ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 199 ผิดรสชาติ
คนทั้งหมดก็ตระหนักรู้ว่าพฤติกรรมตัวเองไม่เหมาะสม รีบปล่อยชายแขนเสื้อลง ขานรับคำ “ทราบแล้ว นายหญิง”
เมิ่งเชี่ยนโยวชี้มันฝรั่งแผ่นที่ทอดออกมายังไม่เป็นที่พอใจ พูดว่า “หากไม่รังเกียจ พวกท่านแบ่งมันฝรั่งแผ่นจำนวนหนึ่งกลับไปด้วยเถอะ”
มันฝรั่งแผ่นหนึ่งห่อราคาหลายตำลึง รายได้ปกติของพวกนางต่อปียังซื้อหาไม่ได้ ต่อให้การใช้ไฟจะด้อยไปบ้าง ก็ไม่ใช่จะหากินได้ง่ายๆ หญิงสาวทั้งหมดได้ฟังก็ดีใจยกใหญ่ หลังจากกล่าวขอบคุณเป็นพัลวัน ก็ยกมันฝรั่งแผ่นจำนวนหนึ่งจากไปอย่างเบิกบาน
สะใภ้เมิ่งต้าจินมองพวกนางจากไป ถึงถามอย่างเป็นห่วง “โยวเอ๋อร์ อยู่ๆ คนก็หายไปถึงสามคน ยังจะผลิตมันฝรั่งแผ่นที่คุณชายอันต้องการออกมาได้หรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบมันฝรั่งแผ่นแผ่นหนึ่งใส่ปากนางอย่างซุกซน “ท่านป้าใหญ่ ไม่ต้องเป็นห่วง ขอเพียงท่านควบคุมคุณภาพมันฝรั่งแผ่นให้ดี เรื่องอื่นมอบให้ข้าเป็นคนจัดการเอง”
สะใภ้เมิ่งต้าจินกินไปพลาง พยักหน้ายินดี
สะใภ้เมิ่งต้าจินวางใจจากไป
เมิ่งเชี่ยนโยวยกมันฝรั่งแผ่นที่เหลือมายังบ้านชายชราทำโครงไม้มันฝรั่งแผ่น
จางเซิงและภรรยาที่มีหน้าที่ตัดฝืนตลอดฤดูหนาวพาลูกน้อยสองคนกลับมาจากแปลงมันฝรั่งพอดี เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามาในบ้าน ร้องทักทายนางอย่างกระตือรือร้นเหมือนเคย “นายหญิงมาแล้ว รีบเข้ามานั่งในบ้านเถิด”
เมิ่งเชี่ยนโยวมอบมันฝรั่งแผ่นในมือให้สะใภ้จางเซิง “นี่เป็นมันฝรั่งแผ่นที่ทางโรงงานทดลองทำ กำลังไฟด้อยไปสักหน่อย ข้าเอามาให้เด็กๆ ได้กินกัน พวกท่านอย่าได้รังเกียจ”
สะใภ้จางเซิงรับมาอย่างตื้นตัน กล่าวขอบคุณไม่ขาด “ขอบคุณนายหญิง ขอบคุณนายหญิง”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ ถามขึ้น “ข้าเข้ามาดูว่าโครงไม้ทำไปถึงไหนแล้ว?”
