ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 204 ฮูหยินเปา
ได้ยินเจ้าหน้าที่รายงาน เปาอีฝานเดินออกมาจากตัวเรือน พูดอย่างยินดี “ข้าคิดว่าโมงยามนี้เจ้าน่าจะมาถึงแล้ว กำลังเตรียมจะไปรับเจ้าด้านหน้าพอดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดสัพยอกเขา “ท่านเป็นเจ้าบ่าว ข้ามิกล้าให้ท่านต้องลำบากหรอก”
เปาอีฝานหัวเราะ
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเขาหัวเราะแกนๆ เริ่มรู้สึกประหลาดใจ
เซี่ยเจียงเฟิง จูหลาน อันอี่หยวนก็เดินตามออกมา ต่างทักทายนางอย่างเบิกบาน
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับทีละคน แล้วพูดกับอันอี่หยวนว่า “คุณชายอัน ครั้งนี้ข้าบรรทุกมันฝรั่งแผ่นหนึ่งพันห่อติดมาให้ท่านด้วย อยู่บนรถม้าด้านนอก…”
ยังพูดไม่ทันจบ อันอี่หยวนก็เปล่งเสียงร้องดีใจออกมา “ดีเหลือเกิน ข้ารอมาหลายเดือนแล้ว ในที่สุดเจ้าก็ผลิตมันฝรั่งแผ่นสำเร็จแล้ว รีบไป พวกเราออกไปดูเถิด”
พูดจบ ก็จะพาเมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกไปด้านนอก
เซี่ยเจียงเฟิงยับยั้งเขา “อี่หยวน แม่นางเมิ่งเพิ่งมาถึง ควรเข้าไปกล่าวทักทายท่านป้าเปาก่อน”
อันอี่หยวนตบหน้าผากตัวเอง ร้องพูดไม่หยุด “ใช่ๆๆ ดูข้าเถิด พอดีใจก็ลืมเรื่องสำคัญไปเสียสนิท”
เมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามาอำเภอหลายครั้งแล้ว กลับยังไม่เคยได้พบมารดาของเปาอีฝาน ครั้งนี้ในเมื่อเข้ามาถึงเรือนด้านหลังแล้ว ไม่เข้าไปเยี่ยมเยียนจะเป็นการเสียมารยาทเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าเปาอีฝานกลับโบกไม้โบกมือ “ก่อนหน้านี้มารดาข้าเป็นไข้ลม เอาแต่นอนลุกไม่ขึ้น ช่วงเวลานี้ จึงไม่พบใครทั้งนั้น แม่นางเมิ่งไม่จำเป็นต้องเข้าไปแล้ว มารดาข้าไม่ตำหนิว่าเจ้าไร้มารยาทหรอก”
อันอี่หยวนถามอย่างประหลาดใจ “ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว อาการไข้ของท่านป้ายังไม่หายดีหรือ?”
เปาอีฝานส่ายหน้า “ยังไม่หาย กลับยิ่งรุนแรงกว่าเดิม หลายวันก่อนยังลงจากเตียงได้ สองวันนี้แค่ขยับยังไม่ยินยอมแล้ว วันๆ เอาแต่นอนอยู่บนเตียง ร่างกายซูบผอมจนดูไม่ได้ ข้าสงสัยมาตลอดว่านางจะป่วยเป็นโรคร้ายแรง แต่หมอทั้งอำเภอชิงเหอล้วนเข้ามาตรวจแล้ว ต่างก็บอกว่านางเป็นไข้ธรรมดา ยาก็กินไม่รู้กี่ขนานแล้ว แต่ก็ไม่ดีขึ้น”
เซี่ยเจียงเฟิงพลันเข้าใจ “เพราะเหตุนี้หรือเปล่าเจ้าถึงได้จัดงานแต่งงานอย่างกะทันหัน”
เปาอีฝานพยักหน้า “มารดาข้ารู้สึกว่าร่างกายตัวเองแย่ลงทุกวัน ร้องขอให้ข้ารีบแต่งงาน หลังจากถามความเห็นฮุ่ยเอ๋อร์แล้ว จึงกำหนดวันแต่งงาน เดิมคิดว่าพอท่านแม่ได้ยินข่าวดีนี้จะดีขึ้น แต่ไม่คิดว่าอาการป่วยจะยิ่งทรุดลงกว่าเดิม ถึงกับลงจากเตียงไม่ได้แล้ว”
คนทั้งหมดได้ฟังก็ให้กลัดกลุ้มหัวใจ พลันพูดอะไรไม่ออก
