ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 185-2 ใครก็ได้ เอาเชือกให้เขาเส้นหนึ่ง
ไกลออกไปมีรถม้าสองคันแล่นเข้ามา เมื่อถึงหน้าประตูก็หยุดลง ซุนซ่านเหรินและซุนเชี่ยนลงมาจากรถม้าคันหนึ่งในนั้น ซุนเชี่ยนเร่งเร้าถาม “แม่นางเมิ่ง บิดาข้ามาที่นี่หรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่แล้วพูดว่า “อยู่ทางนั้น”
ซุนซ่านเหรินและซุนเชี่ยนเห็นซุนวั่งถูกแขวนอยู่ใต้ต้นไม้ ตกตะลึงพรึงเพริด
ซุนซ่านเหรินร้องกล่าว “แม่นางเมิ่ง เอ่อ…”
เมิ่งเชี่ยนโยวอธิบาย “หลังจากคุณชายซุนมาถึง ก็เอาแต่พร่ำร้องอาละวาด บอกว่าพี่ใหญ่ข้าทำลายชื่อเสียงของแม่นางซุน ทำให้ต่อไปเขาไม่มีหน้าไปเจอใครได้อีก ทั้งบอกว่าหากพวกเรากล้ามีแผนการต่อคุณหนูซุน เขาก็จะแขวนคอตายอยู่หน้าประตูบ้านข้า ข้าคิดทบทวนหลายตลบ คิดว่าพี่ใหญ่ข้าและคุณหนูซุนรักชอบกัน จะแยกพวกเขาจากกันไม่ได้ จำต้องช่วยทำความปรารถนาของคุณชายซุนให้สำเร็จ”
ฟังนางพูดจบ ซุนซ่านเหรินก็เข้าใจทันที นี่เป็นวิธีที่เมิ่งเชี่ยนโยวคิดขึ้นเพื่อลงโทษซุนวั่ง จึงไม่แยแสอีก กลับพูดกับสองสามีภรรยาเมิ่งอย่างรู้สึกผิด “วันนี้พวกท่านส่งแม่สื่อมาทาบทามสู่ขอ เจ้าลูกไม่เอาถ่านคนนี้ได้ยินเข้า ฉวยโอกาสตอนที่พวกเราไม่ทันระวัง แอบหนีออกมา ตอนที่พวกเรารู้ตัว ถึงได้รู้ว่าเขาให้บ่าวรับใช้บังคับรถม้ามาที่บ้านพวกท่าน พวกเราถึงได้รีบเร่งตามมา ไม่คิดว่าจะสายไปก้าวหนึ่ง ให้เขาก่อเรื่องลุกลามบานปลายเช่นนี้ ข้าขอขมาพวกท่านแทนเขาด้วย หวังว่าเรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการแต่งงานของเชี่ยนเอ๋อร์และคุณชายเมิ่ง”
สองสามีภรรยาเมิ่งโบกมือเป็นพัลวัน เมิ่งเอ้ออิ๋นกล่าวว่า “ซุนซ่านเหรินกล่าวหนักเกินไปแล้ว เป็นเสียนเอ๋อร์ของพวกเราที่เสียมารยาทก่อน ทำให้คุณชายเกิดอารมณ์ชั่ววูบบันดาลโทสะก็เป็นเรื่องที่ยากจะหลีกเลี่ยง วิธีการของโยวเอ๋อร์นั้นก็รุนแรงไปบ้าง ขอท่านโปรดอภัยด้วย”
ซุนวั่งเห็นซุนซ่านเหรินเข้ามา นึกว่าจะมาช่วยตัวเอง ดีใจลิงโลด แผดเสียงร้องตะโกน “ท่านพ่อ ข้าอยู่นี่ ท่านรีบมาช่วยข้าเร็ว”
ไม่คิดว่าซุนซ่านเหรินกลับไม่แยแสเขาแม้แต่น้อย พูดคุยกับครอบครัวเมิ่งอย่างสนุกสนานถูกคอ
ซุนวั่งร้อนรน ร้องด่าซุนเชี่ยน “นังลูกไม่รักดีหน้าไม่อาย กระทำเรื่องน่าขายหน้าเช่นนั้น ยังให้ข้าต้องติดร่างแหมารับเคราะห์กรรมด้วย คอยดูเถอะกลับไปข้าจะไล่เจ้าออกไปจากบ้าน”
