ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 158
ภรรยาหลี่ต้าฉุยรีบโบกไม้โบกมือ “ได้อย่างไรกัน ข้ายังแข็งแรงกำลังวังชาเต็มเปี่ยม ไหนเลยจะต้องให้คนอื่นมาปรนนิบัติ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ
เมิ่งเหรินและเมิ่งอี้เดินกลับมาบ้าน สองผู้เฒ่าเมิ่งเห็นพวกเขาดีใจเบิกบาน ดึงเมิ่งอี้มาดูซ้ำแล้วซ้ำอีก พูดอย่างปวดใจ “ไม่เจอกันปีกว่า อี้เอ๋อร์ผอมซูบไปเยอะมาก”
เมิ่งอี้กลัวนางทุกข์ใจ รีบพูดปลอบประโลม “ท่านย่า อย่าเห็นแค่ว่าข้าผอม ร่างกายข้าแข็งแรงกำยำมาก ทนทานยิ่งกว่าวัวอีก”
เดิมหญิงชราเมิ่งตกอยู่ในภาวะทุกข์ตรม ถูกเขาหยอกล้อจนหัวเราะลั่น
เมิ่งจงจวี่เห็นเมิ่งเหรินก็กลับมาด้วย ถามเขาอย่างไม่พอใจ “เจ้าเพิ่งจะกลับไปไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงกลับมาอีกแล้ว?”
เมิ่งเหรินสะท้อนแววตา พูดว่า “น้องโยวเอ๋อร์บอกว่าที่บ้านเกิดเรื่อง ให้ข้าตามกลับมาด้วย”
เมิ่งอี้ได้ยินเขาพูด ถามอย่างประหลาดใจ “น้องโยวเอ๋อร์บอกว่าท่านจะกลับมาแต่งงานมิใช่หรือ?”
เมิ่งจงจวี่ชะงักงันเล็กน้อย ถามอย่างแคลงใจ “โยวเอ๋อร์พูดเช่นนั้นกับเจ้า?”
เมิ่งอี้พยักหน้า
เมิ่งจงจวี่ใคร่ครวญ ก็คิดไม่ออกว่าเมิ่งเชี่ยนโยวมีแผนอะไรกันแน่
หญิงชราเมิ่งกลับปลาบปลื้มใจ พูดว่า “พวกเราคิดจะรอให้สร้างบ้านเสร็จก่อน ค่อยให้เขาแต่งงาน เมื่อโยวเอ๋อร์ให้เจ้ากลับมา ประเดี๋ยวข้าจะให้แม่เจ้าไปหาสะใภ้ซุน ดูว่าจะกำหนดวันแต่งงานได้วันไหน”
เมิ่งเหรินไม่พูดอะไร
เมิ่งอี้เห็นเมิ่งต้าจินและภรรยาไม่อยู่ในบ้าน ถามขึ้น “ท่านย่า ท่านพ่อท่านแม่ข้าเล่า?”
หญิงชราเมิ่งตอบกลับ “ครอบครัวกำลังจะปลูกเรือน พ่อแม่เจ้าไปวุ่นวายอยู่ที่นั่น”
เมิ่งอี้ปลาบปลื้มใจอีกครั้ง พอถามรู้ชัดว่าปลูกเรือนใหม่ที่ไหน ก็ดีใจวิ่งออกไป
เมิ่งเหรินกลับอยู่ที่บ้าน
เหวินเปียวนำคนทั้งหมดเก็บกวาดห้องเสร็จอย่างรวดเร็ว
เมิ่งเชี่ยนโยวให้เขาตามตัวเองกลับบ้านไปเอาวัตถุดิบจำนวนหนึ่ง บอกให้จากนี้ไปพวกเขาต้องทำอาหารเอง
เหวินเปียวรับคำอย่างนบนอบ
พอเมิ่งชื่อกลับเข้ามาในบ้าน ก็ให้พวกผู้หญิงวางงานในมือ ช่วยกันทำผ้าห่ม
บรรดาผู้หญิงแม้จะไม่รู้ว่าอยู่ๆ เมิ่งชื่อจะให้ทำผ้าห่มมากมายไปทำอะไร แต่ก็วางกระเป๋านักเรียนในมือลง ทำตามที่เมิ่งชื่อบอก
เมิ่งเสียนเก็บรถม้าเสร็จ ตรงไปโรงงานกุนเชียงจดบันทึกจำนวนกุนเชียงที่ผลิตได้ของหลายวันนี้ กระทั่งเมิ่งชื่อทำอาหารเสร็จออกมาร้องเรียกเขาถึงจดบันทึกเสร็จ
เมิ่งเอ้ออิ๋นกลับมากินข้าวเที่ยง เห็นพวกเขากลับมาก็ดีใจมาก ถามเมิ่งอี้เซวียนว่าสอบเป็นอย่างไรบ้าง?
