ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 166-1 คำสัญญาน่าสะพรึง
พ่อแม่อิงจื่อยิ่งให้รู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง มองสะใภ้ซุนอย่างขอความช่วยเหลือ หวังว่านางจะช่วยปฏิเสธ
ในหมู่บ้านละแวกใกล้เคียงนี้ เมิ่งจงจวี่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงน่าเลื่อมใสคนหนึ่ง ไม่ง่ายที่จะให้เกียรติเชื้อเชิญใครกินข้าวที่บ้าน สะใภ้ซุนรู้ว่าหากตนเองและพี่ชายพี่สะใภ้บอกปัดอีก คนอื่นรู้เข้าจะกลายเป็นมองข้ามเจตนาดีของผู้อื่น จำต้องกัดฟันพูดว่า “ได้ พวกเราไป!”
พ่อแม่อิงจื่อไม่คิดว่านางจะรับคำ เลิ่กลั่กมองหน้ากัน มีเหงื่อผดซึมออกมาบนหน้าผาก
เมิ่งเชี่ยนโยวร้องทักอิงจื่อ “อิงจื่อ พวกเราไปก่อน”
อิงจื่อก็ไม่ขัดขืน เดินนำหน้าตามเมิ่งเชี่ยนโยวออกไปอย่างผ่าเผย
สะใภ้ซุนไม่มีเวลาเล้าโลมพี่ชายพี่สะใภ้ บอกกล่าวคนในครอบครัว หุนหันเดินตามออกไปพร้อมพี่ชายและพี่สะใภ้
ตอนที่เมิ่งเชี่ยนโยวไปเรียกพ่อแม่อิงจื่อมากินข้าว เมิ่งจงจวี่ไม่เพียงให้เมิ่งเหรินไปเรียกเมิ่งต้าจินกลับมา ทั้งยังให้ทุกคนเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ รอการมาของครอบครัวอิงจื่อ
เมิ่งเหรินขานรับคำ สองผู้เฒ่าชราเมิ่งและภรรยาเมิ่งต้าจินรออยู่ในบ้าน
ไม่นานคนทั้งหมดก็มาถึงบ้านใหญ่ ภรรยาเมิ่งต้าจินรออยู่หน้าประตูบ้านแล้ว เห็นพวกเขามาถึง รีบออกไปต้อนรับ ดึงมือแม่อิงจื่อเข้ามาอย่างสนิทสนม “บ้านสะใภ้ รีบเข้ามานั่งในบ้านก่อน”
อิงจื่อร้องเรียกทุกคนอย่างมีมารยาท ชะลอฝีเท้า เดินตามหลังเข้าไป
ภรรยาเมิ่งต้าจินยิ่งเห็นก็ยิ่งพอใจ เดินพาแม่อิงจื่อเข้าไปด้านในพลางตีมือนางพูดว่า “บ้านสะใภ้ ท่านเลี้ยงลูกสาวได้ดีจริงๆ เป็นบุญวาสนาของท่านแล้ว”
เห็นภรรยาเมิ่งต้าจินแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ ครอบครัวตัวเองแต่งกายซอมซ่อ แม่อิงจื่อรู้สึกต่ำต้อย ไม่พูดตอบโต้กลับ สะใภ้ซุนเห็นบรรยากาศเก้อกัง พูดแทรกขึ้น “หลานสาวข้าคนนี้ไม่เลวจริงๆ ไม่เพียงหน้าตาสะสวย ทั้งยังขยันทำงานเก่ง ข้ามิได้จะอวยนาง ในละแวกใกล้เคียงหาเด็กสาวที่ดีเช่นนี้ไม่ได้แล้ว หากไม่ใช่เพราะพวกเรารู้จักมักคุ้นกัน ข้าก็ทำใจยกนางให้ครอบครัวพวกท่านไม่ได้”
ได้ยินน้าสาวกล่าวชมตนเอง อิงจื่อหน้าแดงเป็นผลท้อ
