ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 173-1 ซุนเชี่ยนสารภาพรัก เมิ่งเสียนผวาตกใจ
ทั้งครอบครัวหัวเราะครืน
เมิ่งเอ้ออิ๋นพูดหยอกเย้า “เดี๋ยวนี้แม่เจ้าขี้งกขึ้นเรื่อยๆ”
เมิ่งชื่อถลึงตาใส่เขา “กระเป๋านักเรียนชั้นดีของข้าเพิ่งจะขายได้ใบละหกตำลึง ยังรวมเงินค่าแรงคนงานอยู่ในนั้น เงินหลายร้อยตำลึงนั่นข้าต้องขายกระเป๋านักเรียนกี่ใบถึงจะได้กำไรกลับคืนมา?”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะพูด “ท่านแม่ เงินพวกนี้ข้าจ่ายเอง ไม่ต้องใช้เงินขายกระเป๋านักเรียนของท่าน”
เมิ่งชื่อยิ่งโมโหเท้าสะเอวแอ่นอก “ไม่ได้ ตกลงกันแล้วว่าแม่เป็นคนจ่าย แม่จะไม่ยอมให้ภายหน้าพ่อเจ้ามาหัวเราะเยาะได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ
งานเลี้ยงหลิวสุ่ยสีผ่านพ้นไปแล้ว เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉก็สมควรไปโรงเรียนแล้ว
คืนวันก่อนหน้า เมิ่งเชี่ยนโยวใส่ซองแดงเป็นเงินสองตำลึงหลายใบ
เมิ่งชื่อเห็นก็ให้สงสัย ถามนางว่าเตรียมซองแดงนี้ไปทำอะไร?
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบว่าตัวเองรับปากพวกอาจารย์ว่าถ้าอี้เซวียนสอบถงเซิงได้จะมอบซองแดงให้พวกเขา
เมิ่งชื่อก็ให้เจ็บปวดใจอีกครั้ง
เช้าตรู่วันถัดมา เมิ่งเชี่ยนโยวให้เหวินเปียวและเหวินหู่ออกเดินทางเร็วขึ้นสองเค่อ พอมาถึงหน้าประตูโรงเรียน อาจารย์เวรก็เพิ่งมาถึง เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวและน้องๆ ยืนข้างรถม้า ก็ให้ประหลาดใจ เดินเข้าไปถาม “เหตุใดวันนี้พวกเจ้าถึงมาเช้าเช่นนี้?”
เมิ่งเชี่ยนโยวคลี่ยิ้มหยิบซองแดงใบหนึ่งออกมา วางบนมืออาจารย์ “เพราะคำอวยพรของท่านอาจารย์ น้องชายข้าถึงสอบถงเซิงได้ นี่เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยของข้า หวังว่าท่านอาจารย์จะรับไว้”
อาจารย์รีบบอกปัด “ไม่ได้เด็ดขาด ที่อี้เซวียนสอบถงเซิงได้ เพราะเขามีความรู้ดี ข้าหาได้ช่วยอะไรเขาไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเกลี้ยกล่อม “ท่านรับไว้เถอะ ต่อไปยังต้องรบกวนท่านช่วยดูแลอี้เซวียนด้วย”
อาจารย์ได้รับเงินค่าสอนเพียงเดือนละห้าตำลึง เห็นห่อซองแดงซองใหญ่ก็ให้หวั่นหวามหัวใจ เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวดึงดันจะให้ให้ได้ จึงไม่บอกปัดอีก รับมาใส่ชายแขนเสื้อตัวเอง “ขอบใจแม่นางเมิ่ง”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ
อาจารย์รู้สึกว่าตัวเองรับซองแดงมารู้สึกประดักประเดิด จึงหยั่งเชิงพูดขึ้น “มีเรื่องบางอย่าง ไม่รู้ว่าสมควรพูดหรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เชิญท่านอาจารย์พูด”
