ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 170-2 รนหาที่ตาย
เช้าวันถัดมาหลังกินอาหารเช้า บอกลาหลงจู๊ที่อบอุ่นเป็นกันเอง คนทั้งหมดก็นั่งรถม้าเดินทางกลับ
อารมณ์ตอนกลับเต็มไปด้วยความเบิกบาน เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดม่านรถออกเต็มที่ ร่วมชมทิวทัศน์ข้างทางกับเมิ่งอี้เซวียน คอยหาเรื่องคุยกับเหวินเปียวและเหวินหู่บ้างเป็นพักๆ
เหวินเปียวบังคับรถม้าอย่างมั่นคง คงเป็นเพราะอารมณ์ดีด้วย เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกว่ารถม้าเร็วกว่าตอนขามามาก จึงพูดว่า “พวกเราอาจจะถึงบ้านตอนเที่ยงก็เป็นได้”
เหวินเปียวก็รู้สึกว่าวันนี้รถม้าวิ่งค่อนข้างเร็ว พยักหน้ารับคำ “ข้าจะบังคับให้เร็วขึ้นอีกหน่อย น่าจะถึงบ้านตอนเที่ยงได้ไม่มีปัญหา”
เมิ่งเชี่ยนโยวห้ามปราบเขา “ไม่ต้อง แบบนี้กำลังดี ถ้าเร็วกว่านี้จะโคลงเคลง”
เหวินเปียวจึงไม่เร่งความเร็วเพิ่ม คนทั้งหมดพูดคุยกันอย่างสบายใจ
เดินทางมาได้ระยะหนึ่ง ผ่านเนินเขาลูกหนึ่ง ทางเริ่มจะไม่ค่อยดี เหวินเปียวจึงลดความเร็วของรถม้าลง แม้จะทำเช่นนี้รถม้าก็ยังโคลงเคลง เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น กำลังจะกำชับให้ทั้งสองบังคับรถม้าให้ช้ากว่านี้ ในตอนนี้เองมีคนจำนวนหนึ่งพุ่งตัวออกมาจากหลังเนินเขา ขวางหน้ารถม้าร้องตะโกนเสียงลั่น “หยุดเดี๋ยวนี้!”
เหวินเปียวตกใจสะดุ้ง รีบหยุดรถม้า เหวินหู่ดึงม่านบังรถลงมา ปิดบังเมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งอี้เซวียนไว้
ทั้งสองคนเพ่งมองดู เป็นชายฉกรรจ์แต่งกายไม่ธรรมดาห้าหกคน ไม่รู้ว่าพวกเขามองพลาดเองหรือไม่ รู้สึกเหมือนชายฉกรรจ์หนึ่งในนั้นจะได้รับบาดเจ็บ
เหวินหู่กุมหมัดคารวะ “ไม่ทราบว่าเหล่าผู้กล้ามาขวางหน้ารถม้าพวกเราด้วยเหตุอันใด?”
ชายฉกรรจ์ทั้งหมดหันหน้ามองกันแวบหนึ่ง ชายฉกรรจ์คนหนึ่งก็กุมหมัดคารวะตามเขา “สหายท่านนี้ ตอนที่พวกเราเร่งเดินทางน้องชายข้าไม่ระวังเท้าได้รับบาดเจ็บ พอจะโดยสารรถม้าของพวกท่านได้หรือไม่?”
