ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 189 เจ้าคิดจะส่งตัวข้าไปแล้วหรือ
ชีวิตผ่านไปเช่นนี้อีกหลายวัน เรือนแห้งสนิทแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าไปในเมืองซื้อเครื่องเรือนแบบต่างๆ หลายชุดมาจัดวางไว้ในบ้าน แล้วหารือกับเมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งชื่อ ว่าจะรับหลี่ต้าฉุยและภรรยาและเมิ่งเสียวเถี่ยมาอยู่ที่บ้านด้วย
ทั้งสองไม่มีความเห็นต่าง พูดเพียงว่าหลี่ต้าฉุยและภรรยาคงไม่มา เมิ่งเชี่ยนโยวบอกว่าให้เป็นหน้าที่นางเอง
วันนี้หลังจากกินอาหารเช้าแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวพาพวกอู๋ต้ามายังบ้านหลี่ต้าฉุย
คนในครอบครัวเหวินเปียวและเหวินหู่เห็นนางเข้ามา กล่าวทักทายนางอย่างอ่อนน้อม “แม่นาง ท่านมาแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับพวกเขา “เรือนที่บ้านข้าแห้งสนิทแล้ว พวกเจ้าเก็บข้าวของย้ายเข้าไปวันนี้เถอะ”
ครอบครัวเหวินเปียว เหวินหู่และเหวินเปียวรวมกันแล้วทั้งหมดสิบสองชีวิต อาศัยอยู่ในเรือนสามห้องที่ค่อนข้างคับแคบของบ้านหลี่ต้าฉุย แม้ว่าจะดีกว่าไม่มีที่อาศัย แต่อย่างไรก็แออัดเกินไป โดยเฉพาะเหวินซง อายุก็ไม่น้อยแล้ว ต้องอาศัยอยู่ในห้องเดียวกับบิดามารดา ไม่สะดวกเป็นอย่างมาก ตอนนี้ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ ทุกคนต่างก็ยินดีปรีดา เก็บข้าวของของตัวเองอย่างว่องไว ความจริงข้าวของที่ว่า ก็คือหลังจากที่มาอยู่บ้านเมิ่ง เมิ่งเชี่ยนโยวให้คนตัดเย็บเสื้อผ้าจำนวนหนึ่งให้พวกเขา สิ่งอื่นก็ไม่มีแล้ว
หลังจากคนทั้งหมดเก็บของเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวให้เหวินเปียวพาคนในครอบครัวไปก่อน ทั้งบอกเขาว่าห้องไหนบ้างที่เตรียมไว้ให้พวกเขา ห้องเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว พวกเขาเพียงตกลงแบ่งห้องกันเองก่อนเข้าอยู่ก็ได้แล้ว
เหวินเปียวรับคำด้วยความดีใจ พาคนทั้งครอบครัวไปอย่างชื่นบาน
ลานบ้านของเมิ่งอี้เซวียนเงียบงันฉับพลัน
สองสามีภรรยาชราหลี่หันหน้าสบตากัน ต่างก็เห็นความหมดอาลัยในสายตากันและกัน
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะฮี่ๆ เดินมาตรงหน้าพวกเขา ร้องเรียกเสียงหวาน “ท่านตาหลี่ ท่านยายหลี่”
ทั้งสองรีบร้อนรับคำ ทว่าเสียงกลับไม่ก้องกังวานเท่าใดนัก
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างแก่นแก้ว “ข้ามีเรื่องจะปรึกษาพวกท่านทั้งสองหน่อย”
ภรรยาหลี่ต้าฉุยพูดทันควัน “โยวเอ๋อร์มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถิด ขอเพียงพวกเราสองคนทำได้ จะไม่ปฏิเสธเด็ดขาด”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ยังคงยิ้มหวานพูดว่า “ท่านพูดเองนะ ท่านจะกลับคำพูดไม่ได้แล้ว”
ภรรยาหลี่ต้าฉุยก็แย้มยิ้มพูด “เจ้าเด็กทะเล้นคนนี้ มีอะไรก็พูดมาตามตรง ไม่ต้องอ้อมไปอ้อมมา”
เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งวางมาดจะพูดเรื่องใหญ่โต “เช่นนั้นข้าจะพูดจริงๆ แล้ว”
สองสามีภรรยาหลี่เห็นนางมีท่าทีจริงจังขึงขัง นึกว่ามีเรื่องใหญ่อันใด พลันมองนางอย่างประหม่า พยักหน้าพูด “พูดเถอะ”
“ข้าอยากให้พวกท่านย้ายไปอยู่บ้านข้า ข้าจะได้ดูแลพวกท่านได้” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ
สิ้นเสียงเมิ่งเชี่ยนโยว ความเงียบสงัดครอบคลุมไปทั่วทั้งลานบ้าน
สองสามีภรรยาหลี่ราวกับถูกสะกดตรึงไว้ เผยอปากมองนางอย่างตกตะลึง
เมิ่งเชี่ยนโยวคลี่ยิ้มมองพวกเขา
อึดใจหนึ่ง หลี่ต้าฉุยถึงได้สติกลับมา ส่ายหน้ารุนแรงราวคลื่นกระทบฝั่ง “ไม่ได้ๆ พวกเราจะย้ายไปไม่ได้”
ภรรยาหลี่ต้าฉุยก็พยักหน้างุด “พวกเราจะไปไม่ได้”
ปฏิกิริยาของพวกเขาภายใต้การคาดการณ์ของเมิ่งเชี่ยนโยวอยู่แล้ว ดังนั้นเมิ่งเชี่ยนโยวจึงไม่อาทรร้อนใจ ยิ้มตาหยีถาม “เพราะอะไรเล่า?”
