ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 185-1 ใครก็ได้ เอาเชือกให้เขาเส้นหนึ่ง
ซุนเหลียงไฉพูดว่า “คนที่ส่งของหมั้นมาถูกท่านพี่ไล่ตีไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ? ถือเป็นโมฆะแล้ว”
ซุนวั่งสะอึกกึก พูดว่า “แต่ใบบันทึกวันเดือนปีเกิดก็แลกไปแล้ว จะเป็นโมฆะได้อย่างไร?”
ซุนเหลียงไฉยังคิดจะพูดอีก ซุนวั่งรีบคว้าเขามากอดแนบอก “ลูกที่น่าสงสารของพ่อ เจ้าถูกบ้านเมิ่งกรอกยาหลอนประสาทอะไรเข้าไป ถึงเอาแต่ช่วยพูดแทนพวกเขา แม้แต่คำพูดของพ่อก็ไม่เชื่อ”
ซุนเหลียงไฉคิดจะสะบัดออกช่วยเมิ่งเสียนแก้ต่าง ซุนวั่งกลับกอดรัดเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย พูดอย่างเศร้าโศก “ไฉเอ๋อร์เอ๋ย เจ้าดูตัวเองเถิด ตอนนี้เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกแล้ว พวกคนบ้านเมิ่งอำมหิตเกินไปแล้ว จะทารุณเจ้าจนตายหรืออย่างไร ไม่ต้องกลัว พ่อจะพาเจ้ากลับบ้านเดี๋ยวนี้” พูดจบ ก็ลากซุนเหลียงไฉเดินหันหลังกลับ
น้ำเสียงเจือความเยาะหยันของเมิ่งเชี่ยนโยวดังแว่วมาจากกลุ่มคน “ท่านอุตส่าห์ลงแรงมาถึงที่นี่ ยังไม่ได้เข้าไปดื่มชาสักคำก็จะกลับแล้ว หากเรื่องแพร่งพรายออกไป ผู้คนจะหัวเราะเยาะว่าพวกเราสกุลเมิ่งต้อนรับแขกไม่เหมาะสม”
ซุนวั่งได้ยินเสียงนางก็ผวาตัวสั่น ห่อหดเนื้อตัวอย่างไม่รู้ตัว
กลุ่มคนที่มามุงดูแหวกเปิดทาง เมิ่งเชี่ยนโยวนำเมิ่งเจี๋ย เมิ่งชิงเดินเข้ามาอย่างไม่รีบไม่ร้อน คลี่ยิ้มพูดกับเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ ท่านพ่อตามาหาถึงบ้าน เหตุใดท่านถึงไม่รู้จักต้อนรับให้ดีเล่า”
ซุนวั่งได้ฟังคำเรียกที่บาดหู ร้องพูดทันควัน “ใครเป็นพ่อตาของเขา ครอบครัวยาจกอย่างพวกเจ้า หมายจะมาขอบุตรสาวข้าแต่งงาน ข้าจะบอกให้ว่าไม่มีทาง”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งเสียง “อ่อ” แล้วยิ้มถาม “เช่นนั้นคนอย่างไรถึงจะคู่ควรกับบุตรสาวของท่านเล่า?”
“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล ข้าหาบ้านสามีที่ดีเอาไว้ให้นางแล้ว เมื่อวานฝ่ายชายเพิ่งจะเข้ามามอบของหมั้น อีกสองเดือนให้หลังก็จะจัดงานแต่งงาน”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ถามอย่างสุภาพ “เช่นนั้นวันนี้ท่านมาทำอะไร?”
