ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 162.4
ทอดมันฝรั่งแผ่นเสร็จ อาหารค่ำของเมิ่งชื่อก็ทำเสร็จพอดี เข้ามาร้องเรียกคนทั้งหมดไปกินข้าว
เมิ่งเชี่ยนโยวและคนอื่นๆ ยกมันฝรั่งแผ่นทอดเข้ามา วางลงบนโต๊ะในห้องครัว
ซุนเหลียงไฉกินแล้วติดใจ ยื่นหน้าเข้ามาคิดจะกินอีก
เมิ่งเชี่ยนโยวห้ามเขา “มันฝรั่งแผ่นทอดเป็นแค่ของกินเล่น กินข้าวก่อน คืนนี้ทำการบ้านเสร็จค่อยกินต่อ”
ซุนเหลียงไฉไม่กล้าฝ่าฝืน มองมันฝรั่งแผ่นทอดในกะละมังอย่างอาลัยอาวรณ์แวบหนึ่ง แล้วนั่งลงกินข้าวอย่างว่านอนสอนง่าย
กินอาหารค่ำเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวให้เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉไปทำการบ้าน ตนเองและเมิ่งเสียนยกมันฝรั่งแผ่นทอดสองกะละมังมาบ้านหลี่ต้าฉุย
สองผู้เฒ่าหลี่และครอบครัวเหวินเปียวก็เพิ่งจะกินอาหารค่ำเสร็จ กำลังเก็บกวาดลานบ้าน เหวินเปียวเห็นพวกเขาเข้ามาก่อน ถามอย่างสุภาพ “แม่นาง มีเรื่องอะไรจะให้พวกเราทำหรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ข้าทำขนมแปลกใหม่ชนิดหนึ่ง เอามาให้ท่านยายหลี่และท่านตาหลี่รวมถึงเด็กๆ ได้ลิ้มรสกัน”
ภรรยาหลี่ต้าฉุยปลาบปลื้ม “มีของข้าด้วยเรอะ ข้าต้องลองชิมเสียหน่อยแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยววางกะละมังในมือลงบนโต๊ะที่ยังไม่ได้เก็บขึ้น ยิ้มพูดกับสองผู้เฒ่าหลี่ “นี่คือมันฝรั่งแผ่นทอด ข้าเพิ่งจะทำเสร็จ พวกท่านลองชิมดูเถิด”
ภรรยาหลี่ต้าฉุยเห็นมันฝรั่งแผ่นทอดแผ่นบางๆ ในกะละมัง ก็ให้ประหลาดใจ หยิบขึ้นแผ่นหนึ่งอย่างระวัง วางใส่ปาก กัดหนึ่งคำ มันฝรั่งแผ่นทอดแตกเสียงก้อง เปล่งเสียงประหลาดใจ “โอ๊ะ อร่อยมากจริงๆ!”
เหวินจิ้งและเหวินจงเลียริมฝีปาก มองนางอย่างอิจฉา
เมิ่งเชี่ยนโยวรับกะละมังในมือเมิ่งเสียนมา วางไว้ตรงหน้าพวกเขา “นี่เป็นของพวกเจ้า กินเถอะ”
เด็กทั้งสองมองบิดามารดาของตัวเอง
เมื่อก่อนครอบครัวตนเองเปิดสำนักคุ้มภัย เดินทางไปทั่วทั้งเหนือใต้ออกตก ได้กินของอร่อยของสถานที่นั้นๆ มาก็ไม่น้อย แต่กลับไม่เคยเห็นมันฝรั่งแผ่นทอดแผ่นบางนี้มาก่อน ภรรยาเหวินเปียวรู้ว่านี่เป็นของดี รีบร้อนพูด “แม่นาง อาหารหายากเช่นนี้จะเอามาให้พวกเขากินได้อย่างไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “นี่เป็นขนมที่ยามว่างข้าขบคิดออกมาเอง เดิมก็ทำเพื่อให้เด็กและคนแก่ได้กินเล่น ไม่ใช่ของหายากอะไร รีบเอาให้เด็กๆ กินเถอะ”
ภรรยาเหวินเปียวยังคงลังเล
เหวินเปียวพูดข้างๆ “เมื่อแม่นางให้เด็กๆ กินก็กินเถอะ”
ภรรยาเหวินเปียวไม่ลังเลอีก วางใส่มือเหวินจิ้งและเหวินจงคนละแผ่น เด็กน้อยทั้งสองกินอย่างเบิกบาน
