ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 184-2 มาหาถึงบ้าน
ช่วงสาย รถม้าคันหนึ่งแล่นเข้ามาแต่ไกล เมิ่งชื่อที่คอยชะเง้อชะแง้เฝ้ามองอยู่หน้าประตูนึกว่าแม่สื่อหลิวกลับมาแล้ว ปลาบปลื้มยินดีมาก กำลังจะเดินเข้าไปถาม กลับพบว่าไม่ใช่รถม้าของบ้านตัวเอง ขณะที่กำลังกังขาอยู่นั้น ชายคนหนึ่งลงมาจากรถม้าถามเมิ่งชื่อ “นี่ก็คือบ้านของเมิ่งเสียน?”
เมิ่งชื่อพยักหน้า กำลังจะอ้าปากถามว่าเขาเป็นใคร ชายคนนั้นกลับแผดเสียงร้องตะโกนลั่น “ให้เมิ่งเสียนไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”
เมิ่งชื่อได้ยินน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ของเขา ตกใจร้องถาม “ท่านเป็นใคร?”
ซุนวั่งแค่นเสียงหัวเราะ “ข้าเป็นใคร? ข้าคือบิดาของซุนเชี่ยน! เมิ่งเสียนเจ้าคนไร้ยางอาย กระทำเรื่องให้บุตรสาวข้าต้องเสื่อมเสีย วันนี้ข้าจะมาคิดบัญชีกับเขา รีบให้เขาไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้”
เมิ่งชื่อกำลังจะพูด ซุนวั่งก็ถามขึ้นอย่างหมดความอดทน “เจ้าเป็นใคร?”
ไม่รอให้เมิ่งชื่อตอบ เขาก็พูดขึ้นอีก “ยังไม่รีบไปเรียกเมิ่งเสียนออกมาอีก”
เมิ่งชื่อไม่ขยับ พูดว่า “ข้าเป็นแม่ของเมิ่งเสียน มีเรื่องอะไรพวกเราค่อยพูดค่อยจากัน”
พอได้ยินว่าเป็นแม่ของเมิ่งเสียน ซุนวั่งก็ยิ่งอารมณ์พลุ่งพล่าน ยืนหน้าประตูร้องโวยวายเสียงลั่น “ได้ยินว่าสกุลเมิ่งของพวกเจ้าเป็นครอบครัวซิ่วไฉ ทุกคนต่างรู้หนังสืออ่านออกเขียนได้ แต่เหตุใดถึงให้บุตรชายเจ้ากระทำเรื่องต่ำช้าเช่นนั้นได้ กลัวว่าบุตรสาวข้าจะไม่ยอมแต่งงานด้วย จึงทำลายชื่อเสียงของนางจนย่อยยับก่อน จะได้บีบให้พวกเรารับปากงานแต่งงานนี้ สกุลเมิ่งของพวกเจ้าสอนสั่งลูกหลานกันเช่นนี้เองเรอะ”
ถูกกล่าวหาว่าร้ายรุนแรงเช่นนี้ เมิ่งชื่อตกใจเสียขวัญ ลนลานพูด “ท่านเข้าใจผิดแล้ว มิใช่อย่างที่ท่านพูดสักนิด…”
ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกซุนวั่งพูดแทรก “ข้าเข้าใจผิดอย่างไร? เรื่องในตอนนี้แม้แต่บ่าวไพร่สาวใช้ในบ้านต่างก็รู้เรื่องหมดแล้ว เจ้ายังคิดจะเฉไฉอีกเรอะ?”
เสียงร้องโวยวายของซุนวั่งสร้างความตกใจให้กลุ่มหญิงสาวเย็บกระเป๋านักเรียนในบ้าน ทุกคนต่างวางงานในมือวิ่งออกมาดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ สะใภ้โจวทั้งสองคนก็ตามออกมาด้วย
ผู้หญิงคนหนึ่งเห็นซุนวั่งยืนร้องโวยวายมะเทิ่งอยู่หน้าประตูอย่างไม่ลดราวาศอก รีบไปหาเมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งเสียนที่ลานใหญ่บอกเรื่องนี้กับพวกเขา
เมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งเสียนรีบเร่งวิ่งมาหน้าประตู
ซุนวั่งเห็นเมิ่งเสียนมาแล้ว พลันแผดเสียงพูดอย่างเกรี้ยวกราด “เมิ่งเสียน เจ้าคนหยาบช้ายิ่งกว่าหมูหมา เห็นบ้านพวกเรามีเงิน ก็คิดจะอาดเอื้อมป่ายปีนพวกเรา บุตรสาวข้าอย่างไรก็ไม่ยอมตกลง ไม่คิดว่าเจ้าจะกล้าใช้วิธีต่ำช้า ทำลายชื่อเสียงของนาง”
เมิ่งเสียนถูกเขาชี้หน้ากล่าวตำหนิ อายจนหน้าแดง รีบพูดโต้แย้ง “ข้าเปล่า…”
ซุนวั่งไม่เชื่อเขา แผดเสียงลั่น “เจ้ายังจะไม่ยอมรับ เจ้าไม่กลัวฟ้าจะผ่าบ้างหรือไร?”