ซุนวั่งได้ยินคำถามอย่างสุภาพของนาง ในใจกลับยิ่งทวีความหวาดกลัว ถอยหลังไปสองก้าวอย่างลืมตัว แล้วโก่งคอพูดว่า “ก็มาเตือนพวกเจ้าอย่างไร อย่าได้คิดหวังต่อบุตรสาวข้าอีกเด็ดขาด”
“แล้วถ้าพวกเราคิดหวังต่อบุตรสาวท่านแล้วเล่า?” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มถาม
ซุนวั่งกะพริบตาปริบๆ มองดูกลุ่มคนที่มาดูเรื่องสนุก เปล่งเสียงดังพูด “หากพวกเจ้ากล้าคิดหวังต่อบุตรสาวข้า ข้าจะแขวนคอตายที่หน้าบ้านเจ้า”
สิ้นเสียงเขา กลุ่มคนพลันส่งเสียงเซ็งแซ่
ซุนวั่งเห็นว่าบรรลุเป้าประสงค์ตนเองแล้ว มองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างเห่อเหิมใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เคืองขุ่นเลยแม้แต่น้อย กลับยิ้มตาหยีแล้วพูดว่า “เมื่อท่านมีความต้องการเช่นนี้ เช่นนั้นข้าจะสงเคราะห์ให้ท่านเอง”
ซุนวั่งตกตะลึง พลันดึงสติกลับมา แผดเสียงร้องเอ็ดตะโร “เจ้ากล้า?”
เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บคืนรอยยิ้ม หันไปตะโกนบอกด้านข้าง “ใครก็ได้ เอาเชือกเส้นหนึ่งให้เขา”
ได้ยินเสียงคนมาก่อกวน พวกอู๋ต้าที่รีบวิ่งออกมาไล่คน ได้ยินคำพูดของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ตะเบ็งเสียงขานรับคำทันควัน “ได้ขอรับ นายหญิง เชือกมาเดี๋ยวนี้ขอรับ”
พูดจบ อู๋ต้าก็รีบวิ่งไปหยิบเชือกที่หลังเรือน
ซุนวั่งถอยหลังไปอีกก้าว “นังตัวดี หากเจ้ากล้าทำเช่นนี้ บิดาข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่”
เมิ่งเชี่ยนโยวทำหน้าเคร่งขรึมไม่พูดอะไร
ไม่นานอู๋ต้าก็ถือเชือกเข้ามา ยื่นไปตรงหน้าซุนวั่ง แสร้งพูดอย่างสุภาพและมีมารยาท “คุณชายซุน เอาเชือกมาให้ท่านแล้วขอรับ”
น้ำเสียงเย็นเยียบของเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้น “เห็นแก่ที่เหลียงไฉเรียกข้าว่าพี่สาว ข้าอนุญาตให้ท่านเลือกต้นไม้แขวนคอได้ตามความพอใจ”
ซุนวั่งตกใจหลบไปอยู่ข้างหลังซุนเหลียงไฉ ยังคงฝืนพูดว่า “นังตัวดี เจ้ากล้า?”
เมิ่งเชี่ยนโยวแสยะยิ้ม พูดว่า “อู๋ต้า ในเมื่อคุณชายซุนไม่อยากเลือกเอง พวกเจ้าไปช่วยเลือกให้เขาหน่อยเถิด”
พวกอู๋ต้าขานรับ เดินไปลากซุนวั่งออกมาจากด้านหลังซุนเหลียงไฉ
ซุนวั่งตกใจร้องสุดเสียง “ไฉเอ๋อร์ ช่วยพ่อด้วย”
ซุนเหลียงไฉเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวให้คนมาลากตัวซุนวั่งไปจริงๆ ก็สะดุ้งตกใจ รีบร้อนพูด “พี่สาวเมิ่ง…” คิดจะขอร้องนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวยับยั้งเขา “ข้ารู้ว่าเจ้าจะพูดอะไร แต่เจ้าลองคิดดูหากวันนี้ควบคุมเขาไม่ได้ การแต่งงานของพี่สาวเจ้าและพี่ใหญ่ข้าคงไม่อาจสำเร็จได้ เจ้าอยากเห็นเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นหรือ?”
