ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 166-2 คำสัญญาน่าสะพรึง
เมิ่งเชี่ยนโยวยับยั้งพวกเขา ให้เมิ่งเหรินไปบอกเหวินเปียวบังคับรถม้าเข้ามา ส่งพวกเขากลับไป
พ่อแม่อิงจื่อปฏิเสธไม่พ้น จำต้องนั่งรถม้ากลับไปอย่างประดักประเดิด
ส่งครอบครัวอิงจื่อกลับไปแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวรีบร้อนกลับมาบ้าน กำชับเมิ่งชื่อให้รีบหั่นมันฝรั่งให้เสร็จ ส่วนตนเองให้เหวินหู่บังคับรถม้าไปหมู่บ้านหลี่
ฉั่งฉิกบนภูเขาปลูกเสร็จแล้ว คนชราและเด็กลดน้อยไปมาก เหลือเพียงคนใช้แรงงานบางส่วนแบกหามน้ำขึ้นไปรดฉั่งฉิก
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินวนรอบภูเขาแต่ละลูก ตรวจดูอย่างถี่ถ้วน พบว่ามีจำนวนน้อยที่ตายไป ที่เหลือส่วนใหญ่เจริญเติบโตดี ให้รู้สึกโล่งใจ หันไปพูดกับจางจู้ “ท่านไปบอกคนในหมู่บ้าน พรุ่งนี้ยามเช้าจะมีการจ่ายเงินค่าแรงหน้าบ้านผู้ใหญ่บ้าน”
จางจู้พยักหน้ายินดี “ข้ารู้แล้ว” พูดจบ ก็ร้องตะโกนบอกชาวบ้านที่กำลังหาบน้ำ “โยวเอ๋อร์บอกว่า พรุ่งนี้ยามเช้าจะทำการจ่ายเงินค่าแรงหน้าบ้านผู้ใหญ่บ้าน พวกเจ้าเจอคนในหมู่บ้านก็ให้บอกต่อๆ กันไปด้วย”
ได้ฟังเสียงร้องตะโกนของเขา ชาวบ้านที่กำลังหาบน้ำก็ดีใจลิงโลด จะจ่ายเงินค่าแรงแล้ว แสดงว่าสิ่งที่ตนเองปลูกเติบโตแล้ว แต่ว่า พอคิดว่านับจากวันพรุ่งนี้ไป ก็จะไม่มีงานที่ดีเช่นนี้ทำอีก หาเงินค่าแรงสูงเช่นนี้ไม่ได้อีก ความปิติในใจก็มลายหายไป
เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับจางจู้จะต้องบอกผู้ใหญ่บ้าน ให้เขาคำนวณเงินค่าแรงของแต่ละครอบครัวให้เสร็จโดยไว พรุ่งนี้นางจะเข้ามาแต่เช้า
จางจู้พยักหน้า
ทั้งสองคนเดินวนบนภูเขาอีกรอบ กระทั่งฟ้าเริ่มมืด เมิ่งเชี่ยนโยวถึงนั่งรถม้ากลับมาบ้าน
เหวินเปียวรับเมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉกลับมาพอดี
ทั้งสามต่างลงจากรถม้า เมิ่งอี้เซวียนเดินหน้าตาเบิกบานมาตรงหน้านาง
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วสงสัย “พรุ่งนี้ยังไม่ถึงวันที่สิบ เหตุใดต้องเบิกบานเช่นนี้?”
ซุนเหลียงไฉอยู่กับเมิ่งอี้เซวียนตลอดเวลา ค่อยๆ กลายเป็นเพื่อนสนิทกับเขา ได้ฟังก็เอ่ยปากตอบแทนเขา “วันนี้อาจารย์บอกเขา อีกห้าวันจะให้เขาไปตัวจังหวัดเพื่อเข้าสอบระดับจังหวัด ให้เขาเตรียมสิ่งของให้พร้อม”
เมิ่งเชี่ยนโยวประหลาดใจ “วันสอบระดับจังหวัดเร็วเช่นนี้เลยเชียว?”
