ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 167-1 รับคน
สะใภ้สกุลเมิ่งทั้งสามคนยังอยู่หั่นหน่ออ่อนมันฝรั่งในบ้านต่อ
หลังจากเมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเด็กน้อยทั้งสองจัดเรียงหน่ออ่อนมันฝรั่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย จึงเร่งรุดมายังที่ดินรกร้าง
วัชพืชบนที่ดินรกร้างถูกกำจัดไปหมดแล้ว ชาวบ้านยังพลิกหน้าดินที่ทำความสะอาดเสร็จแล้วตามระดับที่นางต้องการ ทอดสายตามองออกไป ไม่เหลือร่องรอยของที่ดินรกร้างอีก
นอกจากสองสามีภรรยาเมิ่งและสะใภ้เมิ่งทั้งสามคนแล้ว คนของสกุลเมิ่งทั้งหมดต่างมาทำงานในที่ดินรกร้าง แม้แต่เมิ่งเหรินก็ตามมาทำงานที่พอจะทำได้
เมิ่งเชี่ยนโยวย่อตัวลง ตรวจสอบระดับความลึกที่ให้ชาวบ้านพลิกหน้าดิน พบว่าได้ระดับพอดี จากนั้นเอามือขุดลึกลงไปหลายครั้ง กำดินขึ้นมาดม รู้สึกว่าความชุ่มชื้นของเนื้อดินใช้ได้ รีบเดินไปหาเมิ่งเอ้ออิ๋นแล้วพูดว่า “ท่านพ่อ ตอนนี้เหมาะจะปลูกมันฝรั่งแล้ว ท่านเข้าไปหาวัวสองสามตัวในหมู่บ้านมาไถพรวนที่ดิน บอกพวกเขาว่า คนพร้อมวัวข้าให้วันละห้าสิบอีแปะ”
เมิ่งเอ้ออิ๋นรับคำ รีบเข้าไปหาวัวในหมู่บ้าน
ตอนนี้เป็นฤดูว่างนา วัวในบ้านต่างว่างงาน พอได้ยินว่าไถพรวนที่ดินได้วันละห้าสิบอีแปะ สองครอบครัวที่มีวัวต่างก็ดีใจ ไม่พูดพร่ำทำเพลง จูงวัวแล้วหยิบฉวยเครื่องมือไถพรวนมายังข้างที่ดิน
เมิ่งเชี่ยนโยวเรียกพวกเขามารวมกัน บอกความต้องการในการไถพรวนให้พวกเขาฟัง บอกพวกเขาว่า ให้ไถพรวนที่ดินให้สูงและกว้างขึ้นอีกเล็กน้อย
ทุกคนพยักหน้า นำเครื่องมือไถพรวนครอบติดบนหลังวัว
เมิ่งเชี่ยนโยวหาคนมาจับเครื่องมือไถ ให้พวกเขาไถพรวนพื้นดินที่ทำความสะอาดเสร็จแล้วก่อน
คนทั้งหมดทำตามสั่ง
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินบนที่ดินมาถึงปลายอีกด้าน เร่งเร้าชาวบ้านที่ยังทำความสะอาดที่ดินรกร้างไม่เสร็จ “ทุกคนเร่งลงมือหน่อย จะต้องพลิกหน้าดินทั้งหมดให้เสร็จภายในวันนี้ค่ำ วันพรุ่งไถพรวนเสร็จ พวกเราจะได้ลงมือเพาะปลูกกันเสียที”
ชาวบ้านเร่งลงมือขะมักเขม้น
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับเมิ่งต้าจินอีกว่า “ท่านลุง วัวเพียงไม่กี่ตัวเกรงว่าพรุ่งนี้จะไถพรวนที่ดินร้างผืนนี้ไม่เสร็จ รบกวนท่านไปถามหมู่บ้านใกล้เคียง พวกเขายินดีจะมาทำงานทั้งคนพร้อมวัวหรือไม่ ข้าให้วันละห้าสิบอีแปะ”
เมิ่งต้าจินพยักหน้าวางงานในมือลงแล้วเดินออกไปหมู่บ้านข้างเคียง เมิ่งเชี่ยนโยวร้องบอก “ให้พี่เมิ่งเหรินไปกับท่านด้วยเถอะ”
วันนี้เมิ่งเหรินเข้ามาทำงานเป็นครั้งแรก คิดแต่จะเร่งความเร็วให้เทียบทันคนอื่น ให้ทุกคนมองเขาในมุมใหม่ ทำติดต่อกันไม่หยุดพัก ไม่ถึงครึ่งวัน ก็เหนื่อยจนแทบจะนอนแผ่ไปกับพื้น ได้ยินคำพูดเมิ่งเชี่ยนโยวก็ดีใจ รีบวางเครื่องมือในมือ สาวเท้าก้าวตามเมิ่งต้าจินออกไปหมู่บ้านข้างเคียง
