ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 175-1 วาจาของแม่ทัพรองชุย
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ดีใจตามไปด้วย กระโดดพรวดลงจากรถม้า กระโจนเข้าสู่อ้อมกอดเมิ่งชื่อ
เมิ่งชื่อสะดุ้งตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง ปากก็พร่ำบ่นว่า “เจ้าจะรอให้รถม้าจอดสนิทก่อนไม่ได้หรือไร? หากหกล้มไปจะทำอย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวแลบลิ้นซุกซน กอดแขนนางแน่น ในน้ำเสียงเบิกบานเจือความกระเง้ากระงอด “ท่านแม่ ก็ข้าดีใจมากนี่นา ท่านวางใจ ข้าไม่เป็นไรหรอก”
เมิ่งชื่อหันเดินกลับไปพร้อมนางพลางจิ้มหน้าผากนางอย่างเอ็นดู “เช่นนั้นก็ไม่ได้ ตอนนี้เจ้าเป็นสาวแล้ว ต้องระวังกิริยาอาการ อย่าให้คนอื่นหัวเราะเยาะได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นนางจะอบรมอีก รีบพูดรบเร้า “ท่านแม่ ข้ารับประกันกับท่าน ต่อไปจะไม่ทำเช่นนี้แล้ว จะต้องรอให้รถม้าหยุดสนิทก่อน แล้วค่อยเดินลงมาช้าๆ”
เมิ่งชื่อพูดขึ้น “แม่ ไม่เชื่อคำรับประกันของเจ้าหรอก ครั้งก่อนเจ้าก็พูดเช่นนี้ สุดท้ายครั้งนี้ก็ยังทำอีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวแลบลิ้นซุกซน เปลี่ยนหัวข้อเรื่อง “ท่านแม่ ท่านได้นับหรือยัง กระเป๋านักเรียนในบ้านเรามีพอห้าร้อยใบหรือไม่?”
เมิ่งชื่อถูกชักจูงไปดังคาด ตบหน้าผากตัวเอง “แม่เอาแต่ดีใจ ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท แม่จะไปนับเดี๋ยวนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงกอดแขนนางไม่ปล่อย “ไม่ต้องแล้ว พวกเราไปดูสมุดบัญชีเถอะ”
ทั้งสองเดินเข้ามาในบ้าน
เหล่าหญิงสาวเย็บกระเป๋านักเรียนต่างก็ได้ยินข่าวดีนี้กันหมดแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความปิติชื่นบาน เส้นด้ายในมือแต่ละคนตวัดไปมาบนเนื้อผ้า ความเร็วในการเย็บเพิ่มขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดสัพยอกกับเมิ่งชื่อ “ท่านแม่ ด้วยความเร็วเช่นนี้ อีกไม่นานเท่าไหร่ โรงเย็บของท่านนี้จะต้องขยายแล้ว”
เมิ่งชื่อถือเป็นจริง พูดอย่างดีใจ “เจ้าอย่าพูดเป็นเล่น เมื่อครู่แม่ก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน รอให้ส่งขายกระเป๋านักเรียนชุดนี้ออกไปก่อน เราค่อยมาสรุปรวมยอดกัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบสมุดบัญชีออกมา คำนวณอย่างละเอียด ช่วงที่ผ่านมาเมิ่งชื่อและคนทั้งหมดเย็บกระเป๋านักเรียนได้เกือบหนึ่งพันใบแล้ว ตัดที่ขายออกไปและนำมาใช้เอง จะเหลือไม่ถึงหนึ่งร้อยใบ
ปิดสมุดบัญชี เมิ่งเชี่ยนโยวก็ยกยิ้มพูด “ท่านแม่ ท่านจะร่ำรวยแล้ว ช่วงที่ผ่านมาพวกท่านเย็บกระเป๋านักเรียนไปเกือบหนึ่งพันใบ หากวันนี้ขายให้เถ้าแก่จางห้าร้อยใบ จะเหลือไม่ถึงหนึ่งร้อยใบแล้ว”