มองดูชายฉกรรจ์ที่ได้รับบาดเจ็บเอาแต่ก้มหน้าโดยมีชายฉกรรจ์อีกคนคอยพยุงร่างไว้ ประสบการณ์หลายปีของผู้คุ้มภัยทำให้พวกเขาทั้งสองระแวดระวัง เหวินหู่กล่าวตอบอย่างสุภาพ “ต้องขออภัยด้วยจริงๆ บนรถม้าพวกเรามีหญิงสาว ไม่เหมาะจะให้พวกท่านโดยสารไปด้วย”
ชายฉกรรจ์ที่กุมมือคารวะขมวดคิ้วมุ่น ร้องขออีกครั้ง “พวกเราก็หาได้จะไปไกล ไปถึงตำบลที่ใกล้ที่สุดด้านหน้าก็พอ เพราะน้องชายข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจริงๆ พวกเราจะล่าช้าไม่ได้”
เหวินหู่ยังคงไม่รับปาก พูดอย่างสุภาพ “ขออภัยทุกท่านด้วย พวกเราไม่สะดวกจริงๆ พวกท่านโดยสารรถม้าคันหลังเถอะ”
ชายฉกรรจ์ชักสีหน้า “พวกเจ้าแน่ใจว่าจะไม่อำนวยความสะดวกนี้แก่พวกเรา?”
เหวินหู่ยังคงตอบอย่างสุภาพ “ขอทุกท่านอย่าได้ถือโทษ พวกเราไม่อาจให้ความสะดวกนี้กับพวกท่านได้จริงๆ”
เห็นพวกเขาไม่ตกลง ชายฉกรรจ์หนึ่งคนในนั้นไม่ทนอีกต่อไป แผดเสียงคำราม “พี่ใหญ่ จะไปพูดพล่ามกับพวกมันทำไมอีก พวกเราแย่งรถม้าพวกมันมาก็ได้แล้ว”
ชายฉกรรจ์ที่เพิ่งพูดออกมาไม่รู้ชักดาบเล่มใหญ่ออกมาจากไหน พูดเยาะหยัน “เมื่อพูดดีๆ ด้วยพวกเจ้าไม่ทำตามก็คงต้องใช้ความรุนแรงแล้ว อย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจเล่า ถ้ารู้ความ ก็ทิ้งรถม้าแล้วไสหัวหนีไปซะ พวกเราจะไว้ชีวิตพวกเจ้า ไม่เช่นนั้น วันนี้ของปีหน้าจะเป็นวันเซ่นไหว้หหลุมศพของพวกเจ้า”
ชายฉกรรจ์ที่เหลือก็ชักดาบออกมา ล้อมรอบรถม้าไว้ แม้แต่ชายฉกรรจ์ที่พยุงร่างคนก็วางคนไว้กับพื้น ร้องตะโกนล้อมวงเข้ามา
เหวินเปียวและเหวินหู่สีหน้าเคร่งขรึม ร้องเรียกเสียงต่ำ “แม่นาง”
เมิ่งเชี่ยนโยวเบิกม่านรถออก ลงจากรถม้าอย่างเร็วรี่ เห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ถือมีดดาบ รายล้อมรอบรถม้า พลันหวาดกลัวขึ้นมา “พวกเจ้าจะทำอะไร? พวกเราไม่มีทรัพย์สินเงินทอง” พูดจบก็กำถุงเงินข้างเอวตัวเองแน่น
ชายฉกรรจ์ที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวยหมดจด ดวงตาทอแสงระยับ หันไปพูดกับคนอื่นๆ “พี่น้องทั้งหลาย โอกาสร่ำรวยของพวกเรามาถึงแล้ว จับเด็กสาวคนนี้ไปขาย เงินที่ได้จะต้องพอให้พวกเรากลับไปยังถิ่นที่จากมา ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไประยะหนึ่ง”
คนอื่นๆ ก็ตื่นเต้นดีใจไม่แพ้กัน
เมิ่งเชี่ยนโยวได้ฟังก็ให้หวาดกลัวสุดขีด กรีดร้องเสียงหลง “น้องชาย เจ้าหลบในรถม้าให้ดี อย่าได้ออกมาเด็ดขาด”