ซุนเชี่ยนไม่แม้แต่จะมองเขา
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ดูท่าคุณชายซุนจะยังไม่สำนึกตัวได้ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่เช่นนั้นพวกเราเข้าไปดื่มน้ำชา รอให้เขาคิดได้แล้ว พวกท่านค่อยพาเขากลับไป”
ซุนซ่านเหรินพยักหน้า จากนั้นตามเมิ่งเชี่ยนโยวเข้าไปในบ้าน
แม่สื่อหลิวเดินลงมาจากรถม้าอีกคัน พูดกับเมิ่งชื่อด้วยใบหน้าเลิ่กลั่ก “ข้าเป็นแม่สื่อมาหลายปีดีดัก ยังไม่เคยเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ ข้ายังพูดไม่ทันจบ เจ้าของบ้านต่างก็หนีหายกันไปหมด”
เมิ่งชื่อรีบร้อนพูด “เรื่องที่เกิดวันนี้กะทันหันไปบ้าง ทำท่านลำบากแล้ว เอาเช่นนี้ ตอนนี้คนทั้งหมดต่างก็อยู่ในบ้านข้า ไม่เช่นนั้นท่านก็ใช้โอกาสนี้หารือเรื่องการหมั้นหมายให้เรียบร้อย”
แม่สื่อหลิวโบกมือ “ข้าว่าสถานการณ์ของพวกเจ้าสองครอบครัว ไม่จำเป็นต้องให้ข้าออกหน้าอีกแล้ว พวกเจ้าปรึกษากันเอาเองเถิด ข้าคงไม่เข้าไปแล้ว”
เมิ่งชื่อยิ้มพูด “เรื่องการแต่งงานพ่อแม่เป็นคนจัดการ แม่สื่อเป็นคนจัดหา จะให้ไม่มีแม่สื่ออย่างท่านได้อย่างไร อีกอย่าง พวกเราก็ให้ความสำคัญต่อคุณหนูซุนคนนี้มาก ดังนั้นเรื่องเป็นหน้าเป็นตานี้พวกเราจะต้องทำอย่างครบถ้วน ท่านวางใจ แม้ท่านจะไม่ได้ออกแรง ค่าตอบแทนแม่สื่อก็จะไม่ให้ท่านน้อยลงแน่นอน”
ไม่ต้องเปลืองแรงพูดสู่ขอก็ได้รับค่าตอบแทนแม่สื่อ แม่สื่อหลิวพลันฉีกยิ้มหน้าบาน เอี้ยวตัวเดินตามเมิ่งชื่อเข้าไปในบ้าน
เมิ่งชื่อเดินนำแม่สื่อหลิวเข้ามาในบ้านแล้วยิ้มพูดว่า “วันนี้พวกเราเชิญแม่สื่อหลิวไปพูดทาบทามสู่ขอ เพราะอยากจะกำหนดวันหมั้นหมาย ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องคุณชายซุนขึ้น ทำให้ติดขัดล่าช้า เมื่อตอนนี้ทุกคนอยู่กันครบ พวกเราก็ไม่ต้องเคร่งครัดเรื่องระเบียบประเพณีอะไรมากแล้ว กำหนดวันกับแม่สื่อหลิวเลยเถอะ”
เดิมทีพอแม่สื่อหลิวเข้าเรือนไม่นาน บ่าวรับใช้ก็เข้ามาบอกว่าซุนวั่งหายไปแล้ว หลังจากซุนซ่านเหรินส่งคนออกไปตามหา ก็คิดว่าเขาจะต้องมาบ้านเมิ่ง จึงรีบให้บ่าวรับใช้บังคับรถม้าตรงมา ไม่ทันได้สนใจหารือกำหนดวันหมั้นหมาย ตอนนี้ได้ยินเมิ่งชื่อพูดเช่นนี้ ก็รับปากด้วยความยินดี
สองสามีภรรยาเมิ่งและซุนซ่านเหรินต่างคิดว่าเรื่องหมั้นหมายยิ่งกำหนดได้เร็วยิ่งดี ดังนั้นจึงมีความเห็นพ้องกันให้จัดวันหมั้นหมายให้พวกเขาให้อีกสามวันข้างหน้า
