ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 170-3 รนหาที่ตาย
ทั้งสองถอดเสื้อผ้าบนตัวเขาออกอย่างว่องไว โยนไปด้านข้าง เดินไปหาชายฉกรรจ์อีกคน พลันได้ยินเสียงฝีเท้าม้าดังแว่วมาลิบๆ ทั้งสองไม่รู้ว่าควรจะถอดเสื้อผ้าพวกเขาต่อหรือไม่ กำลังจะเอ่ยปากถาม เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินเสียงดังลอยเข้ามาในรถม้า “ไม่ต้องหยุด เปลี้องผ้าพวกเขาออกให้หมด หากข้าเดาไม่ผิด น่าจะเป็นคนของเปาอีฝาน”
ทั้งสองแคลงใจเมิ่งเชี่ยนโยวรู้ได้อย่างไรว่าผู้ที่มาคือคนของเปาอีฝาน แต่ก็ไม่ได้ถามอีก ถอดเสื้อผ้าชายฉกรรจ์อีกคนออกจนหมด
ตอนที่เปาอีฝานนำกำลังคนมาถึงเนินเขา เห็นชายฉกรรจ์ทั้งหมดถูกถอดเสื้อผ้าออกหมดก็ชะงักงัน
เหวินเปียวและเหวินหู่เห็นว่าเป็นเปาอีฝาน ก็ลุกขึ้นกล่าวทักทายอย่างอ่อนน้อม “คุณชายเปา”
เปาอีฝานมองดูชายฉกรรจ์ที่ถูกเปลี้องผ้าเนื้อตัวเปล่าเปลือย แล้วมองเหวินเปียวและเหวินหู่ หยั่งเชิงเอ่ยถาม “นี่พวกเจ้า…?”
เสียงเมิ่งเชี่ยนโยวดังลอยออกมาจากในรถม้า “พวกไม่รู้จักที่ตายพวกนี้ กล้ามาขวางรถม้าของพวกเรา ยังหมายจะเอาพวกเราสองคนไปขาย ไม่จับพวกเขาโยนให้เป็นอาหารสุนัขในหุบเขา เพลิงโทสะในใจข้าจะสลายอย่างไร” พูดจบเลิกม่านบังรถเดินออกมา
เหวินเปียวและเหวินหู่พรวดพราดเดินไปบังหน้าชายฉกรรจ์ที่ถูกเปลี้องผ้าล่อนจ้อน ร้องอุทาน “แม่นาง”
เมิ่งเชี่ยนโยวถลึงตาใส่พวกเขา “ร้องอะไร? รีบลงมือเข้า!”
ทั้งสองไม่เข้าใจ เหวินเปียวลนลานพูด “แม่นาง ท่านกลับเข้าไปในรถม้าก่อน พวกเราจะทำเสร็จเดี๋ยวนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมืออย่าไม่แยแส “พวกเจ้าถอดของพวกเจ้าไป ข้าไม่ได้จะดูเสียหน่อย”
เหวินเปียวและเหวินหู่ทำหน้ากระอักกระอ่วน
เปาอีฝานก็รู้สึกว่านางออกมาไม่เหมาะสม พูดเตือน “เจ้าเป็นสตรี เห็นร่างกายบุรุษเพศอย่างไรก็ไม่เหมาะสม รีบกลับเข้าไปในรถม้าเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวได้ฟังก็โมโห “ทั้งหมดนี้ใครเป็นคนก่อ หากไม่เพราะท่านวางแผนไม่รัดกุม ให้พวกเขาหนีรอดได้ พวกเราจะดวงซวยมาถูกพวกเขาขวางไว้เยี่ยงนี้หรือ?”
เปาอีฝานสะอึกกึก
เมิ่งเชี่ยนโยวถลึงตาใส่พวกเหวินเปียว “ยังไม่รีบอีก?”