ครู่ใหญ่เปาอีฝานถึงหันไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “ข้าเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว อีกประเดี๋ยวจะให้บ่าวพาเจ้าไปหาฮุ่ยเอ๋อร์ เจ้าอยู่กับนางหนึ่งคืน พรุ่งนี้ให้มาพร้อมกับขบวนรับเจ้าสาวก็พอ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
อันอี่หยวนไม่เหลืออาการตื่นเต้นดีใจแล้ว พูดว่า “เจ้าไม่ต้องให้บ่าวไปส่งแล้ว ประเดี๋ยวพอข้านำมันฝรั่งแผ่นไปส่งที่ร้านพร้อมแม่นางเมิ่ง จะพานางไปส่งที่บ้านแม่นางซุนเอง”
เปาอีฝานพยักหน้า “ก็ดี เจ้าต้องให้เห็นกับตาตัวเองว่าฮุ่ยเอ๋อร์มารับแม่นางเมิ่งเข้าไปด้วยตัวเองถึงจะกลับมาได้”
อันอี่หยวนรับคำ “ข้ารู้แล้ว วางใจเถอะ”
พูดจบ หันไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่ง พวกเราไปเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวย่อมทำตามที่พวกเขาจัดเตรียม กล่าวลาทุกคน แล้วออกไปพร้อมเมิ่งเสียนและอันอี่หยวน
เพิ่งจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าว “อ๊ะ” พลันมีเสียงร้องแปดร้องของจูหลานดังลอยมา “ช้าก่อน!”
ทั้งสามคนหยุดชะงัก หันกลับมาอย่างกังขา มองเขาอย่างข้องใจ
จูหลานยังคงใช้เสียงแปดหลอดเจือด้วยแววตื่นเต้นยินดี หันไปพูดกับเปาอีฝานว่า “เจ้าลืมไปแล้วหรือ แม่นางเมิ่งรู้วิชาการแพทย์ ไม่เช่นนั้นลองให้นางดูอาการให้ท่านป้าเปาเป็นอย่างไร”
เปาอีฝานถึงนึกขึ้นได้ มองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างคาดหวัง
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ข้ารู้วิชาการแพทย์ที่ไหนกัน อย่างอาการป่วยไข้ของท่านป้า ข้าเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสั่งยาให้ถูกโรค”
จูหลานคนไร้สมองกลับพูดว่า “เจ้าจะกลัวอะไร เจ้าก็ถือเสียว่าเห็นม้าตายรักษาดุจม้าเป็น[1]อย่างไรเล่า”
เซี่ยเจียงเฟิงส่งเสียงกระแอม
จูหลานถึงรู้สึกว่าตนเองพูดไม่เหมาะสม ลนลานอธิบาย “ข้าหมายความว่า อาการป่วยของท่านป้าเป็นถึงขั้นนี้แล้ว หากเจ้ารักษาหายได้ พวกเราก็จะได้ยินดีกันถ้วนหน้า หากเจ้ารักษาไม่ได้ ก็ไม่มีใครโทษเจ้า” พูดจบ หันไปถามเปาอีฝานอย่างปะเหลาะเอาใจ “ใช่หรือไม่?”
เปาอีฝานทั้งโมโหทั้งขบขัน มองเขาแวบหนึ่งแล้วพยักหน้า
จูหลานเห็นเขาไม่โกรธเกรี้ยว ปาดเหงื่อที่ผุดซึมออกมากลางหน้าผาก แอบลอบถอนใจเบาๆ ในใจคิด โชคดีที่ท่านป้าเปาไม่สบาย เปาอีฝานไม่มีเวลามาเอาเรื่องเขา ไม่เช่นนั้นจากการพูดของตนเองเมื่อครู่ จะต้องถูกเปาอีฝานอัดจนเดินไม่ได้ไปสามวันเป็นแน่แท้
ทั้งสี่คนมองไปที่เมิ่งเชี่ยนโยวอย่างรอคอย
เมื่อพูดมาถึงขั้นนี้แล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่อาจบอกปัดได้อีก จำต้องพยักหน้าตกลง
คนทั้งหมดตามเปาอีฝานมาถึงเรือนด้านหลัง
สาวใช้หน้าประตูเห็นพวกเขา แสดงความคำนับเปาอีฝาน “คุณชาย”
เปาอีฝานถามนาง “วันนี้ท่านแม่ดีขึ้นหรือไม่?”