“แต่อย่างไรเขาก็เป็นบิดาข้า ข้าไม่อาจทนเห็นเขาต้องได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัสนี้” ซุนเหลียงไฉเร่งเร้าพูด
เมิ่งเชี่ยนโยวย้อนถาม “เช่นนั้นเจ้าทนเห็นพี่สาวเจ้าต้องโดดเดี่ยวลำพังไปทั้งชีวิตได้หรือ?”
ซุนเหลียงไฉนิ่งอึ้ง ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ถึงตัดสินใจพูดว่า “เช่นนั้นพวกเจ้าอย่าให้เลยเถิดเกินไปนะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “เจ้าวางใจ ข้าเพียงแค่จะข่มขู่เขาเท่านั้น ให้ภายหน้าเขาไม่กล้ามาหาเรื่องอาละวาดที่นี่อีก”
ซุนเหลียงไฉถึงยอมวางใจ
พวกอู๋ต้าเจตนาหิ้วปีกซุนวั่งเดินวนรอบต้นไม้ใหญ่หลายต้น ถามอย่างสุภาพ “คุณชายซุน ท่านจะเลือกต้นไม้ต้นไหน?”
ซุนวั่งดิ้นรนสุดชีวิต ร้องตะโกนสุดเสียง “ต้นไหนข้าก็ไม่เลือก พวกเจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”
พวกอู๋ต้าไม่พอใจแล้ว พูดว่า “ได้อย่างไรกัน เรื่องที่นายหญิงของพวกเราสั่งการ หากพวกเราทำไม่สำเร็จ จะถูกลงทัณฑ์ได้ เมื่อท่านเลือกไม่ได้ พวกเราจะช่วยเลือกให้เองก็แล้วกัน”
พูดจบก็หิ้วปีกร่างเขาไปตรงหน้าต้นไม้ต้นที่สูงที่สุด แล้วถามอีกครั้ง “ท่านว่าต้นไม้นี้เป็นอย่างไร?”
ซุนวั่งส่ายหน้าสุดชีวิต
อู๋ต้าส่งสายตาให้คนที่เหลือ “พี่น้องเอ๋ย ช่วยคุณชายซุนหน่อย”
คนที่เหลือขานรับคำ นำเชือกไปแขวนบนต้นไม้ใหญ่ แล้วผูกเงื่อนตาย หันมาพูดกับซุนวั่ง “คุณชายซุน เตรียมเชือกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านลงมือเถอะ”
ซุนวั่งตกใจหัวหดไปหมดแล้ว ขาอ่อนยวบยาบ แม้แต่แรงที่จะก้าวถอยหลังยังไม่มี หากไม่เพราะพวกโจวอู๋หิ้วปีกไว้ คงนอนแผ่หลาไปกับพื้นนานแล้ว เห็นเชือกที่ผูกเงื่อนเสร็จดี ก็ร้องเสียงลั่นสุดชีวิต “ข้าไม่แขวนคอ ข้าไม่แขวนคอ”
คนที่มาดูเรื่องสนุกเห็นสภาพหวาดผวาของเขา หัวเราะลั่นเสียงขรม
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปตรงหน้าเขาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม พูดว่า “คุณชายซุนจะล้อพวกเราเล่นหรืออย่างไร? ท่านพูดต่อหน้าคนมากมายเองว่าจะแขวนคอ ข้าอุตส่าห์มีน้ำใจดีให้คนช่วยไปเอาเชือกมาให้ ทั้งยังช่วยเลือกต้นไม้ให้ ช่วยเหลือท่านอย่างไม่คิดเหน็ดเหนื่อยเหมือนคนไร้สติ ตอนนี้ท่านกลับบอกว่าจะไม่แขวนคอแล้ว ท่านทำใจได้หรือ?”
ซุนวั่งก้มหน้ามองเมิ่งเชี่ยนโยว ถามอย่างสั่นผวา “เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มอย่างมีเลศนัย “คำพูดนี้ท่านพูดผิดแล้ว ไม่ใช่ข้าต้องการอะไร แต่ท่านต่างหากที่ต้องการจะทำอะไร?”