ทั้งสองเห็นเปาอีฝานยังถูกดักคอ ไม่กล้าฝ่าฝืน รีบถอดเสื้อผ้าชายฉกรรจ์ที่เหลือ
เปาอีฝานหยุดยั้งพวกเขา “พวกเจ้าอย่าเพิ่งลงมือ”
ทั้งสองหยุดมือ มองเขาอย่างฉงน
เปาอีฝานลงจากม้า เดินไปตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว ถามอย่างระวัง “มอบพวกเขาให้ข้าได้หรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวปฏิเสธเสียงแข็ง “ไม่ได้!”
เปาอีฝานกดเสียงต่ำพูดว่า “พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นหัวโจกขบวนการค้ามนุษย์ เมื่อคืนวานเกิดความพลั้งพลาด ทำให้พวกเขาหนีรอดไปได้ พวกเราออกตามหาตั้งแต่เมื่อวานกลางดึกจนถึงตอนนี้ กว่าจะหาพวกเขาเจอ…”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดตัดบทเขา “ไฉนเลยจะมีเรื่องง่ายดายเช่นนี้ พวกท่านประมาทเลินเล่อ กลับเกือบทำให้พวกเราทั้งหมดต้องสังเวยชีวิต หากไม่เพราะเหวินเปียวเหวินหู่วรยุทธ์สูง ตอนนี้ที่นอนตายอยู่เบื้องหน้าพวกท่านก็คือข้า ตอนนี้ท่านยังจะมีหน้ามาเอ่ยปากขอคน”
เปาอีฝานสะอึกกึกอีกครั้ง ครู่ใหญ่ถึงเอ่ยถาม “เช่นนั้นเจ้าจะเอาอย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบอย่างมีเหตุมีผล “ก็โยนพวกเขาให้เป็นอาหารของสุนัขในหุบเขาอย่างไร”
เปาอีฝานเห็นนางโมโหจริงๆ แล้ว ยิ่งให้เพิ่มความระมัดระวัง “พวกเราพอจะตกลงกันหน่อยได้หรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวปฏิเสธ “ไม่มีอะไรต้องตกลง วันนี้ใครขวางข้า ข้าจะเอาเรื่องคนผู้นั้น”
เหวินเปียวและเหวินได้ฟัง ผลุนผลันเข้าไปถอดเสื้อผ้าชายฉกรรจ์ที่ข้างรถ
เปาอีฝานรีบร้อนพูดเสียงต่ำ “ทางการมีหมายจับออกมาแล้ว พวกเขาแต่ละคนมีค่าหัวคนละห้าร้อยตำลึง หากเจ้ามอบพวกเขาให้ข้า เงินสามพันตำลึงนี้ข้าจะมอบให้เจ้าทั้งหมด”
เมิ่งเชี่ยนโยวแค่นเสียงหึ ถามเขา “ข้าขาดเงินสามพันตำลึงนี้หรือ?”
เปาอีฝานไม่มีทางเลือก จำต้องงัดป้ายความสัมพันธ์ออกมา “หากวันนี้เจ้าโยนพวกเขาเป็นอาหารสุนัข คดีนี้ก็จะขาดการให้ปากคำที่สำคัญที่สุด ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่อาจปิดคดีนี้ได้ ข้าก็จะไม่มีเวลาพาฮุ่ยเอ๋อร์ไปบ้านพวกเจ้า ฮุ้ยเอ๋อร์ดีต่อเจ้าเช่นนี้ เจ้าไม่คิดอยากเจอนางเร็วๆ หรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวย่นหัวคิ้ว
เปาอีฝานเห็นว่ามีแวว โหมเชื้อไฟเพิ่ม “เจ้าวางใจ ข้าจับพวกเขากลับไป จะไม่ให้พวกเขาได้อยู่สบาย ข้าจะช่วยเจ้าชำระแค้นเอง”
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปร้องบอกพวกเหวินเปียวที่กำลังก้มหน้าก้มตาถอดเสื้อผ้า “พวกเจ้าหยุดก่อน”
ทั้งสองหยุดมือ เดินมาข้างเมิ่งเชี่ยนโยว บังหน้านางไว้
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปโบกมือให้เปาอีฝาน “รีบพาพวกเขาไป ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ”
เปาอีฝานกำลังจะกวักมือเรียกเจ้าหน้าที่ด้านหลัง กลับเห็นชายฉกรรจ์ที่ถูกจับเปลี้องผ้าล่อนจ้อนข้างรถม้าหยิบดาบที่อยู่ไม่ไกลข้างตัวยันกายลุกขึ้นหมายจะฟันไปที่รถม้าสุดแรงเกิด พลันร้องเสียงหลง “อี้เซวียนระวัง!”