“ฮูหยินเพิ่งจะกินยาเข้าไป กำลังจะพักผ่อนเจ้าค่ะ” สาวใช้ตอบ
เปาอีฝานกำชับนาง “เจ้าเข้าไปเรียนว่า แม่นางเมิ่งและคุณชายสหายข้ามาเยี่ยมนาง”
สาวใช้รับคำ กำลังจะเข้าไปรายงาน เสียงอ่อนแรงหนึ่งก็ดังลอยมา “ฝานเอ๋อร์รึ? เข้ามาทั้งหมดเถอะ”
สาวใช้เปิดบานประตู เปาอีฝานนำหน้าเดินเข้าไปในห้อง
พอเข้ามาในห้อง กลิ่นฉุนรุนแรงของยาปะทะเข้าโพรงจมูกทุกคน จูหลานทนไม่ได้กระแอมไปสองครั้ง
อันอี่หยวนถลึงตาใส่เขา จูหลานรีบปิดปากตัวเองแน่น
ฮูหยินเปาได้ยินเสียงกระแอมของจูหลาน ยิ้มพูดอย่างอ่อนแรง “ทำพวกเจ้าสำลักแล้ว ป้ากำชับฝานเอ๋อร์แล้วว่าอย่าพาพวกเจ้าเข้ามา เดี๋ยวจะติดโรคจากป้าไป”
เซี่ยเจียงเฟิงอยู่ใกล้เปาอีฝานที่สุด เห็นสภาพของฮูหยินเปา ก็ให้ตกใจ ร้อนรนถาม “ท่านป้า เหตุใดท่านถึงกลายเป็นเช่นนี้?”
อันอี่หยวนและจูหลานได้ฟังเข้ามาดู ก็ให้ตกอกตกใจ
ฮูหยินเปายิ้มสรวลอย่างอ่อนแรง “หลังจากป้าป่วยเป็นไข้ลมนี้ ก็กินอะไรไม่ลง ค่อยๆ กลายมามีสภาพเช่นนี้ ไม่ทำพวกเจ้าตกใจหรอกนะ”
ทั้งสามโบกมือพลัน “ไม่เลยๆ”
ฮูหยินเปายิ้มสรวล แสดงท่าทีให้ทุกคนนั่งลง
เปาอีฝานพูดขึ้น “ท่านแม่ แม่นางเมิ่งมาร่วมงานแต่งของพวกเรา นางพอจะรู้วิชาการแพทย์ ให้นางช่วยดูอาการท่านเถิด”
ฮูหยินเปาฝืนยกมือกวัดแกว่ง “ไม่ต้องดูแล้ว ร่างกายของข้า ข้ามีหรือจะไม่รู้ ทนไปได้ถึงพรุ่งนี้ก็นับว่าดีแล้ว”
เปาอีฝานเริ่มกระวนกระวาย “ท่านแม่ ให้แม่นางเมิ่งลองตรวจดูหน่อยเถิด”
ฮูหยินเปาโบกมือเอื่อยสองครั้ง “ตรวจไปก็แค่กินยาเพิ่มเท่านั้น แม่ไม่อยากต้องทนทุกข์ทรมานอีกแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกมาจากด้านหลังพวกเขา ยกยิ้มพูด “ฮูหยินยังอ่อนเยาว์เช่นนี้ ไม่คิดจะอยู่อุ้มหลานแล้วหรือ?”