เมิ่งเอ้ออิ๋นไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างเมิ่งเสียนและซุนเชี่ยน ได้ยินก็ให้ขุ่นเคือง พูดว่า “ท่านจะพูดอะไรก็ช่วยให้มีมูลความจริงบ้าง ท่านมีสิทธิ์อะไรมาพูดว่าบุตรชายข้าทำลายชื่อเสียงของแม่นางซุน?”
ซุนวั่งโมโหร้องลั่น “สิทธิ์อะไร? ก็สิทธิ์ที่พวกเขายังไม่ได้หมั้นหมายกันก็ลักลอบพบเจอกัน ก็สิทธิ์ที่พวกเขายังไม่ได้หมั้นหมายกันเขาก็แอบเข้าไปในห้องนอนบุตรสาวข้า กระทำเรื่องต่ำช้ายิ่งกว่าหมูหมา”
เมิ่งเอ้ออิ๋นไม่เชื่อ “พูดจาเหลวไหล แม้สกุลเมิ่งจะไม่ใช่ตระกูลผู้มีการศึกษาอะไร แต่อย่างไรบุตรชายข้าก็เคยร่ำเรียนในสถานศึกษามาหลายปี ยังพอรู้เรื่องมารยาทเกียรติและความน่าละอายอยู่บ้าง ไม่มีทางกระทำเรื่องเช่นนั้นได้เด็ดขาด”
ซุนวั่งถ่มถุยเสียงลั่น “จนถึงตอนนี้ยังมีหน้าพูดเช่นนี้ เจ้าถามบุตรชายเจ้าดูว่าได้ทำเรื่องเช่นนี้หรือไม่”
เมิ่งเอ้ออิ๋นหันไปมองเมิ่งเสียน “เสียนเอ๋อร์ เจ้าบอกเขาไป เจ้าไม่ได้ทำเรื่องเช่นนั้น”
เมิ่งเสียนหน้าแดง พูดเสียงแผ่ว “ท่านพ่อ ข้า ข้า…”
เมิ่งเอ้ออิ๋นตกตะลึง ถามอย่างไม่เชื่อ “เจ้ากระทำเรื่องหยาบช้านั้นจริงๆ?”
เมิ่งเสียนลนลานโบกมือ “เปล่าๆ ข้าเพียงมอบปิ่นดอกไม้ให้แม่นางซุนเท่านั้น”
เมิ่งเอ้ออิ๋นได้ฟังก็โล่งอก หันไปพูดกับซุนวั่ง “พวกเขาชอบพอกัน ให้สิ่งของแก่กันก็ยากจะเลี่ยง อีกทั้งวันนี้พวกเราก็ให้คนไปทาบทามสู่ขอแล้ว”
ได้ฟังว่าพวกเขาให้แม่สื่อไปทาบทามสู่ขอแล้ว ซุนวั่งก็ยิ่งเดือดดาล “บุตรสาวข้าถูกตีตราหมั้นหมายแล้ว แม้แต่ใบบันทึกวันเดือนปีเกิดก็แลกกันแล้ว ใครจะไปคิดว่าบุตรชายของพวกเจ้าจะกระทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้ ตอนนี้คนทั้งตำบลต่างก็หัวเราะขบขันพวกเรา ต่อไปเจ้าจะให้บุตรสาวข้าออกไปพบเจอคนอย่างไร จะให้พวกเราสกุลซุนเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”
ครั้งนี้เมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งชื่อตกใจมึนงงจริงๆ แล้ว ถามขึ้น “เสียนเอ๋อร์ มีเรื่องเช่นนี้จริงๆ?”