พ่อจางเซิงได้ยินเสียงเมิ่งเชี่ยนโยว ลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องทำโครงไม้ พอได้ยินที่นางถาม หยุดยืนหน้าประตู เชิญนางเข้าไปอย่างเกรงใจ “ทำไปได้สองพันกว่าอันแล้ว นายหญิงดูก่อนว่าพอใจหรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าไปในห้อง สุ่มหยิบโครงไม้อันหนึ่งขึ้นมาดู ฝีมือการทำยังประณีตเหมือนก่อน พยักหน้าพอใจ “ทำได้ดีมาก เพียงแต่ปริมาณยังน้อยไป หากโรงงานเปิดอย่างเป็นทางการ ของพวกนี้จะพอใช้แค่ไม่กี่วัน”
พ่อจางเซิงหวาดผวา ตื่นกลัวว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะเก็บคืนงานรายได้ดีนี้กลับไป พูดประจบเอาใจ “นายหญิงวางใจ นับจากวันนี้ไป แต่ละวันข้าจะทำให้มากกว่านี้ ขอท่านอย่ามอบงานไปให้คนอื่นทำ”
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าเขาเข้าใจผิด ยิ้มพูด “ท่านคิดมากไปแล้ว ข้าหมายความว่าท่านสามารถหาคนมาช่วยทำเพิ่มได้”
พ่อจางเซิงลนลานส่ายหน้า “ไม่ต้องๆ พวกเรากันเองก็พอ”
จางเซิงก็พูดว่า “ไม่ต้องแล้ว นายหญิง นับจากวันนี้ไปพวกเราจะไม่ไปขุดมันฝรั่งอีก จะช่วยกันทำโครงไม้อยู่ที่บ้าน”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ก็ได้ พวกท่านตัดสินใจเองก็แล้วกัน แต่อย่าให้เสียงานข้าก็พอ”
พ่อจางเซิงรับประกัน “ท่านวางใจ จะไม่ให้ท่านเสียงานเด็ดขาด”
เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับพวกเขาให้นำส่งมาที่โรงงานก่อนห้าร้อยชิ้น
จางเซิงรับคำ
ตอนบ่ายหญิงสาวห้าคนเข้ามาทำงานตรงตามเวลา เมิ่งเชี่ยนโยวมอบชุดทำงานและผ้าเช็ดหน้าให้พวกนาง
หลังจากคนทั้งหมดใส่เรียบร้อยก็เริ่มทำการผลิตมันฝรั่งแผ่น
หญิงสาวสามคนที่กลับไปปรึกษาที่บ้านไม่ได้เข้ามา เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ได้สนใจ มาหาสะใภ้เมิ่งซานถง บอกว่าโรงงานตัวเองยังต้องการคนอีกจำนวนหนึ่ง ให้นางไปถามสะใภ้สองคนของบ้านฝั่งแม่นางว่ายินดีจะเข้ามาทำงานหรือไม่ ทั้งบอกเรื่องการทำสัญญาสิบปีกับนางไปด้วย
สะใภ้เมิ่งซานถงได้ฟังเสร็จก็ไม่ขุดมันฝรั่งแล้ว วิ่งเหยาะๆ กลับไปบ้านฝั่งแม่ เรียกสะใภ้สองคนของนางตรงเข้ามา
ทั้งสามเดินหายใจหอบแฮ่กๆ ครู่ใหญ่ถึงผ่อนคลายลง
สะใภ้เมิ่งซานถงและสะใภ้ทั้งสอง สะใภ้ใหญ่หวังและสะใภ้เล็กหวังไม่ถามอะไรสักคำ เอ่ยปากพูดทันที “นายหญิง พวกเรายินดีเข้ามาทำงาน ให้ทำสัญญากี่ปีก็ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มมองพวกนาง แสร้งพูดข่มขู่ “พวกท่านต้องคิดให้ดีๆ นะ หากภายในสิบปีนี้ พวกท่านแพร่งพรายกรรมวิธีการผลิตมันฝรั่งแผ่นออกไป จะต้องถูกส่งตัวไปรับโทษกับทางการ”
ทั้งสองคนไม่แยแส “อย่าว่าแต่สิบปี ต่อให้เป็นยี่สิบปีพวกเราก็ไม่มีทางพูดออกไป เชิญนายหญิงวางใจได้”
ทั้งสองเคยมาช่วยทำอาหารให้คนงาน เมิ่งเชี่ยนโยวพอจะเข้าใจอุปนิสัยของพวกนางอยู่บ้าง ได้ฟังก็พยักหน้า “พวกท่านตามข้าไปทำความคุ้นเคยกับโรงงานก่อน วันพรุ่งค่อยเข้ามาทำงานตรงตามเวลาก็พอ”
ทั้งสองกล่าวขอบคุณอย่างตื้นตันใจ ตามเข้ามาในโรงงาน
หญิงสาวห้าคนก็สนิทสนมกับพวกนางดี ทอดมันฝรั่งแผ่นไปพลางร้องเรียกทักทายพวกนาง
ทั้งสองก็ไม่เคอะเขิน เข้าไปรุมช่วยทันที
กระทั่งวันถัดมาหญิงสาวทั้งสามคนถึงเข้ามาพร้อมกัน บอกว่าตัวเองยินดีจะทำสัญญา
