ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 182-1 ตัดขาดความสัมพันธ์
ซุนวั่งพยายามดิ้นรนขัดขืน ปากร้องก่นด่า “เจ้าพวกสุนัขรับใช้ กล้าปฏิบัติเช่นนี้ต่อข้า กลับไปข้าจะให้คนจับพวกเจ้าโบยให้เข็ด”
ระหว่างถูกโบยกับถูกส่งไปขาย พวกบ่าวรับใช้ย่อมต้องเลือกอย่างแรก ดังนั้นไม่ว่าซุนวั่งจะร้องด่าอย่างไร พวกบ่าวรับใช้ก็ยังคงฉุดกระชากลากถูเขาออกมาอย่างเหนื่อยแรงและระมัดระวัง
เสี่ยวเอ้อหอน้ำชาเห็นบ่าวรับใช้สกุลซุนกล้าลากซุนวั่งออกมา ต่างก็ให้ตกอกตกใจ คาดเดากันว่าซุนวั่งจะต้องกระทำเรื่องเลวร้ายอะไรไว้ บ่าวรับใช้ถึงต้องปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้
ซุนวั่งร้องก่นด่าบ่าวรับใช้ที่ลากเขากลับไปตลอดทาง พอใกล้จะถึงเรือนซุน และคิดได้ว่าจะต้องเจอกับซุนซ่านเหริน หมากที่ตัวเองคำนวณไว้แต่แรกเริ่มจะไม่สัมฤทธิ์ผลแล้ว ก็ให้หวาดผวา ยิ่งกระเสือกกระสนดิ้นรน “พวกเจ้าปล่อยข้า ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้…”
พวกบ่าวรับใช้ลากเขากลับมาอย่างเหนื่อยแรงมาตลอดทาง ใกล้จะถึงประตูบ้านแล้ว ในตอนนี้ไม่มีทางยอมปล่อยเขาหลุดมือเด็ดขาด เมื่อลากเขาไปวางต่อหน้าซุนซ่านเหรินแล้วถึงได้ยอมปล่อยมือ พูดอย่างพินอบพิเทาพร้อมกัน “นายท่าน ตามคุณชายกลับมาได้แล้ว”
พวกบ่าวรับใช้เพิ่งจะปล่อยมือ ซุนวั่งก็หมุนตัวเตรียมจะวิ่งหนี เสียงเ**้ยมเกรียมของซุนซ่านเหรินดังขึ้น “หากเจ้ากล้าวิ่งหนีไป ข้าจะให้คนตีขาเจ้าหักเดี๋ยวนี้”
ซุนวั่งได้ฟังพลันหยุดชะงักฝีเท้า ไม่กล้าแม้แต่จะเคลื่อนไหว
ผ่านไปครู่ใหญ่ ซุนซ่านเหรินสงบสติอารมณ์ลงได้แล้ว ถามซุนวั่งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “พูดมา เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
ซุนวั่งกะพริบตาปริบอย่างร้อนตัว มองซ้ายมองขวาแล้วพูดว่า “จะยังมีเรื่องอันใดได้ ข้าก็แค่พูดตกลงเรื่องคู่ครองให้เชี่ยนเอ๋อร์ ทั้งแลกเปลี่ยนใบบันทึกวันเดือนปีเกิดของคู่หมั้น แล้วให้พี่หูนำสินสอดเข้ามาให้”
ซุนซ่านเหรินเห็นเขายังแสดงท่าทีไม่แยแสต่อสิ่งใด เพลิงโทสะถูกจุดขึ้นอีกครั้ง แต่เพราะอยู่ต่อหน้าคนหมู่มาก กลัวจะเสียอากัปกิริยา พยายามฝืนข่มกลั้นเพลิงโทสะไว้ พูดว่า “ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ เจ้าไม่ต้องยุ่งเรื่องการแต่งงานของเชี่ยนเอ๋อร์”
ซุนวั่งโก่งคอตะเบ็งพูด “ข้าเป็นบิดาแท้ๆ ของนังตัวดีนั่น เรื่องการแต่งงานของนางข้าจะไม่ยุ่งได้อย่างไร?”
ในที่สุดซุนซ่านเหรินก็สะกดเพลิงโทสะไว้ไม่อยู่แล้ว ร้องก่นด่า “เจ้าเศษสวะ นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของชีวิตเชี่ยนเอ๋อร์ เจ้าตัดสินใจลวกๆ มักง่ายเช่นนี้ได้อย่างไร?”
ซุนวั่งไม่ยอมแพ้ “แต่ไหนแต่ไรการแต่งงานของบุตรพ่อแม่เป็นคนจัดการ แม่สื่อเป็นคนดำเนินการ ข้าหาคู่ครองที่ดีขนาดนี้ให้นาง ไฉนถึงเรียกว่ามักง่ายได้?”