เมิ่งเชี่ยนโยวมองแผ่นหลังเขาแวบหนึ่ง เมิ่งอี้เห็นแววตานางเข้าพอดี นึกว่านางไม่พอใจเมิ่งเหริน ร้อนรนพูด “วันนี้พี่ใหญ่ตั้งใจทำงานแข็งขันมาตลอด ไม่ได้แอบอู้เลยสักนิด”
เมิ่งเชี่ยนโยวหันกลับมา แย้มยิ้มพูด “แค่พี่เมิ่งเหรินออกมาทำงานก็ดีแล้ว ทำมากทำน้อยข้าไม่ได้ใส่ใจ สิ่งสำคัญคือให้เขารู้ว่าไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ”
เมิ่งอี้ขยี้ศีรษะ ยิ้มแหะๆ อย่างซื่อๆ
สองพ่อลูกมาถึงหมู่บ้านข้างเคียง ก็ไม่ได้เข้าไปถามหาวัวจากบ้านแต่ละหลัง กลับตรงไปยังบ้านผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านข้างเคียง บอกกล่าวสถานะตนเอง บอกว่าตนเองต้องการวัวสองสามตัวไปไถพรวนที่ดินร้าง ทั้งคนละวัวให้ค่าแรงวันละห้าสิบอีแปะ หากพวกเขายินดี ยังสามารถหาคนในหมู่บ้านเดียวกันไปคอยประคองเครื่องมือได้อีกด้วย
สองหมู่บ้านอยู่ใกล้กันมาก ผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านข้างเคียงได้ยินเรื่องบ้านสกุลเมิ่งมานานแล้ว กำลังขบคิดว่าวันไหนตนเองจะต้องแบกหน้าไปขอร้องแทนคนในหมู่บ้าน ในวันที่พวกเขารับสมัครคนงานจะได้ให้คนในหมู่บ้านตนเองเข้าไป ตอนนี้พอเห็นเมิ่งต้าจินมาหาด้วยตัวเอง ก็รับปากทันควัน พาพวกเขาไปถามครอบครัวที่มีวัว
นี่เป็นเรื่องดีที่หล่นมาจากฟ้า ครอบครัวที่มีวัวต่างรับปากทั้งหมดในทันที บอกว่าพรุ่งนี้จะจูงวัวและเครื่องมือไถพรวนไปแต่เช้าตรู่
เมิ่งต้าจินคิดคำนวณ หมู่บ้านข้างเคียงมีวัวสามตัว หมู่บ้านตัวเองรวมของบ้านตัวเองด้วยเพิ่งจะมีแค่สามตัว ทั้งหมดหกตัว พรุ่งนี้ยังต้องไถพรวนให้เสร็จในวันเดียว จึงตัดสินใจไปดูหมู่บ้านถัดไปอีก
ผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านข้างเคียงเอาแต่พูดถ้อยคำเกรงอกเกรงใจกับพวกเขา ความหมายทั้งทางตรงทางอ้อมล้วนแสดงว่าหากภายหน้าบ้านพวกเขารับสมัครคนงานอีก ให้คนในหมู่บ้านพวกเขาได้ไปทำงานด้วย
เมิ่งต้าจินย่อมไม่กล้ารับปาก พูดอย่างอ้อมๆ “กลับไปข้าจะบอกหลานสาวให้ หากต้องการคนเพิ่มอีก ให้นางพิจารณาคนในหมู่บ้านพวกท่านก่อน”
ผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านข้างเคียงแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง ออกมาส่งพวกเขาออกจากหมู่บ้านด้วยตัวเองจนไกล ภายใต้การพูดโน้มน้าวตลอดทางของเมิ่งต้าจิน ถึงยอมหยุดฝีเท้า
มาหาผู้ใหญ่บ้านอีกหมู่บ้าน แสดงเจตจำนง ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านนี้ก็ดีอกดีใจ พาพวกเขาไปถามแต่ละบ้านเช่นกัน สุดท้ายได้วัวมาสี่ตัว
เมิ่งต้าจินบอกตำแหน่งที่ดินร้างของพวกเขา กำชับพวกเขาวันพรุ่งนี้ให้เข้าไปแต่เช้า แล้วพูดโอภาปราศัยกับผู้ใหญ่บ้านสองสามคำ จึงกลับออกมาพร้อมเมิ่งเหริน
เมิ่งเหรินพลิกหน้าดินมาครึ่งวัน ทั้งต้องเดินทางระยะทางไกลเช่นนี้ ทนไม่ไหวนานแล้ว พอเห็นว่าได้วัวครบแล้ว ระหว่างทางกลับบ้านจึงร้องขอเมิ่งต้าจิน “ท่านพ่อ เราพักสักหน่อยเถอะ ข้าเหนื่อยล้าไปหมดแล้ว”
เมิ่งต้าจินเห็นเขาเหงื่อออกเต็มตัว หายใจหอบรัว จึงพยักหน้าพูดเห็นชอบ “เราจะพักได้เพียงหนึ่งเค่อเท่านั้น”
