ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 164-1 คุยเรื่องแต่งงาน
หลิวกุ้ยลนลานลุกขึ้นคุกเข่ากลางศาล โต้แย้งเสียงลั่น “ท่านผู้ว่าการ ต่อให้ข้าจะฟ้องร้องเท็จ แต่ก็เพราะถูกพวกเขาบีบคั้น”
ผู้ว่าการตำบลฟังออกว่ามีเงื่อนงำ พูดขึ้นทันควัน “หลิวกุ้ย พวกเขาบีบคั้นเจ้าอย่างไร เจ้ารีบพูดมา ต่อให้เมิ่งต้าจินเป็นผู้ใหญ่บ้าน ข้าก็จะไม่เข้าข้างเขา จักตัดสินความอย่างยุติธรรม”
หลิวกุ้ยเป็นผู้ใหญ่บ้านมาหลายปี ไยจะฟังนัยแฝงของผู้ว่าการตำบลไม่ออก ตั้งลำตัวตรง พูดอย่างไม่เกรงกลัว “ในตอนนั้นพวกเขานำสัญญาทาสของบุตรชายข้ามาบีบคั้นให้ข้ายอมถอยจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ข้ามีบุตรชายเพียงคนเดียว ทนเห็นเขาทนทุกข์ทรมานไม่ไหว ภายใต้ความอับจนหนทางจำต้องยอมรับปากพวกเขา แต่ข้าก็ยื่นเงื่อนไขพวกเขาข้อหนึ่ง ก็คือให้พวกเขามอบสูตรเนื้อรมควันให้ข้า ให้ชีวิตในภายหน้าของข้ามีหลักประกัน พวกเขารับปากเต็มปากเต็มคำ ข้าเองก็ยินดีปรีดา เข้ามาทำเรื่องโอนมอบตำแหน่งให้พวกเขาทันที ไม่คิดว่าหลังจากเมิ่งต้าจินได้เป็นผู้ใหญ่บ้านแล้ว พวกเขาจะกลับคำพูดที่ให้ นำสูตรเนื้อรมควันไปบอกกับคนทั้งหมู่บ้าน ให้ข้าดีใจเก้อเพียงลำพัง”
ผู้ว่าการตำบลกังขามาตลอดว่าเหตุใดคนโลภอย่างหลิวกุ้ยถึงยอมถอนตัวจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านง่ายๆ ในที่สุดตอนนี้ก็เข้าใจแล้ว ที่แท้เพราะพวกเขามีข้อตกลงร่วมกัน ชักสีหน้าเคร่งครึม พูดอย่างไม่พอใจ “หลิวกุ้ย พวกเจ้ากล้าหาญเกินไปแล้ว กล้านำตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านมาเป็นข้อแลกเปลี่ยน”
ด้วยความร้อนใจทำให้หลิวกุ้ยพูดเรื่องทั้งหมด ไม่ทันคิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา ได้ยินผู้ว่าการตำบลถาม ก็ให้ตกใจเหงื่อซึมไปทั้งร่าง รีบร้อนพูด “ท่านผู้ว่าการไว้ชีวิตด้วย เพราะบุตรชายผู้น้อยถูกบีบให้ต้องขายตัวให้นาง ทุกวันพวกเขาจะให้เขาทำงานที่สกปรกที่สุด กินอาหารที่แย่ที่สุด บางครั้งยังต้องถูกทุบตี ผู้น้อยเจ็บปวดใจ ภายใต้ความอับจนหนทางถึงรับปากขอเรียกร้องของพวกเขา”
ผู้ว่าการตำบลแค่นเสียงหึ หันไปถามเมิ่งต้าจิน “ผู้ใหญ่บ้านเมิ่ง เจ้าสำนึกผิดหรือไม่?”
เมิ่งต้าจินไม่ได้คุกเข่า ตอบอย่างไม่ประจบแต่ก็ไม่อวดโอ้ “หลิวกุ้ยยินยอมถอนตัวจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านเอง ไยผู้น้อยต้องสำนึกผิด”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาอย่างชื่นชมแวบหนึ่ง
หลิวกุ้ยรีบโต้แย้ง “เจ้าพูดปด! หากไม่เพราะเจ้าใช้ต้าเป่ามาข่มขู่ข้า มีหรือที่ข้าจะยอมถอนตัวจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน?”