เมิ่งอี้เซวียนได้ฟังกลับยื่นศีรษะออกมา “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
ชายฉกรรจ์ทั้งหมดเห็นใบหน้างดงามสลักเสลาของเมิ่งอี้เซวียนชัดแจ้ง ก็สูดลมหายใจเข้าปาก ชายฉกรรจ์คนหนึ่งพูดอย่างคึกคะนอง “พี่ใหญ่ ใต้เท้าอู๋คอยให้ข้าหาคนที่ถูกใจให้เขา นี่ยังไม่ใช่อีกหรือ? พวกเราจับเด็กผู้ชายคนนี้มอบให้ใต้เท้าอู๋ ข้ารับรองว่าความเสียหายเมื่อคืนวานของพวกเราจะต้องเรียกกลับคืนมาได้ทั้งหมด”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งทวีความหวาดผวา “ขอร้องพวกเจ้าอย่าจับพวกเราเลย พวกเราจะมอบทรัพย์สินมีค่าที่ติดตัวมาและรถม้าให้พวกเจ้าเดี๋ยวนี้” พูดจบก็แก้ถุงเงินข้างตัวออก
เหวินเปียวและเหวินหู่เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวแสดงท่าทีเช่นนี้ ก็ให้งุนงง ยืนนิ่งอึ้ง มองเหม่อ ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
คงเพราะหวาดกลัวเกินไป อย่างไรเมิ่งเชี่ยนโยวก็แก้ถุงเงินข้างกายไม่ออก จำต้องวิงวอนชายฉกรรจ์ ขอยืมดาบในมือเขามาตัดถุงเงินออก
ชายฉกรรจ์เชื่อว่าเป็นความจริง ส่งดาบให้นางอย่างไม่ระแวงระวัง “นับว่าเจ้ายังรู้ความอยู่เป็น วางใจเถอะ ตอนที่ข้าขายเจ้า จะต้องหาที่ดี…” พูดยังไม่ทันจบ ทุกคนเห็นเพียงใบมีดสะท้อนแสงแวววาบ มือข้างหนึ่งตกลงพื้น
ขณะที่ทุกคนกำลังตะลึงค้าง ชายฉกรรจ์ที่ส่งดาบให้แผดเสียงร้องเจ็บปวด กุมแขนที่มีเลือดไหลไม่หยุดนอนล้มไปกับพื้น
ชายฉกรรจ์ที่เหลือร้องอุทานพลัน “พี่ใหญ่”
ชายฉกรรจ์เจ็บปวดจนแทบจะขาดใจ ไฉนเลยจะขานรับคำได้อีก
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับเหวินเปียวและเหวินหู่เสียงเย็นเยียบ “ไม่ต้องออมมือ ฆ่าพวกมันให้ตายแล้วโยนให้เป็นอาหารสุนัขในหุบเขา”
สถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป เหวินเปียวและเหวินหู่ที่ยังมึนงง พอเห็นเลือดสดๆ ก็ตื่นจากภวังค์ ขานรับคำ เข้าประหัตประหารชายฉกรรจ์ที่อยู่ใกล้สุดก่อน
เห็นพี่ใหญ่ถูกตัดแขนขาดหนึ่งข้าง ชายฉกรรจ์ที่เหลือก็เลือดขึ้นหน้า สองคนเข้ารับมือเหวินเปียวและเหวินหู่ อีกสามคนที่เหลือพุ่งเข้ามาหาเมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งอี้เซวียน
เมิ่งเชี่ยนโยวโยนดาบเล่มใหญ่เข้าไปในรถ พูดกับเมิ่งอี้เซวียนว่า “ถือดาบให้ดี คุ้มครองตัวเอง” พูดจบก็เข้าต่อสู้กับชายฉกรรจ์อีกสามคนด้วยมือเปล่า