เมิ่งชื่อดีใจระคนประหลาดใจ “พวกเราเย็บได้มากเช่นนั้นเลยหรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
ส่วนผู้หญิงคนอื่นๆ ก็ไม่คิดว่าโดยไม่ทันรู้สึกตัวจะเย็บกระเป๋านักเรียนได้มากเช่นนี้ ได้ฟังเช่นนั้น ก็ให้ดีอกดีใจ มีคนในนั้นอดพูดชมตัวเองไม่ได้ “พวกเราเก่งกันมากจริงๆ เกรงว่าในหมู่บ้านนี้จะไม่มีใครสู้ได้แล้ว”
คนในบ้านต่างขบขันหัวเราะครื้นเครง
ตอนเที่ยงที่พวกเมิ่งเอ้ออิ๋นกลับมากินข้าว เมิ่งชื่อบอกข่าวดีนี้กับพวกเขา
คนทั้งหมดก็ดีใจมากเช่นกัน
เมิ่งเอ้ออิ๋นยังพูดหยอกเย้าครอบครัวตัวเองว่า “ตอนนี้แม่เจ้าเป็นเสาหลักของบ้านแล้ว ต่อไปพวกเราจะต้องพึ่งพานางดำรงชีวิตแล้ว”
เมิ่งชื่อลำพองได้ใจ “ถูกต้อง จะบอกให้นะ ต่อไปเจ้าต้องเชื่อฟังข้า ข้าให้เจ้าไปทางตะวันออกเจ้าห้ามไปตะวันตกเด็ดขาด”
เมิ่งเอ้ออิ๋นแสร้งแสดงอาการหวาดกลัวตัวหงอรับคำทันควัน “ผู้น้อยทราบแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวและคนอื่นๆ หัวเราะเอิ๊กอ๊าก
เมิ่งชื่อเขินหน้าแดง โมโหตีเมิ่งเอ้ออิ๋นเล็กน้อย แล้วหัวเราะร่วนตามไปด้วย
ตอนบ่าย ทั้งครอบครัวร่วมแรงร่วมใจ นับกระเป๋านักเรียนออกมาห้าร้อยใบ แยกตามลวดลายที่แตกต่างกัน แล้วทำหมายเลขกำกับไว้
หลังจากทำเสร็จ เมิ่งชื่อถึงคิดปัญหาหนึ่งได้ “โยวเอ๋อร์ ใครจะเป็นคนนำสินค้าไปส่งให้เถ้าแก่จาง?”
ปัญหานี้เมิ่งเชี่ยนโยวได้คิดเอาไว้แล้ว ตอบทันควัน “เดิมควรจะเป็นข้าเมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉพวกเราสามคนไปด้วยกัน แต่อาจารย์ที่เชิญมาไม่รู้ว่าจะมาถึงวันไหน พวกเราจะจากไปไหนไม่ได้ ดังนั้นข้าตัดสินใจให้เหวินเปียวและเหวินหู่เป็นคนไปส่งสินค้า อย่างไรเมื่อก่อนพวกเขาก็เป็นผู้คุ้มภัย เรื่องการส่งสินค้าไม่น่าจะมีปัญหา”
เมิ่งเอ้ออิ๋นพยักหน้าสนับสนุน “ได้ ให้พวกเขาไปส่งสินค้า แต่ทางที่ดีเจ้าให้พวกเขาบอกเถ้าแก่จางด้วยว่า มีธุระในบ้านปลีกตัวมาไม่ได้จริงๆ เอาไว้คราวหน้าจะต้องไปส่งสินค้าให้เขาด้วยตัวเอง”
เมิ่งเชี่ยนโยวขานรับคำ “ทราบแล้ว ท่านพ่อ ข้าจะกำชับพวกเขาเอง”
เมิ่งเชี่ยนโยวเรียกเหวินเปียวและเหวินหู่เข้ามา บอกพวกเขาเรื่องที่ตัดสินใจจะให้พวกเขานำสินค้าไปส่งที่จังหวัด
เรื่องประเภทนี้มาอยู่ในมือพวกเขา ง่ายเหมือนปอกกล้วย ทำได้อย่างง่ายดาย ย่อมรับคำทันควัน ทั้งรับประกันว่าจะส่งกระเป๋านักเรียนให้ถึง
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวคำที่เมิ่งเอ้ออิ๋นกำชับแก่พวกเขาอีกครั้ง ทั้งสองก็พยักหน้ารับคำ