แต่สายเกินไป ดาบเล่มใหญ่ของชายฉกรรจ์ฟันฉับลงไปแล้ว คงเพราะผลีผลามเกินไป ฟันไม่โดนเมิ่งอี้เซวียน แต่ฟันถูกตัวรถม้า
เปาอีฝานลอยตัวทะยานออกไป ใช้เท้าถีบชายฉกรรจ์ฟุบไปกับพื้นอีกครั้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจสะดุ้ง ก้าวเท้าฉับๆ ไปข้างชายฉกรรจ์ที่กำลังกระเสือกกระสนจะลุกขึ้น และไม่สนว่าในมือเขายังมีดาบหรือไม่ เตะใส่เขาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “ข้ายังทำใจทำร้ายเขาไม่ได้ เจ้ากลับกล้าลงมือกับเขา เมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ข้าจะสงเคราะห์ให้เอง”
แม้แต่ดาบชายฉกรรจ์ก็ไม่ต้องการแล้ว ร้องครวญครางโหยหวน
เห็นสภาพน่าสังเวชของเขา พวกเหวินเปียวที่เห็นความเป็นความตายจนชินชายังทนดูต่อไปไม่ได้
เปาอีฝานยิ่งไม่ต้องพูดถึง ยืนถลึงตาอ้าปากค้างอยู่ที่เดิม กระทั่งเสียงร้องชายฉกรรจ์ขาดหาย ถึงได้สติกลับมา เดินเข้าไปยับยั้งนาง “พอแล้ว ไม่ต้องกระทืบแล้ว ทำอีกเขาได้ตายพอดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวกระทืบใส่อย่างเคืองโกรธอีกสองสามครั้งถึงหายแค้น
เปาอีฝานหันไปสะบัดมือให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่รีบเข้ามาลากชายฉกรรจ์ทั้งหมดไปไว้อีกด้าน
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาข้างรถม้า เลิกม่านบังรถออก ถามเมิ่งอี้เซวียน “เจ้าไม่เป็นอะไรนะ?”
เมิ่งอี้เซวียนส่งรอยยิ้มปลอบประโลมแก่นาง ตอบว่า “ข้าไม่เป็นไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นสีหน้าเขาเป็นปกติ ไม่ได้มีอาการขวัญผวา ก็โล่งอก หันหลังไปตำหนิเปาอีฝาน “หากไม่เพราะท่านจะพาพวกเขาไปให้ได้ พวกเหวินเปียวได้โยนพวกเขาลงไปในหุบเขานานแล้ว ไฉนเลยจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น”
เปาอีฝานลนลานขอโทษ “ข้าเลินเล่อเอง ขออภัยเจ้าด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างไม่พอใจ “ขอโทษจะมีประโยชน์อะไร ยังดีที่อี้เซวียนไม่เป็นอะไร หากอี้เซวียนเป็นอะไรขึ้นมา เจ้ากับข้าแม้แต่เพื่อนก็เป็นไม่ได้”
เปาอีฝานยิ่งน้อมรับผิดขอโทษ
เมิ่งเชี่ยนโยวแค่นเสียงหึพูดหนึ่งประโยค “อีกสองสามจะต้องส่งเงินสามพันตำลึงมาที่บ้านข้า”