เหวินเปียวและเหวินหู่มีวรยุทธ์ไม่อ่อนด้อย หากเป็นยามปกติสามารถต่อกรกับคนพวกนี้ได้สบายๆ แต่ตอนนี้พวกเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของเมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งอี้เซวียน จิตใจวอกแวก ผ่านไปหลายกระบวนท่า ก็ไม่อาจเอาชนะชายฉกรรจ์ตรงหน้าได้
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถูกชายฉกรรจ์ถือดาบเล่มใหญ่กลุ้มรุมทำร้าย ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่อาจรู้ผลแพ้ชนะได้
พวกชายฉกรรจ์โมโหเลือดขึ้นหน้า แต่ละกระบวนท่าล้วนหมายชีวิต เหวินหู่ใจไม่นิ่ง ไม่ระวังถูกชายฉกรรจ์คนหนึ่งฟันเข้าที่แขน เปล่งเสียงร้องเจ็บปวด
เหวินเปียวออกท่าคว้างกลางอากาศ หันหลบการจู่โจมของชายฉกรรจ์ ถามเขาอย่างร้อนใจ “เหวินหู่ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
เหวินหู่ร้องตอบ “บาดแผลเล็กน้อย ไม่ถึงตาย”
เมิ่งเชี่ยนโยวร่างกายอรชร ท่วงท่าปราดเปรียว ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนทำอะไรนางไม่ได้ ชายฉกรรจ์คนหนึ่งไม่รู้ว่าคิดอะไรได้ หมุนตัวพุ่งเข้าไปในรถม้าฉับพลัน เมิ่งเชี่ยนโยวแยกประสาทร้องอุทาน “อี้เซวียนระวัง!”
ชายฉกรรจ์เลิกม่านบังรถออก ยื่นมือเข้าไปหมายจะกระชากตัวเมิ่งอี้เซวียนออกมา
เมิ่งอี้เซวียนฟันฉับลงไปด้วยใบหน้าไม่ครั่นคราม แม้ชายฉกรรจ์จะมีการป้องกัน กลับชักมือออกมาไม่ทัน ถูกฟันเข้าที่หลังมือ ส่งเสียงร้องครวญคราง
ชายฉกรรจ์ที่เหลือแยกประสาทถามขึ้น “น้องห้า เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
เมิ่งเชี่ยนโยวฉวยโอกาสที่ชายฉกรรจ์คนนี้วอกแวก ย่อตัวลง ตะแคงตัวลาดไปกับพื้น เท้าขาหนึ่งถีบใส่หัวเข่าชายฉกรรจ์ ชายฉกรรจ์เจ็บปวด คุกเข่าไปกับพื้น
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบลุกขึ้น ตีอัดหน้าผากเขาเต็มแรง ชายฉกรรจ์สมองพร่าเลือน เลือดไหลนองทั่วหน้าฟุบหน้าคว่ำไปกับพื้น ดาบเล่มใหญ่ในมือถูกโยนลงพื้น
เมิ่งเชี่ยนโยวม้วนหน้าตีลังกา เก็บดาบขึ้นมา โยนไปทางเหวินหู่ “เหวินหู่ รับไว้”
เหวินหู่รับดาบเล่มใหญ่ที่เมิ่งเชี่ยนโยวโยนมาให้ แล้วกวัดแกว่งเข้าใส่ ชายฉกรรจ์ที่จู่โจมเขาลนลานถอยหลบ เหวินหู่ไม่ให้โอกาสเขาได้หายใจ กวัดแกว่งดาบเดินหน้าจู่โจม
ชายฉกรรจ์คนนี้เดิมก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหวินหู่ เพียงแค่ถือว่ามีอาวุธในมือ ถึงคุมเชิงมาได้นานเช่นนี้ ตอนนี้ในมือเหวินหู่ก็มีมีดดาบ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีก ไม่ถึงห้าหกกระบวนท่า ก็ถูกเหวินหู่เตะลอยโด่งออกไป
