ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 163-1 ร้องเท็จ
วันรุ่งขึ้นเหวินเปียวและเหวินหู่สองพี่น้องไปส่งเมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉเสร็จก็บังคับรถม้ามุ่งหน้าไปหมู่บ้านซุน นำเงินค่าแรงไปส่งให้บ้านจางมู่ หลิวเฉิงและจูอู่ตามลำดับ
นับตั้งแต่ที่เมิ่งเชี่ยนโยวรับปากครอบครัวเหล่านี้ ไม่เพียงจะให้พวกเขาได้กลับบ้านเดือนละหนึ่งครั้ง และจะนำเงินค่าแรงมาให้ตรงตามเวลา ครอบครัวเหล่านี้ต่างซาบซึ้งใจ ความคับข้องใจต่างๆ ไม่เหลืออีก เห็นทั้งสองคนนำเงินค่าแรงมาให้จริงๆ ก็ตื้นตันใจ แม้แต่ภรรยาของจูอู่ยังโค้งคำนับให้คนทั้งสองด้วยความซาบซึ้งใจ
เหวินเปียวเหวินหู่ต่างทอดถอนใจ เจ้านายตนเองช่างรู้จักใช้วิธีซื้อใจคน
สุดท้ายทั้งสองคนสอบถามทางไปบ้านหลี่ตุน
สิ่งที่เรียกว่าบ้านนี้ก็คือกระต๊อบมุงจากขนาดสองห้องซอมซ่อหลังหนึ่ง มีกำแพงบ้านที่ทำขึ้นจากรั้วไม่ไผ่ เหวินเปียวและเหวินหู่เติบโตในเมืองหลวง แม้จะเคยขึ้นเหลือล่องใต้ไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ แต่ก็ไม่เคยเห็นบ้านใครแร้นแค้นเช่นนี้
เหวินหู่ยืนเปล่งเสียงตะโกนอยู่นอกรั้ว “ในบ้านมีคนหรือไม่?”
หญิงมีอายุคนหนึ่งเดินตัวสั่นออกมาจากในบ้าน เห็นทั้งสองคนยืนจูงรถม้าหน้าประตูบ้านตัวเองก็ให้ประหลาดใจ ถามขึ้น “พวกเจ้ามาหาใคร?”
เหวินหู่ถามอย่างมีมารยาท “ที่นี่คือบ้านหลี่ตุนใช่หรือไม่?”
หญิงชราชักสีหน้าเข้ม “พวกเจ้ามาผิดบ้านแล้ว”
เหวินหู่ฉงน “พวกเราสอบถามมาตลอดทาง สมควรเป็นบ้านนี้ไม่ผิดแน่”
หญิงชราพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ข้าบอกว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ พวกเจ้าไปได้แล้ว” พูดจบ หันหลังกลับเข้าบ้าน
หลี่ตุนที่พอกินอาหารเช้าเสร็จก็ออกไปหาเพื่อนเกเร ในใจคิดถึงแต่เรื่องที่เมิ่งเชี่ยนโยวจะให้คนเอาเงินค่าแรงมาให้ เที่ยวเล่นไม่เท่าไหร่ก็กลับมา เจอเหวินเปียวและเหวินหู่ยืนหน้าประตูบ้านของตัวเองพอดี ลนลานเข้าไปโค้งเอวก้มหัวทักทาย “พวกท่านทั้งสองมาแล้ว”
ทั้งสองเห็นหลี่ตุนกลับมาแล้ว ก็รู้ทันทีว่านี่คือบ้านหลี่ตุน เกิดความกังขาเหตุใดหญิงชราถึงไม่ยอมรับ
เหวินหู่พูดขึ้น “แม่นางให้พวกเรานำเงินค่าแรงมาให้ รีบเรียนคนในบ้านเจ้าออกมา”
หลี่ตุนร้องตะโกนเข้าไปในบ้าน “ท่านแม่ ออกมาหน่อย นายหญิงให้คนนำเงินค่าแรงมาให้”
ในบ้านไม่มีความเคลื่อนไหว
หลี่ตุนตะโกนร้องอีกครั้ง
เสียงโรยราของหญิงชราถึงดังลอยออกมาจากในบ้าน “ข้าตัดความสัมพันธ์แม่ลูกกับเจ้าไปนานแล้ว นายหญิงพวกเจ้านำเงินค่าแรงมาให้ก็ไม่เกี่ยวกับข้า”
ได้ยินนางพูดเช่นนี้ ทั้งสองหันไปมองหลี่ตุนเป็นตาเดียว
หลี่ตุนร้อนรนกระทืบเท้า “ท่านแม่ นายหญิงเอาเงินค่าแรงหนึ่งพันกว่าอีแปะมาให้เทียวนะ”
ในบ้านเงียบสงัด หญิงชรายังคงไม่ออกมา
หลี่ตุนพูดกับคนทั้งสอง “พอดีข้ากับแม่มีความคิดเห็นไม่ลงรอยกัน พวกท่านให้เงินค่าแรงข้าแทนได้หรือไม่?”
