ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 163-3 ร้องเท็จ
กุนซือขยับลูกคอ แสร้งโก่งคอพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “ผู้ใหญ่บ้านเมิ่ง พอทำรังวัดเสร็จ พบว่าเจ้าไม่ได้ฉ้อฉล ข้าจะกลับไปรายงานผู้ว่าการ ให้เขาปูนบำเหน็จให้เจ้า หากพบว่าเจ้ากระทำการโดยมิชอบ ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านนี้เจ้าไม่ต้องเป็นแล้ว รอเปลี่ยนคนเถอะ”
สิ้นเสียงเขา คนในหมู่บ้านที่นั่งรอในที่ดินต่างส่งเสียงกระซิบกระซาบ
เมิ่งต้าจินไม่ปริปากส่งเสียง
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับตะเบ็งเสียงตอบ “ไม่ต้องให้ท่านกุนซือพูด หากลุงใหญ่ข้าฉ้อฉล ข้าจะเป็นคนแรกที่ลากเขาลงจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน หากเขาไม่ได้กระทำการฉ้อฉล แต่มีคนฟ้องร้องเท็จ ข้าก็จะไม่ปล่อยคนผู้นั้นไป”
ชาวบ้านได้ยินน้ำเสียงเด็ดขาดของนาง รู้ว่าเมิ่งต้าจินจะต้องไม่ได้กระทำการฉ้อฉล รู้ว่าประเดี๋ยวพอเจ้าหน้าที่ทำรังวัดเสร็จ ตัวเองจะได้ทำงานต่อ จิตใจที่หวาดหวั่นจึงสงบลง นั่งรอคอยบนที่ดินเงียบๆ
บรรดาเจ้าหน้าที่ทำงานไว ใช้เวลาไม่นานก็ทำรังวัดเสร็จ เดินมาข้างกุนซือ พูดอย่างอ่อนน้อม “ท่านกุนซือ ได้หนึ่งร้อยสิบเจ็บมู่พอดีขอรับ”
ได้ฟังคำจากเจ้าหน้าที่ เหล่าคนที่มาทำงานต่างก็วางใจลงได้อย่างสิ้นเชิง
กุนซือไม่คิดว่าเมิ่งต้าจินจะไม่กระทำการฉ้อฉลเลยแม้แต่น้อยจริงๆ นิ่งอึ้งครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ดี พวกเรารีบกลับไปรายงานท่านผู้ว่าการ”
เจ้าหน้าที่ขานรับคำ
กุนซือหันไปพูดกับเมิ่งต้าจินอย่างรู้สึกผิด “ผู้ใหญ่บ้านเมิ่งอย่าได้ถือสา เป็นหน้าที่ที่ท่านผู้ว่าการสั่งการลงมา พวกเราต้องดำเนินการ ท่านวางใจ ข้ากลับไปจะรายงานท่านผู้ว่าการตามข้อเท็จจริง ให้เขายกย่องชมเชยเจ้า”
เมิ่งต้าจินตอบตามมารยาท “เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านกุนซือแล้ว”
กุนซือเห็นเข้ามีท่าทีเย็นชา รู้แก่ใจว่าตำหนิโทษตัวเอง จึงไม่พูดอะไรอีก สั่งการเจ้าหน้าที่ “ไปเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบ “ท่านกุนซือกับเจ้าหน้าที่ทุกท่านเดินกลับไปดูจะลำบากเกินไป เอาอย่างนี้เถอะ บ้านพวกเรามีรถม้า ข้ากับลุงใหญ่จะไปส่งพวกท่าน”
ตอนมา ต้องเดินเท้าถึงสองชั่วยามเต็มๆ กุนซือถูกดูดพลังชีวิตไปเกือบครึ่ง ตอนขากลับยังหงุดหงิดใจ ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ก็ปิติ และไม่ได้คิดอะไรมาก พูดเออออทันควัน “เช่นนั้นก็ขอบใจแม่นางเมิ่งแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ไม่ต้อง ต่อไปหากครอบครัวข้ามีเรื่องอันใด ยังต้องรบกวนท่านกุนซือช่วยอำนวยความสะดวกด้วย”
กุนซือรีบรับคำ “แน่นอนๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยืดอกร้องตะโกน “อู๋ต้า!”
