ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 181-2 แอบเปลี่ยนใบบันทึกวันเดือนปีเกิดของคู่หมั้น
วันนี้ซุนเหลียงไฉกำลังจะตามเมิ่งเสียนไปดูแปลงมันฝรั่ง บ่าวรับใช้สกุลซุนกลับบังคับรถม้าเข้ามาบ้านเมิ่งเอ้ออิ๋น พูดกับเขาว่า “นายน้อย เกิดเรื่องขึ้นที่บ้าน นายท่านให้ข้ามารับท่านกลับไปขอรับ”
เรื่องในบ้านมีผู้ใหญ่จัดการดูแล ตัวเองหามีความจำเป็นใด นอกเสียจากว่าเกิดปัญหากับสุขภาพของซุนซ่านเหรินและภรรยา ตอนนี้ได้ยินบ่าวรับใช้พูดเช่นนี้ ซุนเหลียงไฉถามด้วยความสั่นกลัว “เกิดเรื่องอันใดขึ้น เกิดความผิดปกติกับสุขภาพของท่านปู่ท่านย่าหรือ?”
บ่าวรับใช้ร้อนรนโบกมือ “นายน้อยอย่าคาดเดาไปเองเลยขอรับ สุขภาพของนายท่านและฮูหยินปกติดี”
“เช่นนั้นมีเรื่องอะไร?” ซุนเหลียงไฉซักไซ้
บ่าวรับใช้ตอบอย่างนบนอบ “เกิดเรื่องกับคุณหนูซุนเล็กน้อย นายท่านให้ท่านรีบกลับไปขอรับ”
ได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับซุนเชี่ยน เมิ่งเสียนเกิดอาการเป็นห่วงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ซุนเหลียงไฉยิ่งร้อนรนกระวนกระวาย ถามขึ้น “เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับท่านพี่ข้า?”
บ่าวรับใช้มองเมิ่งเสียนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “นายน้อย รีบกลับบ้านไปกับข้าเถอะ เมื่อกลับไปแล้วท่านก็จะทราบเอง”
ซุนเหลียงไฉพยักหน้า หันไปพูดกับเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ ท่านบอกท่านลุงท่านป้าด้วยเถิด ข้าต้องกลับบ้านแล้ว”
เมิ่งเสียนรีบร้อนพูด “รีบไปเถอะ เดินทางระวังด้วย หากมีเรื่องอะไรแก้ไขไม่ได้ก็ให้รีบส่งข่าวมา”
ซุนเหลียงไฉรับคำ ไม่แม้แต่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า รีบเข้าไปนั่งในรถม้า สั่งบ่าวรับใช้ “รีบไปเถอะ”
บ่าวรับใช้ตวัดแส้ บังคับรถม้าจากไปโดยไว
เมิ่งเสียนมองพวกเขาจนละสายตา กลับเข้ามาในบ้าน บอกเมิ่งเชี่ยนโยวว่าบ่าวรับใช้บ้านซุนมาบอกว่าเกิดเรื่องกับซุนเชี่ยน มารับตัวซุนเหลียงไฉกลับไปแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวได้ฟังขมวดคิ้วมุ่น ทว่าพอเห็นท่าทีเป็นกังวลของเมิ่งเสียนก็แสร้งพูดขึ้นว่า “เกิดเรื่องกับคุณหนูซุน ซุนซ่านเหรินย่อมต้องเป็นแก้ปัญหาให้ พวกเราช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้ อย่าได้เป็นกังวลไปเปล่าเลย”
เมิ่งเสียนรีบพูด “พวกเรากังวลไปเปล่าได้อย่างไร? นางเป็นพี่สาวเหลียงไฉนะ? อีกทั้งเจ้าและนางก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ตามมารยาท เจ้าควรไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่”
