ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 201 ตัวตนของท่านอ๋องฉี
เมิ่งเชี่ยนโยวถลึงตาใส่เขา แสร้งทำเป็นปิดบังความรู้สึกตัวเอง “ข้าถามเจ้ากลับเฉไฉ ไม่ยอมตอบ อย่าบอกว่าเจ้าไม่รู้หรอกนะ?” พูดจบก็ส่ายหน้า พูดพึมพำ “ก็ถูก เจ้าไม่ได้อยู่เมืองหลวงมานานแล้ว ย่อมไม่รู้เรื่องในเมืองหลวง ข้า…”
“ใครบอกว่าข้าไม่รู้” เหวินซื่อพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “แม้ว่าหลายปีมานี้ข้าจะมิได้อยู่เมืองหลวง แต่ข้าก็เติบโตในเมืองหลวง จะไม่รู้จักท่านอ๋องฉีได้อย่างไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวได้ทีรีบพูดต่อ “อ่อ เช่นนั้นเจ้าลองบอกข้าว่าท่านอ๋องฉีเป็นคนเยี่ยงไร?” ในเนื้อเสียงเจตนาใส่โทนเสียงคล้ายมีความเยาะหยัน
“ท่านอ๋องฉีและฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเป็นเจ้าพี่เจ้าน้องร่วมพระมารดาเดียวกัน หลายปีก่อน หลังจากช่วยอย่างสุดกำลังจนฮ่องเต้ครองราชย์ได้สำเร็จ ฮ่องเต้จึงทรงพระราชทานแต่งตั้งให้เป็นท่านอ๋องฉี เรียกได้ว่าอยู่ใต้คนผู้เดียว แต่เหนือคนนับหมื่น ฮ่องเต้เห็นแก่ที่เขามีคุณความชอบ ให้ความโปรดปรานต่อเขาอย่างหาใดเปรียบ แต่ท่านอ๋องฉีเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนมาก ไม่เคยเย่อหยิ่งด้วยเป็นที่โปรดปราน ด้วยเหตุนี้ คนในเมืองหลวงต่างก็ยกย่องนับถือเขา” เหวินซื่อพูดบอกกล่าวเล่าความเป็นต่อยหอยไม่หยุด เพื่อแสดงว่าไม่มีอะไรที่ตัวเองไม่รู้
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาแวบหนึ่ง พูดว่า “รู้ละเอียดเช่นนี้ หรือว่าเจ้าเคยพบเขาแล้ว”
เหวินซื่อส่ายหน้า “ข้าเป็นเพียงพ่อค้า จะเคยพบท่านอ๋องฉีได้อย่างไร ทว่าคนในเมืองหลวงต่างก็พูดถึงกันเช่นนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวเปล่งเสียง “เชอะ” “เสียงลือเสียงเล่าอ้าง ไม่รู้ว่าตัวตนจริงๆ จะเป็นอย่างไร”
เหวินซื่อสะอึกกึก พูดว่า “ฟังจากโทนเสียงเจ้า เหตุใดข้าถึงรู้สึกเหมือนท่านอ๋องฉีและเจ้ามีความแค้นต่อกันเล่า?”
เมิ่งเชี่ยนโยวกรอกตาขาวใส่เขา พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “สมองเจ้าเสื่อมไปแล้วหรือไร ข้าเติบโตในชนบท ไกลที่สุดที่ได้ไปก็คือตัวจังหวัด แม้แต่ท่านอ๋องฉีเป็นใครข้ายังไม่รู้ จะมีความแค้นกับเขาได้อย่างไร?”
เหวินซื่อพยักหน้า “ก็ถูก แต่กิริยาเจ้าประหลาดนัก พอเอ่ยถึงท่านอ๋องฉีเจ้าจะต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน คล้ายว่าเขาได้เคยล่วงเกินอะไรเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวเริ่มประหวั่น เพื่อยับยั้งเหวินซื่อคาดเดาต่อไป ต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลมก่อน พูดกับเขาอย่างฉุนเฉียว “อย่าเปลี่ยนเรื่องพูด จงเล่ามาว่าสภาพครอบครัวของท่านอ๋องฉีเป็นอย่างไร?”