ฮูหยินเปามักจะได้ยินเปาอีฝานและซุนฮุ่ยเอ่ยถึงเมิ่งเชี่ยนโยว กลับไม่เคยได้พบนางสักครั้ง ตอนนี้ได้ยินเสียงนาง พินิจมองดู เห็นนางมีใบหน้าหมดจด รูปหน้ากระจุ๋มกระจิ๋ม ดวงตากลมโตฉายแววสดใสและฉลาดเฉลียว นึกยินดีในใจ หายใจผ่อนยาวหลายครั้ง แล้วยิ้มพูด “มักจะได้ยินฝานเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์เอ่ยถึงบ่อยๆ บอกว่าเจ้าเป็นเด็กสาวที่ใครเห็นก็ต้องชมชอบ วันนี้ได้พบ เป็นเช่นนั้นจริงๆ หากไม่เพราะข้ามีโรครุมเร้า ข้าอยากจะคุยกับเจ้าให้หนำใจนัก”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูฮูหยินเปาที่แม้จะซูบผอมกลับไม่ลดทอนความงดงามสง่า ยิ้มพูด “ฮูหยินชมเกินไปแล้ว ข้าเป็นเพียงเด็กสาวบ้านนอก ไม่รู้จักขนบธรรมเนียม ฮูหยินไม่ตำหนิโทษข้าก็ดีถมไปแล้ว”
ได้ยินวาจานาง ฮูหยินเปายิ่งทวีความชมชอบ “ในสายตาข้า พวกเจ้าล้วนเป็นเด็กน้อย ขนบธรรมเนียมอะไรพวกนั้น หาได้สำคัญไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวฉวยโอกาสนี้นั่งลงบนเก้าอี้เตี้ยข้างเตียง ยื่นมือออกไป “ในเมื่อฮูหยินชมชอบข้าเช่นนี้ เช่นนั้นก็ยื่นมือออกมาให้ข้าจับชีพจรหน่อยเถิด แม้วิชาการแพทย์ข้าจะไม่ได้ดีมาก แต่โรคภัยทั่วไปก็ยังพอมีความมั่นใจบ้าง”
ฮูหยินเปายิ้มแล้วยื่นมือออกมา วางไว้เบื้องหน้านาง ยกยิ้มพูด “ฮุ่ยเอ๋อร์บอกข้ามาตลอดว่า เจ้าเป็นเด็กสาวฉลาดมีไหวพริบ เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพียงไม่กี่คำก็ทำข้าหวั่นไหวแล้ว”
พูดจบ คงเพราะเหนื่อยล้า หายใจหอบลึกยาวหนึ่งเฮือก
เมิ่งเชี่ยนโยววางมือนางให้ดี กดนิ้วมือไปบนชีพจรนาง จับชีพจรอย่างละเอียด จากนั้นให้ฮูหยินเปาเปลี่ยนมืออีกข้าง ขั้นตอนทั้งหมดนี้ นอกจากเสียงหายใจแรงของฮูหยินเปาแล้ว ภายในห้องไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจให้ได้ยิน ทุกคนต่างกลั้นหายใจจ้องมองนาง
จับชีพจรเสร็จ สีหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย วางมือของฮูหยินเปาไว้ข้างลำตัวใต้ผ้าห่มอย่างแผ่วเบา จากนั้นถึงหันมาพูดกับเปาอีฝาน “ช่วงนี้ฮูหยินรับประทานยาอะไร เอามาให้ข้าดูหน่อยเถิด”
เปาอีฝานสั่งสาวใช้ให้ไปนำยามา
เมิ่งเชี่ยนโยวคลี่ห่อยาออก ตรวจดูอย่างละเอียด แล้วพูดว่า “กากยาในวันนี้เล่า ขอข้าดูหน่อย”
เปาอีฝานสั่งสาวใช้ให้ไปเอามา
สาวใช้ไม่ขยับ ตอบว่า “คุณชาย กากยาในวันนี้เทใส่ถังปฏิกูล มีคนมายกไปแล้วเจ้าค่ะ”
อาหารกินเหลือ น้ำล้างถ้วยชามสกปรกในบ้าน จะถูกเททิ้งใส่ถัง ทุกวันจะมีคนประจำมารับไป กากยาย่อมต้องถูกเทลงไปด้วย
เมิ่งเชี่ยนโยวได้ฟังขมวดคิ้วมุ่น ถามอย่างสงสัย “นี่ยังเป็นช่วงเช้า พวกเจ้าเทกากยาใส่ถังปฏิกูลแล้ว?”
