ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 174-1 ตี้ซือ
เมิ่งเสียนกลับไม่ได้วิ่งไปหาเมิ่งเชี่ยนโยว แต่วิ่งกลับมาบนรถม้าอย่างขวัญหนีดีฝ่อ
เหวินเปียวและเหวินหู่เห็นท่าทีของเขา ถามอย่างเป็นห่วง “คุณชาย ท่านไม่เป็นอะไรนะ?”
เมิ่งเสียนมือข้างหนึ่งกุมหน้าอก มืออีกข้างโบกเป็นพัลวัน หายใจหืดหอบตอบกลับว่า “ข้าไม่เป็นไร พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
ท่าทางของเขาไม่เหมือนคนไม่เป็นอะไร ทั้งสองหันหน้ามองกันอย่างคลางแคลงใจ กลับไม่ได้ถามอีก
เมิ่งเสียนวิ่งออกไปอึดใจหนึ่ง ซุนเชี่ยนเหม่อมองประตูห้องน้ำชาที่ยังแกว่งไหว ยังคงไม่ได้สติกลับมา
เมิ่งเชี่ยนโยวและซุนซ่านเหรินแสร้งจะไปดูใบชา ความจริงคอยเฝ้าดูความเคลื่อนไหวทางนี้โดยตลอด เห็นเมิ่งเสียนวิ่งแนบออกไป ทั้งสองรีบร้อนเดินกลับเข้ามา เห็นซุนเชี่ยนที่ยังยืนงง เมิ่งเชี่ยนโยวถามด้วยความร้อนใจ “แม่นางซุน เจ้าไม่เป็นอะไรนะ?”
ซุนเชี่ยนถึงได้สติคืนกลับมา ฝืนยิ้มเจื่อนๆ พูดว่า “ข้าไม่เป็นไร แต่เหมือนจะเกิดเรื่องกับพี่ใหญ่เจ้า วิ่งแนบออกไปแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวใจกระตุกวูบ พูดว่า “ข้าจะไปดูเขา” พูดจบก็หันหลังหุนหันลงไปชั้นล่าง
เห็นปฏิกิริยาของสองพี่สอง ซุนเชี่ยนพูดกับซุนซ่านเหรินอย่างไม่เข้าใจ “ข้าไม่ได้พูดอะไรผิดนะ ทำตามที่นางสอนข้าทุกอย่าง ทำไมพวกเขาถึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้”
ซุนซ่านเหรินก็รู้สึกประหลาดใจ แต่อย่างไรก็ผ่านเรื่องราวมามาก จึงไม่มีอาการแสดงออกทางใบหน้า แต่พูดปลอบใจซุนเชี่ยน “บางทีอาจจะเกิดความผิดพลาดกลางคัน ประเดี๋ยวแม่นางเมิ่งจะต้องกลับมา พวกเราถามนางก็ได้แล้ว”
ซุนเชี่ยนพยักหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบร้อนเดินลงมา ยังไม่ถึงหน้าประตูหอน้ำชา ก็ตะโกนร้องเรียกเหวินเปียว “พี่ใหญ่ข้าเล่า?”
เหวินเปียวตอบกลับ “คุณชายอยู่ในรถขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาข้างรถ เปิดม่านรถเข้าไปนั่งด้านใน กลับต้องตกใจจังงังกับสภาพของเมิ่งเสียนที่เหงื่อออกโซมกาย หวาดผวาตาลอย
เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวขึ้นมาบนรถม้า เมิ่งเสียนลนลานพูดเสียงเบา “น้องสาว เมื่อกี้แม่นางซุนบอกว่าชอบข้า ครั้งนี้ข้าไม่เชื่อง่ายๆ แล้ว รีบวิ่งออกมาทันที”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “พี่ใหญ่ ก็แค่แม่นางซุนสารภาพรักกับท่านเท่านั้น ทำไมต้องตกใจกลัวถึงขั้นนี้?”