ภรรยาเมิ่งต้าจินพูดอย่างดีอกอีใจ “ใช่ๆๆ ข้ารู้ เหรินเอ๋อร์ของเราได้แต่งงานกับอิงจื่อ เป็นบุญวาสนาที่สั่งสมมากว่าแปดชาติภพของเขา”
สองเฒ่าชราเมิ่งเป็นผู้อาวุโส แม้จะได้ยินเสียงพูดคุยของพวกเขา กลับไม่ได้เดินออกมา
ภรรยาเมิ่งต้าจินต้อนรับขับสู้ทุกคนเข้ามาในบ้าน พูดอย่างยินดี “ท่านพ่อ ท่านแม่ พ่อแม่อิงจื่อมาแล้ว”
หญิงชราเมิ่งพูดทักทายพวกเขาอย่างเป็นกันเอง เมิ่งจงจวี่ชี้เก้าอี้ที่เตรียมไว้นานแล้ว พูดกับพวกเขา “นั่งเถอะ”
พ่อแม่อิงจื่อรู้ว่าเมิ่งจงจวี่เป็นซิ่วไฉเพียงหนึ่งเดียวของละแวกนี้ เต็มไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา พูดอย่างเคารพยกย่อง “ท่านปู่ท่านย่าฝ่ายลูกเขย พวกเรามาเช่นนี้ รบกวนพวกท่านแล้ว”
หญิงชราเมิ่งยิ้มพูด “ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่รบกวน” พอเห็นอิงจื่อด้านหลัง ดวงตาเปล่งประกาย กวักมือเรียกนาง “นี่คืออิงจื่อใช่ไหม รีบมาให้ข้าดูหน่อยเถอะ”
อิงจื่อเดินขึ้นหน้า ร้องเรียกอย่างมีมารยาท “ท่านย่า”
หญิงชราเมิ่งขานรับคำ ปลาบปลื้มปิติ หยิบเงินหนึ่งตำลึงที่เตรียมเอาไว้แล้วออกมา วางในมือนาง “กะทันหันไปหน่อย ย่าไม่ทันได้เตรียมของขวัญอะไรให้เจ้า เงินเล็กน้อยนี้เจ้ารับไว้ เอาไปซื้อของที่ตัวเองชอบ”
พ่อแม่อิงจื่อพอเห็นว่าให้เงินมากเช่นนี้ ก็ตกใจตัวลอย ยับยั้งห้ามปราบ “ท่านย่า ไม่ได้เด็ดขาด พวกเรามามือเปล่ารู้สึกไม่ดีพอแล้ว จะรับเงินท่านอีกได้อย่างไร?”
อิงจื่อเองก็ไม่กล้ารับ ปัดป้องเป็นพัลวัน
หญิงชราเมิ่งกุมมือนาง ยิ้มพูด “ข้าเห็นอิงจื่อก็นึกชอบพอ นี่เป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้า พวกเจ้าอย่าได้ปฏิเสธเลย”
เห็นสกุลเมิ่งรับรองหลานสาวตนเองเป็นอย่างดี สะใภ้ซุนปลาบปลื้มใจ พูดหว่านล้อมอิงจื่อ “รับไว้เถอะ ภายหลังแต่งงานแล้วค่อยดูแลท่านย่าให้ดีๆ”
อิงจื่อหน้าแดงรับก่ำ รับเงินก้อนนั้นมา
พ่อแม่อิงจื่อก็ให้ปลื้มปริ่มใจ ยิ่งเคารพเลื่อมใสสองผู้เฒ่าเมิ่ง ตอบคำถามพวกเขาอย่างระวังตั้งใจ
เมิ่งต้าจินและเมิ่งเหรินรีบร้อนกลับมา เพราะการแผ้วถางที่ดินทำเสื้อผ้าสกปรก ไม่ทันได้เปลี่ยนก็เดินเข้ามาทักทายพ่อแม่อิงจื่อในบ้าน
แม้จะได้พูดคุยกับสองผู้เฒ่าเมิ่งมาครู่หนึ่งแล้ว ความประหม่าในใจพ่อแม่อิงจื่อกลับไม่ได้ลดน้อยถอยลง เห็นเมิ่งต้าจินและเมิ่งเหรินเข้ามาพร้อมกัน ก็รู้ว่าเป็นญาติฝ่ายลูกเขยของตัวเอง รีบลุกขึ้นพูดจา กลับร้องเอ่ย “ญาติฝ่ายลูกเขย” แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