ซุนซ่านเหรินไม่สนใจหน้าตาแล้ว ตวาดอย่างเกรี้ยวกราด “กระทำเรื่องผิดยังไม่รู้สำนึก เจ้าคุกเข่าให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
ซุนวั่งเบ้ปาก คุกเข่ากับพื้นอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ
หูไหลตกใจสะดุ้ง รีบพูดห้ามปราบ “ท่านลุง มีคนมากมายมองอยู่ ท่านให้เขาคุกเข่าเช่นนี้ ภายหน้าออกไปข้างนอกจะถูกคนหัวเราะขบขันเอาได้ เห็นแก่หน้าข้า ให้พี่ซุนลุกขึ้นมาก่อนเถิด”
เขาไม่พูดยังดี พอเขาพูดซุนซ่านเหรินยิ่งบันดาลโทสะ “หุบปาก นี่เป็นเรื่องในครอบครัวข้า เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูดสอดแทรก”
หูไหลไม่คิดว่าซุนซ่านเหรินก็จะตวาดเขาต่อหน้าผู้คน โมโหขุ่นเคือง น้ำเสียงเจือความฉุนเฉียว “ท่านลุง ต่อให้นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวท่าน ในฐานะเพื่อน ข้าขอร้องแทนเขาก็สมควรแล้ว อีกทั้งตอนนี้เราสองครอบครัวก็เกี่ยวดองกันแล้ว”
ซุนซ่านเหรินโมโหเกรี้ยวกราด “ใครไปเกี่ยวดองกับพวกเจ้า เจ้าให้แม่สื่อมาพูดทาบทามสู่ขอแล้วหรือไม่? พวกเราตกลงหมั้นหมายกับเจ้าแล้วหรือไม่? ธรรมเนียมสามหนังสือหกพิธีการ[1]นี้ แค่สามหนังสือพวกเจ้าล้วนไม่มีสักข้อ ยังกล้ามีหน้ามาพูดว่าพวกเราเกี่ยวดองกันแล้ว”
หูไหลถูกพูดขัดจนสะอึก อึดใจใหญ่ถึงเถียงข้างๆ คูๆ ออกมา “ต่อให้ไม่มีสามหนังสือ แต่พวกเรามีหกพิธีการเล่า อีกทั้งพวกเราก็แลกใบบันทึกวันเดือนปีเกิดแล้ว การแต่งงานนี้ถือว่าแน่นอนดั่งตอกตะปูลงบนแผ่นไม้แล้ว”
ซุนซ่านเหรินยื่นมือออกไป “ในเมื่อเจ้าพูดว่ามีหกพิธีการ เช่นนั้นเจ้าจงเอาหนังสือเทียบหมั้นออกมาให้ข้าดู”
หูไหลและซุนวั่งเพียงแค่แลกเปลี่ยนใบบันทึกวันเดือนปีเกิดของเด็กทั้งสองคนโดยพลการกันเองเท่านั้น คิดว่าเรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นที่เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว จึงตั้งขบวนดาหน้ามาทำการสู่ขอ ไฉนเลยจะมีหนังสือเทียบหมั้น พลันตะลึงค้าง ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร
ซุนซ่านเหรินมองเขาแวบหนึ่ง “พวกเจ้าหนึ่งไม่มีสามหนังสือ สองไม่มีหนังสือเทียบหมั้น การแต่งงานนี้ถือเป็นโมฆะ ใบบันทึกวันเดือนปีเกิดของเชี่ยนเอ๋อร์ข้าจะริบกลับคืน สำหรับพวกเจ้า รีบหาบสิ่งของของพวกเจ้าแล้วไสหัวกลับไปได้”
หูไหลร้องโวยวาย “ท่านลุง ทำเช่นนี้ได้อย่างไร พวกเราตีฆ้องร้องป่าวมาตลอดทาง ทุกคนต่างรู้ว่าข้ามาหมั้นหมายเรือนซุน ตอนนี้ท่านยกเลิกการหมั้นหมายต่อหน้าทุกคน ไม่กลัวจะถูกคนหัวเราะเยาะหรือไร?”
