ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 183-1 พฤติกรรมสนิทสนม
ซุนเชี่ยนลุกขึ้นจากเก้าอี้ลงมายืน พูดว่า “เจ้าไม่ต้องร้อนใจไป ข้าไม่เป็นอะไร”
ซุนเหลียงไฉเดินมาตรงหน้านาง มองประเมินนางขึ้นลงอย่างละเอียด พบว่าร่างกายไม่มีที่ใดผิดแปลก ก็ให้โล่งใจพูดว่า “ข้านึกว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับท่าน ข้าตกใจแทบแย่”
พูดจบถึงเปล่งเสียงร้องเรียกอย่างดีใจ “ท่านปู่ ท่านย่า”
หญิงชรายิ้มรับ ซุนซ่านเหรินกลับไม่ยิ้มแย้มขานรับคำเหมือนแต่ก่อน เพียงแค่ผงกศีรษะเล็กน้อย
ซุนเหลียงไฉรู้สึกมีบางสิ่งผิดปกติ ถามขึ้น “ท่านปู่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นในบ้านกันแน่?”
ซุนซ่านเหรินถอนใจ เล่าการกระทำทั้งหมดของซุนวั่งและหูไหลให้เขาฟัง
ซุนเหลียงไฉได้ฟังก็ตกตะลึง ร้องโวยวาย “ท่านพ่อกระทำเรื่องเช่นนั้นออกมาได้อย่างไร?”
ซุนซ่านเหรินถอนหายใจยาว บอกเรื่องที่ซุนเชี่ยนคิดจะตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกกับซุนวั่งให้เขาฟัง
ซุนเหลียงไฉได้ฟังก็คว้าซุนเชี่ยนไว้หมับ “ท่านพี่ ท่านพ่อเพียงแค่เลอะเลือนชั่วขณะ ถึงกระทำเรื่องผิดพลาดเช่นนั้น ต่อให้ท่านไม่ยินดีจะให้อภัยเขา หรือแม้แต่ข้าท่านก็จะไม่ยอมรับด้วย?”
หญิงชราก็ตกใจไม่น้อย พูดเกลี้ยกล่อม “เชี่ยนเอ๋อร์ เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด เจ้าถึงวัยที่จะต้องหมั้นหมายแล้ว หากตัดขาดสัมพันธ์พ่อลูก เรื่องแพร่งพรายออกไปเกรงว่าจะไม่มีใครยอมมาทาบทามสู่ขอเป็นแน่”
ซุนเชี่ยนส่ายหน้า เผยรอยยิ้มที่อัปลักษณ์ยิ่งกว่าร้องไห้ “เรื่องกลายมาเป็นเช่นนี้แล้ว ท่านย่าคิดว่าจะยังมีคนมาทาบทามสู่ขออีกหรือ?”
หญิงชรานิ่งงัน
ซุนเหลียงไฉรีบร้อนพูด “มี ข้าจะไปหาพี่เมิ่งเสียนเดี๋ยวนี้ ให้เขามาสู่ขอท่าน” พูดจบก็หันหลังจะวิ่งออกไป
ซุนเชี่ยนคว้าตัวเขาไว้ “น้องเล็ก วันนี้ข้าอาละวาดตีคนต่อหน้าคนมากมาย ชื่อเสียงเสื่อมเสียป่นปี้ ไม่เหมาะสมกับคนอย่างคุณชายเมิ่งแล้ว ข้าขอร้องเจ้า อย่าไปเลย เลี่ยงไม่ให้ย่ำแย่ไปกว่านี้”
“ไม่นะ พี่เมิ่งเสียนไม่สนใจดหรอก พี่สาวเมิ่งตีคนออกบ่อยๆ ไม่เห็นพี่เมิ่งเสียนจะโต้แย้งอันใด” ซุนเหลียงไฉลนลานพูด
ซุนเชี่ยนยังคงพูด “ก็แล้วอย่างไร หากท่านพ่อรู้ว่าข้าหมั้นหมายกับเขา จะต้องก่อกวนครอบครัวพวกเขาจนอยู่ไม่เป็นสุข ถึงตอนนั้นเราสองครอบครัวคงเป็นไม่ได้แม้แต่มิตรสหาย”
ซุนซ่านเหรินพูด “เชี่ยนเอ๋อร์ เจ้าวางใจ นับแต่วันนี้ไป ปู่จะส่งคนไปคอยเฝ้าดูพ่อเจ้า จะไม่ให้เขากระทำเรื่องเหลวไหลได้อีก”
ซุนเชี่ยนถามอย่างราบเรียบ “ท่านปู่จะให้คนคอยดูเขาไปได้ทั้งชีวิตหรือ?”