เหวินซื่อแปลกประหลาดใจ ลุกขึ้นยืนเดินไปตรงหน้าพินิจมองนางอย่างใคร่ครวญ “สาวน้อย ข้ารู้สึกว่าวันนี้เจ้าประหลาดนัก เอาแต่สอบถามเรื่องของท่านอ๋องฉี คงมิได้มีความคิดอะไรไม่ดีดอกนะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นยืน เหยียบขยี้ใส่เท้าของเขาอย่างไร้ความปราณี
เหวินซื่อร้องโอดครวญ เจ็บจนกอดเท้าตัวเองหมุนไปรอบตัว “พวกเราจะคุยกันดีๆ ไม่ได้หรือ? ต้องลงมือลงไม้ทุกครั้ง มีเด็กสาวที่ไหนหยาบเถื่อนเช่นเจ้าบ้าง”
เมิ่งเชี่ยนโยวยกเท้าขึ้น
เหวินซื่อตกใจกลัวถอยกรูดไปข้างโต๊ะบัญชี
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลง
เหวินซื่อบ่นงึมงำเสียงเบา “ไม่มีความเป็นผู้หญิงสักนิด ไม่รู้ว่าภายหน้าใครจะมาขอเจ้าแต่งงาน”
เมิ่งเชี่ยนโยวถามอย่างเ**้ยมเกรียม “เจ้าว่าอะไรนะ ข้าฟังไม่ถนัด เจ้าพูดอีกครั้งซิ”
เหวินซื่อรีบโบกไม้โบกมือ “ข้าไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เจ้าอยากรู้สภาพภายในครอบครัวท่านอ๋องฉีมิใช่หรือ มาๆ ข้าจะเล่าให้ฟัง”
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งสงบนิ่งบนเก้าอี้รอให้เขาพูด
กล่าวถึงสภาพภายในครอบครัวท่านอ๋องฉี สีหน้าเหวินซื่อสะท้อนแววเห่อเหิมใจ “กล่าวถึงท่านอ๋องฉี ถือได้ว่าเป็นแบบอย่างของพวกเราแคว้นอู่กั๋ว ตราบจนกระทั่งบัดนี้ ยังไม่มีท่านอ๋องคนไหนเทียบเทียมเขาได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวกรอกตาขาวมองบน พูดอย่างหงุดหงิด “พูดเข้าประเด็น!”
เหวินซื่อร้อง “อ่อ” พูดว่า “บัดนี้ท่านอ๋องฉีใกล้จะสี่สิบแล้ว ครอบครัวมีเพียงพระชายาเอกและพระชารารอง ไม่มีนางสนมกำนัลผู้อื่นอีก สำหรับเจ้านายชั้นสูงด้วยกันนี่เป็นเรื่องที่น้อยนักจะมีได้…”
เมิ่งเชี่ยนโยวกรอกตาขาวมองบน หยุดยั้งไม่ให้เขาพูดต่อไป ถามขึ้น “ทายาทเล่า?”
เหวินซื่อตอบว่า “ได้ยินว่ามีบุตรชายเพียงคนเดียว ทั้งเกิดจากพระชายารอง มีอายุไล่เลี่ยกับเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวย่นหัวคิ้วถาม “พระชายาเอกของเขาไม่มีบุตรหรือ?”
เหวินซื่อส่ายหน้า “ได้ยินว่าพระชายาเอกของท่านอ๋องฉีร่างกายไม่แข็งแรง ล้มหมอนนอนเสื่อเป็นแรมปี ดังนั้นแม้แต่งานธุรการภายในครอบครัวก็เป็นพระชายารองเป็นคนจัดการ”
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น “ได้ยินว่าในอดีตนางสูญเสีย…” พูดถึงตรงนี้ ก็ตั้งสติได้ว่าไม่เหมาะสม จึงหยุดถ้อยคำ
เหวินซื่อได้ยินนางพูดไม่จบประโยคก็หยุดพูด ถามอย่างแคลงใจ “เจ้าคิดจะพูดอะไร?”
“ไม่มีอะไร” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ
เหวินซื่อมองนางอย่างคลางแคลงใจ “สาวน้อย ข้ารู้สึกว่าวันนี้เจ้าผิดปกตินัก เจ้ามีเรื่องอะไรปิดบังข้าอยู่ใช่หรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้าปฏิเสธ “เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าเพียงแค่ได้ยินตี้ซือเอ่ยถึง พลันสนใจใคร่รู้ จึงถามไถ่เจ้าก็เท่านั้น”
เหวินซื่อไม่เชื่อ ยังคงมองนางอย่างกังขา
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งนิ่งให้เขามองประเมินตามสบาย
ครู่ใหญ่เหวินซื่อก็มองไม่เห็นอาการร้อนตัวของเมิ่งเชี่ยนโยว ครุ่นคิดในใจหรือจะเป็นตัวเองที่คิดมากไปเอง? เด็กสาวหาได้มีเรื่องปิดบังเขาไม่?