เมิ่งอี้เซวียนพูดอย่างมั่นใจ “ท่านพ่อ ไม่มีปัญหา ข้าจะต้องสอบผ่าน”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาแวบหนึ่ง พูดว่า “ขี้โม้ให้น้อยๆ หน่อย รอให้ประกาศผลออกมาก่อนค่อยพูดเถอะ”
เมิ่งอี้เซวียนพูดอย่างแน่วแน่ “ข้าจะต้องสอบผ่าน”
เมิ่งเชี่ยนโยวกรอกตาขาวใส่ ไม่สนใจเขาอีก
เมิ่งอี้เซวียนเห็นนางไม่เชื่อ พูดว่า “พวกเราพนันกันก็ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเขาทำหน้าขึงขัง “พนันอะไร?”
เมิ่งอี้เซวียนพูดจริงจัง “ถ้าข้าสอบไม่ผ่าน ต่อไปเจ้าให้ข้าทำอะไรข้าก็จะทำ ถ้าข้าสอบผ่าน เจ้าต้องรับปากข้าหนึ่งเงื่อนไข”
เมิ่งเชี่ยนโยวถาม “เงื่อนไขอะไร?”
คนอื่นๆ ก็อยากรู้ว่าเขาจะเสนอเงื่อนไขอะไร ต่างมองเขาอย่างเฝ้ารอ แม้แต่สองสามีภรรยาเมิ่งก็หยุดชะงักตะเกียบในมือมองเขา
เมิ่งอี้เซวียนพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ถ้าข้าสอบระดับอำเภอผ่าน ทุกสิบวันเจ้าจะต้องจูงมือพาข้าไปส่งที่โรงเรียน”
สิ้นเสียงเขา ตะเกียบในมือเมิ่งเสียนหล่นใส่โต๊ะกินข้าว ซุนเหลียงไฉรีบยกถ้วยข้าวเดินห่างโต๊ะกินข้าวไปหลายก้าว กลัวว่าประเดี๋ยวพอเมิ่งเชี่ยนโยวบันดาลโทสะ คว่ำโต๊ะกินข้าว ตัวเองจะไม่มีข้าวกิน สองสามีภรรยาเมิ่งอ้าปากค้างมองเขาอย่างไม่เชื่อ ส่วนเมิ่งเจี๋ยปิดตาตัวเองแน่นนานแล้ว กลัวจะเห็นภาพเมิ่งอี้เซวียนถูกซ้อม
ไม่คิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวกลับพูดอย่างไม่แยแส “ไม่มีปัญหา ถ้าเจ้าสอบผ่านระดับจังหวัด ข้าไปส่งเจ้าทุกห้าวันก็ยังได้”
เมิ่งอี้เซวียนพูดเงื่อนไขนี้ออกไปเสร็จ ก็หลับตาปี๋อย่างหวาดกลัว ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ เบิกตาโพลงฉับพลัน ถามอย่างยินดี “เจ้ารับปากแล้ว?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “รับปากแล้ว”
ซุนเหลียงไฉยกถ้วยข้าวกลับมา ถามเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างไม่เชื่อ “เจ้ารู้ไหมว่าเขาพูดอะไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “รู้สิ ก็แค่จูงมือพาเขาไปส่งที่โรงเรียน”
ซุนเหลียงไฉถลึงตาโตถาม “เจ้าไม่กลัวคนในหมู่บ้านซุบซิบนินทาเรอะ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาเหมือนมองคนปัญญาอ่อน “เขายังเป็นเด็ก ข้าจูงมือพาเขาไปส่งโรงเรียน คนในหมู่บ้านจะนินทาอะไรได้?”