อาจารย์ขบคิดครู่หนึ่ง พิจารณาถ้อยคำแล้วกล่าวว่า “อี้เซวียนฉลาดล้ำเกินคน ยากจะหานักเรียนคนไหนเทียบเทียมได้ เอาแต่อยู่ในโรงเรียนเกรงจะถ่วงอนาคตของเขา ข้าแนะนำแม่นางหาอาจารย์เลื่องชื่อมาประสิทธิ์ประสาทวิชาให้เขาเป็นการส่วนตัว ภายหน้าเขาจะต้องมีอนาคตที่เกรียงไกร”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เคยคิดถึงปัญหานี้มาก่อน ได้ฟังก็ชะงักงันไปครู่หนึ่ง แล้วยิ้มพูดว่า “ขอบคุณท่านอาจารย์ที่แนะนำ ข้าจะลองนำกลับไปคิดทบทวนให้ดี”
อาจารย์พยักหน้า “หวังว่าแม่นางจะตัดสินใจได้โดยไว อย่าได้ถ่วงอนาคตของน้องชายท่าน”
หน้าประตูโรงเรียเริ่มมีรถม้าทยอยเข้ามา อาจารย์กลับไปยืนหน้าประตูใหญ่ เปิดประตูใหญ่ออกตรงตามเวลา
พอเห็นเมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉเดินเข้าไปแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวยืนครุ่นคิดข้างรถม้าครู่หนึ่ง แล้วสั่งการเหวินเปียว “ไปร้านยาเต๋อเหริน”
เรื่องที่เมิ่งอี้เซวียนสอบถงเซิงได้ สกุลเมิ่งจัดงานเลี้ยงหลิวสุ่ยสีสามวัน ช่วงเวลาสั้นๆ เพียงสามวันข่าวนี้ก็แพร่สะพัดมาถึงในตำบล เหวินซื่อและหมอชราก็รู้เรื่องนี้แล้ว
เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามาแต่เช้า หมอชราที่เพิ่งจะนั่งลงข้างโต๊ะตรวจ พูดขึ้น “น้องชายเจ้าอายุเพียงเท่านี้ก็สอบถงเซิงได้ ขอแสดงความยินดีกับแม่นางเมิ่งด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวประหลาดใจ “ข่าวมาถึงในตำบลเร็วเช่นนี้เลย?”
หมอชรายิ้มพูด “โรงหมอแห่งนี้มีผู้ป่วยจากทุกสารทิศ ข่าวย่อมจะรวดเร็วกว่าที่อื่น”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าถาม “นายท่านของพวกท่านเล่า?”
หมอชรานึกว่าปรุงยารักษาแผลเป็นเสร็จแล้ว นึกยินดีในใจ “นายท่านของพวกเราอยู่ชั้นบน ข้าจะพาเจ้าขึ้นไป” พูดจบ เดินนำทาง พานางขึ้นไปชั้นบน
เหวินซื่อกำลังตรวจดูบัญชี เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวขึ้นมา โยนบัญชีในมือทิ้งไปทันที ลุกขึ้นยืน พูดอย่างดีใจ “ข้ากำลังจะเตรียมของกำนัลไปแสดงความยินที่บ้านพวกเจ้าพอดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือออกไป “เอามา!”
เหวินซื่อตะลึงเล็กน้อย ถามอย่างไม่เข้าใจ “อะไร?”
“ของกำนัลอย่างไร เจ้ามิได้จะส่งไปบ้านพวกเราหรือ? ข้ามาเอาไปพอดี ไม่ต้องรบกวนเจ้าเทียวไปเทียวมา” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ
เหวินซื่อตะเบ็งเสียง “ยายตัวแสบ ไม่เคยเกรงใจเลยสักนิด ข้ายังเตรียมของกำนัลไม่เสร็จ เจ้าก็ยื่นมือออกมาแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวชักมือกลับ เบะปาก “ข้าว่าแล้ว เจ้ามันก็ดีแต่ปาก หาได้ตั้งใจจะมอบของกำนัลให้พวกเราจริงๆ”
เหวินซื่อโมโหแผดเสียงดังขึ้น “ข้าไม่มีความตั้งใจอย่างไร เมื่อวานข้าปรึกษากับเหล่าอวี๋ตั้งเป็นนาน ถึงตกลงกันได้ว่าจะซื้ออะไรให้พวกเจ้า นี่ก็ให้พนักงานออกไปซื้อหาตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว ใช่ไหม เหล่าอวี๋?”