เมิ่งเสียนลนลานตอบ “ข้าจะไม่กลัวได้อย่างไร ข้าเป็นเพียงเด็กบ้านนอกยากจนคนหนึ่ง คุณหนูตระกูลใหญ่อย่างพวกเขาจะชอบพอข้าได้อย่างไร ข้าเคยโดนหลอกครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนี้จะไม่ยอมโดนหลอกอีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “พี่ใหญ่ คุณหนูซุนและคุณหนูสกุลอวี้ไม่เหมือนกัน คุณหนูสกุลอวี้มีแผนการ ส่วนคุณหนูซุนชอบพอท่านด้วยใจจริง”
เมิ่งเสียนโบกมือ พูดอย่างหนักแน่น “ไม่มีทางเด็ดขาด”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดโน้มน้าว “จะไม่มีทางได้อย่างไร พี่ใหญ่ข้าทั้งรูปงาม ทั้งมีความรู้ มีตรงไหนเทียบคนอื่นไม่ได้ คุณหนูซุนชอบพอท่านก็สมควรแล้ว”
เมิ่งเสียนทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว “น้องสาว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ข้าไม่อยากเป็นคนโง่ให้ใครมาหลอกปั่นหัวได้อีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวยังคิดจะพูดเกลี้ยกล่อมเขา “แต่ข้าเห็นคุณหนูซุนมีนิสัยจริงใจเปิดเผย ไม่เหมือนคนที่จะมีแผนการนะ”
เมิ่งเสียนกลับพูดกับนางเหมือนเข้าใจทุกอย่างดี “เจ้าไม่รู้อะไร คุณหนูสกุลใหญ่อย่างพวกนางเผชิญโลกมามาก จิตใจยอกย้อนยากแท้หยั่งถึง บางครั้งสิ่งที่พวกเราเห็นเบื้องหน้าอาจจะไม่ใช่โฉมหน้าที่แท้จริงของพวกนางก็ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเขาปักใจเชื่อเช่นนี้ไปแล้ว ก็ให้ถอนใจยาว ดูท่าภายหน้าคุณหนูซุนจะต้องลำบากหน่อยแล้ว จึงไม่พูดหว่านล้อมอีก แต่พูดขึ้นว่า “ท่านวิ่งพรวดพราดออกมาเช่นนี้ อย่างไรก็ไม่ดีต่อคุณหนูซุน พวกเรากลับเข้าไปขอขมาเถอะ”
เมิ่งเสียนยังยืนกรานปฏิเสธ “ข้าไม่กลับไป หากนางมาพัวพันตอแยข้าต่อหน้าพวกเจ้า บอกว่าข้าทำลายชื่อเสียงนาง ให้ข้ารับผิดชอบจะทำอย่างไร? เจ้าอยากกลับก็กลับไป ข้าจะรออยู่ในรถม้านี่”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นท่าทีเด็ดขาดของเขา ถอนใจอย่างจนใจ เดินกลับเข้ามาในห้องน้ำชา
ซุนซ่านเหรินและซุนเชี่ยนกำลังรอนางกลับมาอย่างว้าวุ่นใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวเพิ่งจะเดินพ้นประตูเข้ามาซุนเชี่ยนก็ร้อนรนถาม “พี่ใหญ่เจ้าวิ่งออกไปเร็วเช่นนั้น เพราะไม่ถูกใจข้าอย่างนั้นหรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวนึกถึงสภาพของเมิ่งเสียน พ่นหัวเราะออกมาอย่างลืมตัว “พี่ใหญ่ข้าถูกเจ้าสารภาพรักจนตกใจขวัญหนีไปแล้ว ไม่กล้าแม้แต่จะกลับมาขอขมาเจ้า”
ซุนเชี่ยนหน้าแดงเรื่อ พูดโอดครวญ “ไหนเจ้าบอกว่าวิธีของเจ้าจะต้องไม่มีปัญหาอย่างไร ตอนนี้ดีแล้ว ทำพี่ใหญ่เจ้าขวัญหนี ต่อไปข้าควรทำอย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวดึงมือนางมายกยิ้มพูด “เรื่องนี้ไม่ยาก พอเจ้าว่างก็ไปเที่ยวไปบ้านข้าบ่อยๆ เวลาผ่านไปนานเข้าพี่ใหญ่ข้ารู้ว่าเจ้ามีนิสัยอย่างไร ก็จะยอมรับเจ้าเอง”