แม่สื่อหลิวก็ไม่พูดแทรก คิดว่าตัวเองเป็นไม้ประดับ รอให้ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้แล้ว ถึงกล่าวคำมงคลแสดงความยินดีตามท่าทีรูปแบบเยี่ยงแม่สื่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวนำเงินหลายสิบอีแปะวางใส่มือนาง พูดว่า “วันนี้ลำบากท่านแล้ว ท่านนำเงินเล็กน้อยนี้ไปซื้อแป้งทาหน้า รอให้กำหนดฤกษ์แต่งงานของพี่ใหญ่ข้าและคุณหนูซุนเมื่อไหร่ ข้าจะใส่ซองแดงหนาๆ ให้ท่านอีกครั้ง”
ไม่ได้ทำอะไรก็ได้เงินตบรางวัล แม่สื่อหลิวดีใจลิงโลด กล่าวขอบคุณไม่หยุด
หลังจากเมิ่งชื่อพาแม่สื่อหลิวที่ยินดีปรีดากลับไปแล้ว กลับเข้ามาในบ้าน อดใจไม่ได้ถามถึงระเบียบการต่างๆ ของคนในเมืองว่าเป็นอย่างไร
ซุนซ่านเหรินเป็นผู้ที่รู้ขนบธรรมเนียมประเพณีที่สุด ในตอนนี้เชี่ยนเอ๋อร์ได้เจอสามีที่สมดังใจหมาย ได้มีบ้านสามีที่ดี พิธีการที่ว่ามาเหล่านั้นจึงไม่สำคัญอีกต่อไป จึงหัวเราะเหอะๆ กล่าวว่า “แต่ละพื้นที่ย่อมมีธรรมเนียมปฏิบัติแตกต่างกัน ไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือห่างกันเพียงใด เมื่อเชี่ยนเอ๋อร์จะแต่งงานมาอยู่กับสกุลพวกท่าน ก็ทำตามระเบียบการของพวกท่านเถอะ พวกเราไม่มีความเห็นต่าง”
เมิ่งชื่อกำลังจะสอบถามความคิดเห็นของซุนเชี่ยน เสียงอู๋ต้าก็ดังแว่วมา “นายหญิง คุณชายซุนร้องขอชีวิตแล้วขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นเดินออกไป ซุนเหลียงไฉเดินไล่หลังไปติดๆ เมิ่งเชี่ยนโยวห้ามปรามเขา “เจ้าไม่ต้องตามมา เลี่ยงไม่ให้เจ้าเห็นสภาพของบิดาแล้วใจอ่อนขอร้องแทนเขา”
แม้ซุนเหลียงไฉจะปวดใจ แต่ก็ชะงักฝีเท้าไปเท่านั้น กล่าววิงวอนเมิ่งเชี่ยนโยว “พี่สาวเมิ่ง เจ้าจักต้องออมมือต่อบิดาข้านะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เจ้าวางใจเถอะ หนึ่งข้าจะไม่ตีเขา สองจะไม่ด่าเขา ที่แขวนเขาเอาไว้ ก็เพียงต้องการข่มขู่เขาเท่านั้น ให้ต่อไปเขาไม่กล้าขัดขวางการแต่งงานของพี่สาวเจ้า และไม่กล้ามาอาละวาดบ้านพวกเราอีก”
ซุนเหลียงไฉคิดถึงวิธีการกลั่นแกล้งคนของเมิ่งเชี่ยนโยว ในใจวาดหวังให้ครั้งนี้บิดาจะรู้สึกตัวบ้าง อย่าได้ยั่วโทสะเมิ่งเชี่ยนโยวอีก ไม่เช่นนั้นแม้แต่ท่านปู่ก็ช่วยเขาไม่ได้
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปใต้ต้นไม้ แหงนมองซุนวั่ง คลี่ยิ้มพูดว่า “ได้ยินว่าคุณชายซุนร้องขอชีวิตแล้ว ท่านไม่ได้ทำผิดอะไร ไม่ทราบว่าเหตุใดถึงต้องร้องขอชีวิตด้วย?”