รอยยิ้มเมิ่งอี้เซวียนพลิกคว่ำลง
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเช่นนั้นร้อนรนพูด “เจ้าต้องการอะไร บอกข้า ข้าจะไปซื้อมาให้”
รอยยิ้มกลับมาเบ่งบานบนใบหน้าเมิ่งอี้เซวียน
ซุนเหลียงไฉร้องโวยวายไม่พอใจ “ทุกครั้งจะต้องเอาแต่ถามเขาว่าต้องการอะไร ไม่เคยถามข้าเช่นนี้บ้าง”
เมิ่งเชี่ยนโยวถลึงตาใส่เขาที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง พูดจี้ใจดำ “หากเจ้ามีคุณสมบัติเข้าสอบถงเซิงได้ เจ้าต้องการอะไร ข้าก็จะซื้อให้เจ้า”
ซุนเหลียงไฉกรอกตาขาว “เจ้าก็รู้ว่าข้าทำไม่ได้ยังจะพูดเช่นนี้ เจ้าตั้งใจพูดจี้ใจข้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ข้าตั้งใจจี้ใจเจ้าแล้วอย่างไร? แน่จริงเจ้าก็สอบถงเซิงให้ได้สิ”
ซุนเหลียงไฉสะอึกกึก สะพายกระเป๋านักเรียนเดินฟึดฟัดเข้ามาในบ้าน
เมิ่งเชี่ยนโยวมองแผ่นหลังเขารู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ ร้องตะโกนเรียก “ช้าก่อน!”
ซุนเหลียงไฉหยุดชะงัก หันกลับมาถามอย่างไม่พอใจ “มีอะไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดอะไร เดินเข้ามาในลานบ้าน ขมวดคิ้วเดินรอบซุนเหลียงไฉสองรอบ
ซุนเหลียงไฉตกใจถามตะกุกตะกัก “มะ มีอะไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวย่นหัวคิ้วพูด “ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ”
ซุนเหลียงไฉก้มหน้าสำรวจตัวเองแวบหนึ่ง เสื้อผ้าแต่งกายเรียบร้อย ไม่มีอะไรผิดปกติ นึกว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจงใจหาเรื่อง ตกใจร้อนรนพูด “จะบอกให้นะ ช่วงเวลานี้ข้าประพฤติตัวดีมาก ไม่ได้กระทำผิดอะไร หากเจ้าจงใจหาเรื่องข้า ข้าจะนั่งร้องไห้หน้าประตูบ้านเจ้าครึ่งวัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูด ยังคงจ้องมองเขา
ซุนเหลียงไฉตกประหม่าจนเหงื่อซึมหน้าผาก
เมิ่งอี้เซวียนเห็นนางเอาแต่จ้องมองซุนเหลียงไฉ เริ่มไม่พอใจ เดินเข้ามาเตรียมตัวพูดสองสามคำ ไม่คิดว่าอยู่ๆ เมิ่งเชี่ยนโยวจะร้องพูดขึ้น “ข้ารู้แล้วว่าเจ้ามีตรงไหนผิดปกติ”
เมิ่งอี้เซวียนหยุดชะงักฝีเท้า ซุนเหลียงไฉถามอึกๆ อักๆ “ตะ ตรงไหน ผิดปกติ”
“เจ้าผอมแล้ว หล่อขึ้นแล้ว!” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ
ซุนเหลียงไฉขาอ่อนโซเซ เกือบคะมำหน้าคว่ำ ตบหน้าอกตัวเอง กรอกตาขาวพูดว่า “ข้าผอมมาตั้งนานแล้ว อย่าบอกว่าเจ้าเพิ่งมาเห็นวันนี้?”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้สนใจเขา พูดพึมพำกับตัวเอง “ใช้ได้เลย พอเจ้าผอมลง ถือเป็นเด็กหนุ่มที่หล่อเหลาคนหนึ่งเลยเทียว”
ซุนเหลียงไฉเชิดหน้าได้ใจ “แน่นอน ตัวข้านั้นใบหน้าหล่อเหลา รูปงามสง่า”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจคำพูดไร้สาระของเขา หันไปพูดกับเมิ่งอี้เซวียน “ไป ดูว่าเจ้าต้องการอะไร ข้าจะไปเตรียมให้เจ้า”
เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า ทั้งสองเดินเข้าบ้านไปด้วยกัน
ซุนเหลียงไฉเห็นนางไม่สนใจฟังคำพูดตนเองแม้แต่น้อย โมโหตะโกนร้อง “นังตัวดี หยุดเดี๋ยวนี้นะ ข้ายังพูดไม่จบ”
เมิ่งเชี่ยนโยวชะงักเท้า หันกลับมาเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้มถามเขา “เมื่อครู่เจ้าตะโกนว่าอะไร?”