เห็นเขาขมวดคิ้วขบคิด เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นยืน “ข้ายังมีธุระที่บ้าน ขอตัวกลับก่อน รอยแผลเป็นบนใบหน้าเจ้าขอเพียงทายาตามเวลา ผ่านไปอีกระยะหนึ่งก็จะถูกกำจัดไปหมด”
ได้ยินนางเอ่ยถึงรอยแผลเป็นของตัวเอง เหวินซื่อถูกเบี่ยงเบนความสนใจ ลุกขึ้นยืนเดินมาเบื้องหน้านาง “สาวน้อย ยากำจัดรอยแผลเป็นของเจ้ามีประสิทธิภาพสูงมาก หลังจากข้าใช้ไปได้ระยะหนึ่ง รอยมีดบากบนใบหน้าก็จางหายลงไปมาก แม้แต่เหล่าอู๋ยังบอกว่าข้าดูสบายตาขึ้นเป็นกอง”
“ดังนั้นเล่า?” เมิ่งเชี่ยนโยวถามเขา
เหวินซื่อหัวเราะแหะๆ ทำหน้าปะเหลาะเอาใจ “ดังนั้นเจ้าช่วยขายสูตรยานี้ให้ข้าได้หรือไม่ ราคาเท่าไรก็ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวยกมือชูสองนิ้วให้เขา “สองแสนตำลึง”
เหวินซื่อพลันไม่เข้าใจ “อะไรคือสองแสนตำลึง?”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดอะไร จ้องมองรอยแผลเป็นบนใบหน้าเขา
เหวินซื่อได้สติกลับมา ร้องเสียงหลง “เจ้าจะปล้นหรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวเอียงศีรษะ ลูบคลำใบหูที่ได้รับพิษของตัวเอง สีหน้าดูแคลน “เป็นถึงนายใหญ่เจ้าของร้านยาเต๋อเหริน เงินเพียงสองแสนตำลึงกลับนำออกมาไม่ได้ ยังมีหน้าคุยโวไปทั่ว”
เหวินซื่อโมโหจนจมูกบิดเบี้ยว “เจ้าต้องการสองแสนตำลึง มิใช่สองร้อยตำลึง เจ้าพูดง่ายเกินไปแล้ว หากเจ้ามี ก็นำออกมาให้ข้าดูเสียหน่อยปะไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มอ่อน “คุณชายเหวิน ท่านลืมไปแล้วหรือว่าข้ามีแผ่นหยก อย่าว่าแต่สองแสนตำลึง ต่อให้เป็นสองล้านตำลึง ข้าก็นำออกมาได้อย่างไม่ต้องเหนื่อยแรงสักนิด”
เหวินซื่อสะอึกกึก
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะร่วนอย่างมีความสุข
หมอชราได้ยินเสียงหัวเราะของนาง แอบถอนใจยาวโล่งอก ดูท่าแม่นางเมิ่งจะคลายโทสะลงแล้ว
เหวินซื่อโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง “ยายตัวดี เจ้าไม่อยากขายสูตรยาให้ข้า ถึงจงใจใช้ข้ออ้างนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้าล่อหลอกอย่างสะใจ “เจ้าพูดถูกแล้ว ข้าไม่ยินดีจะขายให้เจ้า เจ้าจะทำอะไรข้าได้?”
เหวินซื่อสะอึกนิ่งงัน
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะร่าลงมาชั้นล่าง
หมอชราได้ยินเสียงนาง ลุกขึ้นร้องทักทายนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือให้เขา พูดอย่างซุกซน “ท่านรีบขึ้นไปดูนายท่านของพวกท่านเถอะ คาดว่าตอนนี้จะโมโหจนสลบไปแล้ว”
พูดจบ เดินออกไปจากร้านยาเต๋อเหรินอย่างสุขใจ
หมอชรามองแผ่นหลังนาง แย้มยิ้มส่ายหน้า กลับไม่ได้ขึ้นไปชั้นบน แต่นั่งลงตรวจอาการให้ผู้ป่วยต่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวออกมาจากร้านยาเต๋อเหริน อารมณ์เบิกบาน สั่งการเหวินเปียว “ไป พวกเรากลับบ้าน”
เหวินเปียวคล้ายจะได้รับการซึมซับ ขานรับอย่างชื่นบาน บังคับรถม้ามุ่งหน้ากลับ
เมิ่งเชี่ยนโยวได้แหย่เย้าเหวินซื่ออารมณ์เบิกบานแจ่มใสอย่างประหลาด ระหว่างทางฮัมเพลงไปอย่างสบายอารมณ์
เหวินเปียวได้ยินเสียงเพลงระรื่นหูดังแว่วออกมาจากในรถม้าของนาง ไม่อาจเชื่อมโยงแววตาที่สั่งฆ่าคนโดยไม่กะพริบตาของนางเมื่อหลายวันก่อนกับเมิ่งเชี่ยนโยวในตอนนี้ได้เลย
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รู้ความรู้สึกนึกคิดของเขา ขณะกำลังฮัมเพลงรอกลับถึงบ้านอย่างสุขใจ กลับรู้สึกปวดท้องตะหงิดๆ ความรู้สึกที่คุ้นเคยในชาติก่อนถาโถมเข้ามา ลอบอุทาน “แย่แล้ว” จากนั้นพลันรับรู้ได้ถึงกระแสความร้อนหนึ่งพุ่งทะลักออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวอยากจะร้องก่นด่า จะมาตอนไหนไม่มา กลับต้องมาในเวลานี้ แล้วจะให้นางรับมืออย่างไร?