สุดท้ายเมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับพวกเขาว่า “พรุ่งนี้พวกเจ้าจงออกเดินทางแต่เช้า เพิ่มความเร็วในการเดินทางเสียหน่อย ทำเวลากลับมาให้ทันพรุ่งนี้ตอนค่ำ”
เหวินเปียวและเหวินหู่พยักหน้า
วันรุ่งขึ้นอีกหนึ่งชั่วยามกว่าฟ้าจะสาง เหวินเปียวและเหวินหู่ก็เข้ามาจัดเก็บรถม้าเรียบร้อย นอกจากเมิ่งเจี๋ยเมิ่งชิงแล้ว คนทั้งครอบครัวต่างช่วยกันบรรทุกกระเป๋านักเรียนขึ้นรถคนละไม้ละมือ
เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับทั้งสองคนอีกครั้ง หากพบเจอสถานการณ์อันตราย อย่าได้ขัดขืนต่อสู้ รักษาชีวิตรอดสำคัญที่สุด สำหรับทรัพย์สิน สินค้าต่างๆ ให้ละทิ้งไปได้ทั้งหมด
เหวินเปียวและเหวินหู่พยักหน้าแสดงว่าจะจดจำไว้แล้ว จึงบังคับรถม้าเข้าไปส่งสินค้าในจังหวัดภายใต้แสงจันทร์นวลอ่อน
เมื่อทั้งสองคนจากไป เรื่องการส่งเมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉไปโรงเรียนย่อมต้องตกเป็นหน้าที่ของเมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งเสียน
แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเมิ่งเสียนก็ไม่ยอมไป
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่มีทางเลือก จำต้องให้เหวินเป้าไปแทน
เมิ่งชื่อประหลาดใจ ถามเมิ่งเสียนว่าเพราะเหตุใดถึงไม่ยอมไปส่งพวกเขาที่โรงเรียน
เมิ่งเสียนไม่กล้าพูดเรื่องที่ซุนเชี่ยนสารภาพรักกับตนออกมา ลุกลี้ลุกลนหยิบเครื่องมือไปยังแปลงมันฝรั่ง
เมิ่งชื่อสัมผัสได้ว่าเมิ่งเสียนมีเรื่องปิดบังตนเอง เตรียมจะซักถามหลังจากที่เมิ่งเชี่ยนโยวกลับมา ว่านางรู้ว่าเป็นอะไรหรือไม่
หลังจากส่งทั้งสองคนเข้าโรงเรียนแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็นั่งรถม้ากลับมาบ้าน
เมิ่งชื่อกำลังจะซักไซ้นางเรื่องเมิ่งเสียน ม้าเร็วตัวหนึ่งก็ควบมาหยุดที่หน้าประตูบ้าน
เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินเสียงฝีเท้าม้าเดินออกมาจากบ้าน คนบนม้ากำลังพลิกตัวลงจากหลังมา เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวในลานบ้าน ผลุนผลันพูด “แม่นางเมิ่ง นายท่านของพวกท่านกล่าวว่าท่านอาจารย์กำลังจะมาถึงแล้ว ให้ท่านเตรียมตัวไปรับคนในตำบลให้พร้อม”
เมิ่งเชี่ยนโยวถึงเห็นชัดว่าเป็นพนักงานร้านยาเต๋อเหริน รีบเดินออกไป พูดรับคำ “ทราบแล้ว เจ้าจงรีบไปบอกนายท่านของพวกเจ้า ข้าจะไปถึงภายในเวลาหนึ่งชั่วยาม”
พนักงานน้อมรับคำ พลิกตัวขึ้นบนหลังม้า พุ่งทะยานจากไป
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าในบ้าน แล้วกำชับเหวินเป้า “ไปบ้านใหญ่”
เหวินเป้ารีบรุดบังคับรถม้ามาถึงบ้านใหญ่
เมิ่งจงจวี่กำลังฝึกเขียนอักษรอยู่ในบ้าน
เมิ่งเชี่ยนโยวตะลีตะลานเข้ามาในบ้าน พูดว่า “ท่านปู่ ท่านอาจารย์ใกล้ถึงตำบลแล้ว!”