เมิ่งต้าจินโต้ตอบกลับ “เจ้าต่างหากที่ใช้ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน เอาเรื่องที่ดินปลูกเรือนมาข่มเหงให้พวกเรามอบสูตรเนื้อรมควันให้ก่อน พวกเราถึงต้องคิดแผนการนี้ออกมา”
หลิวกุ้ยก็ไม่อ่อนข้อให้ “ข้าข่มเหงเจ้าตอนไหน เพราะข้าอยากเอาที่ดินผืนนั้นมาพัฒนาเป็นที่นาให้พวกชาวบ้าน เป็นพวกเจ้าที่ละโมบ จะปลูกเรือนที่ตรงนั้นให้ได้ ข้าต้องแบกรับความเสี่ยงมหาศาลแทนพวกเจ้า ต้องการแค่สูตรของพวกเจ้าจะเป็นอะไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะเยาะ พูดเย้ยหยัน “นำพฤติกรรมหน้าไม่อาย มาพูดในศาลศักดิ์สิทธิ์นี้ เจ้าเป็นคนแรกที่ข้าเคยพบเคยเจอ”
หลิวกุ้ยถูกถอนหงอก พูดอย่างเกรี้ยวกราด “นังตัวแสบ อย่าเหิมเกริมให้มากนัก วันนี้พวกเรามาพูดต่อหน้าท่านผู้ว่าการให้รู้ดำรู้แดงไปเลย ข้าก็อยากรู้ว่าตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านนี้เมิ่งต้าจินยังจะเป็นต่อไปได้หรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สะทกสะท้าน ตอบกลับอย่างเรื่อยเฉื่อย “เช่นนั้นก็พูดเถอะ”
หลังจากนั้น ก็หันไปทำความเคารพผู้ว่าการตำบล บอกเรื่องที่บ้านตนเองต้องการซื้อที่ดินปลูกเรือน หลิวกุ้ยใช้เหตุนี้มาข่มเหง เพื่อตัดตอนความยุ่งยากในภายหลัง จึงยอมนำสัญญาทาสของหลิวต้าเป่า สูตรเนื้อรมควัน รวมถึงให้เงินเขาห้าร้อยตำลึงแลกกับเมิ่งต้าจินได้เป็นผู้ใหญ่บ้านออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ
พอได้ยินว่ายังมีเงินอีกห้าร้อยตำลึง ผู้ว่าการตำบลก็หลุบหรี่นัยน์ตา
หลิวกุ้ยไม่คิดว่านางจะเอาเรื่องเงินห้าร้อยตำลึงที่มอบให้ตนเองแฉออกมาด้วย เริ่มรู้สึกร้อนตัว
สุดท้ายเมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “แม้ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านของลุงใหญ่ข้าจะได้มาจากการวางแผน แต่ตั้งแต่ที่เขาดำรงตำแหน่ง ก็มีแต่คิดแทนลูกบ้าน ทุ่มเททำงานเพื่อลูกบ้าน ไม่เคยกระทำการมิชอบ ลูกบ้านต่างยกย่องชื่นชมเขา ข้าขอถามว่า หากคนที่คิดทำทุกอย่างเพื่อลูกบ้านยังเป็นผู้ใหญ่บ้านไม่ได้ เช่นนั้นใครยังจะเป็นได้?”