หมอชราช่วยประสานเสียง “ที่นายท่านพูดเป็นความจริง พนักงานที่ออกไปซื้อของกำนัลน่าจะใกล้กลับมาแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพนักหน้า “ก็ได้ ข้าจะเชื่อเจ้าสักครั้ง”
เหวินซื่อได้ฟังก็ยิ่งให้โมโห “เจ้ามายั่วโมโหข้าแต่เช้า เจตนาใช่หรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวปัดมือ พูดด้วยน้ำเสียงเอ้อระเหย “วันนี้ข้ามีเรื่องจะขอร้องเจ้า ข้าไม่กล้าล่วงเกินเจ้าหรอก”
เหวินซื่อได้ฟัง พลันเก็บอาการโมโห วางท่าวางทางกลับไปนั่งบนเก้าอี้ ยกขาไขว่ห้าง ถามนางอย่างสบายอารมณ์ “มีเรื่องอะไรจะขอร้องข้า พูดมาเถอะ ถ้าข้าพอใจจะรับปากเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นท่าทีวางมาดเสแสร้งของเขา หยิบถ้วยน้ำชาเปล่าบนโต๊ะได้ก็ขว้างออกไป
เหวินซื่อตกใจสะดุ้งโหยง เบี่ยงกายเร้นหลบ “นังตัวแสบ เจ้าทุ่มใส่ข้าทำไม”
“เห็นแล้วขวางหูขวางตา”
เหวินซื่อสะอึกกึก
หมอชราแอบขำ
เหวินซื่อแผดเสียงอีกครั้ง “เจ้าใช้ท่าทีเช่นนี้มาขอร้องข้าอย่างนั้นเรอะ จะบอกให้นะ ตอนนี้ข้าอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก ระวังข้าจะไม่ช่วยเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างไม่แยแส “ไม่ช่วยก็ไม่ต้องช่วย ข้าจัดการเองก็ได้”
เหวินซื่อสะอึกกึกอีกครั้ง
หมอชราเข้าไปกอบกู้สถานการณ์ “แม่นางเมิ่ง ท่านมีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะ นายท่านของพวกเราจะต้องช่วยท่าน”
เหวินซื่อโมโหแค่นเสียงหึ กลับไม่ได้พูดโต้แย้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับเขาตามตรง “เจ้าเขียนจดหมายให้ท่านแม่ทัพฉู่ ให้เขาช่วยหาอาจารย์ที่มีความรู้ดีในเมืองหลวงและปรมาจารย์ที่มีวิทยายุทธสูงส่งมาอย่างละคน”
เหวินซื่อได้ฟังก็ลืมความโมโห ถามอย่างประหลาดใจ “เจ้าจะหาคนเช่นนี้ไปทำอะไร?”
“เมื่อครู่อาจารย์ที่โรงเรียนพูดว่า น้องชายข้าอัจฉริยะฉลาดเลิศล้ำ อยู่ที่โรงเรียนเกรงจะถ่วงอนาคตของเขาได้ แนะนำให้ข้าหาอาจารย์มีชื่อมาประสิทธิ์ประสาทวิชาให้เขา ข้าจะไปรู้จักคนเหล่านี้ได้จากไหน คิดว่าในเมืองหลวงมีคนมีการศึกษาสูงเยอะ ดังนั้นจึงคิดจะขอให้ท่านแม่ทัพฉู่ช่วยหาให้สักคน”
เหวินซื่อพยักหน้า “ข้าก็ได้ยินมาว่าน้องชายเจ้าอายุยังน้อยก็สอบระดับจังหวัดได้ที่หนึ่ง เด็กแบบนี้สมควรได้รับการสอนสั่งอย่างเต็มที่ ประเดี๋ยวข้าจะเขียนจดหมาย ให้พี่ฉู่ช่วยเจ้าหาให้หนึ่งคน แต่ว่าปรมาจารย์ที่มีวิทยายุทธสูงส่งข้าว่าไม่ต้องแล้ว วิทยายุทธของคุณชายเจ้าสำนักคุ้มภัยสกุลเหวินถือว่าไม่เลวแล้ว ให้เขาสอนน้องชายเจ้าได้สบาย”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “เขาก็บอกข้าว่าอี้เซวียนเป็นอัจฉริยะด้านการยุทธ์ แนะนำข้าให้หาปรมาจารย์ที่มีวิทยายุทธสูงส่ง เริ่มแรกข้าไม่ได้เก็บมาใส่ใจ แต่หลายวันก่อนตอนที่พวกเรากลับมาจากจังหวัดเกือบจะเกิดเรื่องขึ้น ดังนั้นข้าถึงคิดจะให้ท่านแม่ทัพฉู่ช่วยหาปรมาจารย์ให้คนหนึ่ง”
เหวินซื่อร้องตกใจ “แม้แต่เจ้าสำนักคุ้มภัยยังบอกว่าเขาเป็นอัจฉริยะด้านการยุทธ์ จะต้องไม่ธรรมดา แต่คนที่มีวิทยายุทธสูงไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆ เจ้าคงต้องอดทนรอไปก่อน”
“ข้ารู้ ดังนั้นตอนที่เจ้าเขียนจดหมาให้บอกเขาว่า อาจารย์ให้รีบหา สำหรับปรมาจารย์ให้ยืดเวลาออกไปได้ เหวินเปียวและเหวินหู่ยังพอสอนพวกเขาก่อนไปได้ระยะหนึ่ง”
เหวินซื่อพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว” แล้วพูดขึ้นว่า “ข้ายังไม่เคยเจอคนที่ฉลาดปราดเปรื่องเยี่ยงน้องชายเจ้ามาก่อน หากวันไหนมีเวลาก็พามาให้ข้าได้เห็นบ้างเถิด”
เมิ่งเชี่ยนโยวปฏิเสธ “ช่างเถอะ เจ้าพาน้องชายข้าเสียคนไปจะยุ่งยาก”
เหวินซื่อหวีดร้องโวยวาย “เหล่าอวี๋ เจ้าดูนางพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ข้าเพียงอยากเห็นหน้าคาดตา จะทำเสียคนได้อย่างไร?”