เพิ่งจะคิดเสร็จ อาการเจ็บเสียดที่ท้องน้อยก็ทวีความรุนแรงขึ้น เจ็บจนต้องบีบกอดท้องตัวเองแน่น
เหวินเปียวสังเกตว่าเมิ่งเชี่ยนโยวที่เมื่อครู่ยังฮัมเพลงกลับไม่มีความเคลื่อนไหวแล้ว ถามอย่างเป็นกังวล “แม่นาง ท่านไม่เป็นอะไรนะ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวฝืนกลั้นความเจ็บปวด สูดลมหายใจเข้าลึก พยายามใช้น้ำเสียงราบเรียบ “ข้าไม่เป็นอะไร เจ้ารีบหน่อยเถิด”
เหวินเปียวเป็นคนมีวรยุทธ์ ฟังออกว่าน้ำเสียงเมิ่งเชี่ยนโยวผิดปกติ เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูด ก็ไม่กล้าถามมาก สะบัดบังเ**ยนม้า เร่งความเร็วให้รถม้าแล่นทะยานไป
เหวินหู่เห็นรถม้าด้านหน้าตะบึงฮ่อเพิ่มความเร็วกะทันหัน ชะงักงันเล็กน้อย แล้วรีบตามติดไป
เมิ่งเชี่ยนโยวอยู่ในรถม้าโคลงเคลงเอียงซ้ายทีขวาที ยิ่งรู้สึกปวดท้องหนักกว่าเดิม จำต้องกัดฟันอดทน ให้ถึงบ้านโดยไว
เหวินเปียวบังคับรถม้าอย่างเร็วรี่ ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามก็มาถึงบ้าน
หลังจากจอดสนิท เหวินเปียวกระโดดลงจากรถม้า พูดอย่างอ่อนน้อม “แม่นาง ถึงบ้านแล้วขอรับ”
อึดใจหนึ่งน้ำเสียงที่สะกดไว้ของเมิ่งเชี่ยนโยวถึงดังลอยออกมา “จอดรถม้าไว้ตรงนี้ เจ้าและเหวินหู่บังคับรถม้าอีกคันเข้าไปพร้อมกันก่อน”
เหวินเปียวนึกว่าอีกประเดี๋ยวจะต้องไปข้างนอก ขานรับคำ บอกเหวินหู่ให้นำรถม้าคันนี้เข้าไปก่อน
ได้ยินเสียงทั้งสองคนไปไกลแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดม่านรถมองซ้ายมองขวา พบว่าโดยรอบไม่มีคน รีบลงจากรถม้า เตรียมจะวิ่งเข้าไปในบ้าน
ไม่คิดว่าเมิ่งอี้เซวียนจะเลิกเรียนพอดี เห็นรถม้ากลับมาแต่ไกล ก็รีบวิ่งเข้ามา พอเมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้าเขาก็วิ่งมาตรงหน้านางพอดี ถามอย่างยินดี “เจ้ากลับมาแล้ว?”
เมิ่งเชี่ยนโยวลอบเปล่งเสียงซวยแล้ว ยืนอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหว ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดกับเมิ่งอี้เซวียนว่า “เจ้าเข้าไปก่อน!”