เมิ่งเหรินนั่งแผ่ไปกับพื้นอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ หายใจหอบกระชั้น
เมิ่งต้าจินไม่เคยเห็นเมิ่งเหรินเหนื่อยขนาดนี้มาก่อน รู้สึกปวดใจ แต่พอคิดถึงคำพูดของเมิ่งเชี่ยนโยว คำพูดที่จะใช้ปลอบประโลมก็ถูกกลืนลงไป
ผ่านไปหนึ่งเค่อ เมิ่งต้าจินเร่งเร้าให้เขาลุกขึ้นออกเดิน แม้เมิ่งเหรินจะมีอาการไม่ยินดี แต่ก็ลุกขึ้นเดินกลับมา
หลังจากเมิ่งต้าจินและเมิ่งเหรินจากไป เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูคนโดยรอบต่างง่วนกับการพลิกหน้าดิน ตัวเองก็เลยหยิบจอบคิดจะพลิกหน้าดินไปกับทุกคนด้วย เมิ่งเสียนเข้ามารั้งนาง “น้องสาว งานนี้เหนื่อยเกินไป เจ้าอย่าทำเลย ไปดูที่ดินโดยรอบว่าชาวบ้านพลิกหน้าดินผ่านเกณฑ์หรือไม่เถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวปัดมือเขาออก ยกยิ้มพูดว่า “พี่ใหญ่ดูแคลนข้าแล้ว ข้าจะทำไม่ไหวได้อย่างไร?”
เมิ่งอี้ก็พูดโน้มน้าว “น้องโยวเอ๋อร์ เหนื่อยมากจริงๆ เจ้าอย่าทำเลยดีกว่า”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ฟังคำทัดทาน หยิบจอบขึ้นทำท่าทำทางพลิกหน้าดินเหมือนพวกเขา แต่เครื่องมือที่ตกกระทบลงไปอย่าว่าแต่พลิกหน้าดินเลย แม้แต่ผิวดินยังไม่ระคาย นางสบถออกมาหนึ่งคำ
เมิ่งฉีไม่เคยเห็นนางมีอาการเช่นนี้เป็นครั้งแรก ปิดปากแอบหัวเราะ
เมิ่งเสียนถลึงตาใส่เขา เข้าขวางเมิ่งเชี่ยนโยวอีกครั้ง “น้องสาว เจ้าอย่าทำเลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวถูกกระตุ้นเร้าจิตใจที่อยากเอาชนะ พูดว่า “ข้าไม่เชื่อดอกว่าข้าจะทำงานง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้” พูดจบ หยิบจอบขึ้นพลิกหน้าดินอีกครั้ง ครั้งนี้มีการเตรียมพร้อม ออกแรงมากกว่าเดิม จอบแทงเข้าไปในผิวดิน
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งยิ้มมองทุกคนอย่างลำพอง คิดจะถอนจอบเพื่อพลิกดินต่อ ทดลองหลายครั้งกลับถอนไม่ขยับ
เมิ่งฉีอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว อ้าปากหัวเราะลั่น
น้ำเสียงเมิ่งเสียนก็เจือความขบขัน “น้องสาว ให้ข้าช่วยเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวโมโหโยนจอบทิ้ง พูดอย่างแง่งอน “จอมสับปะรังเคนี้ใช้ไม่ดีเอาเสียเลย”
เมิ่งฉียิ่งหัวเราะครืน
เมิ่งอี้ก็อดไม่ไหวหัวเราะร่วน
ชาวบ้านที่มาพลิกหน้าดินได้ยินพวกเขาหัวเราะขรม ก็หันหน้ามาดู
เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “ข้าจะไปดูว่าพวกเขาพลิกหน้าดินเป็นอย่างไรบ้าง” แล้วสาวเท้าไปจากพวกเขาทันที
เห็นท่าทีของนาง เมิ่งฉียิ่งหัวเราะงอหาย เมิ่งเสียนพูดกับเขาเจือน้ำเสียงขบขัน “เจ้าหัวเราะนางเช่นนี้ ระวังตอนฝึกวรยุทธ์วันพรุ่งนี้นางจะเอาคืนเจ้า”
เสียงหัวเราะของเมิ่งฉีหยุดลงในบัดดล รีบหยิบจอบของตัวเองลงมือทำงานต่อ
เมิ่งเสียนแอบกระหยิ่มยิ้มย่อง
เมิ่งอี้ถามอย่างประหลาดใจ “ตอนนี้พวกเจ้าเรียนวรยุทธ์อยู่หรือ?”