เมิ่งเชี่ยนโยวกวักมือเรียกเด็กที่เหลือที่มีอายุมากกว่าหน่อย “พวกเจ้าก็มากินเถอะ”
เด็กทั้งหมดโบกมืออุตลุด “ขอบคุณแม่นาง พวกเราไม่กิน”
เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งชักสีหน้า “ข้าสั่งให้พวกเจ้ากิน”
เด็กทั้งหมดเห็นนางโมโหแล้ว ลนลานยื่นมือออกไป หยิบมาคนละแผ่น แม้แต่เหวินซงที่โตที่สุดก็หยิบเข้าปากหนึ่งแผ่น
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับคืนสีหน้าเดิม พูดว่า “ทำถูกต้องแล้ว พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ต่อไปไม่ต้องเกรงใจเช่นนี้”
ภรรยาหลี่ต้าฉุยก็ผลักกะละมังตรงหน้าตัวเองออก “ใช่ๆๆ เป็นครอบครัวเดียวกัน ให้เด็กๆ ก็กินในนี้ไปด้วย”
สะใภ้เหวินทั้งสามคนต่างน้ำตาซึม พูดเสียงเครือ “ขอบคุณแม่นาง ขอบคุณฮูหยินชรา”
ภรรยาหลี่ต้าฉุยโบกมือพูดว่า “พวกเจ้าอย่าได้เรียกข้าว่าฮูหยินชราเด็ดขาด เรียกข้าว่าท่านป้าเหมือนคนอื่นๆ เถอะ”
ครั้งนี้อย่างไรเหวินเปียวก็ไม่เห็นด้วย พูดขึงขัง “เมื่อแม่นางซื้อพวกเรามา พวกเราก็คือคนรับใช้ จะเพราะว่าแม่นางดีกับพวกเรา พวกเราก็จะไม่รู้จักแยกแยะไม่ได้ กฎระเบียบที่ต้องเคารพพวกเราก็ยังต้องเคารพ”
เหวินหู่และเหวินเป้าก็เปล่งเสียงเห็นพ้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่มีปัญหาเรื่องคำเรียก เห็นพวกเขายืนหยัด ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร เพียงกำชับเหวินเป้า “อาสี่ข้าบาดเจ็บ พรุ่งนี้เจ้าเข้าเมืองไปซื้อผักกับพี่รองข้า จำไว้ หากเจอใครมาหาเรื่องอีก เจ้าไม่ต้องเกรงใจ สู้จนพวกนั้นล่าถอยไปก็พอ เกิดเรื่องอะไรขึ้นข้ารับผิดชอบเอง”
เหวินเป้าขานรับเสียงใส “ทราบแล้ว แม่นาง”
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เหวินเปียวและเหวินหู่มายืนรอหน้าประตูใหญ่ตรงตามเวลา เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดประตูให้พวกเขา ให้พวกเขาตามตัวเองมาที่ลานใหญ่เงียบๆ
เมิ่งเสียนเห็นพวกเขาเข้ามา มองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างไม่เข้าใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวอธิบาย “ข้าเป็นคนให้พวกเขามาเอง ข้าอยากจะประลองวรยุทธ์กับพวกเขาหน่อย”
เมิ่งเสียนและคนอื่นพยักหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวให้เหวินเปียวเหวินปู่ยืดเส้นยืดสาย ตนเองก็นำคนที่เหลือยืดเหยียดร่างกาย
เมื่อเสร็จสิ้น เมิ่งเสียนเมิ่งฉีและเมิ่งอี้เซวียนไม่ได้ผูกถุงกระสอบขึ้นไปเดินเหินบนท่อนไม้เหมือนที่เคย กลับยืนอยู่ที่เดิม รอดูว่าพวกเขาจะประลองวรยุทธ์อย่างไร
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ได้รบเร้าพวกเขา ถามเหวินเปียวและเหวินหู่ “พวกเจ้าสองคนใครมีวรยุทธ์สูงกว่ากัน?”