เมิ่งอี้เซวียนเห็นนางไม่ยอมขยับ เกิดความกังขา “เจ้าเป็นอะไร? ไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกถึงกระแสความร้อนพุ่งทะลักออกมาอีกแล้ว แอบสบถเสียงต่ำ หันหลังวิ่งเข้าบ้านทันที
เมิ่งอี้เซวียนตื่นตกใจต่อพฤติกรรมของนาง รีบวิ่งตามนางเข้าไป กลับเห็นชายกระโปรงขาวนวลของนางมีรอยหยดเลือด พลันร้องตะโกนลั่น “เจ้าเลือดไหลแล้ว!”
เมิ่งเชี่ยนโยวหน้าแดงก่ำ แทบอยากจะเค้นคอเขาให้ตาย จากสามก้าววิ่งเป็นสองก้าวเข้าไป ถึงห้องก็ปิดประตูดังปัง คิดจะควานหาสิ่งของมารอง ถึงนึกได้ว่าไม่เคยเตรียมของพวกนี้เอาไว้ก่อน
เมิ่งอี้เซวียนตามมาถึงหน้าประตู เห็นประตูห้องปิดสนิท ร้อนใจถาม “เจ้ามีเลือดไหล ได้รับบาดเจ็บหรือ?”
เมิ่งชื่อได้ยินเสียงร้อง เดินออกมาจากในห้อง เห็นเมิ่งอี้เซวียนกำลังยืนหน้าประตูอย่างกระวนกระวาย ถามขึ้น “อี้เซวียน เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
น้ำเสียงเมิ่งอี้เซวียนปนเสียงสะอื้น “ท่านแม่ โยวเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บ มีเลือดไหลเยอะมาก”
เมิ่งชื่อตกใจตัวโยน ตะลีตะลานเคาะประตู “โยวเอ๋อร์ รีบเปิดประตู เจ้าได้รับบาดเจ็บตรงไหน รีบออกมาให้แม่ดู”
เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ได้ยินเสียงเมิ่งชื่อ จึงเปิดประตูห้อง
เมิ่งชื่อรีบเข้าไปในห้อง เมิ่งอี้เซวียนก็คิดจะตามเข้าไป
เมิ่งเชี่ยนโยวร้องห้ามเขา “เจ้าไม่ต้องเข้ามา”
เมิ่งอี้เซวียนชะงักฝีเท้า
เมิ่งเชี่ยนโยวปิดประตูใส่หน้าเขาดัง “ปัง”
เมิ่งชื่อเข้ามาในห้องลนลานถาม “โยวเอ๋อร์ เจ้าบาดเจ็บตรงไหน”
เมิ่งเชี่ยนโยวหน้าแดงพูดเสียงเบา “ท่านแม่ ข้ามิได้ได้รับบาดเจ็บ ข้าแค่…” พูดจบ ก็ให้นางดูรอยเลือดที่ชายชุดด้านหลัง
เมิ่งชื่อชะงักอึ้ง แล้วได้สติกลับมา พูดอย่างปิติยินดี “โยวเอ๋อร์ เจ้ามีระดูแล้ว!”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งหน้าแดง “ท่านแม่พูดเบาๆ เถิด อี้เซวียนยังอยู่ข้างนอก”
“ได้ๆๆ แม่จะพูดเบาๆ” เมิ่งชื่อพูดอย่างยินดี “โยวเอ๋อร์ นับแต่วันนี้ไปเจ้าเป็นสาวแล้ว จะทำตัวเหมือนแต่ก่อน…”
พูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวตัดบท “ท่านแม่ ข้ายังไม่ได้ทำสิ่งนั้น ท่านช่วยทำให้ข้าก่อนเถิด”
เมิ่งชื่อตีหน้าผาก “แม่มัวแต่ดีใจ แม่จะไปเอาให้เจ้าเดี๋ยวนี้” พูดจบ เปิดประตูห้อง เดินหน้าตาตื่นออกมา วิ่งเข้ามาหยิบแผ่นระดูหนึ่งแผ่นในห้องตัวเอง แล้วรีบกลับเข้ามาในห้องเมิ่งเชี่ยนโยว “นี่เป็นของเก่า เจ้าใช้ไปก่อน ประเดี๋ยวแม่จะไปทำมาให้เจ้าเพิ่ม”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา ไม่มีเวลาสนใจเรื่องต้องห้าม รีบร้อนทำจนเสร็จ จากนั้นถอดเสื้อผ้าบนตัวออกทั้งหมด
เมิ่งอี้เซวียนเห็นเมิ่งชื่อเดินพรวดพราดออกมา แล้วรีบร้อนกลับเข้าไป นึกว่าเมิ่งเชี่ยนโยวบาดเจ็บหนัก จึงให้ร้อนใจ ใบหน้ากะจิริดมีเหงื่อผุดซึม