ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 162.1
เมิ่งฉีถามอย่างสงสัย “น้องสาว คนผู้นี้เป็นใคร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “คนคุ้นเคยที่เคยคิดจะวางแผนพวกเรา ถูกข้ากำราบไปครั้งหนึ่ง ดูท่าจะยังไม่รู้สำนึก วันนี้ยังคิดจะมาหาเรื่องอีก”
หวังจิ่วพูดอย่างเคืองแค้น “นังตัวดี นี่เป็นเรื่องระหว่างข้ากับเมิ่งเสียวเถี่ย ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะเยาะหยัน “เจ้าผิดแล้ว ก่อนที่หลี่ชุ่ยฮวาจะถูกหย่าร้างบุญคุณความแค้นของพวกเจ้าข้าไม่เกี่ยวข้อง แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน เพื่อจุดประสงค์ที่บอกใครไม่ได้ของเจ้า หลังจากเจ้าแย่งภรรยาเขาไปแล้วทอดทิ้งอย่างไม่ไยดี ยังมีหน้ากลับมาโยนความผิดนี้ให้อาสี่ข้า เจ้าไม่เห็นแก่ที่เขาขาพิการ บ่งการพวกนักเลงมาจัดการเขาและพี่รองข้า บีบคั้นจะเอาให้ถึงแก่ชีวิต บัญชีนี้เราต้องชำระความให้ดีเสียหน่อยแล้ว”
หวังจิ่วพูดอย่างเหิมเกริม “เดิมข้าให้พวกเขาจัดการเมิ่งเสียวเถี่ยคนเดียว เจ้าหน้าอ่อนนี่กลับเข้ามาทำข้าเสียเรื่องเอง ไม่เช่นนั้นข้าได้หักขาอีกข้างของเมิ่งเสียวเถี่ยไปแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวแค่นเสียงหึ แผดเสียงดังลั่น “เหวินหู่!”
เหวินหู่เดินมาตรงหน้านาง ถามอย่างอ่อนน้อม “แม่นาง มีสิ่งใดจะสั่งการ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งออกไปตามตรง “วันนี้จงแสดงฝีมือที่แท้จริงของเจ้าออกมาให้ข้าเห็น จำไว้ ห้ามออมมือเด็ดขาด”
เหวินหู่รับคำ แสดงท่าทีองอาจ หันไปพูดดูหมิ่นหวังจิ่ว “พวกเจ้าจะมาเข้ามาทีละคน หรือเข้ามาพร้อมกัน?”
หวังจิ่วคอยรับใช้ข้างกายเศรษฐีอู๋มานาน วางอำนาจบาตรใหญ่จนเคยตัว ไม่เคยถูกใครดูหมิ่นเช่นนี้มาก่อน เห็นเหวินหู่ไม่เห็นตัวเองอยู่ในสายตา เลือดในกายพลุ่งพล่าน พูดอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าอย่าเพิ่งเหิมเกริมไป ที่นี่คือตัวเมือง ข้าแค่โบกสะบัดมือ ก็ทำให้เจ้าตายไร้ดินกลบหน้าได้แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะเยาะ ร้องตวาด “เหวินหู่ รีบเผด็จศึกโดยไว ข้ายังมีธุระสำคัญต้องจัดการ”
หวังจิ่วได้ฟัง หันไปโบกมือให้คนที่พามาด้วย “ลุยพร้อมกัน”
พวกนักเลงหัวไม้ต่างกรูเข้ามา
หวังจิ่วกลับหลบไปอีกด้าน
ตระกูลเหวินหู่เปิดสำนักคุ้มภัยมาหลายชั่วอายุคน ได้รับการฝึกฝนด้วยศิลปะการเข่นฆ่าอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ท่าสวยแต่ใช้จริงไม่ได้ ไร้ซึ่งการอวดโอ้ใดๆ พวกโจรป่าโจรภูเขาทั่วไปไม่เคยเข้าถึงตัวเขาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกสวะจอมปลอมแอบอ้างบารมีผู้อื่น การต่อสู้กับพวกเขาเรียกได้ว่าง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แทบไม่ต้องเปลืองแรงใดๆ เลย ไม่กี่กระบวนท่า ก็ซัดคนทั้งหมดหมอบราบ นักเลงหัวไม้พวกนั้นต่างกอดตัวเองร้องโหยหวน ไม่กล้าลุกขึ้นมาอีก