พู่กันในมือเมิ่งจงจวี่ร่วงลงบนกระดาษเซวียน หันกลับไปถามด้วยอารามปิติ “มาถึงเร็วเช่นนี้เลยรึ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
เมิ่งจงจวี่หันไปพูดกับหญิงชราเมิ่งอย่างตื้นตันใจ “เร็ว ไปนำเสื้อผ้าที่ข้ายังไม่เคยใส่ตัวนั้นออกมา ข้าจะเข้าไปตำบลรับท่านอาจารย์พร้อมโยวเอ๋อร์”
หญิงชราเมิ่งเห็นเขามีกิริยาตื่นเต้นยินดี รีบเข้าไปควานหาเสื้อผ้า
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ท่านปู่ ท่านค่อยๆ เตรียมตัว ข้าจะไปแปลงดินเรียกลุงใหญ่และท่านพ่อ”
เมิ่งจงจวี่พยักหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังเดินออกมาจากบ้าน ให้เหวินเป้ารีบตรงไปแปลงดินเรียกเมิ่งต้าจินและเมิ่งเอ้ออิ๋นมา
เหวินเป้ารู้ว่ามีเรื่องด่วน บังคับรถม้ามุ่งหน้าไปโดยไว
มาถึงแปลงมันฝรั่ง ไม่รอรถม้าจอดสนิท เมิ่งเชี่ยนโยวก็เปิดม่านบังรถร้องพูดเสียงลั่น “ท่านลุงใหญ่ ท่านพ่อ ท่านอาจารย์มาถึงแล้ว พวกเรารีบไปต้อนรับเถอะ”
เมิ่งต้าจินและเมิ่งเอ้ออิ๋นได้ฟังรีบรุดสาวเท้าตรงมา
เมิ่งเชี่ยนโยวรอพวกเขาขึ้นนั่งบนรถม้า สั่งเหวินเป้ากลับไปที่บ้าน ถึงบอกพวกเขาว่า เมื่อครู่พนักงานร้านยาเต๋อเหรินมาส่งข่าว ให้ไปรับคนที่ร้านยาเต๋อเหริน
รถม้ามาถึงบ้านเมิ่งเอ้ออิ๋นก่อน ให้เมิ่งเอ้ออิ๋นได้ลงไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
รถม้าถึงเร่งรุดมายังบ้านใหญ่
เมิ่งจงจวี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ยืนเนื้อตัวสะอาดสะอ้านอยู่หน้าประตูใหญ่ เห็นคนทั้งหมดเข้ามา รีบบอกเมิ่งต้าจิน “เจ้ารีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พวกเราจะได้รีบไป อย่าได้ไปช้าให้ตี้ซือเกิดภาพจำที่ไม่ดีกับพวกเราได้เป็นอันขาด”
เมิ่งต้าจินรีบรุดเดินเข้าไปในบ้าน หลังจากจัดการตัวเองอย่างพิถิพิถัน เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ ก็เร่งรุดออกมา เดินขึ้นรถม้า
จากนั้นก็เข้าไปรับเมิ่งเอ้ออิ๋นที่จัดการเนื้อตัวอย่างมีชีวิตชีวา
ไม่ต้องให้เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งการ เหวินเป้าก็บังคับรถม้ามุ่งทะยานออกไป ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามกว่าก็มาถึงหน้าประตูร้านยาเต๋อเหริน
เหวินซื่อกำลังรออยู่หน้าประตู เห็นรถม้าเข้ามา ก็พูดกับเหวินเป้าทันที “ไม่ต้องหยุดรถ พวกเขาใกล้จะถึงประตูเมืองฝั่งตะวันตกแล้ว พวกเรารีบไปต้อนรับเถอะ”
พูดจบ พลิกตัวขึ้นรถม้า นำทางอยู่ด้านหน้า เหวินเป้าบังคับรถม้าตามหลังไป