เมิ่งเสียนรีบร้อนอธิบาย “ท่านพ่อ ท่านแม่มิใช่อย่างนั้น การหมั้นหมายนั้นของแม่นางซุนถือเป็นโมฆะ…”
ซุนวั่งพูดตัดบทอย่างฉุนเฉียว “การหมั้นหมายนั้นข้าเป็นคนจัดการให้นางเอง ใบบันทึกวันเดือนปีเกิดข้าก็เป็นคนแลกเปลี่ยนให้นางเองกับมือ จะเป็นโมฆะได้อย่างไร”
เมิ่งเสียนยิ่งกระวนกระวายยิ่งพูดไม่ออก
ซุนวั่งเห็นดังนั้น ดวงตากลิ้งกลอก แผดเสียงร้องโวยวาย “ทุกคนมาดูเถิด สกุลเมิ่งเห็นพวกเราสกุลซุนมีการค้าใหญ่โต ไม่รู้ว่าแฝงแผนการอะไรไว้ เริ่มจากพูดกล่อมบิดาข้า ให้ส่งบุตรชายมาอยู่กับพวกเขา ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือน ก็ทารุณกรรมบุตรชายข้าจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ตอนนี้ก็มีแผนการร้ายใหม่ ให้เจ้าคนต่ำช้ายิ่งกว่าหมูหมาคนนี้ทำลายชื่อเสียงบุตรสาวข้า ทำลายชีวิตสมรสที่ดีของนาง”
คนในหมู่บ้านเข้ามาเพราะเสียงโวยวาย พอได้ฟังคำพูดของเขาต่างก็ชี้มือชี้ไม้ วิพากษ์วิจารณ์สองสามีภรรยาเมิ่งและเมิ่งเสียน
สองสามีภรรยาเมิ่งต่างเป็นคนซื่อ ไม่เคยทะเลาะกับใครมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเจอคนก่อกวนต่อแยอย่างซุนวั่งเช่นนี้ พลันไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
เมิ่งเสียนยิ่งไม่ต้องพูดถึง ได้แต่อ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก
คนทั้งหมดเห็นพวกเขาไม่โต้แย้ง ยิ่งวิพากษ์เสียงขรม
เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีพาซุนเหลียงไฉเมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงกลับมาจากแปลงมันฝรั่ง เห็นผู้คนมารุมล้อมหน้าประตูบ้านแต่ไกล ซุนเหลียงไฉยังสงสัยถามขึ้น “เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่บ้าน เหตุใดที่มีคนมากมายมามุงล้อมหน้าประตู?”
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่นพูดว่า “พี่รอง ท่านวิ่งไปดูก่อนเถิด”
เมิ่งฉีรับคำ รีบวิ่งตรงไป ซุนเหลียงไฉก็วิ่งตามหลังไปอย่างหวังดี ยังไม่ถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงแปดหลอดของซุนวั่ง รีบแหวกกลุ่มคนออก เดินเข้าไป ถามอย่างประหลาดใจ “ท่านพ่อ ท่านมาได้อย่างไร?”
ซุนวั่งเห็นซุนเหลียงไฉ เข้าไปกอดเขาแน่น แล้วคร่ำครวญโหยไห้พูดว่า “ไฉเอ๋อร์เอ๋ย ครอบครัวใจร้ายพวกนี้ทำร้ายพี่สาวเจ้าแล้ว”
ซุนเหลียงไฉรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นอย่างดี พลันถามด้วยความประหลาดใจ “ใครทำร้ายท่านพี่หรือ?”
ซุนวั่งชี้เมิ่งเสียน “ก็คือเขา เขาไม่สนใจว่าพี่สาวเจ้ามีคู่หมั้นหมายแล้ว กระทำการล่วงละเมิดนางอย่างต่ำช้าไม่ต่างจากหมูหมา ตอนนี้ยังให้แม่สื่อไปทาบทามสู่ขอ ต่อไปจะให้พี่สาวเจ้ามองหน้าคนอื่นอย่างไร”
ซุนเหลียงไฉพูดตามความสัตย์ “พี่ใหญ่เมิ่งมิได้กระทำเรื่องเช่นนั้น ตอนที่เขาไปพบท่านพี่ ข้าก็อยู่ข้างๆ ด้วย”
ซุนวั่งตะลึงจังงัง ฝืนพูดโต้แย้ง “พี่สาวเจ้ามีคู่หมั้นคู่หมายแล้ว ทั้งยังส่งของหมั้นหมายมาแล้ว เมิ่งเสียนไปลักลอบพบพี่สาวเจ้า ก็คือการทำลายชื่อเสียงของนาง”