เหวินหู่ส่ายหน้า “แม่นางให้นำเงินค่าแรงมอบให้ถึงมือคนในครอบครัว หากแม่เจ้าไม่ยอมออกมารับ พวกเราก็จะนำกลับไป”
หลี่ตุนโบกมือเป็นพัลวัน “อย่าๆๆ ข้าจะเข้าไปเรียกแม่ออกมาเดี๋ยวนี้” พูดจบ ก้าวเท้าฉับๆ เดินเข้าไปในบ้าน
ในบ้านมีเสียงวิงวอนของหลี่ตุนดังแว่วมา
เหวินเปียวและเหวินหู่สบตากัน แปลกใจเหตุใดแม่ของหลี่ตุนถึงมีท่าทีเช่นนี้
ครู่ใหญ่ หลี่ตุนถึงประคองหญิงชราเดินออกมา ยืนในลานบ้านโดยไม่ปริปาก
หลี่ตุนผงกศีรษะโค้งคำนับเดินมาตรงหน้าคนทั้งสอง พูดประจบเอาใจ “แม่ข้าออกมาแล้ว พวกท่านมอบเงินค่าแรงให้ข้าได้แล้วใช่ไหม”
เหวินหู่ไม่สนใจเขา เดินไปตรงหน้าแม่หลี่ตุน ชูถุงเงินในมือพูดว่า “นี่เป็นเงินค่าแรงเดือนนี้ของหลี่ตุน ทั้งหมดหนึ่งพันสามร้อยสิบอีแปะ ท่านนับก่อน”
แม่หลี่ตุนไม่ขยับ
เหวินหู่พูดต่อ “หากท่านไม่ยินดีรับเงินนี้ พวกเราจะนำกลับไปคืนให้แม่นาง”
หลี่ตุนเดินขึ้นหน้า รีบร้อนพูด “ท่านแม่ เมื่อครู่พวกเราตกลงกันในบ้านแล้วไม่ใช่หรือ? ท่านรีบรับเงินมาเถอะ”
แม่หลี่ตุนมองพวกเขาแวบหนึ่ง ยื่นมือออกไปรับเงินมาอย่างเชื่องช้า แล้วยื่นเงินนั่นใส่มือหลี่ตุน
หลี่ตุนดีใจ กำถุงเงินไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
เหวินหู่พูดว่า “แม่นางของพวกเราพูดไว้ เงินค่าแรงนี้จักต้องให้คนในบ้านดูแล หากพวกเจ้ากล้าใช้เงินโดยตามอำเภอใจ กลับไปแม่นางของพวกเราจะลงโทษ”
หลี่ตุนตกใจวางถุงเงินคืนกลับใส่มือแม่ตัวเอง “ท่านแม่ ท่านถือเถอะ”
แม่หลี่ตุนถึงมองประเมินเหวินหู่อย่างลุ่มลึก
เหวินหู่พูดอย่างมีนัยแฝง “ทุกเดือนพวกเราจะนำเงินค่าแรงมาส่งให้ หากมีเรื่องอันใดขอให้ท่านบอกพวกเราทันที”
แม่หลี่ตุนกำถุงเงินในมือแน่น
หลี่ตุนพูดประจบประแจง “พวกท่านวางใจ ไม่มีคำอนุญาตจากแม่ข้า ข้าไม่มีทางแตะต้องเงินตามอำเภอใจ”
เหวินหู่พยักหน้า “ทางที่ดีขอให้เป็นเช่นนั้น วิธีจัดการของแม่นางเจ้าก็รู้ดี หากให้นางรู้ว่าเจ้ากระทำเรื่องไม่ถูกต้อง เจ้าจงคิดถึงผลลัพธ์เองเถอะ”
พอคิดถึงวิธีจัดการคนของเมิ่งเชี่ยนโยว หลี่ตุนอดตัวสั่นเทิ้มไม่ได้ พูดรับประกันอีกครั้ง “ข้ารู้แล้ว ข้าจะไม่แตะต้องเงินนี้เด็ดขาด”
เหวินหู่มองเขาแวบหนึ่ง บอกลาแม่หลี่ตุนอย่างมีมารยาท แล้วหันหลังเดินออกไปจากบ้านหลี่ตุน บังคับรถม้าจากไปพร้อมเหวินเปียว
เห็นพวกเขาไปไกลแล้ว หลี่ตุนถึงถอนใจโล่งอก ยืดตัวตรง ยิ้มหน้าบานพูดว่า “ท่านแม่ ท่านว่าเงินพวกนี้?”