เหวินหู่ไม่สนใจต่อกรกับเขาอีก พาร่างมาข้างรถม้า
หลังจากที่เมิ่งอี้เซวียนฟันหลังมือชายฉกรรจ์ ก็ไม่ได้เคลื่อนไหว ยังคงนั่งในรถม้า ในมือกำดาบเล่มใหญ่แน่น พร้อมจะรับมือกับชายฉกรรจ์ที่เข้ามาทุกเมื่อ
ชายฉกรรจ์ที่ถูกฟันมือกวัดแกว่งดาบตรงเข้ามาจะฟันเขาอย่างเ**้ยมเกรียม ปากร้องก่นด่า “แม่งเอ๊ย เดิมข้าคิดจะไว้ชีวิตเจ้ามอบให้ใต้เท้าอู๋ เป็นเจ้าที่รนหาที่ตายเอง”
เมิ่งอี้เซวียนชูดาบขึ้นกั้น เพราะแรงกำลังน้อย พอสองดาบปะทะกัน ดาบในมือเขาหล่นไปบนพื้นห้องโดยสาร
ชายฉกรรจ์แสยะยิ้มพลัน “ไปตายซะเถอะ!” ดาบในมีดฟันฉับลงมา
เมิ่งอี้เซวียนตีลังกาไปข้างหน้า ม้วนตัวมาด้านหน้ารถม้า หลบใบมีดมาได้อย่างเฉียดฉิว
ชายฉกรรจ์ไม่คิดว่าเขาจะหลบรอดดาบของตัวเองได้ ตะลึงเล็กน้อย พุ่งตัวออกมาด้านหน้ารถม้า
เหวินหู่มาถึงข้างรถม้า เห็นชายฉกรรจ์กำลังยกมีดขึ้นหมายจะฟันเมิ่งอี้เซวียนอีกครั้งพอดี เหวินหู่รีบใช้ดาบในมือรับดาบของเขาไว้ ตวัดผลักเขาออกทันควัน
ชายฉกรรจ์ถูกผลักจนถอยหลังไปสองก้าว ถึงยืนนิ่งได้
เหวินหู่ร้อนใจถาม “นายน้อย ท่านไม่เป็นอะไรนะ?”
เมิ่งอี้เซวียนรีบตอบกลับ “ข้าไม่เป็นไร เจ้าระวัง!”
ชายฉกรรจ์ที่ถูกเขาผลักออกแกว่งดาบฟาดฟันมาที่เหวินหู่ เหวินหู่ขวางรับ เพียงไม่กี่กระบวนท่าก็ฟุบหมอบไปกับพื้น ไม่ขยับเขยื้อน
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลังแล้ว รับมือกับชายฉกรรจ์ตรงหน้าคล่องตัวมากขึ้น นางไม่รีบร้อนประหัตประหาร เย้าแหย่กับชายฉกรรจ์เหมือนแมวหยอกเย้าหนู ชายฉกรรจ์บุกจู่โจมนางก็หลบอย่างลื่นไหล ชายฉกรรจ์ก้าวถอยนางก็ตามติดเข้าไปปล่อยกระบวนท่าใส่เขา รอจนชายฉกรรจ์ลงมืออีกครั้ง นางก็หลบอย่างปราดเปรียว สลับไปมาเช่นนี้หลายครั้ง เมิ่งเชี่ยนโยวเล่นอย่างมีความสุข ชายฉกรรจ์กลับเหนื่อยหอบแฮ่กๆ
เหวินหู่จัดการชายฉกรรจ์คนนั้นจนหมอบแล้ว คิดจะเข้ามาช่วย
เมิ่งเชี่ยนโยวห้ามเขา “ไม่ต้อง เจ้าคุ้มกันอี้เซวียนให้ดีก็พอ”
เหวินหู่ถอยกลับไปข้างรถอย่างเชื่อฟัง
เหวินเปียวก็ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังอีก มุ่งมั่นจัดการชายฉกรรจ์ตรงหน้า โต้ตอบกันไม่กี่ครั้ง ก็สบจังหวะเหมาะเตะชายฉกรรจ์ลอยคว้างออกไป
ชายฉกรรจ์ตกกระแทกพื้นเต็มแรง เจ็บจนตาขาวพลิกกลับ หมดสติล้มพับไป