เมิ่งต้าจินมองออกว่าพวกเขาประดักประเดิด ผ่อนคลายน้ำเสียง พูดอย่างเป็นกันเอง “ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ไม่ทราบว่าพวกท่านจะมา เมื่อครู่จึงไปแผ้วถางที่ดิน เข้ามาต้อนรับช้า ขอพวกท่านอย่าเก็บไปใส่ใจ”
พ่อแม่อิงจื่อโบกมืออุตลุด พ่ออิงจื่อพูดว่า “ไม่ๆๆ เป็นพวกเราที่ไม่ได้บอกก่อนก็เข้ามา เป็นความผิดของพวกเราเอง”
เห็นทั้งสองคนยังไม่ยอมปล่อยตัวตามสบาย เมิ่งต้าจินเปลี่ยนหัวข้อพูด หันไปบอกเมิ่งเหริน “รีบเข้ามาคำนับ”
เมิ่งเหรินเพิ่งจะได้รับโอกาส เหมือนกับตายแล้วเกิดใหม่ ใบหน้าปิติยินดี มีชีวิตชีวา ได้ยินเสียงเรียกของเมิ่งต้าจิน รีบตรงเข้ามาคำนับและร้องเรียกพ่อแม่อิงจื่อทันที
พ่อแม่อิงจื่อไม่รู้หนังสือ ให้ความเคารพยกย่องบัณฑิตเป็นทุนเดิม ดังนั้นพอรู้ว่าเมิ่งเหรินเป็นบัณฑิต ก็ชื่นชมเป็นพิเศษ ยอมรับการแต่งงานนี้ทันควัน แต่ไม่คิดว่าเมิ่งเหรินจะกระทำเรื่องเช่นนั้นได้ พ่อแม่อิงจื่อเกิดความไม่พอใจเขา โดยเฉพาะหลังจากที่ได้รู้ท่าทีของเมิ่งเหรินในตอนนี้จากปากเมิ่งเชี่ยนโยว ก็ยิ่งไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานนี้ หากไม่เพราะอิงจื่อยืนหยัด หลายวันก่อนพวกเขาคงเข้ามาถอนหมั้นแล้ว ตอนนี้เห็นเมิ่งเหรินดูคึกคักมีชีวิตชีวา ทั้งอ่อนน้อมมีมารยาทต่อพวกเขาสองสามีภรรยา เกิดความคลางแคลงใจ หันไปมองสะใภ้ซุน ใช้สายตาซักถามว่าเกิดอะไรขึ้น?
สะใภ้ซุนไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมิ่งเหริน แต่ก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์ปิติเบิกบานของเมิ่งเหริน นึกว่าเป็นเพราะการมาถึงของครอบครัวอิงจื่อทำให้เขาดีใจขนาดนี้ ก็ให้รู้สึกยินดี ยิ้มพูดแหย่เย้า “เมิ่งเหรินเห็นอิงจื่อมาแล้ว เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยเทียว ดูท่าจะพอใจอิงจื่อของพวกเรามากเช่นกัน”
อิงจื่อหน้าแดงเรื่อพลัน เมิ่งเหรินก็หน้าแดงฝาดตามไปด้วย
ภรรยาเมิ่งต้าจินกลัวจะเผลอพูดอะไรออกมา รีบพูดแก้สถานการณ์กับสะใภ้ซุน “พวกเด็กๆ อายุยังน้อย ใบหน้าบาง เจ้าอย่าหยอกเย้าพวกเขาอีกเลย”
สะใภ้ซุนกลับมาพูดแหย่เย้านางแทน “แหม สะใภ้ต้าจิน เจ้าพูดเช่นนี้เพื่อลูกชาย? หรือเพื่อลูกสะใภ้กันเล่า?”