อู๋ต้ารีบวิ่งเข้ามา “นายหญิง”
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งการเขา “เจ้าวิ่งไปบอกเหวินเปียวและเหวินหู่ ให้พวกเขาเก็บกวาดรถม้าสองคันคอยพวกเราที่ทางเข้าหมู่บ้าน”
อู๋ต้ารับคำ วิ่งแจ้นออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้น “ท่านกุนซือ พวกเราไปรอที่ทางเข้าหมู่บ้านเถอะ”
กุนซือและบรรดาเจ้าหน้าที่เดินหน้าตาชื่นบานไปยังทางเข้าหมู่บ้าน เมิ่งต้าจินเดินเงียบขรึมตามหลังไป เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเสียงเบา “ลุงใหญ่ หากข้าเดาไม่ผิด น่าจะเป็นหลี่กุ้ยที่ร้องเท็จพวกเรา คิดจะฉวยโอกาสนี้ ขับท่านออกจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน เขาจะได้ขึ้นตำแหน่งอีกครั้ง ดังนั้นข้าถึงให้ท่านไปส่งกุนซือพร้อมข้า จะได้จัดการเขาต่อหน้าท่านผู้การให้เข็ดหลาบ”
เมิ่งต้าจินตกตะลึง
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “ตอนนี้ท่านเป็นผู้ใหญ่บ้าน สิ่งแรกต้องสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับกุนซือและบรรดาเจ้าหน้าที่ก่อน คำโบราณว่าไว้ ยมบาลพานพบง่าย ผีน้อยรับมือยาก[1] ท่านไม่ควรแสดงท่าทีเย็นชาเช่นนี้ต่อพวกเขา”
เมิ่งต้าจินชะงักงัน
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
เมิ่งต้าจินตระหนักรู้แล้ว เก็บคืนสีหน้า เดินขึ้นหน้า หาเรื่องพูดคุยกับกุนซืออย่างสนิทสนมทันที
แม้กุนซือจะประหลาดใจกับความเปลี่ยนแปลงของเขา แต่อย่างไรตัวเองก็เป็นฝ่ายผิดก่อน จึงตอบกลับเขาอย่างมีมิตรไมตรี
คนทั้งหมดเดินมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน เหวินเปียวและเหวินหู่แยกย้ายบังคับรถม้ารออยู่แล้ว
เมิ่งต้าจินและกุนซือรวมถึงเจ้าหน้าที่ทั้งหมดขึ้นนั่งบนรถม้าของเหวินหู่ เมิ่งเชี่ยนโยวขึ้นนั่งบนรถม้าของเหวินเปียวลำพัง
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งกำชับ รถม้าทั้งสองคันมุ่งหน้าไปยังศาลาว่าการ
หลิวกุ้ยกำลังนั่งรอบนเก้าอี้เตี้ยที่ผู้ว่าการตำบลมอบให้อย่างสบายอกสบายใจ
รถม้ามาถึงศาลาว่าการ กุนซือและคนทั้งหมดลงจากรถ หันไปกล่าวขอบคุณเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ท่านกุนซือไม่ต้องเกรงใจ ข้าไม่เพียงพาพวกท่านมาส่ง ข้ายังอยากดูด้วยว่าใครกันที่ร้องเท็จพวกเรา”
กุนซือตะลึงงัน
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “คิดว่าในตอนนี้คนผู้นั้นจะกำลังรอฟังข่าวดีอยู่ในศาลาว่าการ พวกเราจะได้พบเขาพอดี” พูดจบ ก้าวอาดๆ เข้าไปในศาลาว่าการ
กุนซือและคนที่เหลือห้ามไม่ทัน มองนางเข้าไปตาปริบๆ เสียใจก็ไม่ทันการแล้ว
เมิ่งต้าจินก็ตามติดเข้าไป
หลิวกุ้ยกำลังนั่งฝันหวาน เห็นพวกเขาเดินเข้ามา ตกใจถลึงตัวลุกพรวด
เมิ่งเชี่ยนโยวแย้มยิ้มพูดทักทายเขา “ท่านตาหลิว ไม่เจอกันนาน สบายดีนะ”
หลิวกุ้ยเห็นรอยยิ้มนาง เหงื่อซึมไปทั้งร่างฉับพลัน
ผู้ว่าการตำบลก็ไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะมา พลันยืดตัวนั่งตรง
เมิ่งต้าจินและเมิ่งเชี่ยนโยวแสดงความเคารพผู้ว่าการตำบลอย่างนบนอบ
ผู้ว่าการตำบลขยับลูกคอ ถามขึ้น “พวกเจ้าสองคนมาได้อย่างไร มีธุระอันใดหรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองหลิวกุ้ยเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม แล้วตอบ “พวกเราอยากมาถามท่านผู้ว่าการ คนที่ฟ้องร้องเท็จ สมควรตัดสินโทษอย่างไร?”
ผู้ว่าการตำบลงงงวยกับคำพูดไร้ต้นสายปลายเหตุนี้ของนาง
กุนซือรีบเดินเข้ามาบอกผลการทำรังวัดให้แก่เขา
ผู้ว่าการตำบลถึงเข้าใจ ลอบถลึงตาใส่กุนซือแวบหนึ่ง
กุนซือร้อนตัวถอยหลังหลบ
ผู้ว่าการตำบลรับเงินหลิวกุ้ยมาหนึ่งร้อยตำลึง ย่อมต้องช่วยเขาหลุดพ้นความผิด ใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “หลิวกุ้ยเพียงหวังดีกับผู้ใหญ่บ้านเมิ่ง กลัวเขาเพิ่งจะเป็นผู้ใหญ่บ้านก็กระทำการมิชอบ ภายหน้าจะยิ่งละโมบ กระทำความผิดใหญ่กว่านี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบ “ท่านผู้ว่าการกล่าวมาก็ถูก ข้าขอขอบคุณในความหวังดีนี้ของเขาแทนลุงใหญ่ ทว่าข้ามีเรื่องอยากถาม เมื่อเป็นความหวังดีต่อลุงใหญ่ เหตุใดถึงไม่มาพูดต่อหน้าลุงใหญ่ แต่กลับทิ้งผลประโยชน์ใกล้ตัวเดินทางมาร้องเท็จลุงใหญ่ต่อหน้าท่าน?”