ซุนวั่งเห็นพวกซุนซ่านเหรินต่างก็เข้าไปในบ้านเมิ่ง เริ่มแรกยังแหกปากร้องก่นด่าคนสกุลเมิ่ง แต่พอผ่านไปนานเข้า ก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว รู้สึกว่าถูกมัดเจ็บปวดไปทั้งร่าง คิดจะร้องขอชีวิต แต่พอคิดว่าหากตนเองร้องขอชีวิต เช่นนั้นงานแต่งงานของซุนเชี่ยนและเมิ่งเสียนก็จะบรรลุผล ตนเองก็จะมาเสียเที่ยว? จึงกัดฟันอดทนยืนหยัด แต่เขาใช้ชีวิตมีเกียรติมั่งคั่งมาจนชินแล้ว ไหนเลยจะทนรับความทุกข์ระทมนี้ได้ ผ่านไปอีกหนึ่งเค่อ พอทนไม่ไหวจริงๆ ถึงพูดร้องขอชีวิตกับพวกอู๋ต้าอย่างไร้สิ้นเรี่ยวแรง
พวกอู๋ต้ารู้ว่าซุนวั่งคือว่าที่พ่อตาของเมิ่งเสียน ไม่กล้ารอช้า รีบเข้าไปบอกเมิ่งเชี่ยนโยว ให้นางมาจัดการ
ซุนวั่งได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวถามตนเองเช่นนี้ รู้ว่านางไม่ยอมปล่อยตัวเองไปง่ายๆ จึงถามขึ้น “เจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงยิ้มหวานพูดว่า “ไม่ใช่ข้าจะเอาอย่างไร แต่เป็นท่านที่จะเอาอย่างไร?”
ซุนวั่งไม่พูด
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “เมื่อคุณชายซุนยังคิดไม่ตก ก็คิดให้ถี่ถ้วนก่อนเถิด” พูดจบก็กลับหลังหันเดินกลับไป
ซุนวั่งรีบร้อนพูด “ข้ายอมเห็นด้วยกับการแต่งงานของพวกเขา”
เมิ่งเชี่ยนโยวชะงักฝีเท้า หันหลังกลับ “ยังมีอีกเล่า?”
ซุนวั่งเห็นนางยิ้มหวานมองมาที่ตัวเอง ประมาณว่าหากไม่พูดจะถูกแขวนเช่นนี้ไปทั้งวัน ร้อนรนพูดทันควัน “ข้าก็จะไม่มาอาละวาดบ้านพวกเจ้าอีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงพูดว่า “ยังมี…”
ซุนวั่งคิดใคร่ครวญครู่หนึ่งก็คิดไม่ออกว่ายังมีอะไร ลุกลนพูดขึ้น “ยังมีอะไร เจ้าพูดออกมาสิ ข้าว่าตามเจ้าก็พอ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ยังมีก็คือ ต่อไปท่านห้ามนำสถานะของตัวเองมารังแกข่มเหงพี่ชายข้า และห้ามให้เขาทำเรื่องลำบากใจ หากให้ข้ารู้ว่าท่านทำให้เขาลำบากใจ ข้าจะไม่ใช่แค่จับท่านมาแขวนง่ายดายเช่นนี้”
ซุนวั่งคิดแต่อยากจะถูกปล่อยตัวลง พูดขึ้นทันควัน “ข้ารับปาก ข้ารับปากทุกอย่าง”
เมิ่งเชี่ยนโยวยกมือขึ้น พวกอู๋ต้าก็ปล่อยตัวซุนวั่งลงมา ซุนวั่งนอนราบไปกับพื้น หายใจกระหืดกระหอบ
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสัญญาณให้พวกอู๋ต้แก้มัดเชือกให้เขา แย้มยิ้มพูดกับเขาว่า “ตอนนี้ทุกคนหารือเรื่องหมั้นหมายอยู่ในบ้าน ไม่เช่นนั้นท่านก็เข้าไปเสนอความคิดเห็นตัวเองด้วยเถอะ”
ซุนวั่งค่อยๆ ลุกขึ้นยืน โบกมือเป็นพัลวัน “ข้าไม่มีความคิดเห็นๆ” พูดจบก็วิ่งตุปัดตุเป๋ไปที่รถม้าของตัวเอง ขึ้นไปนั่งอย่างทุลักทุเล สั่งการคนรถด้วยน้ำเสียงเร่งเร้า “เร็ว รีบกลับบ้าน”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูรถม้าของเขาวิ่งออกไปไกล ถึงก้าวเท้ากลับเข้าบ้าน
คนที่มามุงดูเรื่องสนุกเห็นว่าไม่มีเรื่องสนุกดูแล้ว จึงส่งเสียงวิพากษ์แยกย้ายกลับไป
กลุ่มหญิงสาวเย็บกระเป๋านักเรียนก็กลับเข้ามาในบ้าน
สะใภ้โจวทั้งสองคนหันสบตากัน เห็นความเหลือเชื่อในสายตากันและกัน ทว่าต่างก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอย่างรู้ใจกัน แต่กลับเข้าไปในบ้าน เย็บกระเป๋านักเรียนพร้อมกับผู้หญิงคนอื่นๆ
เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามาลำพัง ซุนเหลียงไฉร้อนรนถาม “ท่านพ่อเล่า?”