แม่หลี่ตุนวางถุงเงินในมือใส่มือเขาอีกครั้ง แล้วหันหลังกลับเข้าบ้านทันที
หลี่ตุนดีใจชั่งน้ำหนักถุงเงินในมือเดินพ้นประตูออกมา คิดจะไปสำเริงสำราญกับเพื่อนเกเรพวกนั้น ระหว่างทางผ่านบ้านจูอู่ เห็นครอบครัวจูอู่กำลังพูดคุยหยอกล้อกันในลานบ้าน หยุดชะงักฝีเท้า
จูอู่ก็เห็นเขาแล้ว เห็นเขาถือถุงเงินในมือ ขมวดคิ้วถาม “หลี่ตุน จะไปหาเพื่อนเกเรพวกนั้นอีกแล้วเรอะ”
หลี่ตุนพยักหน้า ยิ้มหน้าบานพูดว่า “ใช่สิ เดือนนี้นายหญิงให้เงินค่าแรงตั้งเยอะ พวกเราจะได้ดื่มกินอย่างอิ่มหนำสำราญสักมื้อ”
จูอู่ไม่เห็นด้วย “แม่เจ้าไม่เคยได้กินอิ่มสักวัน ทำไมเจ้าไม่เก็บเงินนี้ไว้ให้แม่เจ้าซื้อเสบียงอาหาร กลับจะเอาไปกินเหล้า?”
หลี่ตุนสีหน้าหมองมัว พลันยิ้มพูดว่า “แม่ข้าตัดความสัมพันธ์กับข้าไปแล้ว ต่อให้ข้าให้เงินนาง นางก็ไม่เอาดอก”
จูอู่พูดหว่านล้อม “นั่นเพราะในอดีตเจ้าทำเรื่องผิดไว้มาก ด้วยความโมโหแม่เจ้าถึงตัดสัมพันธ์กับเจ้า ตอนนี้เจ้าเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้ว ทั้งแต่ละเดือนยังมีเงินค่าแรงให้ เจ้าไปขอร้องนาง แม่เจ้าจะต้องยอมอภัยให้เจ้า”
หลี่ตุนลังเล
จูอู่พูดหว่านล้อมต่อ “อีกอย่าง แม่นางจะให้คนนำเงินค่าแรงมาส่งให้ทุกเดือน หากให้วันไหนนางรู้ว่าเจ้าไม่ได้มอบเงินให้แม่เจ้า แต่กลับเอาไปกินดื่มกับเพื่อนเกเรจนหมด คาดว่านางจะต้องถลกหนังเจ้าออกหมดตัว”
คิดถึงภาพเหตุการณ์นั้น หลี่ตุนก็สั่นเป็นเจ้าเข้า ลนลานพูด “ข้าจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้” พูดจบ ถือถุงเงินหมุนตัวเดินงุดๆ กลับไป
เหวินเปียวเหวินหู่นำเงินค่าแรงมาส่งให้เสร็จ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เมิ่งเชี่ยนโยวฟังอย่างละเอียด ตอนที่ได้ฟังเรื่องของบ้านหลี่ตุน เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อย พูดว่า “ข้ารู้แล้ว ลำบากพวกเจ้าสองคนแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”
ทั้งสอนขานรับอย่างสุภาพ นำรถม้าไปเก็บแล้วกลับเข้าที่พักของตัวเอง
เมิ่งเชี่ยนโยวขบคิด เดินมาสถานที่ปลูกเรือน
ช่างฝีมือที่โหย่วเหรินหามาล้วนทำงานดี คล่องแคล่วว่องไว ช่วงเวลาแค่ยี่สิบกว่าวัน บ้านก็สร้างเสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว
โหย่วเหรินที่กำลังเดินสำรวจตรวจตราคนงานโดยรอบ เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามา ส่งเสียงร้องทักทาย “แม่นางเมิ่ง ท่านคิดว่าพวกเราก่อสร้างเป็นอย่างไรบ้าง?”