หวังจิ่วเห็นภาพตรงหน้า ลอบก้าวถอยหลังหลายก้าว คิดจะหลบหนีออกไปจากกลุ่มคน
เมิ่งเชี่ยนโยวไหนเลยจะปล่อยเขาไป แผดเสียงพูด “เหวินหู่ ยังเหลืออีกคน”
เหวินหู่เดินอาดๆ มาตรงหน้าหวังจิ่ว กำหมัดขึ้น ควงต่อยเขาไม่ยั้ง
หวังจิ่วรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นกำบัง กลับได้ยินเสียง “กร๊อบ” แขนที่ยกขึ้นบังหักเป็นท่อน หมัดของเหวินหู่ละเลงใส่ใบหน้าเขาเต็มๆ
ร่างหวังจิ่วหงายเก๋งไปด้านหลัง ล้มแน่นิ่งไปกับพื้นใบหน้าปูดบวม
ผู้คนที่มาห้อมล้อมส่งเสียงร้องอุทาน ถอยหลบเป็นแนว
หวังจิ่วกอดแขนที่หักนอนเกลือกกลิ้งไปกับพื้น
พวกนักเลงได้ยินหวังจิ่วกรีดร้องโหยหวน ตื่นตกใจ รีบทยอยกันลุกขึ้นมาถามไถ่ “พี่ใหญ่ ท่านเป็นอะไร?”
หวังจิ่วเจ็บจนเหงื่อซึมไปทั้งร่าง พูดอะไรไม่ออก
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปตรงหน้าพวกเขา
พวกนักเลงนึกว่านางยังคิดจะลงมือ ต่างพูดขอชีวิต
เมิ่งเชี่ยนโยวมองหวังจิ่วที่เอาแต่นอนเกลือกกลิ้งแวบหนึ่ง พูดว่า “ครั้งนี้จะไว้ชีวิตพวกเจ้า ครั้งหน้าหากล่วงเกินคนของข้าอีก จะไม่โชคดีเหมือนครั้งนี้”
พวกนักเลงต่างแย่งกันพูด “ต่อไปไม่กล้าอีกแล้ว” ประคองหวังจิ่วที่เอาแต่ร้องโหยหวนวิ่งอย่างทุเรศทุรังออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาข้างเมิ่งฉี ถามอย่างห่วงใย “พี่รอง ท่านไม่เป็นไรนะ?”
เมิ่งฉีส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นไร อาสี่คงเจ็บหนักไม่น้อย”
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งการ “เหวินหู่ ประคองคนไปบนรถม้า พวกเราพาเขาไปโรงหมอ”
เหวินหู่รับคำ ค่อยๆ ประคองเมิ่งเสียวเถี่ยไปบนรถม้าที่เมิ่งฉีบังคับมา
เมิ่งฉีก็ตามมาขึ้นรถม้า
ผู้คนที่มามุงดูต่างแยกออกเป็นทาง เหวินหู่บังคับรถม้ามาข้างรถม้าเหวินเปียว
เมิ่งเชี่ยนโยวขึ้นรถม้า เลิกม่านบังรถออก บอกทางเหวินเปียวมาถึงร้านยาเต๋อเหริน
เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า ไม่กี่ก้าวก็เดินมาถึงข้างรถม้าอีกคัน เปิดม่านบังรถออก ให้เมิ่งฉีประคองเมิ่งเสียวเถี่ยลงมาอย่างระวัง
พนักงานร้านยาเต๋อเหรินเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวพาเมิ่งเสียวเถี่ยที่สภาพย่ำแย่เข้ามา รีบเข้ามาช่วยเมิ่งฉีประคองเมิ่งเสียวเถี่ยเข้ามาในร้านยาเต๋อเหริน วางเขาลงบนเตียงรักษาอย่างระมัดระวัง