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มบอกพวกเขาว่านางหาคนได้แล้ว หากพวกนางยินดี ให้มาช่วยบรรจุมันฝรั่งแผ่นได้ เพียงแต่เป็นงานที่ค่อนข้างเบาสบาย ได้วันละสิบห้าอีแปะ
หาเงินได้น้อยลงถึงวันละสิบห้าอีแปะ หญิงสาวทั้งสามคนปวดใจเป็นอย่างมาก ลอบเสียใจที่ตัวเองไม่ตัดสินใจแต่เนิ่นๆ แต่ถ้าไม่รับปาก เกรงว่างานนี้ก็จะเสียไปด้วย จำต้องตบปากรับคำภายใต้สภาวะจำยอม
เมิ่งเชี่ยนโยวบอกพวกนาง หากรังเกียจว่าค่าแรงน้อย ให้รอก่อนได้ ต่อไปนางยังมีงานที่ค่าแรงสูงกว่านี้
หญิงสาวทั้งสามเริ่มลังเล
เมิ่งเชี่ยนโยวจับจ้องมอง ขมวดคิ้วมุ่น
หญิงสาวคนหนึ่งทำการตัดสินใจ “ค่าแรงน้อยก็น้อยเถอะ ข้าจะทำงานนี้แล้ว”
หญิงสาวอีกสองคนเห็นนางรับคำแล้ว ก็ตกลงทำด้วย
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ให้พวกนางทำสัญญา แต่พาพวกนางไปอีกห้องหนึ่ง บอกทั้งสามคนว่า “พวกนางจะยกมันฝรั่งแผ่นที่ทอดเสร็จแล้วเข้ามา หลังจากผึ่งลมจนเย็นแล้วถึงบรรจุใส่โครงไม้ได้ จะต้องทำอย่างเบามือ พยายามอย่าให้เสียหาย”
สะใภ้เมิ่งต้าจินยกมันฝรั่งแผ่นที่ทอดเสร็จแล้วเข้ามา เมิ่งเชี่ยนโยวบรรจุหนึ่งห่อให้ทั้งสามคนดู
ทั้งสามคนต่างก็เป็นมือฉมังด้านทำงาน ลงมือทำได้อย่างคล่องแคล่วง่ายดายทันที
ประมาณครึ่งเดือนกว่า มันฝรั่งบนแปลงดินถึงเก็บเกี่ยวหมด
เมิ่งเชี่ยนโยวให้เมิ่งเสียน เมิ่งฉีคำนวณเงินค่าแรงให้ครบถ้วน แล้วจ่ายให้ชาวบ้านภายในวันนั้นทั้งหมด ทั้งบอกพวกเขาว่า หากพวกเขาต้องการใบมันฝรั่งในแปลงดินสามารถมาตัดกลับไปได้
ชาวบ้านดีใจลิงโลดอีกครั้ง ลงแรงทำทั้งครอบครัวอย่างหามรุ่งหามค่ำ ไม่ถึงสองวันใบมันฝรั่งบนแปลงดินก็ถูกแย่งไปจนหมดเกลี้ยง
เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูมันฝรั่งกองเต็มโรงงาน ตัดสินใจแบ่งไปให้เหลาจวี้เสียนจำนวนหนึ่ง
วันนี้หลังจากกินข้าวเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวบอกกับเมิ่งชื่อ แล้วให้เหวินเปียวและเหวินหู่บังคับรถม้าสองคันมาโรงงาน หลังจากให้พวกอู๋ต้าบรรทุกมันฝรั่งจำนวนหนึ่งไว้บนรถม้าคันหนึ่งจนเสร็จ ก็สั่งการให้ทั้งสองคนบังคับรถม้าไปเหลาจวี้เสียน
เหวินหู่บังคับรถม้าที่บรรทุกมันฝรั่ง ไม่กล้าวิ่งเร็ว ใช้เวลาหนึ่งชั่วยามกว่าถึงจะมาถึงเหลาจวี้เสียน
เสี่ยวเอ้อเฝ้าหน้าประตูเหลาจวี้เสียนเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวลงมาจากรถม้า รีบร้อนเข้ามาทักทายอย่างอ่อนน้อม “แม่นาง ท่านมาแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “รบกวนเจ้าช่วยไปบอกหลงจู๊ บอกว่าข้านำมันฝรั่งมาส่งให้”
เสี่ยวเอ้อขานรับคำ วิ่งแนบเข้าไปรายงาน ไม่นานหลงจู๊ก็เร่งฝีเท้าเดินหน้าบานออกมา พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่ง เจ้าคือดาวช่วยชีวิตของพวกเราเหลาจวี้เสียนโดยแท้ เมื่อวานข้ากับเหล่าหลิวเพิ่งพูดกันว่าช่วงนี้ไม่มีผักที่สดใหม่เลย วันนี้เจ้าก็ส่งมาให้ทันที”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกระเซ้า “ข้าทำนายอนาคตได้ รู้ว่าพวกท่านต้องการอะไร ก็รีบส่งมาให้พวกท่านทันที”
หลงจู๊หัวเราะลั่น
หัวเราะเสร็จก็สั่งเสี่ยวเอ้อให้บังคับรถม้าไปหลังร้าน แล้วขนถ่ายมันฝรั่งลงมาอย่างระวัง
พ่อครัวเห็นเหวินหู่บังคับรถม้าเข้ามาหลังร้าน ร้อนรนถาม “แม่นางเมิ่งมาหรือ?”