หลี่ต้าฉุยริมฝีปากสั่นระริก ครู่ใหญ่ถึงพูดว่า “โยวเอ๋อร์ ตาหลี่ขอบใจในเจตนาดีของเจ้า แต่พวกเราย้ายไปไม่ได้จริงๆ เจ้ายอมรับปากจะเลี้ยงดูพวกเรายามชรา พวกเราก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว จะให้ย้ายไปสร้างความลำบากให้พวกเจ้าอีกได้อย่างไร”
ภรรยาหลี่ต้าฉุยพยักหน้าคล้อยตาม
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เพราะข้ารับปากจะดูแลพวกท่านยามชรา ข้าถึงให้พวกท่านย้ายไปอยู่บ้านข้าอย่างไรเล่า บ้านข้ามีคนมาก เกิดเรื่องอะไรจะได้ดูแลพวกท่านได้”
ภรรยาหลี่ต้าฉุยโบกมือ “พวกเรายังมีสุขภาพแข็งแรงดี ไม่ต้องให้ใครดูแล”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดหยอกเย้าพวกเขา “เช่นนั้นพวกท่านก็ย้ายไปดูแลพวกเรา”
ภรรยาหลี่ต้าฉุยเริ่มน้ำตาซึมขอบตา “เด็กดี ยายรู้ว่าเจ้ามีจิตใจดี คอยคิดแทนพวกเรา แต่พวกเราย้ายไปไม่ได้จริงๆ พวกเราไม่ได้ทำสิ่งใดให้เจ้า จะให้ไปสร้างความยุ่งยากแก่พวกเจ้าอีกได้อย่างไร ในยามที่พวกเราเคลื่อนไหวไม่ได้แล้ว เจ้าเพียงให้ข้าวให้น้ำพวกเรากินก็พอแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวเกิดความรู้สึกฝาดขมขึ้นในใจ ใบหน้ากลับยังยิ้มหวานพูดว่า “ไม่ได้เด็ดขาด ท่านพ่อท่านแม่บอกแล้ว พอพี่ใหญ่ข้าแต่งงาน จะให้พวกท่านช่วยดูแลหลานด้วย”
ดวงตาภรรยาหลี่ต้าฉุยสะท้อนแววยินดี “จะให้พวกเราช่วยดูแลหลาน?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ต่อไปพวกเราจะมีการค้าเพิ่มมากขึ้น แต่ละคนจะยุ่งมาก ถึงตอนนั้นจะมีเพียงพวกท่านที่อยู่ว่าง จำต้องรบกวนพวกท่านทั้งสองแล้ว”
บุตรชายทั้งสองคนของหลี่ต้าฉุยยังไม่ทันได้แต่งงานก็ตกเขาตายไปเสียก่อนแล้ว ทุกครั้งที่สองสามีภรรยาหลี่เห็นลูกหลานบ้านอื่นเล่นสนุกอยู่ด้านนอก มักจะอดใจจ้องมองไม่ได้ ตอนนี้ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ ภรรยาหลี่ต้าฉุยสะท้อนแววตาปลื้มปริ่ม ร้องเรียก “ตาเฒ่า…”
คำพูดต่อจากนั้นแม้จะไม่ได้พูดออกมา หลี่ต้าฉุยก็เข้าใจความหมายของนาง พลันถอนหายใจยาว “โยวเอ๋อร์เอ๋ย ข้ารู้ว่านี่เป็นวิธีการพูดของเจ้า อยากจะให้พวกเราย้ายไปอยู่อย่างสบายใจ แต่พวกเราจะทำเช่นนั้นไม่ได้ แค่เจ้ายอมรับปากจะเลี้ยงดูพวกเรา พวกเราก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว พวกเราจะไม่ยอมทำเรื่องให้คนในหมู่บ้านมาพูดสาปส่งพวกเราได้อีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นภรรยาหลี่ต้าฉุยหวั่นไหวแล้ว แต่หลี่ต้าฉุยยังตัดสินใจไม่ได้ จึงใช้ไม้ตาย ชักหน้าเคร่งครึมถามขึ้น “ท่านตาหลี่ ตอนนั้นพวกท่านขายเรือนหลังนี้ให้พวกเราแล้วใช่หรือไม่?”