ซุนวั่งริมฝีปากสั่นระริกไม่ได้พูดอะไรออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับพวกอู๋ต้า “ดูท่าสมองของคุณชายซุนจะยังไม่แจ่มแจ้งพอ ยังคิดไม่ออก พวกเจ้าทั้งหมดช่วยให้เขากระจ่างแจ้งหน่อยเถิด”
พวกอู๋ต้าเข้าใจพลัน ขานรับอย่างฮึกเหิมใจ แก้ปมเชือกออก นำลงมา มัดซุนวั่งไว้ แล้วนำไปแขวนไว้บนต้นไม้
เมิ่งเอ้ออิ๋นรีบร้อนเข้ามาห้ามปราม “โยวเอ๋อร์ อย่างไรเขาก็เป็นบิดาของคุณหนูซุน เจ้าทำเช่นนี้ ต่อไปพวกเราจะดองญาติกันอย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ “ท่านพ่อ เรื่องเกี่ยวดองเป็นญาติท่านไม่ต้องคิดแล้ว ท่านไม่เห็นหรือว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคุณชายซุนก็ไม่ยินยอม? ประจวบเหมาะที่ข้าก็ไม่อยากเห็นพี่ใหญ่ต้องมีพ่อตาเช่นนี้ เรื่องงานแต่งงานของพี่ใหญ่และคุณหนูซุนให้จบเพียงเท่านี้เถอะ ทว่า เหลียงไฉเรียกข้าเป็นพี่สาวมาก็นาน ความปรารถนาที่บิดาเขาอยากจะแขวนคอ ข้าช่วยทำไม่สำเร็จ ทำได้เพียงจับเขาไปแขวนห้อยเอาไว้ ถือได้ว่าไม่ติดค้างสิ่งใดต่อเขาแล้ว”
เมิ่งเอ้ออิ๋นฟังคำกล่าวของนางจบ ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี คิดจะเกลี้ยกล่อมอีก เมิ่งเชี่ยนโยวกลับขยิบตาส่งสัญญาณให้เขา เมิ่งเอ้ออิ๋นคาดเดาว่าเรื่องนี้จะต้องยังมีสิ่งอื่นแฝงอยู่ จึงไม่ขยับอีก เพียงถอนหายใจยาวแล้วพูดว่า “เจ้าก็อย่าให้หนักข้อเกินไป แขวนไว้สามวันก็พอ”
หากไม่เพราะสถานที่ไม่เหมาะ เมิ่งเชี่ยนโยวอยากจะปรบมือให้กับคำพูดสุดยอดนี้ของเมิ่งเอ้ออิ๋นจริงเชียว
เป็นดังคาด พอได้ยินคำพูดของเมิ่งเอ้ออิ๋น ซุนวั่งยิ่งดิ้นทุรนทุรายรุนแรงขึ้น ร้องตะโกนเสียงลั่น “ไฉเอ๋อร์ ช่วยพ่อด้วย”
ซุนเหลียงไฉเห็นซุนวั่งถูกจับแขวน เจ็บปวดใจมาก คิดอยากจะไปปล่อยตัวเขาลงมา แต่พอคิดว่าหากครั้งนี้กำราบเขาไม่ได้ งานแต่งงานของพี่สาวก็จะไม่สำเร็จ ตัดสินใจ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงร้องตะโกนของเขา
เมิ่งเชี่ยนโยวแหงนหน้าพูดกับซุนวั่ง “หากเขากล้ามาช่วยเจ้า ข้าก็จะจับเขามาแขวนด้วย เจ้าเชื่อหรือไม่?”
ซุนวั่งร้องก่นด่า “นังตัวดี เจ้าปฏิบัติต่อผู้อาวุโสเช่นนี้ เจ้าจะต้องถูกฟ้าผ่าตาย”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจเขา เดินเอื่อยเฉื่อยกลับเข้าไปในบ้าน