เมิ่งเชี่ยนโยวแบๆ มือ “พวกเราไม่รู้เลยว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย จะไปอย่างไร? หากเป็นเรื่องดีว่าคุณหนูซุนหมั้นหมายเล่า พวกเราไม่กังวลไปเปล่าหรือ”
เมิ่งเสียนยิ่งให้ร้อนรน “นางจะหมั้นหมายได้อย่างไร? นาง…?” คำพูดต่อจากนั้นไม่ได้พูดออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะในใจ พูดว่า “นางจะหมั้นหมายไม่ได้อย่างไร นางก็อายุไม่น้อยแล้ว จะหมั้นหมายก็ไม่เห็นจะแปลกอันใด” พูดจบยังพยักหน้าแสดงว่าเห็นด้วย แล้วพูดราวกับว่าจะเป็นเช่นนั้น “อืม ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้จริงๆ ดูท่าพวกเราต้องรีบเตรียมของกำนัลชุดใหญ่แล้ว ไม่แน่ว่าพอปีใหม่ แม่นางซุนก็จะแต่งงานแล้ว” พูดจบแอบเหล่มองเมิ่งเสียนแวบหนึ่ง
เมิ่งเสียนได้ฟังคำพูดนาง ราวกับได้รับการโจมตีอย่างหนักหน่วง ยืนอยู่ตรงนั้นไม่พูดอะไรสักคำ
เดิมเมิ่งเชี่ยนโยวคิดจะพูดหยอกเย้า ไม่คิดว่าจะพูดได้ถูกจุดจริงๆ ซุนเชี่ยนหมั้นหมายกับคนอื่นแล้วจริงๆ ทว่าการหมั้นหมายนี้นอกจากซุนวั่งแล้ว คนในสกุลซุนต่างก็ไม่มีใครรับรู้
เดิมทีวันนี้หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ซุนเชี่ยนก็ไปตรวจดูร้านค้า ซุนซ่านเหรินกำลังนั่งจัดแจงบัญชีอยู่ในห้องหนังสือ ด้านนอกจู่ๆ ก็มีเสียงตีฆ้องร้องป่าวดังแว่วมา อึกทึกเสียงดัง ซุนซ่านเหรินสั่งบ่าวรับใช้ข้างกาย “ออกไปดูสิ เกิดอะไรขึ้นด้านนอก?”
บ่าวรับใช้รับคำ ยังไม่ทันได้ออกไป บ่าวเฝ้าประตูก็กระวีกระวาดวิ่งเข้ามาพูดว่า “นายท่าน ด้านนอกมีคนตีฆ้องร้องป่าวเข้ามากลุ่มหนึ่ง หาบห่อของขวัญ บอกว่านำของหมั้นหมายมาให้คุณหนูซุนขอรับ”
ซุนซ่านเหรินลุกขึ้นยืนอย่างไม่เชื่อ ถามขึ้น “นำของหมั้นหมายมาให้เชี่ยนเอ๋อร์?”
บ่าวรับใช้พยักหน้า
“ไป ออกไปดู” พูดจบเร่งรุดเดินออกไป
บ่าวรับใช้ทั้งสองคนตามไปติดๆ
ซุนซ่านเหรินลนลานเดินมาถึงนอกประตู เห็นคนกลุ่มคนหาบห่อของขวัญ ตีฆ้องร้องป่าวยืนอยู่ด้านนอกประตูบ้านตัวเอง ร้องตะโกนถามอย่างฉุนเฉียว “พวกเจ้าเป็นใครกัน?”
ชายวัยสามสิบกว่าปีเดินออกมาจากกลุ่มคน คนผู้นั้นแสดงความเคารพต่อซุนซ่านเหริน “ผู้น้อยแซ่หูนามหูไหล เป็นสหายของซุนวั่งบุตรชายท่าน ได้ตกลงพูดจาหมั้นหมายหลานสาวท่านและบุตรชายข้าไว้นานแล้ว วันนี้ข้าพาบุตรชายนำของหมั้นหมายมามอบให้”
เพียงแวบเดียวซุนซ่านเหรินก็จำได้ว่าชายตรงหน้าคือหนึ่งเพื่อนเสเพลเกเรพวกนั้นของซุนวั่ง ได้ยินดังนั้นก็ร้องตะวาด “เหลวไหลทั้งเพ เชี่ยนเอ๋อร์ไปตกลงหมั้นหมายกับครอบครัวพวกเจ้าเมื่อใด?”
