้าจะไปเก็บกวาดให้พวกเขาเดี๋ยวนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวห้ามนาง “ไม่ต้องแล้ว ให้พวกเขาเก็บกวาดกันเองก็พอ”
พูดจบชี้เรือนที่พักยกเว้นเรือนสองห้องของสองสามีภรรยาหลี่พูดว่า “ต่อไปที่นี่ก็คือที่พักของพวกเจ้า พวกเจ้าเข้าไปเก็บกวาด ดูว่าขาดเหลืออะไรจะได้ไปกลับไปเอาที่บ้านข้า”
คนทั้งหมดรับคำ เข้าไปเก็บกวาดห้องโดยไว
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับภรรยาหลี่ต้าฉุยอีกว่า “ท่านยายหลี่ ต่อไปอาหารสามมื้อของพวกเขาก็กินกับพวกท่านด้วย ท่านดูว่าต้องการอะไร ให้บอกข้าได้ทันที”
ภรรยาหลี่ต้าฉุยโบกมือ “ยังต้องการอะไรอีก เจ้าวางใจให้พวกเขาอยู่ที่นี่ก็พอ กระดูกข้ายังแข็งปั๋ง ทำอาหารวันละสามมื้อไม่มีปัญหา”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ข้าให้พวกเขามาอยู่ที่นี่จะได้ปรนนิบัติพวกท่านได้ทุกเวลา จะให้ท่านช่วยทำอาหารสามมื้อให้พวกเขาได้อย่างไร พวกเขาทำได้ ท่านมีหน้าที่กินข้าวให้ตรงเวลาก็พอ”