ภรรยาเมิ่งต้าจินยิ้มพูดเออออ “ก็ต้องเพื่อลูกสะใภ้อยู่แล้ว ลูกชายข้าใบหน้ากระด้างหยาบหน้า ไฉนเลยจะหน้าบางเขินอาย?”
คำพูดนางทำคนทั้งบ้านหัวเราะครื้นเครง พ่อแม่อิงจื่อก็หัวเราะตามอย่างพออกพอใจ
อิงจื่อยิ่งหน้าแดงเรื่อ
เมิ่งเหรินแอบลอบมองนางแวบหนึ่ง เห็นใบหน้าแดงฝาดของนาง ดวงตากลมโต แฝงความเขินอายกลับแสร้งยืนสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น เกิดอาการตะลึงค้างพลัน
หลังเสียงหัวเราะ จิตใจที่ประหม่ากังวลของพ่อแม่อิงจื่อก็ผ่อนคลายลง
เมิ่งจงจวี่ขยับลูกคอ พูดขึงขังกับทุกคน “บ้านหลานสะใภ้ ที่วันนี้เชิญพวกเจ้ามา เพราะมีเรื่องอยากพูดต่อหน้าพวกเจ้า”
เห็นท่าทีขึงขังของเขา พ่อแม่อิงจื่อตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง พ่ออิงจื่อพูดอย่างประหวั่น “ท่านปู่ เชิญท่านพูด”
เมิ่งจงจวี่มองเมิ่งเหรินแวบหนึ่ง พูดอย่างรู้สึกกระดากอาย “เรื่องที่เหรินเอ๋อร์กระทำผิด พวกเจ้าน่าจะรู้แล้ว พวกเจ้ากลับไม่เดียดฉันท์ ครอบครัวพวกเราต่างซาบซึ้งใจ วันนี้ข้าตั้งใจเรียกพวกเจ้ามา เพราะอยากแสดงท่าทีต่อหน้าพวกเจ้า”
พ่ออิงจื่อลนลานลุกขึ้นยืน พูดอย่างหวาดหวั่น “ท่านปู่ ท่านกล่าวหนักเกินไปแล้ว พวกอิงจื่อหมั้นหมายกันแล้ว ต่อให้เมิ่งเหรินเคยกระทำผิด เด็กอายุยังน้อย เลอะเลือนไปชั่วขณะ ยากจะหลีกเลี่ยง พวกเราไม่มีทางถอนหมั้นดอก”
เมิ่งจงจวี่พยักหน้าซาบซึ้งใจ กล่าวว่า “เป็นเพราะพวกเจ้าใจกว้างมีเหตุผล คำพูดต่อจากนี้อย่างไรข้าก็ต้องพูด”
พ่ออิงจื่อพูดอย่างอ่อนน้อม “เชิญท่าน”
เมิ่งจงจวี่กวาดตามองทุกคนในบ้านแวบหนึ่ง พูดอย่างน่ายำเกรง “ข้ามีสองเรื่องจะประกาศ วันนี้ทุกคนในที่นี่ล้วนเป็นพยานได้”
คนในบ้านกลั้นหายใจ รอคอยคำกล่าวจากนี้ไปของเมิ่งจงจวี่