ซุนเชี่ยนไม่เห็นด้วย “หากข้าไปบ้านเจ้าบ่อยๆ คนในหมู่บ้านเอาไปซุบซิบนินทาจะทำอย่างไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวตีมือนางเบาๆ “เช่นนั้นก็ยิ่งดี ถึงตอนนั้นจะได้ให้พี่ใหญ่ข้ารับผิดชอบไปเลย”
ซุนเชี่ยนมีสีหน้าหมองมัวลง “ข้าไม่อยากบีบบังคับเขาเช่นนั้น หากเขาไม่ได้ชอบข้าจากใจจริง ต่อให้ภายหน้าพวกเราแต่งงานกัน ก็จะกลายเป็นคู่เวรคู่กรรม”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับประกัน “เจ้าวางใจเถอะ ขอเพียงพี่ใหญ่ข้าแต่งงานกับเจ้า ก็จะไม่ลังเลใจอีก จะต้องดีกับเจ้าไปทั้งชีวิต”
ซุนเชี่ยนเริ่มลังเล ซุนซ่านเหรินพูดอย่างเบิกบาน “เชื่อที่แม่นางเมิ่งพูดเถอะ ต่อไปการค้าของครอบครัว เจ้าจัดการให้น้อยลง คอยเทียวไปเทียวมาบ้านแม่นางเมิ่ง หากคนอื่นถามเจ้า เจ้าก็บอกว่าไปหาไฉเอ๋อร์”
เมิ่งเชี่ยนโยวก็สนับสนุน “งั้นก็ตกลงตามนี้ ข้ากลับไปจะไปแอบบอกท่านแม่ ให้นางก็คอยช่วยพวกเจ้าด้วย”
ซุนเชี่ยนห้ามปราบ “ห้ามกลับไปพูดเด็ดขาด หากเรื่องไม่สำเร็จ ข้าจะไม่มีหน้าไปบ้านพวกเจ้าอีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวปลอบใจนาง “วางใจเถอะ ข้ายอมรับเจ้าเป็นพี่สะใภ้ของข้าแล้ว ใครอื่นเข้ามาข้าจะไล่ไปให้หมด”
ซุนเชี่ยนได้ฟังก็เขินหน้าแดง
ซุนซ่านเหรินนั่งลูบเคราอยู่อีกด้านอย่างเบิกบานใจ
เมื่อตกลงเรื่องเรียบร้อย เมิ่งเชี่ยนโยวก็บอกลาซุนซ่านเหรินกลับมาบนรถม้าอีกครั้ง
เมิ่งเสียนเห็นนางออกมาคนเดียวก็แอบถอนใจโล่งอก
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นอาการของเขาก็ให้รู้สึกขบขัน พูดสัพยอกเขา “พี่ใหญ่ ข้ารับปากแม่นางซุนแล้ว พอกลับไปบ้านจะไปบอกท่านพ่อท่านแม่ของพวกเรา ให้พวกเขาเชิญแม่สื่อไปพูดสู่ขอ”
เมิ่งเสียนลืมไปแล้วว่าอยู่บนรถม้า ตกใจลุกพรวด หัวกระแทกหลังคารถอย่างจัง กุมหัวเจ็บจนพูดไม่ออก
เมิ่งเชี่ยนโยวสะดุ้งตกใจ รีบลุกขึ้น ลนลานถาม “พี่ใหญ่ ไม่เป็นอะไรนะ?”
เมิ่งเสียนกุมหัวอึดใจหนึ่งถึงถามขึ้น “น้องสาว เจ้ารับปากนางแล้วจริงๆ หรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวทำหน้ารู้สึกผิด “พี่ใหญ่ ข้าล้อท่านเล่นนะ ท่านกลับคิดเป็นจริงไปได้?”
เมิ่งเสียนได้ฟังเช่นนั้นไม่รู้สึกเจ็บหัวแล้ว คลายมือออก พูดอย่างเริงร่า “เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี” แล้วพูดกำชับนาง “พอกลับถึงบ้าน ห้ามเอ่ยเรื่องนี้กับท่านพ่อท่านแม่เด็ดขาด หากพวกเขาคิดเป็นจริงได้แย่แน่ๆ จะต้องรีบไปพูดสู่ขอที่บ้านคุณหนูซุน”
เมิ่งเชี่ยนโยวเริ่มประหลาดใจในปฏิกิริยาของเมิ่งเสียน ถามขึ้น “พี่ใหญ่ ท่านไม่ชอบคุณหนูซุนเช่นนี้เลยหรือ?”