สีหน้าผู้ว่าการตำบลเริ่มสั่นไหว
หลิวกุ้ยเห็นเช่นนั้น พูดขึ้นทันควัน “ไม่ว่าเขาจะทำดีแค่ไหน ก็เทียบไม่ได้กับที่เขาใช้แผนการชั่วร้ายเพื่อให้ได้มา คนเช่นนี้ไม่สมควรเป็นผู้ใหญ่บ้าน”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเปิดโปงเขา “วันนี้ท่านร้องเท็จพวกเราก่อน จากนั้นก็จะดึงลุงใหญ่ข้าลงจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านให้ได้ เกรงจะเป็นเพราะใช้เงินห้าร้อยตำลึงนั้นหมดแล้ว คิดว่าต่อไปจะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่เหนือผู้อื่น ถึงดิ้นรนเฮือกสุดท้าย คิดจะกลับมาเป็นผู้ใหญ่บ้านอีกครั้ง”
หลิวกุ้ยถูกเปิดเผยโฉมหน้า พูดอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใดแล้ว “เป็นพวกเจ้าที่กลับคำ พูดจาเชื่อถือไม่ได้ก่อน ข้าคิดจะกลับมาเป็นผู้ใหญ่บ้านอีกครั้งก็แล้วอย่างไร?”
ฟังมาถึงตอนนี้ ผู้ว่าการตำบลได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว โมโหตบบัลลังก์ด้วยแท่งไม้ปลุกสติ “หุบปากเดี๋ยวนี้!”
เห็นผู้ว่าการตำบลบันดาลโทสะ หลิวกุ้ยตกใจกลัวตัวสั่น เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งต้าจินกลับยืนสงบนิ่งอยู่ที่เดิม
ผู้ว่าการตำบลตวาดเสียงลั่น “พวกเจ้าโต้เถียงกันไปมา ยังเห็นผู้ว่าการตำบลคนนี้อยู่ในสายตาหรือไม่?”
หลิวกุ้ยตกใจจนไม่กล้าปริปาก
ผู้ว่าการตำบลมองพวกเขาอย่างแข็งกร้าวแวบหนึ่ง พูดว่า “ข้าเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว เป็นหลิวกุ้ยที่ข่มเหงก่อน พวกเจ้าบีบคั้นในภายหลัง สองฝ่ายต่างมีความผิด พวกเจ้าจะรับโทษโบยหรือโทษปรับ?”
หลิวกุ้ยถามตัวสั่น “โทษโบยคืออย่างไร? โทษปรับคืออย่างไร?”
ผู้ว่าการตำบลตอบ “โทษโบยคือถูกโบยคนละสิบไม้ โทษปรับคือปรับเงินสองร้อยตำลึง”
เมิ่งเชี่ยนโยวให้เงินมาห้าร้อยตำลึง หลิวต้าเป่าแอบขโมยไปหนึ่งร้อยตำลึง เอาไปเล่นแพ้ในบ่อนพนัน ต่อมาถูกคนของบ่อนพนันจับมัดไพล่หลังส่งกลับมา บีบหลิวกุ้ยต้องคืนเงินให้พวกเขาอีกสองร้อยตำลึง วันนี้เพื่อให้ผู้ว่าการตำบลลงโทษเมิ่งต้าจินสถานหนัก ยอมตัดใจมอบเงินให้เขาหนึ่งร้อยตำลึง บวกกับการใช้จ่ายของครอบครัวช่วงที่ผ่านมา ทั้งหมดเหลือเพียงแปดสิบตำลึง ไหนเลยจะมีสองร้อยตำลึงมาจ่าย ได้ฟังก็ขาพับขาอ่อน ล้มไปกองกับพื้นอีกครั้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสายตาให้เมิ่งต้าจิน เมิ่งต้าจินตอบรับทันควัน “พวกเราขอรับโทษปรับ”
ผู้ว่าการตำบลคิดจะปรับคนละสองร้อยตำลึง ตนเองจะได้รับสี่ร้อยตำลึง แต่พอเห็นสภาพหลิวกุ้ย นึกว่าเขาไม่ยินยอมจ่ายเงินสองร้อยตำลึง คับข้องขุ่นมัว ถามเสียงกร้าว “หลิวกุ้ย เจ้าล่ะ?”