หมอชราก้มหน้ายืนอยู่อีกด้าน ไม่กล้าพูดจา
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างรำคาญ “เลิกร้องได้แล้ว รีบเขียนจดหมาย ข้ายังมีธุระที่บ้านนะ”
เหวินซื่อโมโหชี้หน้านางพูดไม่ออก
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปข้างตรงเบื้องหน้าเขา จัดวางพู่กันให้เขา พูดรบเร้า “เร็วเข้า!”
เหวินซื่อไม่ขยับ
เมิ่งเชี่ยนโยวยั่วเย้า “ขอเพียงเจ้าเขียนจดหมายนี้เสร็จ ข้ารับประกันจะปรุงยารักษาแผลเป็นให้เสร็จนำมาให้เจ้าภายในสองเดือน”
เหวินซื่อมีปฏิกิริยาสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นพูดอย่างโอหังอวดดี “ยานั้นไม่เอาก็ได้ อย่างไรข้าก็เป็นผู้ชาย ใบหน้ามีรอยแผลเป็นก็ไม่เห็นเป็นอะไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าพูดชมเชย “ช่างจองหองนัก หวังว่าพอข้าปรุงยาเสร็จเจ้าจะยังพูดเช่นนี้”
พุดจบก็หันหลังเดินออกไป
เหวินซื่อลนลานพูด “ข้าจะเขียนให้”
เมิ่งเชี่ยนโยวแอบทำมือเป็นผู้ชนะกับหมอชรา
หมอชราปิดปากกลั้นขำ
ไม่นานเหวินซื่อก็เขียนจดหมายเสร็จ ส่งให้พนักงานให้เขารีบนำไปส่ง
พนักงานที่ออกไปซื้อของกำนัลกลับมา นำของกำนัลที่ซื้อมาวางบนโต๊ะอย่างระวัง
เหวินซื่อชี้ของกำนัลบนโต๊ะ พูดอย่างได้ใจ “ข้าหาได้โกหกเจ้าไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจเขา หยิบของกำนัลบนโต๊ะแล้วเดินออกไปอย่างไม่เกรงใจสักนิด
เหวินซื่อถามเสียงดัง “เจ้าไม่ดูหรือว่าข้างในเป็นของสิ่งใด?”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งเสียงดังลอยกลับมา “ไม่ต้องดูแล้ว อย่างไรเจ้าก็ไม่มีทางซื้ออะไรดี”
เหวินซื่อโมโหจะกระโจนออกไปหาความกับนาง
หมอชราขวางรั้งเขา พูดเตือนสติ “นายท่าน ยาๆ”
เหวินซื่อหยุดชะงักฝีเท้า ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดว่า “นังตัวดี รอเจ้าปรุงยาเสร็จก่อน ดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร”
หมอชราแอบค่อนขอดในใจ ยังไม่รู้ว่าใครจะจัดการใครเล่า
เหวินซื่อโมโหหวีดร้องโวยวาย เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกสะใจสบายอารมณ์ ออกไปจากร้านยาเต๋อเหรินด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เหวินหู่เดินเข้ามา รับของกำนัลในมือนาง วางบนรถม้าอย่างระวัง
เมิ่งเชี่ยนโยวขึ้นบนรถม้า สั่งการเหวินเปียวให้กลับบ้าน