ซุนเหลียงไฉถึงรู้สึกตัวว่าตะโกนอะไรออกไป รีบปิดปากตัวเองแน่น พูดอู้อี้ฟังไม่ชัด “ข้าไม่ได้พูดอะไร” พูดจบ วิ่งแนบเข้าไปในห้องตัวเอง
ตกกลางคืน เมิ่งอี้เซวียนบอกข่าวดีนี้กับคนทั้งครอบครัวอีกครั้ง ทุกคนปิติยินดี ซักถามเมิ่งอี้เซวียนไปตัวจังหวัดต้องใช้อะไรบ้าง ปรึกษาหารืออย่างถี่ถ้วน กระทั่งถึงเวลานอนก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้
วันรุ่งขึ้น เหวินเปียว เหวินหู่ไปส่งเมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉกลับมา เมิ่งเชี่ยนโยวให้พวกเขาบังคับรถม้า นำ**บเงินตรงมาบ้านผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านหลี่
เมื่อวานพอได้ยินคนในหมู่บ้านบอกต่อกัน วันนี้คนในหมู่บ้านหลี่ต่างมาออกันอยู่หน้าบ้านผู้ใหญ่บ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแต่เช้าตรู่
เมื่อคืนผู้ใหญ่บ้านคิดคำนวณบัญชีในสมุดบันทึกหลายรอบ หลังจากแน่ใจว่าไม่คิดให้ครอบครัวไหนผิด วันนี้เช้าตรู่ก็ออกมานั่งสำราญใจบนเก้าอี้ที่หลี่ฝูนำออกมาตั้งไว้หน้าประตูแต่เช้ารอการมาถึงของเมิ่งเชี่ยนโยว
ครอบครัวจางจู้และจางเกินก็มากันทั้งหมด แม้แต่พ่อแม่จางจู้ก็เข้ามาดูความคึกคักด้วย ตอนนี้คนในหมู่บ้านต่างประจบเอาใจพวกเขา เห็นเดินเข้ามาไกลๆ บนท้องถนนก็ส่งเสียงทักทายพวกเขา แม้แต่ผู้ใหญ่บ้านเห็นพ่อแม่จางจู้เข้ามาด้วย ก็ลุกขึ้นอย่างยินดี เชิญพวกเขามาข้างโต๊ะ แล้วสั่งหลี่ฝูไปยกเก้าอี้เตี้ยสองตัวออกมา
พ่อแม่จางจู้ต่างเป็นคนบ้านนอกซื่อๆ วันนี้ได้ยินว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะเข้ามาจ่ายเงินค่าแรงให้คนทั้งหมู่บ้าน อดไม่ได้ตามมาดูด้วย ไหนเลยจะคิดว่าตอนนี้ท่าทีของคนในหมู่บ้านจะเปลี่ยนไปเช่นนี้ แม้แต่ผู้ใหญ่บ้านยังให้เกียรติพวกเขาต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้านมากขนาดนี้ เริ่มรู้สึกเสียใจ ไม่ควรจะมาร่วมดูความคึกคักด้วย ไม่รู้จะเป็นการสร้างเรื่องยุ่งยากให้เมิ่งเชี่ยนโยวหรือไม่
หลี่ฝูยกเก้าอี้เตี้ยออกมาวางไว้ด้านหน้าโต๊ะ ผู้ใหญ่บ้านร้องเรียกพ่อแม่จางจู้ให้เข้ามานั่ง สองผู้เฒ่าหันหน้ามองกัน ยกมือบอกปัด “ขอบคุณผู้ใหญ่บ้าน พวกเราเพียงแค่มาร่วมชม ประเดี๋ยวก็กลับแล้ว”
ผู้ใหญ่บ้านไหนเลยจะยอม พูดว่า “จะให้ข้าเข้าไปเชิญพวกท่านด้วยตนเองใช่หรือไม่”