หลี่ต้าฉุยพยักหน้าอย่างไม่เข้าใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “ดังนั้นข้ามีสิทธิ์ขาดในเรือนหลังนี้ ตอนนี้ข้าขอสั่งพวกท่าน ให้ย้ายออกไปจากเรือนนี้ตอนนี้เดี๋ยวนี้ ข้าจะให้คนมาเก็บกวาด ใช้ทำประโยชน์อย่างอื่น”
หลี่ต้าฉุยตะลึงค้าง แล้วได้สติกลับมา ตื้นตันใจจนพูดไม่ออก “โยวเอ๋อร์ เจ้าจะให้ตาหลี่พูดอย่างไรดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเขายอมอ่อนข้อแล้ว ก็ยิ้มพูดว่า “ท่านไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น รีบไปเก็บข้าวของ แล้วให้พวกอู๋ต้าช่วยท่านย้ายไป”
สองสามีภรรยาชราหลี่ไม่ลังเลอีกแล้ว กลับเข้าไปเก็บของในห้องตัวเอง ตามเมิ่งเชี่ยนโยวมาถึงเรือนหลังใหม่ มองดูเรือนหลังใหม่ที่กว้างขวางสะอาดสะอ้าน ด้านในมีเครื่องเรือนใหม่เอี่ยม สองสามีภรรยาหลี่ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ตื้นตันใจน้ำตาไหลพรากเป็นสาย
หลังจากจัดการที่พักให้สองสามีภรรยาหลี่เสร็จเรียบร้อย เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไปร้องเรียกเมิ่งชิง พูดกระซิบข้างหูเขาสองสามคำ เด็กน้อยใบหน้าแย้มบาน พูดอย่างดีใจ “พี่สาววางใจ ข้าจะต้องตามท่านพ่อมาให้ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า เมิ่งชิงรีบก้าวเท้าน้อยๆ วิ่งจากไปทันที
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสัญญาณให้พวกอู๋ต้าตามไป
ไม่รู้ว่าเมิ่งชิงกลับไปพูดว่าอะไร ครึ่งชั่วยามให้หลัง เมิ่งเสียวเถี่ยก็เดินมาพร้อมกับเขา
เมิ่งเชี่ยนโยวชมเชยเมิ่งชิงด้วยการยกนิ้วโป้งให้เขา เด็กน้อยกระหยิ่มยิ้มย่องใจ ถามอย่างเบิกบาน “พี่สาว ท่านพ่อข้ามาแล้ว จะให้พวกเราอาศัยห้องใดหรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเมิ่งเสียวเถี่ยที่ยืนกระสับกระส่ายถือห่อผ้าอยู่ตรงนั้นแวบหนึ่ง ชี้เรือนที่อยู่ด้านหลังเหล่านั้นแล้วยิ้มพูดกับเมิ่งชิง “ชิงเอ๋อร์อยากอยู่เรือนไหน ก็อยู่เรือนนั้น”
เมิ่งชิงปล่อยมือเมิ่งเสียวเถี่ย วิ่งไปดูเรือนใหม่ทั้งหมดอย่างเหล่านั้นอย่างเริงร่า สุดท้ายชี้เรือนที่อยู่ถัดมาจากสองสามีภรรยาหลี่พูดว่า “ข้าและท่านพ่อจะอยู่ที่นี่”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับปากทันควัน “ได้”
เมิ่งชิงยิ้มหน้าบานพลันเข้ามาดึงเมิ่งเสียวเถี่ยให้ไปดูห้อง
นับตั้งแต่ปีที่แล้วที่เมิ่งเสียวเถี่ยถูกเศรษฐีอู๋ซ้อมแล้วโยนทิ้งไว้หน้าประตู พวกอู๋ต้าก็ไม่เคยได้เจอเขาอีก ตอนนี้มาได้เจอเขาแล้ว ต่างดีใจกันยกใหญ่ ต่างมองเมิ่งเชี่ยนโยวตาปริบ หวังว่าพวกเขาจะตามไปด้วยได้
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า คนทั้งหมดยกเท้าเดินตามไป
เมิ่งเชี่ยนโยวแย้มยิ้มส่ายหน้า เดินเข้าไปในลานเรือนรอง