หลิวกุ้ยยังไม่รู้ผลการทำรังวัด ในใจเชื่อมั่นว่าเมิ่งต้าจินจะต้องรายงานตัวเลขที่ดินร้างเป็นเท็จ โต้กลับอย่างมีเหตุมีผล “ข้าร้องเท็จเขาอย่างไร? รายงานตัวเลขที่ดินร้างของเขาไม่มีทางตรงกับที่ทางการไปทำรังวัด”
เมิ่งเชี่ยนโยวแสยะยิ้ม ถาม “ท่านตาหลิวรู้ได้อย่างไรว่ารายงานตัวเลขไม่ตรงกัน?”
กุนซือคอยส่งสายตาให้หลิวกุ้ยตลอด
หลิวกุ้ยไม่ได้มอง พูดอย่างลำพอง “จักต้องไม่ตรงกัน ที่ดินร้างกว้างใหญ่เช่นนั้น ต่อให้ตอนที่ข้าดำรงตำแหน่ง ก็จะเห็นแก่หน้าคนหมู่บ้านเดียวกัน วัดเกินให้บ้าง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่เขาเป็นลุงใหญ่เจ้า ไม่วัดเกินให้พวกเจ้าถึงจะแปลก”
เมิ่งเชี่ยนโยวร้อง “อ่อ” แล้วพูด “ที่แท้ท่านก็คิดมโนไปเอง ไม่ทราบว่าท่านเคยคิดบ้างหรือไม่ หากลุงใหญ่ข้าไม่ได้คิดเกินให้พวกเรา ท่านจะมีจุดจบอย่างไร?”
หลิวกุ้ยยืนกราน “ไม่มีทาง เขาไม่มีทางที่สักนิดก็ไม่คิดเกินให้พวกเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ท่านกุนซือ รบกวนท่านบอกผลการทำรังวัดให้เขาฟังหน่อยเถอะ”
กุนซือมองหลิวกุ้ยแวบหนึ่ง หยิบสมุดบันทึกออกมาพูดอย่างจนใจ “จากการทำรังวัดอย่างแม่นยำของข้าและเจ้าหน้าที่ ที่ดินร้างที่สกุลเมิ่งซื้อมีพื้นที่ทั้งหมดหนึ่งร้อยสิบเจ็บมู่ ตรงกับตัวเลขที่รายงานทุกประการ”
หลิวกุ้ยได้ฟัง ตะเบ็งเสียงถามอย่างไม่เชื่อ “จะเป็นไปได้อย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มเยาะ ถามเขาอย่างไม่รีบไม่ร้อน “เหตุใดถึงจะเป็นไปไม่ได้? ครอบครัวพวกเราไม่ได้ขาดเหลือเงินทอง ไยต้องให้ลุงใหญ่ข้ากระทำเรื่องมิชอบ ภายหน้าให้ลูกบ้านรู้เข้า ได้มาแหกอกพวกเราทั้งครอบครัว”
“เอามาให้ข้าดู!” หลิวกุ้ยแย่งสมุดบันทึกมาจากมือกุนซือ คิดคำนวณอย่างละเอียด พบว่าตัวเลขถูกต้อง นั่งพับไปกับพื้น ปากพูดซ้ำไปซ้ำมา “จะเป็นไปได้อย่างไร? จะเป็นไปได้อย่างไร?”
กุนซือมองเขาอย่างเห็นใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวถามผู้ว่าการตำบลอีกครั้ง “ตอนนี้เรื่องกระจ่างแล้ว เป็นหลิวกุ้ยที่ร้องเท็จพวกเรา ไม่ทราบว่าท่านผู้ว่าการจะลงโทษเขาอย่างไร?”
ผู้ว่าการตำบลคิดถึงเงินที่เข้าปากมาแล้วกลับต้องคายออกไป ก็ให้ปวดใจ มองผู้ว่าการตำบลอย่างเคืองแค้นแวบหนึ่ง ตวาดเสียงดังลั่น “หลิวกุ้ยบังอาจนัก เจ้าไม่ตรวจสอบให้แน่ชัด ก็มาร้องเท็จผู้อื่น เจ้าสำนึกผิดหรือไม่?”
[1] เป็นสำนวนเปรียบเทียบถึง ปกติเจ้านายใหญ่ปัญหาน้อยพูดคุยได้ง่าย มีแต่เจ้าหน้าที่ระดับล่างที่มักมีปัญหา