เมิ่งเชี่ยนโยวชื่นชม “ดีกว่าที่ข้าคิดไว้มาก ลำบากท่านแล้วจริงๆ”
โหย่วเหรินโบกมือ “เป็นหนึ่งในหน้าที่ข้า แม่นางอย่าได้เกรงใจ อีกอย่าง ข้าก็มีเป้าหมายของข้า ข้ายังคิดว่ารอให้ปลูกคฤหาสน์หลังใหญ่นี้เสร็จจะได้สร้างชื่อให้ตัวเองด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวสนับสนุน “แน่นอนอยู่แล้ว”
โหย่วเหรินหัวเราะร่วน “เช่นนั้นก็ถือเป็นคำอวยพรจากแม่นาง”
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ส่งยิ้มให้แล้วถาม “ท่านเห็นลุงใหญ่ข้าหรือไม่?”
โหย่วเหรินตอบ “เมื่อครู่เห็นเขาอยู่ทางนั้น ข้าจะไปช่วยเรียกมาให้”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ไม่ต้องแล้ว ข้าไปหาเอง ท่านทำงานเถอะ”
จากทิศทางที่โหย่วเหรินชี้ เมิ่งเชี่ยนโยวก็เจอเมิ่งต้าจินกำลังทำงานขะมักเขม่น “ลุงใหญ่ ข้ามีเรื่องอยากปรึกษาท่าน”
เมิ่งต้าจินหยุดงานในมือ ถามขึ้น “เรื่องอะไร?”
“ข้าอยากซื้อที่ดินร้างปลูกมันฝรั่ง ท่านคิดดูว่าจะว่างไปทำรังวัดที่ได้เมื่อใด”
เมิ่งต้าจินเคยได้ยินจากปากเมิ่งเอ้ออิ๋นว่ามันฝรั่งขายได้ราคาถึงจินละหนึ่งตำลึง ได้ยินเช่นนี้ก็พูดทันควัน “เราไปกันตอนนี้เลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองท้องฟ้า พูดห้ามเขา “ใกล้จะเที่ยงแล้ว รอให้กินข้าวเสร็จพวกเราค่อยไปเถอะ”
เมิ่งต้าจินพยักหน้า “ก็ดี กินข้าวเที่ยงเสร็จข้าจะไปรอที่ที่ดินร้าง พวกเจ้ารีบตามมาก็พอ”
ได้รับเวลาแน่นอนแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวกลับบ้านให้เมิ่งชื่อเตรียมทำอาหารเที่ยงเร็วขึ้น บอกว่าตอนบ่ายตัวเองจะต้องไปทำรังวัดที่ดินร้าง
เมิ่งชื่อเห็นอากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น เมิ่งเชี่ยนโยวกลับไม่เอ่ยถึงเรื่องการปลูกมันฝรั่ง ก็ให้ร้อนใจมาพักใหญ่แล้ว ในที่สุดวันนี้ก็ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวบอกจะไปทำรังวัดที่ดินร้าง ดีใจลุกไปทำอาหารทันที
กลุ่มหญิงสาวเย็บกระเป๋านักเรียนได้ยินคำพูดเมิ่งเชี่ยนโยวก็หันหน้ามองกันเลิ่กลั่ก หญิงกล้าคนหนึ่งถามขึ้น “นายหญิง ท่านซื้อที่ดินร้างแล้วต้องหาคนมาเก็บกวาดหรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
หญิงสาวอีกคนถามอย่างมีความหวัง “เช่นนั้นคนในครอบครัวพวกเราทำได้หรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ได้”
หญิงสาวปิติ พูดว่า “เช่นนั้นข้าขอลงชื่อก่อน ถึงตอนนั้นจะให้สามีรีบไปเข้างาน”