คนผู้นั้นตกตะลึงเล็กน้อย พูดว่า “เรื่องนี้ข้าและซุนวั่งตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เขาบอกว่าหลานสาวท่านอายุไม่น้อยแล้ว ไม่ต้องเข้ามาสู่ขอแล้ว ให้นำของหมั้นหมายมาได้เลย”
ซุนซ่านเหรินโมโหร้องตวาด “หากเจ้ายังพูดเหลวไหล ข้าจะให้คนตีพวกเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้”
หูไหลรีบร้อนพูด “ท่านลุง นี่เป็นความจริง พวกเราแม้แต่ใบบันทึกวันเดือนปีเกิดของคู่หมั้นก็แลกเปลี่ยนกันแล้ว” พูดจบหยิบใบบันทึกวันเดือนปีเกิดของคู่หมั้นออกมายื่นไปตรงหน้าซุนซ่านเหริน “ไม่เชื่อ ท่านก็ดูเถิด”
ซุนซ่านเหรินเปิดออกดู เป็นใบบันทึกวันเดือนปีเกิดของซุนเชี่ยนจริงๆ โมโหเดือดดาล แผดเสียงสั่งบ่าวรับใช้ “ไปเรียกเจ้าเศษสวะนั่นออกมาเดี๋ยวนี้”
บ่าวรับใช้ลนลานวิ่งเข้าไป ไม่นานก็วิ่งกระหืดกระหอบออกมา “นายท่าน คุณชายไม่อยู่บ้านขอรับ”
“รีบส่งคนไปตามตัวมาให้ข้า ภายในหนึ่งเค่อหากหาตัวไม่พบ ข้าจะเอาพวกเจ้าไปขายทิ้งทั้งหมด!” ซุนซ่านเหรินร้องคำรามอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์
ปกติซุนซ่านเหรินเป็นคนหน้าตายิ้มแย้ม แม้นว่ามีบ่าวกระทำผิด เขาก็ไม่เคยแผดเสียงตวาดมาก่อน ตอนนี้ระเบิดอารมณ์รุนแรงเช่นนี้ บ่าวรับใช้ต่างตกใจหัวหด รีบวิ่งแจ้นไปเรียกคนอีกจำนวนหนึ่งออกไป ตามหาซุนวั่งทั่วเมือง
ซุนวั่งก็มิได้ไปที่ใด แต่มานั่งดื่มชาอยู่ในหอน้ำชาของตนเองอย่างสบายอกสบายใจ
ขาข้างหนึ่งของซุนวั่งพาดอยู่บนโต๊ะน้ำชา ขาอีกข้างพาดอยู่บนขาข้างนั้น ด้านหนึ่งดื่มด่ำรสชาที่เสี่ยวเอ้อส่งมาให้ ด้านหนึ่งเพ้อฝันคิดว่าในที่สุดก็ได้กู้หน้าคืนกลับมาให้ตัวเองแล้ว วันนี้หูไหลไปตีฆ้องร้องป่าว หาบของหมั้นหมายไปบ้านตนเอง ครานี้คนทั้งถนนร้านตลาดต่างก็ได้เห็นแล้ว นังตัวดีนั่นอยากแต่งก็ต้องแต่ง ไม่อยากแต่งก็ต้องแต่ง
พอคิดถึงอากัปกิริยาของซุนเชี่ยนที่ได้รู้ว่าตัวเองมีคู่หมั้นหมายแล้ว อย่างไรก็ต้องแต่งออกไป หัวใจของซุนวั่งก็ให้รู้สึกสะใจขึ้นมาอย่างประหลาด “นังตัวดี อยากเป็นปรปักษ์กับข้าดีนัก ข้าก็คือข้า ต่อให้เจ้าดิ้นรนอย่างไรก็หนีไม่พ้นหุบเขาห้านิ้วของข้าไปได้”
สุดท้ายคิดถึงท่าทีโกรธเกรี้ยวหลังจากรู้เรื่องของซุนซ่านเหริน ก็ให้สั่นกลัวหวาดผวา ทว่าพอคิดว่าอย่างไรตนเองก็เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของเขา ต่อให้เขาจะโมโหขุ่นเคืองอย่างไร อย่างมากก็แค่ลงโทษตัวเองไม่ให้ออกจากบ้านชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