เมิ่งเสียนส่ายหน้า “ข้าจะไม่ยอมข้องเกี่ยวกับคุณหนูบ้านไหนอีกแล้ว ข้าเพียงต้องการหาหญิงสาวลูกชาวนาว่านอนสอนง่ายสักคน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างเรียบง่ายก็เพียงพอแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เคยรู้ความคิดนี้ของเมิ่งเสียนมาก่อน คุณหนูสกุลอวี้ได้ทิ้งเงามืดผืนใหญ่ไว้ในใจเมิ่งเสียนโดยแท้ หวังว่าความจริงใจของซุนเชี่ยนจะทำให้พี่ใหญ่หวั่นไหวได้ ไม่เช่นนั้นงานแต่งงานนี้คงสำเร็จได้ยากแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวเอาแต่คิดเรื่องในใจเดินทางกลับบ้านไปพร้อมเมิ่งเสียน
เหล่าหญิงสาวเย็บกระเป๋านักเรียน ได้ยินเมิ่งชื่อบอกว่าขายกระเป๋านักเรียนไปได้ในคราเดียวถึงร้อยกว่าใบ ต่างดีอกดีใจกันยกใหญ่ แม้แต่ความเร็วในการเย็บกระเป๋านักเรียนก็เพิ่มสูงขึ้น
กลับมาถึงบ้าน เมิ่งเชี่ยนโยวว่างไม่มีอะไรทำ จึงแนะให้เมิ่งเสียนเข้าไปเก็บกวาดห้องฝั่งตะวันตก
เมิ่งเสียนรับคำ
ในห้องฝั่งตะวันตกนอกจากกระเป๋านักเรียนที่เย็บเสร็จวางไว้อย่างเป็นระเบียบแล้ว ยังมีของกำนัลชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่เซี่ยงเจียงเฟิงและจูหลานมอบให้ตอนปีใหม่วางสะเปะสะปะอยู่บนโต๊ะ
ทั้งสองนำของกำนัลไปวางกองรวมกัน เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดแต่ละกล่องออก พบว่าในกล่องหลายใบนั้นนอกจากของกำนัลเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นเอกลักษณ์จากเมืองหลวงที่เซี่ยเจียงเฟิงซื้อมา ที่เหลือล้วนเป็นยาสมุนไพรล้ำค่า ตอนที่เห็นยาสมุนไพรในกล่องสีเข้มกล่องหนึ่ง เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบขึ้นมาหนึ่งกำ พูดอย่างตื่นเต้น “ถ้าข้ารู้ว่าในนี้มียาสมุนไพรชนิดนี้ ข้าได้ปรุงยารักษารอยแผลเป็นเสร็จไปนานแล้ว” จากนั้นก็เปิดกล่องที่เหลือทั้งหมดออกดูอย่างละเอียด พบว่าข้างในยังมีโสมคนอีกสองชิ้น
เมิ่งเชี่ยนโยวบอกเมิ่งเสียนให้ขนย้ายกล่องบรรจุยาสมุนไพรเหล่านี้ไปไว้ห้องตัวเอง ส่วนของกำนัลเล็กๆ น้อยๆ ที่เหลือเอาไปให้เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงที่กำลังเล่นในบ้าน ให้พวกเขาเล่นได้ตามใจ
ห้องฝั่งตะวันตกว่างขึ้นมาทันตาเห็น
ทั้งสองเก็บกวาดเรียบร้อย เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ครานี้ดีแล้ว ต่อให้ท่านแม่และคนทำงานเย็บกระเป๋านักเรียนได้อีกหลายพันใบก็จะมีที่เก็บแล้ว”
หลายวันต่อมา เมิ่งเชี่ยนโยวนอกจากสลับวันไปภูเขาร้างและแปลงดินดูฉั่งฉิกและมันฝรั่ง เวลาที่เหลือก็จะมานั่งปรุงยารักษารอยแผลเป็น
ช่วงเวลานี้ ซุนเชี่ยนได้ใช้ข้ออ้างนำของมาส่งให้ซุนเหลียงไฉหนึ่งครั้ง เมิ่งเสียนเห็นนางมาหา ตกใจจนไม่กล้าเข้าบ้านไปหนึ่งวันเต็มๆ แม้แต่ข้าวกลางวันก็ไปกินที่บ้านเมิ่งต้าจิน
เมิ่งชื่อรู้สึกประหลาดใจ ถามเมิ่งเสียนว่าเป็นอะไร
เมิ่งเสียนอึกๆ อักๆ พูดไม่ออก
เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉก็ไม่รู้คิดวิธีอะไรได้ ขายกระเป๋านักเรียนได้วันละหลายใบทุกวัน
ทางด้านจางฟู่กุ้ยกลับไม่มีข่าวอะไร เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ร้อนใจ กำชับเมิ่งชื่อและคนอื่นให้เย็บกระเป๋านักเรียนไปตามความเร็วที่เคยทำ