ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 162.3
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้ามาในห้องตัวเอง นำสมุนไพรที่ครั้งก่อนนำกลับมาจากร้านยาเต๋อเหรินแล้วยังไม่ได้บดละเอียด กางออกเป็นชุดๆ บดจนละเอียด คิดจะทำตามสูตรตามความทรงจำตัวเอง ผลิตเป็นตัวยารักษาแผลเป็นตัวใหม่ออกมา
เวลาครึ่งวันผ่านไปอย่างเร็ว ถึงเวลาเข้าเมืองแล้ว เหวินเปียวและเหวินหู่ตระเตรียมรถม้าเสร็จ ยืนร้องเรียกในลานบ้านอย่างสุภาพ “แม่นาง พวกเราต้องไปรับนายน้อยแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวได้สติคืนกลับมาจากการครุ่นคิด วางเนื้อครีมที่ยังทำไม่สำเร็จในมือ พูดรับคำ “พวกเจ้ารอประเดี๋ยว ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้” พูดจบ ลุกขึ้นเปิดตู้ หยิบเสื้อผ้าสะอาดออกมา เปลี่ยนชุดบนตัวที่มีแต่กลิ่นยาออก ถึงสาวเท้าเดินมานั่งบนรถม้า
ยังคงเป็นเหวินเปียวบังคับรถ มุ่งหน้าตรงเข้าเมืองอย่างมั่นคง เมิ่งเชี่ยนโยวที่นั่งบนรถม้า ครุ่นคิดครู่สั้นๆ โพล่งปากถาม “เหวินเปียว พวกเจ้ามีวรยุทธ์สูงมากใช่ไหม?”
เหวินเปียวไม่คิดว่าอยู่ๆ เมิ่งเชี่ยนโยวจะถามคำถามนี้ ตกใจเล็กน้อย ถามอย่างระวัง “แม่นางถามเรื่องนี้ไปเพื่ออะไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบเขา “ข้าเพียงแค่อยากรู้ ถามไปอย่างนั้น”
เหวินเปียวขบคิดครู่หนึ่งถึงตอบ “ข้าก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีวรยุทธ์สูงหรือไม่ แต่หลังจากที่พวกเราเป็นผู้คุ้มภัยไม่ว่าจะเจอยอดฝีมือเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่เคยเพลี่ยงพล้ำให้ มีเพียงครั้งสุดท้ายนั้น”
เมิ่งเชี่ยนโยวประหลาดใจ “ครั้งสุดท้ายเกิดอะไรขึ้น?”
เหวินเปียวนิ่งเงียบ อึดใจหนึ่งถึงพูดว่า “เพราะการคุ้มกันภัยครั้งสุดท้ายของพวกเราเกิดเรื่องถึงได้ถูกตัดสินให้เป็นทาสหลวง”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ถามต่อ กลับพูดว่า “พอดีเลย ข้าเองก็รู้วรยุทธ์ พรุ่งนี้เช้ายามอิ๋นปลายพวกเจ้าจงมาที่ลานใหญ่ พวกเรามาประลองกันสักตั้ง”
เหวินเปียวตกใจ “แม่นางก็รู้วรยุทธ์?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “รู้นิดหน่อย อยากหาคนทดสอบฝีมือด้วยมานานแล้ว ดีที่พวกเจ้าเป็นวรยุทธ์ พวกเราจะได้ทดสอบกัน ข้าจะดูว่าตัวเองอยู่ในระดับไหน”
เหวินเปียวและเหวินหู่รับคำอย่างอ่อนน้อม
รถม้ามาถึงหน้าประตูโรงเรียน ประตูโรงเรียนยังไม่เปิดออก
เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูท้องฟ้า ลงจากรถม้า เดินมารอหน้าประตูโรงเรียน
อาจารย์เวรยังคงกล่าวทักทายนางอย่างเป็นมิตร “แม่นางน้อย มารับน้องชายอีกแล้วหรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
อาจารย์กล่าวชื่นชม “ในครอบครัวใหญ่ น้อยครั้งจะเห็นพี่สาวที่รักใคร่น้องชายเช่นนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวแย้มยิ้มพูด “อาจารย์กล่าวเกินไปแล้ว พวกเราหาใช่ครอบครัวใหญ่ไม่ เป็นเพียงครอบครัวชาวนาเล็กๆ ธรรมดาๆ เท่านั้น”