เหวินเปียวตอบ “โดยรวมแล้วข้าสูงกว่าเล็กน้อย”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “เช่นนั้นพวกเรามาประลองกันดูก่อน”
เหวินเปียวเริ่มลังเล “แม่นาง ข้าลงมือหนัก เกรงจะทำท่านบาดเจ็บ ให้น้องรองประลองกับท่านก่อนเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ไม่ต้อง เจ้าเข้ามาเลย”
เหวินเปียวไม่มีทางเลือก จำต้องกำหมัดพูดว่า “แม่นาง ล่วงเกินแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวก็แสดงท่าตั้งรับ “เข้ามาเลย”
เหวินเปียวออกหมัดจู่โจม
เมิ่งเชี่ยนโยวเบี่ยงตัวหลบ ออกคำสั่งเสียงเข้ม “ออกแรงกว่านี้”
เดิมเหวินเปียวกลัวจะทำนางบาดเจ็บ จึงใช้แรงเพียงสามส่วน ได้ยินนางพูดเช่นนี้ เพิ่มความแรงของน้ำหนักหมัด
เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงไม่พอใจ หยุดการเคลื่อนไหว พูดว่า “ไม่ต้องหวาดกลัวออมแรง แสดงความสามารถที่แท้จริงของเจ้าออกมา พวกเราประลองกันสักตั้ง ให้ข้ารู้ว่าวรยุทธ์ของข้าเทียบกับยอดฝีมืออย่างเจ้ายังห่างชั้นกันแค่ไหน”
เหวินเปียวได้ฟังไม่ลังเลอีก ปลดปล่อยพละกำลังทั้งหมดตรงเข้าจู่โจม
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นการออกอาวุธอย่างดุดันของเขา หมุนตัวหลบได้อย่างปราดเปรียว จากนั้นยกเท้าขึ้นถีบ
เหวินเปียวตกตะลึงเล็กน้อย เกือบจะถูกลูกถีบนี้ ร้อนรนถอยหลังไปสองก้าว ถึงหลบมาได้อย่างหวุดหวิด พูดชมเชย “แม่นาง ฝีมือคล่องแคล่วว่องไว”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดอะไร จู่โจมกลับ
เหวินเปียวไม่ขยับ รอเมิ่งเชี่ยนโยวใกล้เข้ามาถึงออกหมัดโจมตีนาง
เมิ่งเสียนนึกว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะถูกตี ร้องเสียงหลง แม้แต่เหวินหู่ก็เปล่งเสียงร้องอย่างอดไม่ไหว
ก่อนที่หมัดของเหวินเปียวจะมาถึงตัวเอง เมิ่งเชี่ยนโยวที่รูปร่างเตี้ย หงายตัวนอนไปกับพื้น ถีบใส่หัวเข่าเหวินเปียวเต็มแรง
เหวินเปียวเจ็บปวด เกือบจะคุกเข่าไปบนพื้น
เหวินหู่ร้องชม “แม่นางออกอาวุธได้งดงามนัก”
เหวินเปียวไม่คิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะหลบกำปั้นของตัวเองได้ ยังถีบใส่ขาตัวเอง พลันเก็บคืนความรู้สึกดูแคลน รวบรวมสมาธิประลองกับเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างแน่วแน่ เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่อ่อนข้อให้ ทั้งสองออกอาวุธกันไปมาหลายกระบวนท่า เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้เจอคู่ปรับฝีมือระดับนี้มานานแล้ว ยิ่งสู้ก็ยิ่งฮึกเหิม ส่วนเหวินเปียวกลับยิ่งสู้ก็ยิ่งตื่นตะลึง