เปาอีฝานรับคำ “เจ้าวางใจ จะต้องส่งไปให้เจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับเสร็จถึงสั่งการพวกเหวินเปียว “เก็บกวาดรถม้า พวกเราไป” พูดจบ ก็ไม่บอกลาเปาอีฝานกลับไปข้างรถม้า เห็นรอยดาบที่ถูกฟันลงมาบนตัวรถ ก็ให้นึกเสียใจที่เมื่อครู่ตัวเองกระทืบเบาเกินไป หันไปพูดกับเปาอีฝานอย่างกระฟัดกระเฟียด “เพิ่มอีกหนึ่งเงื่อนไข ส่งรถม้าคันใหม่มาให้ข้าด้วย”
เปาอีฝานรับคำ
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งบนรถม้าเรียบร้อย สั่งการเหวินเปียว “ไปได้”
เหวินเปียวขานรับ กล่าวลาเปาอีฝานอย่างนอบน้อม ถึงบังคับรถม้าค่อยๆ มุ่งหน้ากลับ
เปาอีฝานมองรถม้าจากไปไกล สั่งเจ้าหน้าที่ให้สวมเสื้อผ้าให้ชายฉกรรจ์ที่ถูกเปลื้องผ้าออก แล้วสั่งเจ้าหน้าที่กุมตัวพวกเขากลับไป
ประสบกับเหตุการณ์กลับตาลปัตร อารมณ์ที่ดีของเมิ่งเชี่ยนโยวมลายหายไปสิ้น นั่งขมวดคิ้วนิ่วหน้าในห้องโดยสารไม่รู้ว่าคิดอะไร
เมิ่งอี้เซวียนเห็นนางสีหน้าไม่สู้ดี เม้มริมฝีปาก พูดอย่างระวัง “ความจริงข้าคุ้มครองตัวเองได้ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไร
เมิ่งอี้เซวียนไม่พูดต่ออีก นั่งเงียบๆ เป็นเพื่อนนาง
ตลอดทางไร้การพูดคุย ยามเที่ยงรถม้ามาถึงอำเภอชิงเหอ
เมิ่งเชี่ยนโยวให้เหวินหู่ลงรถไปซื้อซาลาเปา คนทั้งหมดรีบเร่งเดินทาง กระทั่งยามบ่ายกว่าๆ ถึงมาถึงบ้าน
เมิ่งชื่อออกมารอหน้าประตูบ้านตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ไม่เห็นคนกลับมา ในใจร้อนรนกระวนกระวาย วันนี้จึงหยิบเก้าอี้เตี้ยตัวหนึ่งออกมานั่งหน้าประตูใหญ่ ด้านหนึ่งเย็บกระเป๋านักเรียนด้วยใจเลื่อนลอย ด้านหนึ่งคอยแหงนหน้าชะเง้อมองเป็นพักๆ
ตอนที่ยังไม่เข้าหมู่บ้าน เมิ่งเชี่ยนโยวก็กำชับทุกคน ห้ามบอกเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างทางกับคนในครอบครัว
ทั้งสามพยักหน้า
เมิ่งชื่อเห็นรถม้าตรงเข้ามาแต่ไกล ลุกขึ้นอย่างยินดี รอจนรถม้าใกล้เข้ามา ก็เข้าไปต้อนรับ “พวกเจ้ากลับมาเสียที แม่เป็นห่วงจะแย่แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า เข้าไปคล้องแขนเมิ่งชื่ออย่างรักใคร่ “ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเรามิใช่กลับมาแล้วหรือ?”