เหวินหู่รับคำ “มาด้วย กำลังพูดคุยกับหลงจู๊อยู่หน้าประตู”
พ่อครัวพรวดพราดวิ่งมาหน้าประตู กลับไม่เห็นเมิ่งเชี่ยนโยว จึงซักไซ้ถามเสี่ยวเอ้อ “แม่นางเมิ่งเล่า?”
เสี่ยวเอ้อตอบอย่างอ่อนน้อม “ไปที่ห้องรับรองกับหลงจู๊แล้วขอรับ”
พ่อครัววิ่งพรวดเข้าไปในห้องโถง เห็นหลงจู๊และเมิ่งเชี่ยนโยวกำลังจะขึ้นไปชั้นบน
พ่อครัวร้องตะโกนไล่หลัง “แม่นางเมิ่ง!”
เสียงของพ่อครัวดังสนั่น คนที่มากินข้าวในห้องโถงต่างมองมาที่เขา
เมิ่งเชี่ยนโยวนึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ชะงักฝีเท้า หันหลังมองเขาอย่างกังขา
พ่อครัวก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าทำการไม่เหมาะสม ขยี้ศีรษะ พูดแก้เก้อ “ข้ามีเรื่องอยากขอคำแนะนำจากเจ้า” พูดจบกลัวเมิ่งเชี่ยนโยวจะไม่เข้าใจ ทำมือชี้ไปที่ห้องครัว
เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใจทันที เดินลงบันได หายไปด้านหลังพร้อมพ่อครัว
หลงจู๊มองพ่อครัวที่ผลีผลามไม่รู้กาลเทศะ ส่ายศีรษะเดินตามเข้าไป
พอออกมาจากห้องโถง พ่อครัวก็ร้อนรนพูดทันควัน “หลังจากข้ากลับมา ทำพระกระโดดกำแพงตามวิธีที่แม่นางสอนหลายครั้ง ก็ไม่ได้กลิ่นหอมเหมือนที่แม่นางทำ ข้ากำลังคิดจะไปขอคำชี้แนะจากแม่นาง แม่นางก็มาพอดี รบกวนช่วยข้าดูหน่อยเถิด ว่าเกิดความผิดพลาดในขั้นตอนไหนกันแน่”
หลงจู๊ก็พูดบ้าง “หลังจากเหล่าอู๋กลับมา บอกว่าพระกระโดดกำแพงที่เจ้าทำส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปเป็นสิบลี้ แต่เขาทำหลายครั้งแล้วก็ไม่ประสบผลสำเร็จ หลายวันนี้เอาแต่หงุดหงิดงุ่นง่านเพราะเรื่องนี้”
พอเมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาหลังร้าน ก็เห็นเตาไฟที่เพิ่งก่อขึ้นใหม่ข้างห้องครัวตั้งอยู่หลังร้าน บนเตาไฟมีไหใบขนาดพอเหมาะตั้งอยู่ ภายในมีกลิ่นหอมจางๆ ลอยออกมา
พ่อครัวพูดว่า “นี่ก็คือพระกระโดดกำแพงที่ข้าทำ ต้องเข้าไปดมใกล้ๆ ถึงจะได้กลิ่นหอม ต่างกับที่แม่นางทำลิบลับ ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดความผิดพลาดในขั้นตอนไหน”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสัญญาณให้พ่อครัวสั่งให้คนมายกไหลง
พ่อครัวโบกมือเรียกเสี่ยวเอ้อสองคนเข้ามา ยกไหลงมาอย่างระมัดระวัง
พ่อครัวเดินขึ้นหน้า แง้มฝาออก
เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นหน้าสูดดมเล็กน้อย มุ่นหัวคิ้วแล้วพูดว่า “ตะเกียบ”
พ่อครัวรีบสั่งเสี่ยวเอ้อไปหยิบตะเกียบคู่หนึ่งมา
เมิ่งเชี่ยนโยวใช้ตะเกียบเขี่ยผักด้านบนออก แล้วคีบผักที่อยู่ติดกับก้นไหขึ้นมา เอามาชิดปลายจมูกแล้วสูดดม ถามพ่อครัว “หลายครั้งก่อนที่ทำก็ได้รสชาตินี้หรือ?”