เหวินหู่ก็ตกใจไม่แพ้กันตนเองและบรรดาพี่น้องฝึกวรยุทธ์ด้วยกันมาแต่เด็ก แม้จะไม่ใช่ยอดฝีมือชั้นเซียน แต่คนที่วรยุทธ์ไม่สูงน้อยคนที่จะรับมือกับพวกเขาได้เกินสิบกระบวนท่า แต่เมิ่งเชี่ยนโยวกลับออกอาวุธกันไปมากับพี่ใหญ่หลายสิบกระบวนท่าแล้ว ไม่เพียงไม่มีทีท่าจะพ่ายแพ้ กลับยิ่งสู้ก็ยิ่งคล่องมือ หากไม่เพราะพี่ใหญ่ได้เปรียบที่มีร่างกายกำยำล่ำสัน ไม่แน่ว่าจะพ่ายแพ้ให้เมิ่งเชี่ยนโยวแล้วก็ได้
พวกเมิ่งเสียนเฝ้าดูอยู่ด้านข้างเลือดในกายพลุ่งพล่าน คอยส่งเสียงให้กำลังใจเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ขาด
ผ่านไปอีกสิบกว่ากระบวนท่า เมิ่งเชี่ยนโยวเล็งเป้าหมายช่องโหว่หนึ่ง ลอยตัวมาด้านหลังเหวินเปียว ถีบใส่แผ่นหลังเขาอย่างจัง
เหวินเปียวเซถลาไปด้านหน้าสองก้าวอย่างไม่รู้ตัว หลังจากหยุดฝีเท้าได้ หันกลับไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นาง ข้าแพ้แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “เจ้าไม่ต้องถ่อมตน หากไม่เพราะเจ้าออมมือ ตอนนี้ข้าคงจะไปนอนฟุบกับพื้นลุกไม่ขึ้นไปนานแล้ว”
เหวินปียวพูดด้วยใจจริง “แม่นางพูดผิดแล้ว ข้าใช้พละกำลังทั้งหมดแล้ว จนใจที่แม่นางปราดเปรียวคล่องแคล่ว ข้าออกอาวุธไม่โดนเลย เลื่อมใสแม่นางยิ่งนัก”
เหวินหู่ก็พูดสมทบ “แม่นาง พี่ใหญ่ข้าใช้พละกำลังที่มีทั้งหมดแล้วจริงๆ แต่เพราะแม่นางฝีมือล้ำเลิศ พี่ใหญ่ข้าถึงเอาชนะไม่ได้”
เมิ่งเสียนและคนอื่นๆ เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวประลองกับเหวินเปียวหลายกระบวนท่า ก็ให้คลั่นเนื้อคลั่นตัว อยากจะประลองกับพวกเขาบ้าง มองมาที่เมิ่งเชี่ยนโยวตาปริบๆ พูดรบเร้า “น้องสาว พวกเราก็อยากประลองกับพวกเขาบ้าง”
เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับเหวินหู่ “เจ้าไปประลองกับพวกเขาทั้งสามคนหน่อยเถอะ อย่าลงมือหนักจนทำพวกเขาบาดเจ็บ”
เหวินหู่รับคำ เดินขึ้นหน้าสองสามก้าว พูดกับทั้งสามอย่างอ่อนน้อม “นายน้อยเชิญ”
เมิ่งเสียนเมิ่งฉีและเมิ่งอี้เซวียนหันหน้ามองกัน ตรงเข้าจู่โจมพร้อมกัน ไม่ถึงห้ากระบวนท่า ทั้งหมดก็ถูกเหวินหู่ซัดหมอบไปกับพื้น
คนทั้งหมดไม่ยอมแพ้ ต่างประคองกายลุกขึ้นตรงเข้าต่อสู้พร้อมกัน ครั้งนี้เร็วกว่าเดิม เพียงสามกระบวนท่า ก็ฟุบหมอบไปกับพื้น
เมิ่งเสียนลุกขึ้นคิดจะสู้ต่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวยับยั้งเขา “พี่ใหญ่ ไม่ต้องสู้แล้ว พวกท่านไม่ไหว”
เมิ่งเสียนชะงักฝีเท้า เมิ่งฉีและเมิ่งอี้เซวียนก็ลุกขึ้นยืน
ทั้งสามมองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างขุ่นมัว