ซุนซ่านเหรินสะอึกกับคำถาม
ซุนเชี่ยนพูดอย่างเศร้าสลด “เรื่องมาถึงตอนนี้ ข้าไม่คาดหวังการแต่งงานใดๆ อีกแล้ว พวกท่านก็มิต้องทุกข์ใจแทนข้า ต่อไปข้าจะมุ่งมั่นดูแลการค้าของท่านปู่ให้ดี ภายหน้าจะได้ช่วยน้องเล็กดูแลกิจการของครอบครัวก็พอ”
ซุนเหลียงไฉปลอบประโลมนาง “ไม่หรอก ท่านพี่ ท่านปู่ท่านย่าจักต้องหาคู่ครองที่ดีให้ท่านได้”
ซุนเชี่ยนไม่พูดเรื่องนี้ต่ออีก แต่พูดขึ้นว่า “ข้าเหนื่อยแล้ว ขอกลับไปพักผ่อนก่อน ตอนเที่ยงก็ไม่ต้องเรียกข้าแล้ว” พูดจบหันหลังเดินออกไป
ซุนเหลียงไฉอ้าปากค้าง ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ซุนซ่านเหรินทอดถอนใจยาว นั่งลงบนเก้าอี้อย่างอ่อนล้า
หญิงชราก็นั่งลงอีกด้านด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด
ซุนเหลียงไฉพูดว่า “ท่านปู่ ต่อไปท่านพี่จะไม่มีคนมาสู่ขอแล้วจริงๆ หรือ?”
ซุนซ่านเหรินส่ายหน้า “ไม่หรอก รอให้ผ่านไปสักระยะ หากไม่มีใครมาสู่ขอจริงๆ ปู่จะฝากฝังคนไปชนบทหาคู่ครองที่ดีมาให้นาง”
“แต่หากท่านพ่อไปก่อเรื่องอาละวาดเหมือนที่ท่านพี่พูดจริงๆ จะทำอย่างไร?” ซุนเหลียงไฉถามด้วยความเป็นห่วง
หญิงชราพูดขึ้น “หากเขายังกล้าทำเช่นนั้น ย่าจะไม่ยอมรับเขาเป็นลูกอีก”
ซุนเหลียงไฉรู้ว่าหญิงชราพูดด้วยความโมโหเท่านั้น หากเกิดเรื่องนั้นขึ้นจริงๆ เกรงว่าไม่เกินสองวันซุนวั่งก็จะกล่อมหญิงชราให้ยอมให้อภัยเขาได้ จึงพูดว่า “ข้าจะไปคิดหาวิธีกับพี่สาวเมิ่ง” พูดจบก็หันหลังวิ่งแนบออกไป
ในใจซุนซ่านเหรินอยากให้การแต่งงานของซุนเชี่ยนและเมิ่งเสียนบรรลุผลสำเร็จ จึงไม่ได้ห้ามปราม
หญิงชรากลับร้องพูดไล่หลัง “ไฉเอ๋อร์เอ๋ย พรุ่งนี้ค่อยไปก็ได้ วันนี้อยู่กับย่าให้หายคิดถึงก่อน”
เสียงซุนเหลียงไฉดังแว่วเข้ามา “ท่านย่า รอให้เรื่องงานแต่งของท่านพี่แน่ชัดแล้ว ข้าจะกลับมาอยู่กับท่านสองวันเลย”
ซุนเหลียงไฉเดินพ้นประตูออกมา สั่งบ่าวรับใช้ “ส่งข้ากลับไป”
บ่าวรับใช้รีบบังคับรถม้าพาซุนเหลียงไฉส่งกลับไป
ตั้งแต่ที่ซุนเหลียงไฉจากไป เมิ่งเสียนก็จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทั้งไม่ไปแปลงมันฝรั่งแล้ว อยู่บ้านทำงานจิปาถะให้ผ่านๆ ไป
แม้เมิ่งเชี่ยนโยวจะมีความเป็นห่วงบ้าง แต่พอคิดถึงนิสัยของซุนเชี่ยน จะต้องไม่เกิดอะไรร้ายแรง จึงไม่ได้สนใจอีก ก้มหน้ายุ่งเรื่องของตัวเอง
ภายใต้การเร่งเร้าไม่หยุดของซุนเหลียงไฉ บ่าวรับใช้บังคับรถม้าอย่างเร็วรี่ ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ก็มาถึงบ้านเมิ่งเชี่ยนโยว
ซุนเหลียงไฉสั่งคนงานให้กลับไป แล้วสาวเท้าเดินเข้าไปในลานบ้าน เดินไปพลางร้องตะโกนไปพลาง “พี่สาวเมิ่ง รีบออกมา ข้ามีเรื่องกับเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินเสียงตะโกนของเขา รู้สึกประหลาดใจ รีบร้อนเดินออกมาจากในบ้าน ถามขึ้น “เหตุใดเจ้าถึงกลับมาเร็วเช่นนี้ พี่สาวเจ้าไม่เป็นอะไรนะ?”