อาจารย์ยิ่งทวีความชื่นชม “อายุเพียงเท่านี้ก็ถ่อมตนเช่นนี้แล้ว อนาคตจะต้องยิ่งยากจะเทียบเทียม”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะไม่ได้พูดอะไร
เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉเดินออกมาจากห้องเรียน เมิ่งอี้เซวียนเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวมายืนรอที่หน้าประตูโรงเรียนจริงๆ ยกยอรอยยิ้มพึงพอใจวิ่งตรงมาหานาง
ซุนเหลียงไฉเบ้ปาก พูดงึมงำไม่พอใจ แล้วเดินตามออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวจูงมือเมิ่งอี้เซวียน รอซุนเหลียงไฉเดินออกมาถึงเดินมาข้างรถม้าพร้อมกัน
คนโดยรอบมองพวกเขาอย่างประหลาดใจ
ทั้งสามนั่งดีแล้ว เหวินเปียวถึงบังคับรถม้าเดินทางกลับ
เมิ่งอี้เซวียนนั่งตรงข้ามเมิ่งเชี่ยนโยว ใช้ดวงตาคู่งามนั้นมองนางอย่างปิติยินดี
เมิ่งเชี่ยนโยวถูกเขามองจนหัวใจสั่น แสร้งย่นหัวคิ้ว พูดอย่างหงุดหงิด “มีอะไรก็รีบพูด”
เมิ่งอี้เซวียนเผยรอยยิ้มสุกสกาว พูดอย่างขอความดีความชอบ “วันนี้ข้าขายกระเป๋านักเรียนได้สองใบ”
ซุนเหลียงไฉส่งเสียง “เชอะ” อย่างดูแคลน “ก็แค่ขายได้สองใบเท่านั้น ข้าขายไปได้สิบกว่าใบแล้ว”
เมิ่งอี้เซวียนไม่สนใจเขา ยังคงจ้องมองเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวเผยสีหน้ายินดี ถาม “เจ้าขายออกได้อย่างไร?”
เมิ่งอี้เซวียนตอบ “วันนี้ตอบคาบว่าง ข้าได้ยินคนกลุ่มหนึ่งกำลังถกเถียงกันเรื่องกระเป๋านักเรียนของข้า ก็เลยรวบรวมความกล้าไปถามพวกเขาว่าต้องการซื้อกระเป๋านักเรียนของข้าหรือไม่ ใบละสิบตำลึง มีสองคนที่ตื่นเต้นดีใจมาก รับคำในทันที บอกให้ข้านำมาวันพรุ่ง ยังมีอีกสามคนก็เห็นชัดว่าอยากซื้อ ทว่ายังอิดออดว่าราคาแพงเกินไป บอกว่าหากราคาถูกกว่านี้หน่อยก็ดี พวกเขาจะต้องซื้อไว้คนละใบ”
เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินก็ดีใจ นางยอมรับในด้านสติปราดเปรื่องของเจ้าปีศาจตนนี้ดี แต่ในด้านการค้ายังรู้สึกมีใจพะวงอยู่ วันนี้ได้เห็นผลงานนี้ แทบอยากจะเข้าไปอุ้มเมิ่งอี้เซวียนแล้วหมุนสักสองสามรอบ ดังนั้นจึงพูดชมเชยด้วยน้ำเสียงสดใส “อี้เซวียนของพวกเราเยี่ยมมากๆ ขายกระเป๋านักเรียนก็ได้ เกินความคาดหมายของข้าจริงๆ”
ได้ฟังคำชมเชยของนาง เมิ่งอี้เซวียนใบหน้าแดงฝาดพลัน
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจ ถามเขาอย่างดีใจ “คืนนี้เจ้าอยากกินอะไร บอกข้า ข้าจะทำให้กิน”
เมิ่งอี้เซวียนกะพริบดวงตาโตคู่งาม ตอบอยากเบิกบานใจ “ข้าอยากกินมันฝรั่งแผ่นทอด”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับคำทันควัน “ไม่มีปัญหา กลับไปข้าจะทอดให้เจ้ากิน”
ซุนเหลียงไฉพูดเสียงลั่นอย่างไม่พอใจ “เขาเพิ่งจะขายกระเป๋านักเรียนได้แค่สองใบ เจ้าก็รับปากเต็มคำจะทำของอร่อยให้เขากิน ข้าขายได้สิบกว่าใบ ขอให้เจ้าทำมันฝรั่งเส้นผัดพริก เจ้ากลับบ่ายเบี่ยง”
เมิ่งเชี่ยนโยวตบศีรษะเขาดัง “เปี๊ยะ” “ใครบ่ายเบี่ยงกัน ข้าก็ทำมันฝรั่งตุ๋นเนื้อให้เจ้ากินแล้วอย่างไร?”