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ปกติให้พวกท่านฝึกมากๆ พวกท่านไม่ฟัง ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าตัวเองอ่อนด้อยเพียงใด หากไม่เพราะเหวินหู่ออมมือให้ ไม่แน่ว่าด้วยฝีมือของเขาแค่สองกระบวนท่าพวกท่านก็ไม่รอดแล้ว”
ทั้งสามก้มหน้าละอาย
เมิ่งเชี่ยนโยวออกคำสั่ง “นับแต่วันพรุ่งนี้ไป ทุกวันตอนเช้าให้พวกท่านตื่นเช้าขึ้นอีกหนึ่งชั่วยาม มาฝึกวรยุทธ์กับเหวินหู่”
คนทั้งหมดยังไม่ทันขานรับคำ ซุนเหลียงไฉก็ร้องโอดครวญ “ยังต้องตื่นเช้ากว่านี้ ยังจะให้พวกเรามีชีวิตอยู่หรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาแวบหนึ่งพูดว่า “ไม่อยากตื่นเช้าก็ได้ ขอเพียงวันนี้เจ้าเอาชนะเหวินหู่ได้ นับแต่พรุ่งนี้ไปเจ้าอยากนอนตื่นกี่โมงก็ตื่นกี่โมง”
ซุนเหลียงไฉไม่พอใจ “เจ้ารู้แก่ใจว่าข้าไม่รู้วรยุทธ์ ยังจะให้ข้าไปสู้กับเขา เจ้าจงใจแกล้งข้าชัดๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ข้าตั้งใจแกล้งเจ้า เจ้าจะทำอะไรได้?”
ซุนเหลียงไฉสะอึกกึก
เมิ่งเจี๋ยเมิ่งชิงปิดปากแอบหัวเราะ
เมิ่งเสียนและคนที่เหลือขานรับคำอย่างสุขใจ
ยี่สิบกว่าวันต่อมา เมิ่งเสียนและคนที่เหลือทุ่มเทกำลังฝึกวรยุทธ์กับเหวินหู่อย่างเต็มที่ มีเพียงซุนเหลียงไฉที่ชอบแอบอู้ ไม่ระวังถูกเมิ่งเชี่ยนโยวจับได้ ก็ถูกนางลงโทษให้วิ่งรอบท่อนไม้ยี่สิบรอบ
ซุนเหลียงไฉเหนื่อยจนขาสั่นไปหลายวัน นับแต่นั้นมา ก็ไม่กล้าแอบอู้อีก
นอกจากการไปหมู่บ้านหลี่เป็นประจำดูการแผ้วถางภูเขาร้างเป็นอย่างไรบ้างแล้ว เวลาอื่นเมิ่งเชี่ยนโยวจะคลุกอยู่แต่ในห้องค้นคว้าตัวยาลบรอยแผลเป็น แม้แต่เรื่องสร้างบ้านก็น้อยครั้งที่จะถามถึง มีเพียงในตอนที่ทุกคนเริ่มไปไม่ถูก ถึงจะเข้าไปให้คำแนะนำ
เหมิ่งเหรินไม่ออกมาปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนเลย มีแต่เหมิ่งอี้ ที่พอเมิ่งเหรินหายดี ก็มาที่ก่อสร้างเรือนหลังใหม่ทุกวัน ทำงานที่มีความสามารถพอจะทำได้
อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นแล้ว วันที่จะปิดโรงงานกุนเชียงก็มาถึง
ช่วงเช้าของวันสุดท้าย เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งเสียนคำนวณเงินค่าแรงของคนงานเสร็จแต่เนิ่นๆ ตระเตรียมเงินครบถ้วน หลังจากปิดโรงงานตอนบ่ายจะนำมาจ่ายเป็นค่าแรงให้คนงาน
มาถึงยามบ่าย คนงานต่างทำกุนเชียงเสร็จแล้ว หลังจากนำไปผึ่งลม ก็มายืนเข้าแถวรอที่หน้าประตูใหญ่
เหวินหู่แบกโต๊ะตัวหนึ่งออกมา เหวินเปียวยก**บบรรจุเงินออกมา วางลงบนโต๊ะ
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกมา ยิ้มพูดกับทุกคน “วันนี้โรงงานของพวกเราจะปิดตัวลงแล้ว พวกเราคำนวณเงินค่าแรงของทุกคนเรียบร้อยแล้ว อีกประเดี๋ยวพอทุกคนได้รับเงิน จะได้กลับบ้านไปพักผ่อนหลายวัน”