หมอชรากำลังตรวจรักษา พนักงานคนหนึ่งวิ่งเข้ามากระซิบกระซาบ หมอชราพยักหน้า หลังจากเขียนใบสั่งยาให้ผู้ป่วย ก็รีบลุกขึ้นเดินมาทักทายเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่ง เจ้ามาแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “อาสี่ข้าได้รับบาดเจ็บ รบกวนท่านช่วยตรวจดูหน่อยเถอะ”
หมอชรารีบเดินไปข้างเตียง ดึงผ้าม่านปิด ตรวจดูอาการบาดเจ็บของเมิ่งเสียวเถี่ยอย่างละเอียด พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางไม่ต้องเป็นกังวล อาสี่เจ้ามีเพียงบาดแผลภายนอก ไม่มีอะไรร้ายแรง”
เมิ่งเชี่ยนโยวถึงวางใจพูดว่า “รบกวนท่านช่วยดูให้พี่รองข้าด้วย”
หมอชราตรวจดูเขาอย่างละเอียดแล้วพูดว่า “พี่รองเจ้าไม่เป็นอะไร พักฟื้นไม่กี่วันก็จะหายดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณ
หมอชรายิ้มพูด “เรื่องเล็กน้อย แม่นางเมิ่งอย่าได้เกรงใจ” พูดจบ เดินไปข้างโต๊ะรักษาหยิบพู่กันเขียนใบสั่งยา ให้พนักงานนำไปจัดยา
พอเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามาในร้านยาเต๋อเหริน ก็มีพนักงานไปรายงานเหวินซื่อแล้ว เหวินซื่อเดินออกมาจากหลังร้าน เปล่งเสียงถามดังลั่น “เกิดอะไรขึ้นกับบ้านพวกเจ้าอีกแล้ว?”
คนที่มารักษาโรคในร้านยาเต๋อเหรินต่างหันมองมาเป็นตาเดียว
เมิ่งเชี่ยนโยวย่นหัวคิ้ว ไม่สนใจเขา หันไปพูดกับเมิ่งฉี “พี่รอง ประคองอาสี่ พวกเรากลับ”
เมิ่งฉีพยักหน้า พยายามประคองเมิ่งเสียวเถี่ย พนักงานเห็นเข้ารีบเข้ามาช่วย
เหวินซื่อถามอย่างไม่พอใจ “ข้าล่วงเกินอะไรเจ้าเล่า? เหตุใดถึงไม่สนใจข้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับลอยๆ “กลัวจะตกใจ”
เหวินซื่อสะอึกกึก
หมอชราหลุดขำ
เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังเดินออกไป เหวินซื่อได้สติกลับมา ตามออกมาด้วย เดินไปพลางพูดขึ้น “เจ้าตัวแสบ ด้วยความห้าวหาญของเจ้า บาดแผลเล็กน้อยของข้ายังจะทำเจ้าตกใจได้? ข้าว่าเจ้าไม่อยากแยแสข้ามากกว่า?”
เมิ่งเชี่ยนโยวแสยะยิ้มหันไปตอบ “ยินดีด้วยที่เจ้าพูดถูกต้อง ข้าไม่อยากแยแสเจ้า”
เหวินซื่อสะอึกกึกอีกครั้ง
หมอชราพ่นหัวเราะ
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจเขา ยังเดินต่อไป เมิ่งฉีและพนักงานประคองเมิ่งเสียวเถี่ยเดินตามหลังมา
เหวินซื่อโมโหแล้ว “จะบอกให้นะเจ้าตัวแสบ เจ้าอย่าคิดว่าข้า” คำพูดที่เหลือพอเห็นเหวินเปียวก็กลืนกลับลงไปหมด สาวเท้าตามจนทันแล้วถามเมิ่งเชี่ยนโยวเสียงเบา “เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจ “เจ้ารู้จักพวกเขา?”
เหวินซื่อพยักหน้า “คุณชายเจ้าสำนักคุ้มภัยเวยหย่วน ยาสมุนไพรล้ำค่าของร้านพวกเรา ส่วนใหญ่เป็นพวกเขาที่คุ้มกันส่งมาให้ ทว่า ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องขึ้นกับสำนักคุ้มภัยของพวกเขา พวกเขาทั้งสกุลถูกตัดสินเป็นทาสหลวง เหตุใดถึงมาอยู่กับเจ้าได้?”