ซุนเหลียงไฉถูกตี แม้จะไม่กล้าร้องโวยวายอีก แต่ก็ยังพูดเสียงเบาอย่างไม่พอใจ “มันฝรั่งแผ่นทอดที่เขาพูดถึง ข้าก็อยากกินด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวตีเขาอีกครั้ง “มีครั้งไหนทำของอร่อยแล้วเจ้าไม่ได้กินบ้าง ถ้าเจ้ายังบ่นงึมงำไม่เลิก ไม่มีท่วงท่าของชายชาตรี ระวังข้าจะให้เจ้าดื่มแต่โจ๊กขาวทุกวัน”
คราวนี้ซุนเหลียงไฉตกใจหุบปากสนิท
เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งอี้เซวียนคุยเรื่องขายกระเป๋านักเรียนไปตลอดทาง เมิ่งเชี่ยนโยวยังจุดประกายให้เขารู้ว่าจะทำการตลาดต้องมีเคล็ดลับอะไรบ้าง เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้ายินดี จดจำไว้เป็นข้อๆ
ซุนเหลียงไฉนั่งฟังอีกด้านด้านรู้บ้างไม่รู้บ้าง แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม ได้แต่อัดอั้นอยู่ในใจ
คนทั้งหมดกลับมาถึงบ้าน
เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า เดินตรงไปที่บ้านเก่า หยิบมันฝรั่งจำนวนหนึ่งออกมา หลังจากปอกอย่างละเอียดแล้ว ก็หั่นเป็นแว่นบางๆ
เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงเดินมาดู เห็นมันฝรั่งแผ่นบนเขียง ดีใจร้องถาม “ท่านพี่ ท่านจะทำมันฝรั่งแผ่นทอดหรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวทำไปพลางตอบไปพลาง “ใช่ พี่จะทอดมันฝรั่งแผ่นอร่อยๆ ให้เจี๋ยเอ๋อร์กิน ประเดี๋ยวเจี๋ยเอ๋อร์ต้องช่วยพี่ทำด้วยนะ”
มันฝรั่งในบ้านน้อยลงทุกที เมิ่งเชี่ยนโยวยังต้องเก็บไว้เป็นเมล็ดพันธุ์ ดังนั้นโอกาสที่จะกินมันฝรั่งก็น้อยลงตามไปด้วย มีบางครั้งที่คนในครอบครัวต้องการ ถึงจะเอามาประกอบอาหาร มันฝรั่งแผ่นทอดยิ่งไม่ต้องพูดถึง คนในบ้านไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงอยากกินมานานแล้ว กลัวเมิ่งเชี่ยนโยวจะว่าพวกเขาไม่รู้ความ จึงไม่เคยกล้าขอ ตอนนี้ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่าจะทอดมันฝรั่งแผ่น ต่างไชโยโห่ร้องยินดี
เห็นพวกเขาร้องดีใจแบบนั้น เมิ่งเชี่ยนโยวจึงเข้าไปในบ้านหยิบมันฝรั่งออกมาอีกจำนวนหนึ่ง
เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงต่างดีใจลิงโลด กระโดดโลดเต้นโห่ร้องในลานบ้านไม่หยุด
เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉเข้ามาเพราะได้ยินเสียง เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวทำงานง่วนคนเดียว เมิ่งอี้เซวียนนั่งยองตรงหน้าเตาลงมือเผาไฟให้อย่างรู้ความ