เมิ่งเสียนเปล่งเสียง “อือ” “เวินเปียวและเหวินหู่รู้วรยุทธ์ ทุกวันตอนเช้าโยวเอ๋อร์จะให้พวกเราเรียนกับพวกเขาวันละหนึ่งชั่วยาม”
เมิ่งอี้ได้ฟังก็ให้รู้สึกอิจฉา ถามอย่างเก้อเขิน “ให้ข้าไปเรียนด้วยได้หรือไม่?”
เมิ่งเสียนตอบ “น่าจะได้ ประเดี๋ยวเจ้าไปถามน้องสาว แต่ข้าบอกเจ้าก่อนนะ ฝึกวรยุทธ์ลำบากมาก แต่ละวันจะต้องตื่นก่อนหนึ่งชั่วยาม และห้ามล้มเลิกกลางคัน ตอนนี้น้องสาวโหดมาก หากเจ้าล้มเลิกกลางคัน นางจะอัดเจ้าจนชาติหน้าเจ้าจะไม่อยากเห็นหน้านางอีก”
เมิ่งอี้นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เขาพูด ตกใจจนจอบในมือเกือบจะร่วงพื้น แต่ก็ทำใจให้สงบนิ่ง พูดอย่างเด็ดเดี่ยว “ไม่มีทาง ข้าจะต้องยืนหยัดให้จงได้”
เมิ่งเสียนตบบ่าของเขา “หวังว่าหลังจากเจ้าผ่านการวิ่งเหนื่อยแทบรากเลือดในวันแรก จะยังพูดอย่างเด็ดเดี่ยวแบบนี้ได้”
เมิ่งต้าจินและเมิ่งเหรินกลับมาบอกเมิ่งเชี่ยนโยวว่ายืมวัวมาได้เจ็ดตัว พรุ่งนี้จะต้องไถพรวนดินเสร็จในวันเดียว
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า บอกชาวบ้านให้เร่งพลิกหน้าดินที่เหลือให้เสร็จ
กระทั่งฟ้ามืด คนทั้งหมดก็พลิกหน้าที่ที่เหลือเสร็จ
หลังจากตรวจดู เมิ่งเชี่ยนโยวก็พยักหน้าพึงพอใจ บอกพวกเขาว่า “ทุกคนพักก่อนหนึ่งวัน รอให้พรุ่งนี้ไถพรวนที่ดินทั้งหมดเสร็จ ทุกคนค่อยเข้ามาปลูกมันฝรั่ง หลังจากปลูกเสร็จ จะคิดเงินค่าแรงพร้อมกันทีเดียว”
วันรุ่งขึ้น หลังจากทุกคนกินข้าวเช้าเสร็จแต่เนิ่นๆ คนในสกุลเมิ่งทั้งหมดต่างก็รุดมายังที่ดินร้าง คนในหมู่บ้านสองสามคนต่างครอบเครื่องมือไถพรวนรออยู่ข้างที่ดินร้างแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวให้พวกเขาลงมือทำงานได้ทันที แล้วหันมาพูดความต้องการสำหรับการไถพรวนที่ดินอย่างละเอียดกับทั้งเจ็ดคนที่เพิ่งมาถึง บอกพวกเขาว่า จะไถพรวนช้าไม่เป็นไร แต่จะต้องทำการไถพรวนตามที่ตนเองต้องการอย่างเคร่งครัด
ทั้งเจ็ดคนล้วนแต่ทำงานเก่ง ได้ยินข้อเรียกร้องของนางก็เข้าใจทันที บวกกับเมื่อวานผู้ใหญ่บ้านของแต่ละคนตั้งใจแยกย้ายกันไปหาพวกเขา กำชับแล้วกำชับอีก บอกพวกเขาวันนี้จะต้องทำงานให้ดี สร้างภาพประจำใจให้แก่เมิ่งเชี่ยนโยว หากพวกเขารับสมัครคนอีก ไม่แน่ว่าจะได้คิดถึงคนในหมู่บ้านตัวเอง ดังนั้นหลังจากเมิ่งเชี่ยนโยวพูดจบ พวกเขาก็ไม่รอช้า นำเครื่องมือที่เตรียมมาครอบบนหลังวัวด้วยความไว ทำการไถพรวนพร้อมกับอีกคนหนึ่งทันที