พ่อแม่จางจู้ตกใจลนลานพูด “ไม่ต้องๆ พวกเราเข้าไปเอง”
ทั้งสองเดินมาข้างโต๊ะ นั่งอย่างกระสับกระส่าย
คนในหมู่บ้านต่างมองพวกเขาด้วยสายตาอิจฉา ทอดถอนใจอยากให้ตนเองมีหลานสาวมีความสามารถเช่นนี้บ้าง แม่จางเถี่ยเห็นท่าทีกล้าๆ กลัวๆ ของพวกเขา เบ้ปากอย่างดูแคลน
รถม้าของเมิ่งเชี่ยนโยวเพิ่งจะเข้ามาในหมู่บ้านหลี่ได้ไม่ไกล มีคนตาไวมองเห็น ตะโกนร้องอย่างตื่นเต้น “แม่นางเมิ่งมาแล้ว”
ชาวบ้านที่มารอจ่ายเงินค่าแรงพลันตื่นเต้นยินดี ต่างหันไปจับจ้องรถม้าที่ใกล้เข้ามาโดยไม่ละสายตา ไม่นานรถม้าก็มาถึงเบื้องหน้าตนเอง
เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า พริบตาเดียวก็เห็นพ่อแม่จางจู้นั่งอยู่ด้านหน้าของโต๊ะ เดินไปพลางส่งเสียงร้องทักทั้งสองคน “ท่านตาท่านยาย พวกท่านก็มาด้วย” เหวินหู่ยก**บเงินรีบเดินตามหลังนาง
พ่อแม่จางจู้รีบร้อนลุกขึ้น พูดอย่างไม่สบายใจ “โยวเอ๋อร์ พวกเราเพียงแค่มาดูความครึกครื้น ผู้ใหญ่บ้านจะให้พวกเรามานั่งข้างหน้าให้ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูดปลอบประโลมพวกเขา “พวกท่านอายุมากแล้ว ยืนนานๆ ร่างกายจะรับไม่ไหว โชคดีที่ผู้ใหญ่บ้านคิดรอบคอบ”
แม่จางเถี่ยได้ยินคำพูดนาง พูดงึมงำเสียงเบา “พูดเสียน่าฟัง คนอายุมากมีตั้งเยอะ ไม่เห็นเจ้าให้พวกเขาทั้งหมดมานั่งรอรับเงินค่าแรงบ้าง? ทุกคนไม่ได้โง่นะ มีใครไม่รู้ว่าบ้างเพราะผู้ใหญ่บ้านต้องการประจบพวกเจ้าถึงให้พวกเขามานั่งข้างหน้า”
ชาวบ้านโดยรอบได้ยินคำพูดนาง ต่างแยกตัวออกห่างนางอย่างไม่ได้นัดหมาย
แม่จางเถี่ยเห็นพฤติกรรมพวกเขา เบ้ปากดูแคลน ในใจคิด “พอดีเลย ข้ายังรังเกียจว่าคนเยอะแล้วอึดอัดอยู่พอดี”
พ่อแม่จางจู้เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ตำหนิโทษพวกเขา ก็ให้โล่งใจ ย่อตัวนั่งลงอีกครั้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวยืนข้างโต๊ะ เหวินหู่ยก**บเงินมาวางบนโต๊ะ
ผู้ใหญ่บ้านยื่นสมุดจดบันทึกให้นางอย่างอ่อนน้อม พูดว่า “แม่นางเมิ่ง นี่เป็นสมุดบัญชี ข้าคำนวณอย่างถี่ถ้วนแล้ว ไม่ผิดแม้แต่ครอบครัวเดียว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ขอบคุณผู้ใหญ่บ้าน”