ซุนเหลียงไฉสะอึกกึก
รอยยิ้มบนใบหน้าเมิ่งอี้เซวียนชืดจางลง
สองสามีภรรยาเมิ่งเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวไม่บันดาลโทสะ ถอนใจโล่งอก ไม่คาดคิดเลยว่า เมิ่งอี้เซวียนจะยื่นข้อเสนอพิลึกพิลั่นเช่นนี้
เมิ่งเสียนแอบเก็บตะเกียบขึ้นมาเงียบๆ คีบอาหารใส่ถ้วยข้าวตัวเอง
เมิ่งเชี่ยนโยวมองปฏิกิริยาแตกต่างกันของทุกคน ถามอย่างไม่เข้าใจ “พวกท่านเป็นอะไรไป?”
คนทั้งหมดไม่ตอบ ก้มหน้าก้มตากินอาหารในถ้วยตัวเอง
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วยู่ย่นข้องใจ ยกถ้วยข้าวขึ้นกินบ้าง
กินอาหารเที่ยงเสร็จ เมิ่งเอ้ออิ๋นไม่พักผ่อนจะออกไปทำงานที่ที่ดินต่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวถามเขา “ท่านพ่อ พี่เมิ่งเหรินและพี่เมิ่งอี้กลับมาแล้ว ท่านเห็นพวกเขาหรือไม่?”
เมิ่งเอ้ออิ๋นพยักหน้า “พ่อเห็นอี้เอ๋อร์แล้ว ผอมซูบไปมาก เหรินเอ๋อร์ยังไม่เห็น”
เมิ่งเชี่ยนโยวถามต่อ “ลุงใหญ่และป้าใหญ่ไม่ได้ว่าพวกเขากลับมาทำอะไรหรือ?”
เมิ่งเอ้ออิ๋นตอบอย่างสุขใจ “ถามแล้ว อี้เอ๋อร์บอกว่าเจ้าให้พวกเขากลับมาเพราะเหรินเอ๋อร์จะแต่งงาน”
เมิ่งเชี่ยนโยวมุ่นหัวคิ้วพลัน
เมิ่งเอ้ออิ๋นไม่ได้สนใจ ผลุนผลันเดินจากไป
เมิ่งเสียนถามนางอย่างเป็นห่วง “น้องสาว ครานี้จะทำอย่างไรดี?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น
เมิ่งฉีเดินเข้ามา พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “น้องสาว ท่านปู่บอกว่าพรุ่งนี้เป็นวันธงชัยสำหรับเริ่มงานก่อสร้าง อาสามให้คนไปแจ้งข่าวอาโหย่วเหรินแล้ว ให้วันพรุ่งเขาพาคนทั้งหมดเข้ามา”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
เมิ่งฉีขยี้หัว “พรุ่งนี้ข้าต้องไปซื้อวัตถุดิบแล้ว ทำไมถึงรู้สึกตื่นเต้นก็ไม่รู้”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เป็นครั้งแรกที่พี่รองแบกรับความรับผิดชอบใหญ่ขนาดนี้ ย่อมต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา พอซื้อหลายๆ วัน คุ้นเคยแล้วก็จะดีเอง”
เมิ่งฉีหัวเราะแหะๆ
คนงานเข้ามาทำงาน เมิ่งเสียนไปโรงงานกุนเชียง
เมิ่งเชี่ยนโยวขบคิด แล้วมาหาเหวินเปียวที่บ้านหลี่ต้าฉุย พูดกับเขา “พรุ่งนี้เช้า เจ้าและน้องชายตามข้าไปส่งพวกน้องชายข้าไปโรงเรียน ทำความคุ้นเคยกับเส้นทางก่อน ต่อไปงานนี้ก็เป็นของพวกเจ้าแล้ว ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ห้ามให้พวกเขาเป็นอะไรเด็ดขาด”
เหวินเปียวรับประกัน “วางใจเถอะ นายหญิง ข้าจะคุ้มกันนายน้อยอย่างดีที่สุด”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอีก “พรุ่งนี้ครอบครัวข้าจะเริ่มปลูกเรือน พวกเจ้าส่งนายน้อยเสร็จให้กลับมาช่วยงาน แล้วบอกคนในครอบครัวพวกเจ้า ตอนนี้ยังไม่มีงานอื่น ให้พวกนางมาช่วยทำอาหารเที่ยง”