“เป็น เรื่องใหญ่ด้วย” ซุนเหลียงไฉร้อนรนพูด
เมิ่งเชี่ยนโยวเลิกคิ้ว “เรื่องใหญ่อะไร?”
ซุนเหลียงไฉเดินเข้าไปใกล้ๆ นาง บอกเรื่องที่เกิดขึ้นภายในบ้านออกมาเสียงแผ่ว สุดท้ายพูดว่า “ตอนนี้ท่านพี่ข้าสภาพจิตใจแย่มาก ข้ากลัวนางจะคิดไม่ตก อยากจะมาถามเจ้า พอจะมีวิธีอะไรทำให้นางมีความสุขขึ้นมาได้บ้าง”
เมิ่งเชี่ยนโยวครุ่นคิด “มีอยู่วิธีหนึ่ง ทว่าต้องให้เจ้าร่วมมือด้วย”
“เจ้าพูดมา ข้าให้ความร่วมมือเต็มที่” ซุนเหลียงไฉร้อนรนพูด
เมิ่งเชี่ยนโยวกดเสียงต่ำพูดกระซิบกระซาบข้างหูเขา
ซุนเหลียงไฉส่ายหน้า “ไม่ได้ เจ้าทำแบบนี้เป็นการหลอกลวงพี่เมิ่งเสียน พอเขารู้เรื่องจะต้องลงโทษข้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวถาม “เช่นนั้นเจ้ากลัวพี่สาวเจ้าไม่มีความสุข หรือกลัวพี่ใหญ่ข้าลงโทษกันเล่า?”
“ย่อมต้องอยากให้ท่านพี่มีความสุข พี่เมิ่งเสียนจะลงโทษก็ลงโทษเถอะ” ซุนเหลียงไฉตอบอย่างไม่ลังเล
เมิ่งเชี่ยนโยวตบบ่าเขา “เช่นนั้นก็ถูกต้องแล้ว ประเดี๋ยวจักต้องพูดตามที่ข้าบอกเจ้า”
พูดจบก็เข้าไปตามหาเมิ่งเสียนในลานบ้าน พูดกับเขาเสียงเบา “พี่ใหญ่ เหลียงไฉกลับมาแล้ว บอกว่าเกิดเรื่องใหญ่กับคุณหนูซุน”
อิฐแดงในมือเมิ่งเสียนร่วงลงพื้น ร้อนรนถาม “เหลียงไฉอยู่ที่ไหน?”
“ในลานบ้าน” สิ้นเสียงเมิ่งเสียนก็วิ่งออกไปทันที
เมิ่งเชี่ยนโยวกระหยิ่มยิ้มย่องใจ เดินตามหลังเข้ามาในลานบ้าน
เมิ่งเสียนสาวเท้าฉับๆ เข้ามาในลานบ้าน รบเร้าถามซุนเหลียงไฉ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพี่สาวเจ้า?”
ซุนเหลียงไฉทำหน้าสลด บอกเรื่องที่เกิดขึ้นในครอบครัวขึ้นอีกรอบ สุดท้ายพูดว่า “ท่านพี่โมโหมาก คิดจะตัดขาดความสัมพันธ์กับบิดาข้า ท่านปู่ข้าไม่ยอม ท่านพี่ด้วยโทสะคุกรุ่น ด้วยโทสะคุกรุ่น…” จากนั้นก็อึกๆ อักๆ พูดไม่ออก
เมิ่งเสียนร้อนใจร้องเอ็ดเขา “เจ้ารีบพูดออกมาเล่า ด้วยโทสะคุกรุ่นแล้วอย่างไร?”
ซุนเหลียงไฉหันมองเมิ่งเชี่ยนโยวแวบหนึ่ง กัดฟันแล้วหลับตาพูดเสียงลั่น “ท่านพี่ด้วยโทสะคุกรุ่น เอาหัวโขกกับโต๊ะ สลบล้มพับไป ข้ากลับมาก็เพื่อมาให้พี่สาวเมิ่งเข้าไปช่วยท่านพี่ข้า”
เมิ่งเสียนนิ่งอึ้ง อึดใจหนึ่งถึงถามขึ้น “สลบ สลบล้มพับไป?”