ผู้ใหญ่บ้านรีบโบกมือ “แม่นางเมิ่งเกรงใจแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ข้าสมควรทำ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเปล่งเสียงพูดกับกลุ่มคน “เมื่อวานข้าขึ้นไปตรวจดูบนเขาทุกลูกอย่างละเอียดแล้ว พบว่าเมล็ดที่ทุกคนปลูกเจริญเติบโตเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นวันนี้ข้าจึงมาจ่ายเงินให้ทุกคน ประเดี๋ยวจ่ายเงินเสร็จแล้ว ทุกคนอย่างเพิ่งไป ข้ายังมีงานต้องการหาคนไปทำ”
กลุ่มคนส่งเสียงโห่ร้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดพร่ำอีก เปิดสมุดบัญชีแล้วอ่าน “ครอบครัวหลี่ฝู ได้เงินทั้งหมดหกตำลึงแปดเฉียน”
กลุ่มคนส่งเสียงร้องอุทาน สวรรค์ หนึ่งเดือนกว่า ครอบครัวพวกเขาก็หาเงินได้ถึงหกตำลึงกว่า เท่ากับรายได้ตลอดทั้งปีของครอบครัวพวกเขา
นอกจากผู้ใหญ่บ้าน คนในครอบครัวหลี่ฝูต่างก็สะดุ้งตกใจ หลี่ฝูถามปากสั่น “แม่นางเมิ่ง เจ้าอ่านผิดไปหรือไม่ ครอบครัวพวกเราไหนเลยจะหาเงินได้มากเช่นนี้?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ในสมุดบัญชีบันทึกไว้ชัดเจน ครอบครัวพวกเจ้าทำงานกี่วัน แต่ละคนได้ค่าแรงเท่าใด รวมแล้วได้ยอดนี้พอดี”
แม่จางเถี่ยหวีดร้อง “ไม่มีทาง ครอบครัวพวกเขาจะทำเงินมากเช่นนี้ได้อย่างไร เจ้าจะต้องคิดประจบเอาใจผู้ใหญ่บ้าน ถึงจงใจให้พวกเขามากเช่นนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น มองนางแวบหนึ่ง
แม่จางเถี่ยพลันหดห่อตัว แต่ก็คิดได้ว่าต่อหน้าคนมากมายนางไม่กล้าทำอะไรตัวเอง จึงแอ่นอกพูดต่อ “หากไม่ใช่ เจ้าอ่านให้ทุกคนฟัง ให้พวกเราฟังให้ชัดแจ้ง”
แม้คนโดยรอบจะไม่พูดเช่นนี้ แต่ในใจก็อยากรู้ว่าเหตุใดครอบครัวหลี่ฝูถึงได้เงินค่าแรงมากเช่นนี้ พอได้ยินแม่จางเถี่ยพูด ต่างก็มองมาที่เมิ่งเชี่ยนโยว รอดูว่านางจะตอบอย่างไร
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นปฏิกิริยาของทุกคน ก็รู้ว่าพวกเขาต่างคิดอะไร รับคำทันควัน “ได้ ข้าจะอ่านให้ทุกคนฟังช้าๆ พวกเจ้าจงคำนวณให้ละเอียด”
ชาวบ้านกลั้นหายใจ ตั้งใจฟังคำพูดจากนี้ไปของเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบสมุดบัญชีขึ้นอ่าน “ผู้ใหญ่บ้าน ได้วันละห้าสิบอีแปะ ทั้งหมดสามสิบแปดวัน รวมทั้งหมดได้หนึ่งตำลึงเก้าร้อยอีแปะ”
ไม่คิดว่าผู้ใหญ่บ้านก็มีเงินค่าแรง กลุ่มคนแตกฮือส่งเสียงร้องอื้ออึง
แม่จางเถี่ยพูดเสียงลั่น “เขาทำอะไร ได้วันละห้าสิบอีแปะ ยังจะบอกว่าเจ้าไม่ได้ทำเพื่อประจบผู้ใหญ่บ้าน?”