ซุนซ่านเหรินแค่นเสียงหึ “หาได้เคยมีการหมั้นหมายใดๆ ทั้งนั้น เอาที่ไหนมายกเลิกการหมั้นหมาย หากเจ้ายังพูดจาเหลวไหลตอแยไม่เลิกเช่นนี้ ข้าจะให้คนตีเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้”
หูไหลอุตส่าห์พูดกล่อมจนซุนวั่งยอมยกซุนเชี่ยนให้บุตรชายตนเอง ไฉนเลยจะยอมรามือง่ายๆ พูดคุกคาม “ต่อให้ท่านลุงไม่สนใจหน้าตาของพวกเรา ก็ควรจะสนใจหน้าตาของหลานสาวท่านบ้าง ตอนนี้คนทั้งร้านตลาดต่างก็รู้กันหมดแล้วว่านางเป็นคู่หมายของบุตรชายข้าแล้ว หากการแต่งงานนี้ไม่สำเร็จ เกรงว่าภายหน้าก็คงไม่มีใครกล้ามาทาบทามสู่ขอแล้ว”
น้ำเสียงกังวานสว่างใสของซุนเชี่ยนดังขึ้นด้านหลังเขา “ไม่มีคนมาสู่ขอก็แล้วอย่างไร?”
หูไหลหันหลังกลับ ซุนเชี่ยนค่อยๆ เดินออกมาจากด้านหลังกลุ่มคน มาพูดตรงหน้าเขา “ต่อให้ไม่ได้แต่งงานไปทั้งชีวิต ข้าก็ไม่มีวันรับการแต่งงานนี้ของพวกเจ้า”
หูไหลตะลึงจังงัง
หูหมิงบุตรชายหูไหลเห็นซุนเชี่ยนแววตาเปล่งประกาย ดวงตาลุ่มหลงคู่นั้นมองประเมินไปทั่วทั้งร่างนางหนึ่งรอบ ถึงวางมาดที่คิดว่างามสง่าผึ่งผายเดินมาตรงหน้าซุนเชี่ยน ร้องเรียกอย่างนุ่มนวล “น้องซุน”
ซุนเชี่ยนเหลือบเปลือกตาขึ้น มองเขาแวบหนึ่ง ถามอย่างไม่ไว้หน้า “เจ้าเป็นใคร? ข้ารู้จักเจ้าหรือ? ทำไมเจ้าถึงใช้สายตาน่าขยะแขยงเช่นนี้มองข้า?”
ต่อให้เป็นเรื่องที่พ่อแม่จัดการ แม่สื่อดำเนินการ แต่ชายหญิงจะหมั้นหมายกันก็ยังอนุญาตให้พบหน้ากันได้ ตอนนี้ซุนเชี่ยนกลับถามด้วยวาจาไม่ไว้หน้าเขาต่อหน้าผู้คน กลุ่มคนที่มาดูเรื่องสนุกต่างส่งเสียงหัวเราะครื้นเครง
หูหมิงนึกว่าตนเองรูปงามสง่า ใช้ไม้ตายนี้ล่อหลอกดวงใจของแม่นางมาไม่น้อย ไม่คิดว่าซุนเชี่ยนกลับไม่เล่นด้วย พูดวาจาเช่นนี้กับเขาต่อหน้าคนมากมาย พลันยืนกระอักกระอ่วนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าอมเขียวอมแดงพูดไม่ออก
ซุนวั่งเห็นหูหมิงถูกกำราบ ร้องก่นด่า “นังตัวดีไม่รู้จักธรรมเนียมมารยาท มีใครปฏิบัติต่อสามีในอนาคตเช่นเจ้ากันบ้าง?”
ซุนเชี่ยนมองเขา พูดอย่างราบเรียบ “ข้ามีมารดาให้กำเนิด ไม่มีบิดาเลี้ยง ย่อมไม่รู้กฎระเบียบพวกนี้ ไม่เช่นนั้นท่านสอนข้าตอนนี้ ว่าข้าควรทำอย่างไร?”
ได้ฟังคำพูดถากถางของนาง ซุนวั่งโมโหเดือดดาลแล้ว ลุกขึ้นฉับพลัน ร้องถามซุนเชี่ยน “นังตัวดี กล้าพูดจาเหลวไหลต่อหน้าคนมากมาย หากข้าไม่เลี้ยงเจ้า เจ้าจะโตมาได้เช่นนี้เรอะ?”
ซุนเชี่ยนเบ้ปาก พูดเสียดแทง “เมื่อท่านเลี้ยงดูข้ามาจนโต ท่านพูดต่อหน้าคนมากมายนี้หน่อยกระไร เวลาตกฟากของข้าคือเวลาใด? ปีนี้ข้าอายุเท่าใดแล้ว?”
ซุนวั่งหลบสายตาพูดว่า “เจ้ามันแค่เด็กสาวคนหนึ่ง ข้าจำสิ่งเหล่านั้นมีประโยชน์อะไร?”