มีคนงานพูดเสียงดัง “นายหญิง พวกเราไม่อยากพักผ่อน อยากทำแต่งาน”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เรื่องงานไม่มีปัญหา อีกไม่กี่วันก็ยังจะมีอีก พวกท่านกลับไปพักผ่อนสองสามวัน พอข้าเปิดรับสมัครจะไปเรียกพวกท่านมา”
คนงานได้ฟังก็ยินดีปรีดา ต่างทยอยถาม “นายหญิง ยังมีงานให้พวกเราทำจริงๆ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าตอบ “ย่อมมีแน่นอน ข้าเคยหลอกพวกท่านเมื่อไร งานในครั้งนี้ไม่เพียงพวกท่านทำได้ แม้แต่คนในครอบครัวพวกท่านก็ช่วยกันทำได้”
คนงานได้ยินยิ่งดีใจ ซักถามไม่หยุดว่าเป็นงานอะไร
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเพียงว่า “ถึงตอนนั้นพวกท่านก็รู้เอง” แล้วไม่อธิบายต่อ
ขอเพียงมีงานทำ ได้รับค่าตอบแทน งานอะไรพวกคนงานต่างก็ยินดีทำ เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดให้ละเอียด ก็ไม่ถามเพิ่ม เรียงลำดับกันเข้ามารับเงิน
ครั้งนี้เมิ่งเสียนเป็นคนลงบัญชี เมิ่งฉีเป็นคนจ่ายเงิน ความเร็วไม่ช้ามาก ก่อนฟ้ามืดนอกจากเงินค่าแรงของพวกอู๋ต้าห้าคนและพวกจางมู่อีกห้าคน คนที่เหลือได้รับจ่ายครบทุกคน
พวกคนงานแยกย้าย เหลือเพียงคนสิบคนที่ยืนร้อนรนกระสับกระส่าย
เมิ่งเชี่ยนโยวให้พวกอู๋ต้าทั้งห้าคนเข้ามารับเงินค่าแรง หลังรับเงินก็บอกพวกเขาว่า “ให้พวกเจ้าลาพักกลับบ้านได้สามวัน หลังจากสามวันให้กลับมาทำงานแต่เช้า ถ้ากลับมาช้า ระวังข้าจะลงโทษสถานหนัก”
พวกอู๋ต้าทั้งห้าคนแม้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาจะมีชีวิตเหนื่อยล้าแทบทุกวัน แต่จิตใจสงบสุข ทั้งไม่ต้องเป็นกังวลจะมีใครมาล้างแค้น ยิ่งไม่ต้องพะวงคนในครอบครัวจะต้องถูกใครรังแกเพราะตัวเอง กำลังเป็นกังวลว่าพอโรงงานปิด ตัวเองไม่มีงานทำ เมิ่งเชี่ยนโยวจะไล่พวกเขาไปหรือไม่ ตอนนี้ได้ยินนางพูดเช่นนี้ ต่างก็ดีใจเริงร่า พูดพร่ำไม่หยุด “ไม่มีทาง แม่นาง พวกเราจะต้องมาตรงตามเวลา”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ ทั้งห้าคนถือเงินค่าแรงเดินกอดกันไปอย่างมีความสุข
พวกจางมู่ห้าคนมองเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับคนทั้งห้า “ข้าก็ให้พวกเจ้าลาพักสามวัน กลับไปอยู่พร้อมหน้าคนในครอบครัว สำหรับเงินค่าแรงของพวกเจ้า พรุ่งนี้ข้าจะให้คนส่งไปให้พวกเจ้าแต่ละบ้าน”
พวกจางมู่ห้าคนก็ดีอกดีใจ กล่าวขอบคุณแล้วจากไป
เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับเหวินเปียวและเหวินหู่ “พรุ่งนี้พอกลับมาจากในเมือง พวกเจ้านำเงินค่าแรงของพวกเขาห้าคนส่งไปให้พวกเขาแต่ละบ้าน หากเกิดเหตุอะไรขึ้น ให้กลับมาบอกข้า”