เมิ่งชื่อตำหนิโทษนาง “พูดเองแท้ๆ ว่าจะกลับมาเมื่อวาน ดูพวกเจ้าเล่า กลับมาช้าหนึ่งวัน แม่จะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวกอดแขนนางแน่น “พวกเรากลับมาช้าวันหนึ่ง เพราะว่ามีเรื่องดีอย่างไร”
เมิ่งชื่อฟังน้ำเสียงสดใสของนาง อารมณ์ก็เบิกบานตามไปด้วย แสร้งข่มขู่นาง “เรื่องดีอะไร บอกแม่สิ หากแม่รู้สึกว่าไม่ดี จะตีก้นเจ้าให้ลาย”
เมิ่งเชี่ยนโยวปล่อยเมิ่งชื่อ ยืนตรงหน้านาง พูดเย้าแหย่ “ท่านแม่ต้องยืนให้มั่นคงนะ พอข้าพูดข่าวดีออกไป รับรองว่าท่านต้องตกใจสะดุ้ง”
เมิ่งชื่อแสร้งตีนางหนึ่งที “เลิกโยกโย้กับแม่ได้แล้ว รีบพูดมา”
“ข่าวดีของข้าก็คือ…” พูดถึงตรงนี้ก็จงใจหยุดชะงัก ถามเมิ่งชื่อ “ท่านแม่ ท่านยืนมั่นคงแล้วหรือไม่?”
เมิ่งอี้เซวียนอยู่ด้านหลังปิดปากแอบหัวเราะชอบใจ
เมิ่งชื่อโมโหคิดจะตีนางอีก “เจ้าลูกคนนี้ อยากให้แม่โมโหตายใช่ไหม?”
เมิ่งเชี่ยนโยวถึงพูดกับเมิ่งชื่อเสียงดัง “ท่านแม่ อี้เซวียนสอบระดับจังหวัดได้ที่หนึ่ง!”
เมิ่งชื่อจับตัวเมิ่งเชี่ยนโยวแน่น ถามนางน้ำเสียงละล่ำละลัก “เจ้าพูดเป็นความจริง อี้เซวียนสอบได้ที่หนึ่ง?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
เมิ่งชื่อตื่นเต้นดีใจ ถามด้วยริมฝีปากสั่นระริก “หมายความว่า หมายความว่าอี้เซวียนสอบถงเซิงได้แล้ว?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับอย่างซุกซน “คลับคล้ายว่าจะเป็นเช่นนั้น”
เมิ่งชื่อตีนางอีกครั้ง “คลับคล้ายอะไรกัน เป็นเช่นนั้นต่างหาก”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะร่วน
เมิ่งชื่อตื่นเต้นยินดีตะโกนเข้าไปในลานบ้านเสียงลั่น “เจี๋ยเอ๋อร์ รีบออกมา”
เมิ่งเจี๋ยที่กำลังเล่นซุกซนอยู่ในลานบ้านวิ่งปรู๊ดออกมา
เมิ่งชื่อร้อนรนพูดกับเขา “เร็ว ไปบอกพ่อเจ้าที่แปลงดิน บอกว่าอี้เซวียนสอบถงเซิงได้แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินนางพูดก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี รวบตัวเมิ่งเจี๋ยที่กำลังจะวิ่งไปแปลงดิน กล่าวเตือนเมิ่งชื่อ “ท่านแม่ ตอนนี้บ้านเรามีคนและรถม้าให้ใช้อยู่พร้อม ให้พวกเขาไปแจ้งข่าวก็ได้แล้ว”
เมิ่งชื่อตบหน้าผาก “แม่ดีใจจนเอ๋อแล้ว ลืมเรื่องนี้ไปได้” พูดจบก็สั่งเหวินเปียว “เจ้ารีบไปเรียกพวกเขาที่ที่ดินร้าง บอกว่าอี้เซวียนสอบถงเซิงได้แล้ว ให้พวกเขารีบกลับมา”
เหวินเปียวขานรับคำ หันหัวม้ามุ่งหน้าไปยังแปลงดินโดยไว
เมิ่งเจี๋ยในอ้อมกอดเมิ่งเชี่ยนโยวถามขึ้นอย่างเดียงสา “เช่นนั้นข้ายังต้องไปหรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวลูบหัวเขา หัวเราะครื้นเครง
เมิ่งชื่อปลาบปลื้มใจเดินไปตรงหน้าเมิ่งอี้เซวียน “อี้เซวียน ครั้งนี้เจ้าสร้างชื่อเสียงเกียรติยศแก่สกุลเมิ่งโดยแท้ แม่ดีใจจนพูดไม่ออกแล้ว แม่ขอรับประกัน ต่อไปจะดีต่อเจ้ายิ่งกว่านี้”
เมิ่งอี้เซวียนแย้มยิ้มตอบ “ขอบคุณท่านแม่”
เมิ่งชื่อกล่าวตอบ “เด็กโง่ ขอบคุณอะไร เป็นสิ่งที่แม่สมควรทำแล้ว”
เหวินเปียวเร่งบังคับรถม้ามาถึงที่ดินร้างโดยไว ตามหาตัวเมิ่งเอ้ออิ๋น กล่าวว่า “นายท่าน นายน้อยสอบถงเซิงได้แล้ว ฮูหยินให้ท่านรีบกลับไป”
ถังน้ำในมือเมิ่งเอ้ออิ๋นตกลงพื้นดัง “พลั่ก” ถามเหวินเปียวอย่างยินดี “อี้เซวียนสอบถงเซิงได้แล้ว?”