ซุนเหลียงไฉพยักหน้า “ตอนที่ข้าไปถึงบ้านท่านพี่ยังไม่ฟื้น ข้ากลัวนางจะเป็นอะไรไป จึงตั้งใจกลับมารับพี่สาวเมิ่งไปดูอาการนาง”
“เช่นนั้นยังไม่รีบไปอีก?” เมิ่งเสียนร้องคำรามลั่น
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “คุณหนูซุนกระทำลงไปด้วยใจที่ตายแล้ว ต่อให้ข้าช่วยตัวนางได้ ก็ช่วยใจของนางไม่ได้ การจะให้นางต้องมีชีวิตอยู่อย่างไร้ความหวังเช่นนี้ สู้สงเคราะห์นาง ให้นางได้ไปเกิดใหม่ในครอบครัวที่ดีแต่เนิ่นๆ ดีกว่า”
เมิ่งเสียนร้องคำราม “ใครบอกว่านางไร้ความหวังกัน นางอยากจะแต่งกับข้าไม่ใช่หรือ? เจ้าไปบอกนาง ขอเพียงนางมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย ข้าก็จะขอนางแต่งงาน”
เมิ่งเชี่ยนโยวคัดค้าน “ไม่ได้ พี่ใหญ่จะรับปากแต่งงานเพียงเพราะเห็นใจนางไม่ได้เด็ดขาด ข้าจะไม่ยอมช่วยแม่นางซุนฟื้น แล้วทำลายพี่ใหญ่ของข้า ไม่ได้เด็ดขาด”
เมิ่งเสียนร้อนใจโพล่งปากออกไป “ข้ามิได้เห็นใจนาง ข้าชอบนางถึงได้รับปากจะแต่งงานกับนาง”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เชื่อ “พี่ใหญ่ ข้ารู้ว่าท่านจิตใจดี ไม่อยากให้แม่นางซุนไม่ฟื้นขึ้นมาอีก แต่ท่านก็จะพูดปดด้วยเหตุนี้ไม่ได้ ข้ารู้ว่าท่านไม่พึงใจนาง ท่านพูดเช่นนี้ก็เพื่อช่วยชีวิตนางใช่หรือไม่?”
เมิ่งเสียนร้อนใจอกแทบระเบิด “น้องสาว ต้องให้ข้าพูดอย่างไรเจ้าถึงจะเชื่อ พี่ใหญ่ชอบแม่นางซุนจริงๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวกังขา “ไม่มีทางเป็นไปได้ ท่านพูดเองว่าท่านจะไม่มีวันชอบคุณหนูสกุลใหญ่อีก แต่จะแต่งกับแม่นางบ้านนาที่ขยันขันแข็งทำงาน ใช้ชีวิตร่วมกันไปจนชั่วชีวิตมิใช่หรือ?”
เมิ่งเสียนหน้าแดงฝาด “ตอนนั้นเพราะข้านึกว่านางมีเล่ห์เหลี่ยมเหมือนกับคุณหนูสกุลใหญ่คนอื่นๆ กลัวนางจะมาหลอกลวงข้า แต่ต่อมาข้าก็พบว่านางเป็นคนมีนิสัยเบิกบาน เปิดเผยจริงใจ ไม่เสแสร้งแกล้งทำ ข้าจึงเริ่มชอบนาง”
เมิ่งเชี่ยนโยวถามอย่างจริงจัง “พี่ใหญ่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองแล้ว?”
เมิ่งเสียนพยักหน้า “แน่ใจ”
พูดจบก็นึกขึ้นได้ว่าซุนเชี่ยนยังรอให้เมิ่งเชี่ยนโยวไปช่วยชีวิต ลนลานพูดว่า “พวกเจ้ารีบไปเถอะ อย่าให้อาการป่วยของแม่นางซุนต้องล่าช้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะครืน
ซุนเหลียงไฉก็ลูบหัวหัวเราะร่วน เห็นเมิ่งเสียนมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ก็รีบพูดว่า “ท่านจะโทษข้าไม่ได้นะ พี่สาวเมิ่งสอนให้ข้าพูดเช่นนี้”
เมิ่งเสียนมองไปที่เมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “พี่ใหญ่ พวกเราโกหกท่านหรอก แม่นางซุนมิได้เป็นอะไรไม่”
เมิ่งเสียนถึงได้สติกลับมา “ดีนัก พวกเจ้ากล้าโกหกข้า ดูเถิดว่าข้าจะลงโทษพวกเจ้าอย่างไร?”