หลิวกุ้ยตกใจเหงื่อออกทั่วตัว ตอบเสียงสั่นเครือ “ข้า ข้อขอรับโทษโบย”
เห็นเขาพูดเช่นนี้จริงๆ ผู้ว่าการตำบลยิ่งขุ่นเคือง ตวาดเสียงดังลั่น “ได้ นี่เป็นสิ่งที่เจ้าเลือกเอง จะโทษว่าข้าไม่เห็นแก่หน้าเจ้าไม่ได้ เจ้าหน้าที่ ลากตัวหลิวกุ้ยออกไปโบยสิบไม้”
เมิ่งเชี่ยนโยวเปล่งเสียงยับยั้ง “ช้าก่อนท่านผู้ว่าการ!”
ผู้ว่าการตำบลนึกว่านางจะขอร้องแทนหลิวกุ้ย มองนางอย่างคับข้องใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “รอใต้เท้าตัดสินเรื่องที่เขาร้องเท็จพวกเราก่อน ค่อยโบยก็ยังไม่สาย”
ผู้ว่าการตำบลถึงนึกได้ว่าหลิวกุ้ยยังมีโทษฟ้องร้องเท็จ ตนเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย สีหน้าเริ่มไม่เป็นธรรมชาติ ถามขึ้น “เจ้าจะให้ข้าตัดสินอย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ใต้เท้าคือบิดาของราษฎร สมควรรู้ว่าเรื่องเช่นนี้จะตัดสินอย่างไร ไฉนเลยต้องให้เด็กน้อยอย่างข้าเป็นคนตัดสินใจ”
ผู้ว่าการตำบลลอบเบ้ปาก ตอนนี้มาบอกว่าตัวเองเป็นเด็กน้อย เมื่อครู่ที่รุกฆาตตาต่อตาฟันต่อฟันไยถึงไม่พูดเล่า? ทว่าใบหน้าไม่แสดงออก พูดกับหลิวกุ้ยตามหลักหน้าที่ “ตามกฎบัญญติประเทศอู่ ผู้ที่ร้องเท็จผู้อื่น ให้ตัดสินโบยยี่สิบไม้”
พอได้ยินว่ายังต้องถูกโบยเพิ่มอีกยี่สิบไม้ หลิวกุ้ยก็ตกใจเกือบเป็นล้มสลบไป
แล้วผู้ว่าการตำบลก็เปลี่ยนมาพูดอีกว่า “ทว่าเห็นแก่ที่เจ้าเป็นผู้ใหญ่บ้านอย่างแข็งขันซื่อสัตย์มาหลายสิบปี จะลดโทษให้เจ้าสิบไม้”
หลิวกุ้ยรู้ทันทีว่าเงินหนึ่งร้อยตำลึงของตนเองบังเกิดผลแล้ว ถอนใจโล่งอก แต่พอคิดว่ายังต้องถูกโบยอีกยี่สิบไม้ หัวใจก็พลุ่งพล่านขึ้นอีก
ผู้ว่าการตำบลพูดจบ เมิ่งเชี่ยนโยวกลับยิ้มตาหยีถามขึ้น “เมื่อเป็นการร้องเท็จ ขอถามท่านใต้เท้า ลุงใหญ่ข้ายังสมควรดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านนี้ต่อไปหรือไม่?”