เหวินเปียวตอบอย่างอ่อนน้อม “ใช่ขอรับ ผลการสอบเมื่อวานก็ออกมาแล้ว นายน้อยสอบได้ที่หนึ่งขอรับ”
เมิ่งเอ้ออิ๋นยิ่งปิติยินดี ไม่สนใจถังน้ำแล้ว สาวเท้าเดินไปข้างรถม้า “เร็วๆๆ พวกเรารีบกลับบ้าน”
เมิ่งต้าจินเห็นเหวินเปียวบังคับรถม้าเข้ามา พูดบางอย่างกับเมิ่งเอ้ออิ๋น เมิ่งเอ้ออิ๋นก็ตะลีตะลานขึ้นรถม้าไป นึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่บ้าน ตะเบ็งเสียงร้องถาม “น้องรอง เกิดอะไรขึ้นที่บ้านหรือ?”
เมิ่งเอ้ออิ๋นเพิ่งเข้าไปนั่งในรถม้า ได้ยินเมิ่งต้าจินร้องถาม ถึงได้สติกลับมา ตัวเองเอาแต่ดีใจไม่ทันได้บอกกล่าวคนอื่นในครอบครัว จึงออกมานอกรถม้า ตะโกนบอกคนในสกุลเมิ่งบนแปลงดิน “ทุกคนไม่ต้องทำงานแล้ว รีบกลับบ้านไปกับข้า อี้เซวียนสอบถงเซิงได้แล้ว พวกเรากลับไปฉลองกันให้เต็มที่เถอะ”
ได้ยินข่าวดีนี้ คนในสกุลเมิ่งต่างดีอกดีใจ เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีดีใจกระโดดตัวลอย มีเพียงเมิ่งเหรินที่ใบหน้าฉายแววหมองมัว
ชาวบ้านที่มาทำงานในแปลงดินต่างก็ประหลาดใจ ไม่คิดว่าเมิ่งอี้เซวียนอายุเพียงเท่านี้ก็สอบถงเซิงได้แล้ว
ทุกคนต่างวางงานในมือ ทยอยกันเดินกลับมาบ้าน
เมิ่งเอ้ออิ๋นก็ไม่นั่งรถม้าแล้ว เดินกลับบ้านพร้อมกับทุกคน
คนในหมู่บ้านเห็นทั้งครอบครัวเดินดาหน้ามาเป็นขบวนก็ให้ประหลาดใจ
เมิ่งเอ้ออิ๋นไม่รอให้ทุกคนซักถาม ก็บอกพวกเขาอย่างปลื้มปิติ เมิ่งอี้เซวียนสอบถงเซิงได้แล้ว ไม่นานเท่าไหร่ ข่าวนี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ทุกคนต่างอิจฉาและริษยา อิจฉาที่บ้านเมิ่งมีถงเซิงที่อายุน้อยอีกคนแล้ว ริษยาก็คือเหตุใดเมิ่งเอ้ออิ๋นถึงโชคดีเช่นนี้ เก็บเด็กมาเลี้ยงมั่วๆ ก็มีอนาคตสดใสได้เช่นนี้