เมิ่งจงจวี่พูดขึ้น “เรื่องแรก หลังการแต่งงานของอิงจื่อและเมิ่งเหริน การดำเนินชีวิตของพวกเขาจะมีอิงจื่อเป็นผู้นำครอบครัว”
ทุกคนตะลึงค้าง
เสียงเมิ่งจงจวี่ดังขึ้นอีกครั้ง “เรื่องที่สอง ชีวิตนี้เมิ่งเหรินจะแต่งอิงจื่อเป็นภรรยาได้เพียงคนเดียว ห้ามมีการหย่าร้าง หากวันหน้าเขาสอบขุนนางได้ เกิดมีความคิดที่ไม่สมควร ข้าจะขับเขาออกจากบ้าน ลบชื่อออกจากสกุล และพวกเราจะเห็นอิงจื่อเป็นเสมือนลูกหลานของสกุลเมิ่ง อนุญาตให้นางแต่งงานได้ตามชอบใจ”
คนในบ้านต่างตกตะลึงนิ่งอึ้งกับคำพูดเมิ่งจงจวี่ ครู่ใหญ่ก็ยังไม่ได้สติกลับมา
ยังเป็นเมิ่งเชี่ยนโยวที่ทำลายความเงียบสงัดภายในห้อง ดึงแขนอิงจื่อมาพูดหยอกเย้า “ยังไม่ทันแต่งงานท่านปู่ก็เข้าข้างเจ้าถึงเพียงนี้ วันหน้าพี่ใหญ่ไม่กล้าหือแล้ว”
อิงจื่อหน้าแดงจนจะกลั่นเป็นเลือดได้แล้ว ลอบมองบิดามารดาตัวเอง
พ่อแม่อิงจื่อได้สติกลับมา ตื้นตันจนวางมือวางไม้ไม่ถูก แม่อิงจื่อถึงกับหลั่งน้ำตา กลัวคนขบขัน รีบร้อนเช็ดออก
เมิ่งต้าจินและภรรยาไม่คิดว่าเมิ่งจงจวี่จะกล่าวเช่นนี้ ตกตะลึงพรึงเพริด แม้แต่เมิ่งเหรินก็นิ่งอึ้ง ยืนงงงันอยู่ตรงนั้น ครู่ใหญ่ก็ยังไม่ได้สติ
หญิงชราเมิ่งยิ่งไม่ต้องพูดถึง อ้าปากค้าง หันไปมองเมิ่งจงจวี่อย่างไม่เชื่อ
ไม่ต้องกล่าวถึงสะใภ้ซุนแล้ว หากไม่เพราะมีคนอยู่มาก ได้ดีใจกระโดดตัวลอยไปแล้ว
เมิ่งต้าจินและภรรยาได้สติกลับมาแล้ว ภรรยาเมิ่งต้าจินกำลังจะพูดบางอย่าง เมิ่งต้าจินกลับแย่งพูดก่อน “ท่านพ่อกล่าวถูกต้อง ทุกอย่างแล้วแต่ท่านพ่อ”
หญิงชราเมิ่งงับปากหุบ แม้จะไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่พูดคัดค้าน
เมิ่งจงจวี่ถามเมิ่งเหริน “เหรินเอ๋อร์ คำที่ท่านปู่พูดวันนี้เจ้าจำขึ้นใจหรือไม่?”