เหวินเปียวรีบเข้าไปช่วยเมิ่งเชี่ยนโยว
ชายฉกรรจ์ที่ต่อสู้กับเมิ่งเชี่ยนโยวเห็นพรรคพวกถูกจัดการล้มพ่ายไม่เหลือ หวาดหวั่นครั่นคราม แกว่งดาบสะเปะสะปะหมายจะหนี เมิ่งเชี่ยนโยวไหนเลยจะยอมให้เขาสมปรารถนา กระโดดลอยตัวเตะกลางหลังเขา
ชายฉกรรจ์ล้มคมำหน้าคว่ำไปกับพื้น
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ให้โอกาสเขาได้พลิกตัวกลับ เดินหน้าเข้าไปอัดกระทืบเขาไม่ยั้ง “แม่งเอ๊ย อารมณ์ดีๆ ถูกพวกเจ้าก่อกวนไม่เหลือแล้ว”
เหวินเปียว เหวินหู่และเมิ่งอี้เซวียนไม่เคยเห็นนางหยาบเถื่อนเช่นนี้มาก่อน พลันเกิดอาการตาโตอ้าปากค้าง
ชายฉกรรจ์ถูกกระทืบร้องโอดโอย อ้อนวอนร้องขอชีวิต
เมิ่งเชี่ยนโยวทำเป็นไม่ได้ยิน ยังเตะอัดไปอีกสิบกว่าครั้ง ถึงค่อยคลายความแค้นลง
พวกเหวินเปียวสามคนมองชายฉกรรจ์คนนั้นอย่างเห็นใจ รู้สึกว่าสู้เขาตายไปยังจะดีกว่า
พอรู้สึกว่าชายฉกรรจ์น่าจะไม่มีกำลังโต้กลับได้แล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวถึงหยุดฝ่าเท้า สั่งการเหวินเปียวและเหวินหู่ “พวกเจ้าเปลี้องผ้าพวกเขาออกให้หมด แล้วโยนให้เป็นอาหารสุนัขในหุบเขา”
เหวินเปียวและเหวินหู่ตะลึงงัน
เมิ่งเชี่ยนโยวย่นหัวคิ้ว “ทำไม ไม่ได้หรือ?”
เหวินเปียวพูดอย่างระมัดระวัง “แม่นาง ท่านขึ้นไปนั่งบนรถสักครู่ได้หรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใจความหมายเขา พูดอย่างไม่แยแส “พวกเจ้ารีบเปลี้องผ้าพวกเขาออก ข้าไม่ว่าอะไร…” คำพูดต่อมาพอเห็นเมิ่งอี้เซวียนก็กลืนกลับลงไป เปลี่ยนมาพูดว่า “รู้แล้ว พวกเจ้ารีบจัดการ มาถูกพวกเขาทำให้เสียเวลา พวกเราไม่รู้ว่าจะได้กลับถึงบ้านเมื่อใด” พูดจบก็กระทืบใส่ชายฉกรรจ์ระบายอารมณ์อีกครั้ง
ชายฉกรรจ์ร้องครวญคราง
เหวินเปียวและเหวินหู่ยิ่งทวีความเวทนาเห็นใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับขึ้นไปนั่งบนรถม้า ร้องเรียกเมิ่งอี้เซวียน “เจ้าก็มาด้วย”
เมิ่งอี้เซวียนไปนั่งข้างนางอย่างเชื่อฟัง
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้สนใจ เปล่งเสียงร้องสั่งทั้งสองคนด้านนอก “รีบหน่อย”
เหวินเปียวและเหวินหู่รับคำ คิดจะถอดเสื้อผ้าของชายฉกรรจ์ที่ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวกระทืบอย่างน่าเวทนาจนแทบทนดูไม่ได้ออก ชายฉกรรจ์ยังมีสติ ย่อมไม่ยินยอม ดิ้นสะบัดร่างกายตัวเองสุดชีวิต เหวินหู่โมโหของขึ้น ใช้ด้ามดาบกระแทกเขาจนสลบไป