ผู้ว่าการตำบลแสร้งขบคิดตรึกตรอง
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดแฝงนัยขึ้นพลัน “ท่านใต้เท้าวางใจ ขอเพียงลุงใหญ่ข้ายังเป็นผู้ใหญ่บ้าน พวกเราจะทำตามความต้องการของผู้ว่าการตำบลเท่านั้น”
ผู้ว่าการตำบลได้ฟังดังนั้น มองนางอย่างชื่นชมแวบหนึ่ง กล่าวด้วยวาจาสุขุมพร้อมด้วยหลักคุณธรรม “เมิ่งต้าจินใช้แผนการเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ตามหลักแล้ว สมควรต้องขับไล่เขาออกจากการเป็นผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเลือกคนที่ดีกว่าออกมา แต่เห็นแก่ช่วงเวลาที่ผ่านมาที่เขาเป็นผู้ใหญ่บ้าน มีแต่คอยคิดแทนลูกบ้าน ข้าตัดสินใจให้เขาดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านนี้ไปก่อน ดูว่าผลงานในภายหน้าของเขาเป็นอย่างไร”
เมิ่งต้าจินรีบกล่าวคำขอบคุณ “ขอบคุณผู้ว่าการตำบล”
หลิวกุ้ยได้ฟังยิ่งทวีความสิ้นหวัง
ผู้ว่าการตำบลเปล่งเสียงประกาศ “หลิวกุ้ยเริ่มจากพูดข่มเหง แล้วมากล่าวร้องเท็จ ความผิดสองกระทงลงโทษพร้อมกัน ให้โบยยี่สิบไม้ ลากตัวออกไปรับโทษ”
เจ้าหน้าที่ขานรับคำ เข้ามากดหลิวกุ้ยไว้กลางศาล ยกไม้พายขึ้นฟาดไปที่ตัวเขา
เริ่มแรกหลิวกุ้ยยังเปล่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด สิบไม้ให้หลัง เสียงก็เบาบางลง หลังจากตีเสร็จยี่สิบไม้ หลิวกุ้ยก็สลบไม่ได้สติไป
ผู้ว่าการตำบลไม่แม้แต่จะเหลียวแลเขา โบกมือให้เจ้าหน้าที่ลากตัวเขาออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบตั๋วแลกเงินสามร้อยตำลึงออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย นำไปวางไปบนบัลลังก์ พูดกับผู้ว่าการตำบล “นี่เป็นตั๋วแลกเงินค่าปรับสองร้อยตำลึง ขอใต้เท้าดูให้ละเอียดก่อนว่าตัวเลขถูกต้องหรือไม่?”
ผู้ว่าการตำบลมองนางอย่างชื่นชมอีกครั้ง แสร้งทำเป็นตรวจสอบตั๋วแลกเงิน ใช้ชายเสื้อบดบัง ลอบนำตั๋วแลกเงินอีกใบใส่ชายเสื้อตัวเอง ถึงนั่งยืดตัวตรง พูดอย่างเป็นหลักเป็นการ “ข้าตรวจดูแล้ว เป็นเงินสองร้อยตำลึงครบถ้วน กุนซือ ท่านนำไปลงบันทึก”
กุนซือรับคำสั่งอย่างนอบน้อม ถือตั๋วแลกเงินเดินออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “เมื่อไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกเราก็ขอตัวกลับ ภายหน้าหากมีเรื่องอะไร ใต้เท้าส่งคนไปตามพวกเราได้ทุกเมื่อ พวกเราจะมาในทันที”
ผู้ว่าการตำบลพยักหน้าพึงพอใจ โบกมือหยอยๆ “ไปเถอะ”
เมิ่งต้าจินแสดงความเคารพผู้ว่าการตำบล หันหลังเดินออกไป
ผู้ว่าการตำบลกลับร้องเรียกเขา “ช้าก่อน”
เมิ่งต้าจินหยุดชะงัก มองกลับมาอย่างสงสัย
ผู้ว่าการตำบลชี้หลิวกุ้ยที่สลบไสลไม่ได้สติพูดกับเขา “พวกเจ้าทางเดียวกันพาเขากลับไปด้วยเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวปฏิเสธ “หากพวกเราพาเขากลับไป จะต้องถูกคนในครอบครัวพวกเขาชิงชังเคียดแค้นยิ่งขึ้น เรื่องมาถึงตอนนี้ พวกเราไม่อยากสร้างเรื่องให้บานปลายไปกว่านี้ ท่านใต้เท้าให้คนไปส่งข่าวคนในครอบครัวพวกเขาเถอะ”
ผู้ว่าการตำบลรู้สึกว่าที่นางพูดก็มีเหตุผล พยักหน้า “ก็ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวแสดงความเคารพผู้ว่าการตำบล แย้มยิ้มพูดกับกุนซือ “ท่านกุนซือ ข้ายังมีเรื่องอยากขอคำชี้แนะจากท่าน รบกวนท่านออกไปกับพวกเราหน่อยเถอะ เราเดินไปพลางพูดไปพลาง”
กุนซือแคลงใจ แต่ก็วางตั๋วแลกเงินและสมุดจดบันทึกในมือลง เดินตามพวกเขาสองคนออกไป