เมิ่งต้าจินและคนอื่นๆ ก็ไม่อยู่ว่าง เข้าตรวจตราที่ดินที่ไถพรวนเมื่อวาน พอเห็นว่าไม่ตรงตามความต้องการของเมิ่งเชี่ยนโยวก็รีบนำเครื่องมือไปไถพรวนใหม่
เมิ่งเชี่ยนโยวคอยยืนตรวจตราทั้งสิบคนด้านข้าง พอเห็นว่าไม่ผ่านก็ให้พวกเขาไถพรวนอีกครั้ง
คนงานทำงานแข็งขัน ผ่านไปครึ่งวันเช้า ก็ไถพรวนไปได้กว่าครึ่ง
เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูท้องฟ้า ร้องตะโกนบอกพวกเขา “เที่ยงแล้ว ทุกคนพักก่อนเถอะ ถึงเวลากินอาหารกลางวันแล้ว”
ได้ยินเสียงตะโกนของนาง คนงานต่างหยุดมือ ถอดเครื่องมือไถพรวนออก ปล่อยวัวไปกินหญ้าตามสบายข้างริมห้วย คนต่างหมู่บ้านหยิบอาหารแห้งที่เตรียมเป็นอาหารเที่ยงออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วพูดกับพวกเขา “ข้าบอกคนที่บ้านแล้ว ให้พวกเขานำอาหารเที่ยงส่งมา พวกท่านรอประเดี๋ยวเถอะ พวกเขาน่าจะใกล้เข้ามาแล้ว”
คนต่างหมู่บ้านร้องอุทาน “แม่นาง พวกเจ้าดูแลเรื่องอาหารกลางวันด้วย?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ แค่ให้พวกเขานึ่งซาลาเปาให้จำนวนหนึ่ง”
อีกคนถามอย่างระวัง “หักเงินหรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วพูดกับทุกคน “อีกประเดี๋ยวให้ทุกคนกินให้เต็มที่ ไม่หักเงินค่าแรง”
คนทั้งหมดหันมองหน้ากันอย่างประหลาดใจแวบหนึ่ง แล้วกล่าวขอบคุณอย่างชื่นบาน “ขอบคุณแม่นาง”
เหวินเปียวสามพี่น้องและเหวินซง แบกเข่งขนาดใหญ่ควันร้อนพวยพุ่งเดินเข้ามาแต่ไกล ด้านหลังยังมีภรรยาเหวินเปียวและภรรยาเหวินหู่หาบคอนตามหลังมา
คนทั้งหมดเดินมาตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว วางหาบลง เหวินเปียวพูดอย่างนอบน้อม “แม่นาง ซาลาเปาและน้ำซุปมาถึงแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับคนทั้งหมด “เข้ามารับไปเถอะ กินกันตามสบาย กินจนกว่าจะอิ่ม”
คนต่างหมู่บ้านทั้งเจ็ดคนต่างข้ามองเจ้าเจ้ามองข้ากันเลิ่กลั่ก ใครก็ไม่เดินเข้าหา
คนในหมู่บ้านรู้จักนิสัยนาง ก้าวอาดๆ เข้าไป หยิบซาลาเปาลูกใหญ่ไปคนละหลายลูกอย่างไม่เกรงใจ เดินไปอีกด้านกัดกินคำโต
ภรรยาเหวินเปียวรีบตักซุปไปให้พวกเขาคนละถ้วย
คนต่างหมู่บ้านเห็นดังนั้นก็ไม่ลังเลอีก เดินไปข้างเข่งหยิบซาลาเปาหลายลูกเดินไปกินข้างๆ บ้าง ภรรยาเหวินเปียวก็ตักน้ำซุปส่งให้พวกเขาเช่นกัน