ซุนเหลียงไฉลนลานโบกมือ “จะโทษข้าไม่ได้นะ นางที่บอกให้ข้าพูดเช่นนี้ให้ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บคืนกิริยาอาการหยอกล้อ พูดอย่างจริงจัง “พี่ใหญ่ แม้แม่นางซุนจะมิได้โขกโต๊ะฆ่าตัวตาย แต่สภาพจิตใจนางย่ำแย่นั้นเป็นเรื่องจริง ข้าเดาว่าตอนนี้นางจะต้องหัวใจแตกสลาย หากท่านชอบนางจริงๆ ก็ไปเรือนซุนพร้อมข้า ไปปลอบใจนางให้ดีขึ้นด้วยกันเถิด”
ซุนเหลียงไฉพยักหน้า นำวาจาของซุนเชี่ยนพูดออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ
เมิ่งเสียนได้ฟังก็ให้ปวดใจเป็นอย่างมาก รับปากโดยไม่ลังเลพลัน “ได้ พวกเราไปตอนนี้เลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวรั้งเขาไว้ หยิบปิ่นดอกไม้ที่ตนเองซื้อมาจากจังหวัดออกมาจากในห้อง “แวบแรกที่ข้าเห็นปิ่นดอกไม้นี้ ก็รู้สึกว่าเหมาะสมกับแม่นางซุน ตอนนี้ท่านรับไว้ แล้วนำไปมอบให้นางเป็นของแทนใจ”
เมิ่งเสียนรับปิ่นดอกไม้มาอย่างซาบซึ้งใจ “ขอบใจน้องสาว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดหยอกเย้าเขา “ขอเพียงท่านแต่งแม่นางซุนมาเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของข้า จะดียิ่งกว่าขอบคุณข้าเป็นร้อยครั้งเสียอีกเล่า”
เมิ่งเสียนหน้าแดงเรื่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งเหวินเปียวบังคับรถม้าเข้าเมือง
จากการบอกทางของซุนเหลียงไฉ ไม่นานรถม้าก็มาถึงเรือนซุน
ไม่รอให้รถจอดสนิท ซุนเหลียงไฉก็กระโดดลงจากรถม้า บอกกับบ่าวเฝ้าประตูว่า “รีบไปบอกท่านปู่ข้า บอกว่าพี่ใหญ่เมิ่งและพี่สาวเมิ่งมา”
บ่าวเฝ้าประตูไม่รอช้า เร่งรุดวิ่งเข้าไปรายงานทันที
ซุนเหลียงไฉนำทั้งสองคนเข้ามาด้านใน
ซุนซ่านเหรินได้ยินบ่าวรับใช้มารายงาน ก็ให้ยินดี ตะลีตะลานวิ่งออกมา เห็นทั้งสามคนเดินเข้ามาในลานบ้าน พลันหัวเราะเหอะๆ พูดว่า “แม่นางเมิ่ง คุณชายเมิ่ง พวกเจ้ามาแล้ว รีบเข้ามานั่งข้างใน”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “พี่ใหญ่ข้าได้ยินว่าแม่นางซุนเกิดเรื่อง จิตใจกระสับกระส่าย พวกเราไม่ได้บอกกล่าวก่อน ก็มาหา ไม่ได้รบกวนท่านหรอกนะ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอ้อมค้อมไปมาก
ซุนซ่านเหรินฟังออกถึงความนัยแฝง ดีใจอย่าหาที่สุดไม่ได้ พูดไม่หยุดว่า “ไม่รบกวน ไม่รบกวน พวกเจ้ามาได้เวลาเหมาะเจาะพอดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสายตาให้เมิ่งเสียน
เมิ่งเสียนเข้าใจทันที ถามอย่างอ่อนน้อม “ข้าอยากคุยกับคุณหนูซุนตามลำพัง ไม่ทราบว่าจะได้หรือไม่?”
“ย่อมได้อยู่แล้ว” ซุนซ่านเหรินพูด “เชี่ยนเอ๋อร์อยู่ในห้องของนาง ข้าจะให้บ่าวไปพาเจ้าไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ให้เหลียงไฉเป็นคนพาไปเถอะ” พูดจบ กระซิบกระซาบข้างหูซุนเหลียงไฉสองสามคำ
ซุนเหลียงไฉพยักหน้า “พี่ใหญ่เมิ่ง ข้าจะพาท่านไปเอง”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกระซิบกระซาบข้างหูเมิ่งเสียนอีกสองสามคำ
เมิ่งเสียนมองนางอย่างตกตะลึง
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
เมิ่งเสียนตัดสินใจเด็ดเดี่ยว เดินตามซุนเหลียงไฉจากไป