เหวินเปียวรับคำ “ทราบแล้ว นายหญิง เดี๋ยวข้าจะไปบอกพวกนาง”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “เจ้าตามข้าไปดูสถานที่ปลูกเรือนหลังใหม่”
เหวินเปียวเดินตามหลังนางมาถึงสถานที่ปลูกเรือนหลังใหม่อย่างนอบน้อม
เมิ่งอี้ที่กำลังช่วยทำงานเห็นพวกเขาเข้ามา ร้องทักทายนางอย่างดีใจ “น้องโยวเอ๋อร์ พวกเจ้ามาแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบ “พี่เมิ่งอี้ งานพวกนี้ให้คนอื่นทำก็พอ ท่านพักผ่อนให้เยอะๆ ดีกว่า”
เมิ่งอี้โบกมือ “ไม่ต้อง ข้าชินเสียแล้ว ไม่ทำงาน จะครั่นเนื้อครั่นตัว”
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ
ภรรยาเมิ่งต้าจินก็เดินมาตรงหน้านาง พูดหน้าบาน “โยวเอ๋อร์ เมื่อคืนป้าไปหาสะใภ้ซุน วันพรุ่งให้นางกลับไปถามบ้านฝ่ายแม่ ดูว่าครอบครัวพวกเขายินดีให้อิงจื่อแต่งงานเร็วขึ้นได้หรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ป้าใหญ่ เรื่องนี้ไม่รีบร้อน รอให้ปลูกเรือนเสร็จค่อยไปก็ยังไม่สาย”
“เจ้ารับเหรินเอ๋อร์กลับมาไม่ใช่ให้เขาแต่งงานหรอกหรือ? เหตุใดตอนนี้ถึงพูดว่าไม่รีบแล้ว?” ภรรยาเมิ่งต้าจินถามอย่างฉงนงงงวย
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่นพูด “พี่ใหญ่พูดกับพวกท่านเช่นนี้?”
ภรรยาเมิ่งต้าจินส่ายหน้า “พอเหรินเอ๋อร์กลับมา ก็เอาแต่นอนอยู่ในห้องไม่พูดอะไรทั้งนั้น เป็นอี้เอ๋อร์ที่บอกพวกเรา บอกว่าเจ้าให้เหรินเอ๋อร์กลับมาแต่งงาน”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ตอนค่ำข้าจะเข้าไปบ้านใหญ่ ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยปรึกษากันเรื่องพี่เมิ่งเหริน”
ภรรยาเมิ่งต้าจินรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ ถามขึ้น “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเหรินเอ๋อร์หรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เป็นเรื่องเล็กน้อย ทว่าแก้ไขได้ง่าย ป้าใหญ่ไม่ต้องเป็นกังวล”
ภรรยาเมิ่งต้าจินคิดจะถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวแสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากพูดต่อหน้าคนอื่น จำต้องสะกดความขุ่นข้องภายในใจ รอถามอีกครั้งตอนค่ำ
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับภรรยาเมิ่งต้าจิน “ป้าใหญ่ นี่คือเหวินเปียว ต่อไปถ้าไม่มีงานอะไรเขาจะพาคนเข้ามาทำงาน”
ภรรยาเมิ่งต้าจินนึกว่าเป็นคนในหมู่บ้านเข้ามาหางานทำ ไม่ได้สนใจอะไร เปล่งเสียงรับคำ
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปหาเมิ่งต้าจินและเมิ่งซานถงบอกพวกเขาว่าต่อไปเหวินเปียวจะพาคนเข้ามาทำงานทุกวัน ทั้งสองก็ไม่ได้สนใจอะไร