เมิ่งเชี่ยนโยวชะงักฝีเท้า พูดเสียงต่ำเล่าเรื่องที่ตนเองซื้อพวกเขามาอย่างรวบรัดให้เขาฟัง
เหวินซื่อตกตะลึง พูดหว่านล้อม “ไม่ได้เด็ดขาด เจ้ารีบส่งพวกเขาออกไปยิ่งเร็วก็ยิ่งดี เลี่ยงไม่ให้นำหายนะมาสู่ตัวเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวมุ่นหัวคิ้วถาม “พวกเขากระทำผิดอันใดกันแน่? เจ้าถึงกับต้องตะลึงพรึงเพริดเช่นนี้?”
เหวินซื่ออยากพูดแต่พูดไม่ออก กล่าวว่า “เรื่องบางอย่างข้าไม่สะดวกจะพูดให้เจ้าฟัง สรุปคือให้เจ้าเชื่อข้า พอกลับไปให้รีบขายพวกเขาทิ้งไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้าพูด “ในเมื่อข้าซื้อพวกเขามาแล้ว ก็จะไม่ขายพวกเขาไปอีก”
เหวินซื่อเริ่มร้อนรน “ข้าหวังดีต่อเจ้า คนบางคนเจ้าไม่อาจล่วงเกินได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวแสยะยิ้มพูดข่มขู่ “เรื่องที่ข้าซื้อพวกเขามีเพียงเจ้ารู้ ข้ารู้ หากมีคนที่สามล่วงรู้ นั่นก็คือเจ้าที่ป่าวประกาศออกไป คอยดูว่าถึงตอนนั้นข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร?”
เหวินซื่อไม่ยินดีแล้ว “คนไปมาที่แห่งนี้มากมาย เลี่ยงไม่ได้ที่พวกเขาจะถูกใครเห็นเข้า เจ้าจะเอาความผิดมาโยนให้ข้าได้อย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดแหย่เย้า “คนอื่นข้าไม่รู้จัก ข้ารู้จักแต่เจ้า หากเรื่องแพร่งพรายออกไป เจ้าก็คือคนทำ”
เหวินซื่อโมโหกระทืบเท้า
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะร่วน
ตอนที่เหวินซื่อออกมาเหวินเปียวก็จำเขาได้ทันที เห็นเขาพูดเสียงต่ำกับเมิ่งเชี่ยนโยว คาดเดาว่าเขาจะต้องพูดเรื่องของตัวเองออกมา ให้รู้สึกหนักอึ้งในใจ
เมิ่งฉีและพนักงานประคองเมิ่งเสียวเถี่ยขึ้นนั่งบนรถม้าเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวก็เตรียมจะขึ้นรถม้า พนักงานคนหนึ่งยกห่อยาในมือวิ่งกระวีกระวาดออกมา ร้องโวยวาย “แม่นาง ท่านยังไม่ได้รับยาไป!”
เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดชะงักฝีเท้า พนักงานส่งยาให้กับมือนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบใจ
พนักงานรีบร้อนโบกมือพูดว่าไม่ต้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเหวินซื่อแวบหนึ่ง พูดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “ยาของข้าใกล้จะได้ส่วนผสมครบแล้ว ถึงตอนนั้นใบหน้าเจ้าจะได้ฟื้นคืนกลับสู่สภาพเดิมเสียที” พูดจบเดินขึ้นรถม้า สั่งการเหวินเปียวให้บังคับรถม้ากลับบ้าน
อึดใจหนึ่งเหวินซื่อถึงได้สติกลับมาว่าเมิ่งเชี่ยนโยวพูดอะไร ดีใจเกือบจะกระโดดตัวลอย พูดพึมพำอย่างยินดี “นังตัวแสบ ไม่บอกแต่แรก ทำข้ากลัดกลุ้มใจมาหลายวัน”
เหวินเปียวบังคับรถม้ากลับเงียบๆ ตอนที่มาถึงทางแยก เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งเขา “ให้เหวินหู่พาพวกเขาสองคนกลับไป เจ้าไปหมู่บ้านหลี่กับข้า”
เหวินเปียวรับคำ ร้องบอกเหวินหู่ เหวินหู่พยักหน้า บังคับรถม้ากลับหมู่บ้านหวง