ซุนเชี่ยนหัวเราะเยาะหยัน “แม้แต่วันเดือนปีเกิดของข้าก็จำไม่ได้ ยังกล้ามาพูดว่าเลี้ยงข้ามาจนเติบใหญ่ ทั้งยังมายุ่งเกี่ยวการแต่งงานของข้า ท่านไม่คู่ควร”
ซุนวั่งคลุ้มคลั่ง “เจ้าจะเล่นลิ้นสำบัดสำนวนอย่างไร ข้าก็คือพ่อแท้ๆ ของเจ้า นี่เป็นความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้”
ซุนเชี่ยนหัวเราะเบาๆ “ไม่นานก็จะไม่ใช่แล้ว”
ซุนวั่งโมโหก่นด่า “นังตัวดี เจ้าฝันไปเถอะ ชาตินี้ไปจนเจ้าตาย ข้าก็คือพ่อแท้ๆ ของเจ้า”
ซุนเชี่ยนไม่ได้สนใจเขา
หูไหลฟังอยู่อีกด้านด้วยใจประหวั่น ตระหนักรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น รีบร้อนพูดขึ้น “แม่นางซุน อย่างไรพวกเจ้าก็เป็นพ่อลูกกัน มีอะไรค่อยพูดค่อยจากันเถิด”
ซุนเชี่ยนหันไปมองเขา ตวาดเสียงเขียว “ไสหัวไปพร้อมกับสิ่งของของพวกเจ้าเดี๋ยวนี้!”
หูไหลไม่เคยถูกใครปฏิบัติต่อเช่นนี้มาก่อน โมโหชี้หน้าซุนเชี่ยนพูดไม่ออก
หูหมิงหมายจะเข้ามาพูดยับยั้ง “น้องซุน…”
ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกซุนเชี่ยนแวดใส่เสียงเขียว “ไสหัวไป!”
หูหมิงตกใจสะดุ้ง ไม่กล้าปริปากอีก
หูไหลโมโหจนโพล่งปากพูดออกไปว่า “ถึงว่าบิดาเจ้าคอยพูดยกยอเจ้าไม่ขาดปาก หมายจะยกเจ้าให้หมิงเอ๋อร์ของพวกเราให้ได้ ที่แท้เพราะเจ้าไร้กาลเทศะมารยาทเช่นนี้เอง โชคดีวันนี้ได้มาเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้า ไม่เช่นนั้นภายหน้าแต่งเข้ามาครอบครัวพวกเรา สกุลของพวกเราไม่รู้จะซวยเพียงใด”
หูหมิงดึงรั้งเสื้อเขา ให้เขาพูดให้น้อยๆ
อย่างไรเสียการแต่งงานก็หมดหวังแล้ว หูไหลยอมถลกหนังหน้าไม่เหลือพูดว่า “จะยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้ก็ได้ แต่เพื่อซื้อของหมั้นพวกนี้พวกเราใช้จ่ายเงินไปไม่น้อย เมื่อพวกท่านไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานนี้ ก็คืนเงินค่าของหมั้นหมายมาให้พวกเราด้วย”
กลุ่มคนที่มามุงดูเรื่องสนุกไม่เคยได้ยินว่าเมื่อหมั้นหมายไม่สำเร็จฝ่ายหญิงกลับต้องจ่ายเงินค่าของหมั้นแทน ต่างชี้มือชี้ไม้ ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่
ซุนเชี่ยนหัวเราะเยาะหยัน “ได้ ข้าให้เจ้า”
พอได้ยินนางรับคำ หูไหลก็ดีอกดีใจยกใหญ่
ไม่คิดว่าซุนเชี่ยนจะเดินมาตรงหน้าของหมั้นหมาย ดึงไม้คานหาบของหมั้นหมายออก แล้วกวัดแกว่งตรงมาที่เขา
สองพ่อลูกหูไหลและหูหมิงตกใจขวัญผวา ลนลานหลบแทบไม่ทัน คนที่หาบของหมั้นหมายมากลัวตัวเองจะได้รับบาดเจ็บ ก็รีบหลบไปอีกด้านเช่นกัน
ซุนเชี่ยนไม่ยอมอ่อนข้อให้ ไล่กวดตามทั้งสองคนไปอย่างไม่ลดละ
สองพ่อลูกแม้แต่ของหมั้นหมายก็ไม่สนแล้ว ตกใจวิ่งเผ่นแนบ
กลุ่มคนที่มามุงดูยิ่งส่งเสียงวิพากษ์ดังเซ็งแซ่
[1] ธรรมเนียมสามหนังสือหกพิธีการนี้ คู่บ่าวสาวต้องปฏิบัติตามอย่างครบถ้วน โดยสามหนังสือได้แก่ เทียบหมั้น เทียบสินสอด เทียบเชิญเจ้าสาว ส่วนหกพิธีการก็คือ ทาบทาม ถามชื่อ ดูดวงสมพงศ์ หมั้น ดูฤกษ์ รับตัวเจ้าสาว