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ขุ่นเคือง ยิ้มตาหยีพูดว่า “ผู้ใหญ่บ้านต้องขึ้นเขาไปตรวจดูพวกเจ้าทำงานทุกวัน ทั้งต้องตรวจสอบว่าพวกเจ้าแผ้วถางพื้นที่ผ่านหลักเกณฑ์หรือไม่ แล้วจดบันทึกแต่ละครอบครัวให้เรียบร้อย ข้าให้เขาวันละห้าสิบอีแปะเยอะไปหรือไม่? ไม่ต้องพูดเรื่องอื่น แค่งานจดบันทึก พวกเจ้ามีใครทำได้หรือไม่?”
คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ต่างไม่รู้หนังสือ ไฉนเลยจะมีใครทำงานนี้ได้ กลุ่มคนต่างหุบปากเงียบเสียง แม้แต่แม่จางเถี่ยก็เงียบปากไปด้วย
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “หลี่ฝู ก็ได้หนึ่งตำลึงเก้าร้อยอีแปะเช่นกัน”
เงินค่าแรงของหลี่ฝูและคนในครอบครัว เมิ่งเชี่ยนโยวบอกคนในหมู่บ้านตั้งแต่เริ่มรับสมัครคนงานแล้ว ย่อมไม่มีใครมีความเห็นแย้ง
เสียงเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้นอีก “แม่หลี่ฝูและภรรยาหลี่ฝูหาบน้ำร้อนไปส่งให้คนบนเขา ก็ได้วันละห้าสิบอีแปะ ส่งทั้งหมดสามสิบวัน สองคนได้ทั้งหมดสามพันอีแปะ”
กลุ่มคนส่งเสียงเซ็งแซ่อีกครั้ง
แม่จางเถี่ยรีบพูดด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ “หาบน้ำร้อนขึ้นเขาก็ให้ห้าสิบอีแปะ ยังจะบอกว่าไม่ประจบผู้ใหญ่บ้าน?”
ครั้งนี้เริ่มมีคนพยักหน้าคล้อยตาม
เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่หลุบบดวงตา พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ระยะทางจากหมู่บ้านไปถึงภูเขาไม่สั้น พวกนางต้องหาบน้ำร้อนสองถังใหญ่เต็มๆ โดยไม่หยุดพัก ส่งขึ้นเขาแต่ละลูก งานที่ทำไม่น้อยไปกว่าทุกคนแม้แต่น้อย นอกจากนั้น ฟืนที่ใช้ต้มน้ำพวกเขาก็หามาเอง ลูกเด็กเล็กแดงในครอบครัวต้องมาช่วยงานทุกวัน ห้าสิบอีแปะมากตรงไหน? ลูกๆ พวกท่านไปทำงานบนเขา ก็ช่วยพวกเจ้าหาเงินได้ไม่ใช่หรือ?”
ชาวบ้านถูกตอกกลับจนพูดไม่ออก คนไม่กี่คนที่พยักหน้าคล้อยตามเมื่อครู่ก้มหน้าด้วยความละอาย
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “เดิมข้าจะจ้างใครทำงาน ให้เงินค่าแรงเท่าใด ก็เป็นเรื่องของข้า ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า ที่วันนี้ข้าอธิบายให้ทุกคนฟังเพราะเป็นคนจะไร้มนุษยธรรมไม่ได้ ผู้ใหญ่บ้านหลี่เป็นผู้ใหญ่บ้านมานานหลายปี พวกท่านถามใจตัวเองดู เขาปฏิบัติต่อทุกคนอย่างไร? เขาเคยโกงกินเงินบ้านไหนสักอีแปะ หรือเคยทำสิ่งใดที่ผิดต่อลูกบ้านหรือไม่? เขามีแต่มุ่งมั่นคิดแทนลูกบ้าน ไม่คิดว่าพวกเจ้ากลับไม่เชื่อใจเขา ข้าบอกทุกคนตามจริง ในตอนแรกหากไม่ใช่เพราะท่าทีที่ผู้ใหญ่บ้านหลี่คิดแทนลูกบ้านทำให้ข้าประทับใจ ข้าไม่มีวันซื้อภูเขาร้างของหมู่บ้านพวกเจ้า พวกเจ้าก็จะไม่อาจ ไม่ต้องเดินทางไกลก็มีโอกาสหาเงินได้เช่นนี้”
สิ้นเสียงนาง คนในหมู่บ้านต่างก้มหน้าละอาย