ซุนเหลียงไฉไม่เคยกินมาก่อน ย่อมไม่รู้ว่ามันฝรั่งแผ่นทอดคืออะไร แต่เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวรับปากคำขอของเมิ่งอี้เซวียน ก็ให้งุ่นง่านใจ ถึงบอกว่าตัวเองก็อยากกินด้วย ตอนนี้เห็นเมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงดีใจกระโดดโลดเต้น เริ่มรู้สึกเฝ้ารอ มองเมิ่งเชี่ยนโยวตาปริบๆ ให้รีบทำมันฝรั่งแผ่นทอดเสร็จออกมาโดยไว ตนเองจะได้ลิ้มรสว่าเป็นอย่างไร
เพราะตัดสินใจจะทำมันฝรั่งแผ่นทอดกะทันหัน เมิ่งเชี่ยนโยวจึงไม่ได้ทำหลากหลายรสชาติ มีเพียงรสหวานและรสเค็มเท่านั้น เพียงเท่านี้ เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงก็ดีใจหน้าบานแล้ว กระทั่งมันฝรั่งแผ่นทอดชุดแรกออกจากเตา หลังจากทิ้งไว้ให้เย็นครู่หนึ่ง ยกไปวางข้างเตา เด็กคนหนึ่งอดใจรอไม่ไหวหยิบมันฝรั่งแผ่นทอดแผ่นหนึ่งเข้าปาก
เมิ่งเชี่ยนโยวจึงหยิบกะละมังใส่มันฝรั่งแผ่นทอดมองให้เมิ่งเจี๋ย พูดกำชับ “ระวังนะ อย่าให้ลวกปาก”
เมิ่งเจี๋ยยกกะละมังมาวางบนขอบโต๊ะอย่างเบิกบาน
ซุนเหลียงไฉก็เสนอหน้าเข้ามา มองดูมันฝรั่งแผ่นทอดแผ่นบางๆ ก็ให้แปลกประหลาดพรึงเพริด เลียนแบบท่าทางของเมิ่งเจี๋ย บรรจงหยิบแผ่นหนึ่งใส่ปากเคี้ยวหงุบๆ ยังไม่ทันจะกลืนก็ร้องอุทานน้ำเสียงงึมงำ “อร่อยที่สุดเลย”
เมิ่งอี้เซวียนเผาไฟอยู่หน้าเตา ใบหน้าน้อยๆ ถูกเปลวไฟเผาจนหน้าแดง หน้าผากก็มีเหงื่อผดซึมออกมา เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบมันฝรั่งแผ่นทอดแผ่นหนึ่งยื่นมาที่ปากเขา “เจ้าชอบกินที่สุด รสเค็ม”
เมิ่งอี้เซวียนแหงนหน้า มองนางอย่างดีใจระคนประหลาดใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวมุ่นหัวคิ้ว “ไม่กินหรือ? มือข้าสะอาดแล้วนะ”
เมิ่งอี้เซวียนรีบอ้าปากงับคำเล็ก กินอย่างชื่นอกชื่นใจ
“ถือไว้เอง ข้าจะทอดที่เหลือทั้งหมด” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
เมิ่งอี้เซวียนออกแรงเช็ดถูมือไปมากับเสื้อตัวเอง คิดจะรับมันฝรั่งแผ่นทอดที่เหลือมา
เมิ่งเชี่ยนโยวยกมือขึ้น “ช่างเถอะ ข้าถือให้เจ้าดีกว่า เจ้ารีบกินรีบกลืน”
มีซุนเหลียงไฉจอมตะกละอยู่ด้วย มันฝรั่งแผ่นทอดในกะละมังไม่นานก็ถูกฟาดจนเรียบ
เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงเพิ่งจะได้กินแค่ไม่กี่ชิ้น ต่างจ้องเขาเขม็งอย่างเคืองขุ่น
ซุนเหลียงไฉถูกจ้องจนรู้สึกผิด จับจมูกตัวเองอย่างเก้อเขิน หมุนตัวเดินไปข้างเตาไฟเงียบๆ