ซุนวั่งคิดได้ไม่เลว คิดว่าตนเองกำจุดอ่อนของซุนซ่านเหรินไว้ ไม่คิดว่าตอนนี้แม้แต่ความคิดอยากจะฆ่าเขาของซุนซ่านเหรินก็มีแล้ว
บ่าวรับใช้บ้านซุนตามหาที่ๆ ซุนวั่งมักจะไปบ่อยๆ จนทั่ว แต่ก็หาคนไม่เจอ สุดท้ายไม่มีทางเลือก มาลองเสี่ยงดวงที่หอน้ำชาบ้านตัวเองดู ไม่คิดว่าพอเอ่ยปากถาม ซุนวั่งจะอยู่ที่นี่จริงๆ บ่าวรับใช้ปิติยินดี รีบเร่งเดินเข้าไปในห้องรับรองพูดอย่างอ่อนน้อม “คุณชาย นายท่านให้ท่านรีบกลับไปขอรับ”
ซุนวั่งไม่โง่ เดาได้ว่าโมงยามนี้สกุลหูน่าจะนำของหมั้นหมายไปถึงแล้ว ซุนซ่านเหรินในตอนนี้จะต้องโมโหราวฟ้าพิโรธ ตนเองกลับไปตอนนี้จะต้องไม่เป็นผลดี จึงพูดว่า “เจ้ากลับไปบอกนายท่าน บอกว่าข้ามีธุระ ยังกลับไปตอนนี้ไม่ได้”
หากเป็นยามปกติทั่วไป บ่าวรับใช้จะต้องไม่รีรอรีบกลับไปช่วยพูดโป้ปดให้เขา แต่วันนี้ไม่ได้ วันนี้ซุนซ่านเหรินโมโหเดือดดาลจริงๆ แล้ว หากไม่นำตัวซุนวั่งกลับไป เกรงว่าตนเองจะต้องถูกส่งไปขายเป็นแน่แท้ ดังนั้นบ่าวรับใช้จึงไม่ขยับ แต่กลับพูดวิงวอน “นายท่านออกคำสั่งเด็ดขาด จะต้องนำตัวท่านกลับไป นายท่านกลับไปกับพวกเราเถิด”
ซุนวั่งเห็นเขาไม่ยอมกลับไปรายงานตามคำพูดตนเอง กลับยังจะโน้มน้าวให้ตัวเองกลับไป เกิดอารมณ์พลุ่งพล่าน ก่นด่า “พวกสุนัขรับใช้ วาจาข้าไม่เป็นผลแล้วใช่หรือไม่ คอยดูว่ากลับไปข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร”
พวกบ่าวรับใช้ไม่กล้าปริปาก
ซุนวั่งพูดอย่างแหนงหน่าย “รีบไสหัวไป อย่าให้ข้าเห็นพวกเจ้าอีก”
พวกบ่าวรับใช้ไม่ขยับ
ซุนวั่งยิ่งทวีความเดือดดาล ลุกขึ้นถีบพวกเขาคนละที “ข้าจะบอกพวกเจ้า อย่าเอาบิดาข้ามาข่มขู่ข้า วันนี้หากข้าไม่กลับไป พวกเจ้าจะทำอะไรข้าได้?”
พวกบ่าวรับใช้ไม่หลบหลีก ถูกถีบไปคนละหนึ่งที ยังคงพูดอย่างอ่อนน้อม “คุณชายกลับไปกับพวกเราเถิดขอรับ”
เห็นท่าทีของพวกเขา ซุนวั่งหาได้ร้อนรนไม่ กลับไปนั่งบนเก้าอี้ถามขึ้น “หากข้าไม่ไปเล่า พวกเจ้าจะกล้าทำอะไรข้า?”
ไม่กลับไป? ท่านไม่กลับไป พวกเราก็ต้องถูกลงโทษ ทรมานเสียยิ่งกว่าตาย
พวกบ่าวรับใช้หันหน้ามองกัน ใช้แววตาแลกเปลี่ยนความคิด แล้วตัดสินใจ
บ่าวหนึ่งในนั้นพลันพูดขึ้น “คุณชาย ล่วงเกินแล้ว”
พูดจบ คนทั้งหมดก็เดินขึ้นหน้ารวมพลังกันยกตัวซุนวั่งเดินออกไป