คนในครอบครัวเหวินเปียวเห็นเรือนรองโอ่อ่ากว้างขวาง ต่างดีอกดีใจ เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามา ก็ร้องเรียกอย่างอ่อนน้อม “แม่นาง”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ต่อไปพวกเราจะอยู่ด้วยกันแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องมีพิธีรีตองอีก อยู่ให้เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันก็พอ”
คนทั้งหมดรับคำ
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ปกติแต่ละลานเรือนจะแยกกันทำอาหารของตัวเอง หากต้องการสิ่งใดก็ให้ร้องเรียกพวกเรา พวกเจ้าเพียงทำงานตามที่ข้ามอบหมายให้แน่ละวันก็พอ”
คนทั้งหมดรับคำโดยพร้อมเพรียงอย่างอ่อนน้อมอีกครั้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือให้ทุกคนไปทำงาน เหลือไว้เพียงเหวินเปียวคนเดียว แล้วถาม “ด้วยสภาพในตอนนี้ของท่านอาสี่ข้า ฝึกวรยุทธ์เช่นไรถึงจะเหมาะสม?”
เหวินเปียวครุ่นคิดครู่หนึ่ง “นายท่านสี่ขาพิการอย่างสมบูรณ์แล้ว บวกกับเมื่อก่อนไม่รู้วรยุทธ์ คิดจะมาเรียนวรยุทธ์ตอนนี้เกรงจะเป็นเรื่องยาก ทว่าหากมีใจมุ่งมั่น ให้ถือว่าเป็นอีกกรณีหนึ่ง ข้าพอจะสอนวรยุทธ์การใช้ฝ่ามือให้เขา อย่างน้อยเมื่อมีอันตรายยังพอคุ้มครองชีวิตได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “เรื่องนี้ขอมอบให้ท่านแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เขามีวรยุทธ์เก่งกาจ ขอเพียงไม่เหมือนแต่ก่อน เอาแต่คิดว่าตัวเองเป็นเศษสวะไร้ค่าก็พอ”
เหวินเปียวรับคำ
เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังเดินมายังลานเรือนที่เมิ่งเสียวเถี่ยพักอาศัย
พวกอู๋ต้ากำลังเรียกพี่ใหญ่อย่างนั้น พี่ใหญ่อย่างนี้ เล่าเรื่องช่วงเวลาที่ผ่านมาให้เขาฟัง เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเข้า ทั้งหมดก็ปิดปากสนิท ลุกขึ้นยืนเรียกอย่างนบนอบ “นายหญิง”
เมิ่งเสียวเถี่ยก็ลุกขึ้นตามไปด้วย
เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูคนโดยรอบ สุดท้ายสายตามาหยุดที่ตัวเมิ่งเสียวเถี่ย พูดว่า “นับแต่วันนี้ไป ท่านจงไปฝึกวรยุทธ์กับพวกเขาด้วย เหวินเปียวจะสอนวรยุทธ์โดยใช้ฝ่ามือให้ท่านตัวต่อตัว หากต่อไปท่านไม่อยากเป็นเศษสวะไร้ค่า ออกไปข้างนอกไม่ต้องถูกคนรังแกอีก ก็ให้กัดฟันยืนหยัดทำให้สำเร็จ”
พอได้ยินว่าตัวเองก็เรียนวรยุทธ์ได้ เมิ่งเสียวเถี่ยแหงนหน้าด้วยความดีใจระคนประหลาดใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “ท่านอย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไป การฝึกวรยุทธ์เป็นเรื่องยากมาก แต่หากท่านกล้าล้มเลิกกลางคัน ข้าจะไม่สนว่าท่านใช่ท่านอาสี่ข้าหรือไม่ ข้ามีแต่วิธีที่จัดการท่าน”
เมิ่งเสียวเถี่ยตื้นตันใจจนพูดไม่ออก เอาแต่พยักหน้าไม่หยุด