พ่อครัวพยักหน้า “หลายครั้งก่อนที่ทำข้าก็ลองชิมดูแล้ว รสชาติต่างกับที่แม่นางทำลิบลับ ไม่ทราบว่าด้วยสาเหตุใด”
เมิ่งเชี่ยนโยวให้เสี่ยวเอ้อหยิบตะเกียบมาอีกสองคู่ ส่งสัญญาณให้พ่อครัวและหลงจู๊ตั้งใจลิ้มรสดู
หลงจู๊ไม่เคยกินพระกระโดดกำแพงมาก่อน ย่อมแยกรสชาติไม่ออกว่ามีอะไรที่แตกต่าง
พ่อครัวกลับไม่เหมือนกัน รู้สึกเหมือนเมิ่งเชี่ยนโยว คีบผักจากก้นไหขึ้นมาใส่เข้าปาก ละเมียดลิ้มรสชาติ ขมวดคิ้วพูดว่า “ผักด้านล่างเริ่มไหม้แล้ว พอกินเข้าปากให้รสขมอ่อนๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “หัวใจหลักของพระกระโดดกำแพงคือใช้ไฟอ่อนค่อยๆ ตุ๋นตามเวลาที่กำหนด ให้ความหอมของผักทุกชนิดคลุกเคล้ากัน เกิดเป็นรสชาติเฉพาะของมัน พระกระโดดกำแพงของท่านมิได้ใช้ไฟอ่อนในการตุ๋น แต่ใช้ไฟแรง ถึงทำให้ผักหลายชนิดด้านล่างไหม้ไฟ”
“ไม่มีทาง ข้าคอยเฝ้าดูพวกเขาด้วยตัวเอง พวกเขาใช้ไฟอ่อนในการตุ๋นจริงๆ” พ่อครัวพูด
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ที่ข้าพูดไม่ผิดแน่ ท่านลองเรียกเสี่ยวเอ้อเข้ามาถามเถอะ”
พ่อครัวตะโกนไปทางห้องครัว “เอ้อจื่อ ซานจื่อพวกเจ้ามาทางนี้ซิ”
เสี่ยวเอ้อสองคนรับคำเดินออกมาจากห้องครัว “อาจารย์ มีเรื่องอันใดขอรับ?”
“ข้าถามพวกเจ้า พวกเจ้าได้ใช้ไฟอ่อนตุ๋นพระกระโดดกำแพงตามที่ข้ากำชับไว้หรือไม่?” พ่อครัวถาม
ทั้งสองชะงักเล็กน้อย แววตาล่อกแล่ก อึกๆ อักๆ ไม่กล้าพูดออกมา
เห็นปฏิกิริยาของพวกเขา พ่อครัวจะยังไม่เข้าใจอะไรอีก โมโหเดือดดาล ถีบใส่พวกเขาคนละที “เศษสวะ ข้ากำชับพวกเจ้าจะต้องใช้ไฟอ่อนเท่านั้นไม่ใช่หรือ? เห็นคำพูดข้าเป็นเพียงหูทวนลมเรอะ?”
ทั้งสองคนถูกถีบล้มไปกองกับพื้น เห็นพ่อครัวบันดาลโทสะ ไม่กล้าร้องโอดโอย ลนลานลุกขึ้นมาคุกเข่าต่อหน้าพ่อครัว อ้อนวอนขออภัย “ท่านอาจารย์ พวกเราผิดไปแล้ว คราวหน้าพวกเราไม่กล้าอีกแล้ว”
พ่อครัวโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง “ยังคิดจะมีครั้งหน้า รีบไปเก็บข้าวของแล้วไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้”
ทั้งสองตื่นตกใจ พูดวิงวอน “ท่านอาจารย์ พวกเราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เพราะความง่วง ถึงเร่งกำลังไฟขึ้นเล็กน้อยตอนย่ำรุ่ง”
ได้ยินพวกเขาพูดเช่นนี้ พ่อครัวยิ่งทวีความเดือดดาล ถีบพวกเขาไปอีกคนละที “ง่วงแล้วมาบอกข้าไม่ได้เรอะ? ข้าให้คนมาผลัดเปลี่ยนแทนพวกเจ้าได้ ตอนนี้ดีแล้ว ทำพระกระโดดกำแพงของข้าเสียของไปหลายครั้ง หากไม่เพราะวันนี้แม่นางเมิ่งเข้ามาพอดี พวกเจ้าคิดจะปิดบังข้าไปถึงเมื่อไร?”
ทั้งสองคนลุกขึ้นมาคุกเข่าใหม่อีกครั้ง พูดรบเร้าวิงวอน “ท่านอาจารย์ พวกเราผิดไปแล้วจริงๆ ต่อไปไม่กล้าแล้ว ท่านให้อภัยพวกเราสักครั้งเถอะ”