เมิ่งเหรินลนลานพูด “ท่านปู่ ข้าจดจำไว้แล้ว ท่านวางใจ วันหน้าข้าจะไม่มีวันรังแกอิงจื่อ”
เมิ่งจงจวี่พยักหน้าพึงพอใจ
สะใภ้ซุนพูดอย่างตื่นเต้น “พี่ใหญ่พี่สะใภ้ ครานี้ท่านวางใจแล้วสินะ”
พ่อแม่อิงจื่อก็พยักหน้าตื้นตันใจ “วางใจแล้วๆ” พูดจบหันไปโค้งคำนับให้เมิ่งจงจวี่อย่างนอบน้อม “ขอบคุณท่านปู่ ครานี้พวกเราจะได้วางใจให้อิงจื่อแต่งเข้ามาแล้ว”
ภรรยาเมิ่งต้าจินฉวยโอกาสพูด “เช่นนี้ดีแล้ว พวกเราปรึกษากันแล้ว อย่าให้พวกอิงจื่อแต่งงานปีหน้าเลย จัดงานให้พวกเขาสิ้นปีนี้เถอะ”
พ่อแม่อิงจื่อย่อมไม่มีความเห็นแย้ง “แล้วแต่พวกท่านเลย พวกท่านอยากให้อิงจื่อแต่งเมื่อใด อิงจื่อก็แต่งเข้ามาได้เมื่อนั้น”
หญิงชราเมิ่งได้ฟังก็ยินดี ความรู้สึกอึดอัดใจมลายหายไปสิ้น “เช่นนั้นก็ว่าตามนี้ เมื่อพวกเราเลือกวันดีได้แล้วจะให้สะใภ้ซุนไปบอกพวกเจ้า”
พ่อแม่อิงจื่อรับคำพร้อมเพรียง
เมื่อหารือกันเสร็จแล้ว ภรรยาเมิ่งต้าจินรีบไปเตรียมสำรับกับข้าว สะใภ้ซุนก็เข้ามาช่วย เมิ่งต้าจินอยู่คุยกับพ่อแม่อิงจื่อ ส่วนเมิ่งเชี่ยนโยวพูดหัวเราะต่อกระซิบกับอิงจื่อ
อาหารเที่ยงหลากหลายเต็มแน่น พ่อแม่อิงจื่อเห็นอาหารเต็มโต๊ะ ให้รู้สึกกดดันอีกครั้ง เอาแต่คีบอาหารสองอย่างที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง
เมิ่งต้าจินและภรรยาเห็นเช่นนั้น คีบอาหารให้พวกเขาอย่างเป็นกันเอง พูดหว่านล้อมให้พวกเขากินเยอะๆ
หลังจากกินข้าวเสร็จ เมิ่งจงจวี่ให้เมิ่งต้าจินและภรรยาพาพวกเขาไปดูคฤหาสน์ปลูกใหม่ ทั้งชี้ให้พวกเขาดูว่าส่วนไหนเป็นเรือนอยู่อาศัยหลังจากที่พวกเมิ่งเหรินแต่งงานกันแล้ว
แม้จะอาศัยอยู่หมู่บ้านเดียวกับสกุลเมิ่ง สะใภ้ซุนก็ยังไม่เคยเห็นคฤหาสน์หลังใหม่ที่ปลูกเสร็จแล้ว ตอนนี้ได้มาเห็นเรือนสวยสดงดงามหลังใหม่หลายหลัง ถึงกับร้องอุทาน “ได้อาศัยอยู่ในบ้านเช่นนี้ ตอนกลางคืนจะทำใจหลับลงหรือ?”
ทุกคนหัวเราะครืน
พ่อแม่อิงจื่อยิ่งตาค้าง ยิ่งรู้สึกว่าบุตรสาวตนเองเลือกคนไม่ผิดจริงๆ
แม้แต่อิงจื่อก็น้อยครั้งที่จะเผยแววตาวาดหวัง
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาข้างนาง พูดกระซิบกระซาบ “เจ้าไม่ต้องอิจฉาไป พอเจ้าแต่งงานกับพี่ใหญ่ ก็จะได้อยู่ที่นี่”
อิงจื่อทำหน้าไม่ถูก ยื่นมือเข้าหาเมิ่งเชี่ยนโยว “เจ้านี่นะ กล้าหยอกล้อข้า ดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร”
เมิ่งเชี่ยนโยววิ่งหนี อิงจื่อวิ่งไล่ตาม
พ่อแม่อิงจื่อเห็นท่าทีร่าเริงของบุตรสาวตนเอง ก็ให้ดีใจปิติ
สำรวจบ้านเสร็จ พ่อแม่อิงจื่อก็กล่าวว่าตนเองยังมีธุระที่บ้าน แม้แต่บ้านสะใภ้ซุนก็ไม่ไปแล้ว จะตรงกลับบ้านทันที