ผู้หญิงคนอื่นก็ทยอยกันบอกว่าคนในครอบครัวตัวเองก็ต้องการลงชื่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ไม่ต้องลงชื่อ พอซื้อที่ดินร้างเสร็จ ข้าจะมาบอกพวกท่าน พวกท่านให้คนในครอบครัวไปที่นั้นเลยก็พอ”
หญิงสาวทั้งหมดกล่าวขอบคุณ
เมิ่งเอ้ออิ๋นและลูกๆ สามคนกลับมากินข้าวเที่ยง เมิ่งเชี่ยนโยวบอกเรื่องที่ตอนบ่ายจะไปซื้อที่ดินร้างกับพวกเขา ทั้งให้เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีไปกับตนเองด้วยหลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ
เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีพยักหน้า เมิ่งเอ้ออิ๋นรู้สึกละอายใจ “โยวเอ๋อร์ ตอนนี้พ่อคิดแต่จะปลูกเรือนของท่านปู่ท่านย่าให้เสร็จโดยไว เรื่องที่ดินจึงยังไม่ขอข้องเกี่ยว หลังจากปลูกเรือนเสร็จ พ่อค่อยมาช่วยเจ้าปลูกมันฝรั่งอย่างเต็มกำลัง”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เรื่องที่ดินก็ไม่ได้มีงานอะไรมาก ท่านพ่อไม่ต้องสนใจแล้ว ท่านคอยดูแลการปลูกเรือนให้ท่านปู่ท่านย่าให้ดีก็พอ”
พอกินอาหารเที่ยงเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวก็ให้เมิ่งฉีไปเรียกเหวินเปียวและเหวินหู่ ตัวเองกับเมิ่งเสียนมายังที่ดินร้างหัวหมู่บ้านฝั่งตะวันตก
เมิ่งต้าจินยืนรออยู่บนที่ดินร้างแล้ว เห็นพวกเขาเข้ามา หยิบอุปกรณ์ทำรังวัดออกมา ถามขึ้น “โยวเอ๋อร์ เจ้าคิดจะซื้อเท่าใด”
เมิ่งเชี่ยนโยวกวาดตามองดู พูดว่า “ซื้อทั้งหมดนี้ก็แล้วกัน”
เมิ่งต้าจินสะดุ้งตกใจ “ทั้งหมดนี้มีหนึ่งร้อยกว่ามู่ได้ เจ้าคิดจะซื้อทั้งหมด?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
เมิ่งเสียนก็ถามบ้าง “พวกเราซื้อเยอะเกินไปหรือไม่ ที่บ้านไม่ได้มีมันฝรั่งมากขนาดนั้น”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบพวกเขา “หนึ่งปีปลูกมันฝรั่งได้สองฤดู ฤดูใบไม้ผลินี้เมล็ดพันธุ์เรามีไม่มาก รอให้ถึงฤดูใบไม้ร่วง พื้นที่รกร้างนี้เกรงว่าจะยังไม่พอใช้”
เมิ่งต้าจินและเมิ่งเสียนไม่เคยได้ยินว่ามีพืชพันธุ์ใดหนึ่งปีสามารถปลูกได้สองฤดู ต่างก็ประหลาดใจ
เหวินเปียวและเหวินหู่ตามเมิ่งฉีเข้ามา
เมิ่งเชี่ยนโยวให้เมิ่งต้าจินมอบเครื่องมือทำรังวัดให้พวกเขา เขาแค่รับผิดชอบลงบันทึกก็พอ
เมิ่งต้าจินหยิบสมุดบันทึก บอกเหวินเปียวเหวินหู่ต้องทำอย่างไรถึงจะวัดได้แม่นยำ
เหวินเปียวเหวินหู่เรียนรู้ได้เร็ว ทำตามวิธีที่เมิ่งต้าจินสอนทำรังวัดได้อย่างรวดเร็ว
เมิ่งต้าจินอยู่อีกด้านคอยจดบันทึกอย่างว่องไว