พวกอู๋ต้าที่พอได้ยินว่าต่อไปเมิ่งเสียวเถี่ยก็มาฝึกวรยุทธ์กับพวกเขาได้ ต่างก็ดีอกดีใจ รอจนเมิ่งเชี่ยนโยวเพิ่งจะยกเท้าก้าวออกไปจากประตู พวกเขาก็รีบเฮโลกันเข้ามา พูดกับเมิ่งเสียวเถี่ยอย่างตื่นเต้นดีใจ “พี่ใหญ่ ต่อไปพวกเราจะได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิมแล้ว”
เมิ่งเสียวเถี่ยก็ตื่นเต้นพยักหน้าหงึกๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวที่เดินออกไปไม่ไกลได้ยินเสียงไชโยโห่ร้องของพวกเขา รอยยิ้มอ่อนๆ ปรากฏขึ้นข้างมุมปาก
ตอนค่ำ หลังจากเมิ่งอี้เซวียนกลับมา เห็นทุกคนต่างย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหมดแล้ว ก็ขมวดคิ้วขบคิดบางอย่าง
หลังกินอาหารค่ำเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงเรียกเมิ่งอี้เซวียนเข้ามาในห้องตัวเองตามเดิม สอนเขาจำแนกสมุนไพร
เมิ่งอี้เซวียนมีอาการใจลอยอย่างชัดเจน สมุนไพรหลายชนิดที่สองวันก่อนอุตส่าห์จำได้แล้ว พอเมิ่งเชี่ยนโยวถามเขา กลับตอบไม่ได้
เมิ่งเชี่ยนโยวโมโหของขึ้น เคาะไปที่กะโหลกศีรษะเขาเต็มแรง “เรื่องง่ายๆ แค่นี้ยังจำไม่ได้ เจ้ามีแต่สมองหมูหรือไร?”
เมิ่งอี้เซวียนไม่ได้ทำเหมือนก่อน กุมศีรษะตัวเอง มองนางอย่างน้อยใจ แหงนหน้ามอง ถามนางอย่างจริงจัง “เจ้าคิดจะส่งตัวข้าไปแล้วหรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวใจกระตุกวูบ นิ่งงัน
เมิ่งอี้เซวียนเห็นนางไม่พูด ยิ่งยืนยันการคาดเดาของตัวเอง กำลังจะเอ่ยปาก เมิ่งเชี่ยนโยวก็ใช้กำลังอย่างหนักหน่วงกับเขาอีกครั้ง “ข้าว่าแล้วทำไมสมุนไพรง่ายๆ เจ้าถึงจำไม่ได้ ที่แท้เพราะเจ้าคิดแต่เรื่องไร้สาระพวกนี้ คิดจะให้ข้าส่งตัวเจ้าไป จะบอกให้นะ ไม่มีทางเด็ดขาด ภายหน้าหากเจ้าคิดเรื่องไร้สาระพวกนี้อีก ข้าจะลงโทษเจ้าจำสมุนไพรวันละห้าชนิด ถ้าจำไม่ได้ก็ไม่ต้องนอน”
เมิ่งอี้เซวียนปลาบปลื้มยินดี พูดยืนยันอีกครั้งอย่างระวัง “เจ้าจะไม่ส่งตัวข้าไปจริงๆ นะ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวใช้กำลังตีเขาอีกครั้ง “ส่งตัวไป ส่งไปไหน? ครอบครัวพวกเราเปลืองแรงกำลังมากเช่นนี้เพื่อเลี้ยงดูเจ้า ยังเฝ้ารอให้เจ้าสอบขุนนางได้ สร้างชื่อเสียงให้กับวงศ์สกุล เจ้าเอาแต่คิดเหลวไหลอะไรอยู่ได้?”
เมิ่งอี้เซวียนไม่เชื่อ จ้องนางเขม็งแล้วพูดว่า “เจ้ารับประกันกับข้า เจ้าจะไม่ส่งตัวข้าไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวตีเขาอีกครั้ง “รับประกันเพ้อเจ้ออะไร รีบจำสมุนไพร ถ้าจำไม่ได้คืนวันนี้ไม่ต้องนอน”
เมิ่งอี้เซวียนกุมหัวบวมปูดเท่าหมั่นโถวร้องโอดครวญ “ข้าไม่ต้องจำสมุนไพรพวกนี้แล้วได้หรือไม่”
น้ำเสียงหนักแน่นเด็ดขาดของเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้น “ไม่ได้!”
สองสามีภรรยาเมิ่งและพวกเมิ่งเสียนได้ยินเสียงร้องโหยหวนกว่าทุกวันของเมิ่งอี้เซวียน ก็ยิ่งให้เวทนาเขา