สาวใช้ตอบ “ปกติกากยาจะเทใส่ถังในวันถัดไป วันนี้ฮูหยินบอกว่าอาจจะมีแขกเข้ามาเร็วขึ้น กลัวพอต้มยาแล้วกลิ่นยาจะลอยคลุ้งเต็มเรือน แขกเหรื่อดมแล้วจะไม่สบายตัว จึงให้พวกเราต้มยาก่อนเวลานำมาดื่มหมดไปแล้วเจ้าค่ะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
เปาอีฝานเห็นนางให้ความสนใจกากยาเช่นนี้ เกิดความสงสัยถามขึ้น “มีอะไร? ยามีปัญหาหรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ไม่มีอะไร ท่านคิดมากไปแล้ว เป็นเพียงความเคยชินของข้า พอดูห่อยาแล้วจะต้องตรวจดูกากยาด้วย ดูว่ามีตรงไหนผิดปกติหรือไม่”
เปาอีฝานโล่งใจลง
ฮูหยินเปาพูดอย่างอ่อนแรง “ไม่คิดว่าแม่นางเมิ่งอายุเพียงเท่านี้ จะละเอียดลออถึงขั้นนี้” พูดจบก็หายใจหอบอีกหลายครั้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นสีหน้าอ่อนล้าของนาง พูดเตือน “ฮูหยินนั่งนานเช่นนี้ คงจะเหนื่อยแล้ว เอนกายพักสักครู่เถอะ”
ฮูหยินเปาโบกมือ “ให้ข้านั่งเป็นเพื่อนพวกเจ้าอีกหน่อยเถอะ ต่อไปเกรงว่าจะไม่มีโอกาสนี้แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “อาการป่วยของฮูหยินไม่ใช่โรคร้ายแรง เป็นไข้ลมจริงๆ ข้าจะออกยาให้สองสามเทียบ พูดไม่ได้ว่ากินปุ๊ปหายปั๊ป แต่ภายในเวลาไม่นานจะช่วยฟื้นฟูร่างกายได้แปดถึงเก้าส่วน หลังจากบำรุงร่างกายสักระยะหนึ่ง ร่างกายก็จะฟื้นคืนดังเดิม”
ฮูหยินเปาปิติยินดี ถามอย่างไม่เชื่อ “ที่เจ้าพูดเป็นความจริง?”
เปาอีฝานและคนอื่นๆ ก็ดีใจยกใหญ่ ต่างมองตรงมาที่นาง
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ฮูหยินนอนพักก่อนเถอะ ข้าจะไปเขียนใบสั่งยา ให้คนไปจัดยา หลังจากกินแล้ว ฮูหยินจะต้องดีขึ้น”
ฮูหยินเปาได้ฟัง ร่างกายก็มีเรี่ยวมีแรงขึ้น สั่งการสาวใช้ “เร็วๆๆ รีบไปเอากระดาษพู่กันมา”
สาวใช้รับคำแล้วออกไป
“ช้าก่อน” เมิ่งเชี่ยนโยวร้องทักนาง หันไปพูดกับฮูหยินเปา “ยาของข้าค่อนข้างแรง ฮูหยินนอนพักก่อนเถิด เลี่ยงไม่ให้อีกประเดี๋ยวท่านทนรับไม่ไหว”
ฮูหยินเปาไหนเลยจะยอมฟัง คว้ามือเมิ่งเชี่ยนโยวไว้แน่น พูดอย่างเบิกบาน “ข้าไม่เหนื่อย ข้ายังทนไหว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเกลี้ยกล่อม “พรุ่งนี้จะเป็นวันแต่งงานของคุณชายเปา ต่อให้ท่านไม่เหนื่อย ก็ต้องพักผ่อน รอข้าต้มยาเสร็จแล้ว ค่อยมาปลุกท่าน”
เปาอีฝานก็เกลี้ยกล่อมด้วย “ท่านแม่ ท่านเชื่อแม่นางเมิ่งเถอะ พักก่อนก่อน”
เซี่ยเจียงเฟิง จูหลานและอันอี่หยวนก็ช่วยกันโน้มน้าว
ฮูหยินเปาตบมือเมิ่งเชี่ยนโยว “ก็ได้ๆๆ ข้าเชื่อพวกเจ้า จะพักผ่อนให้เต็มอิ่ม พวกเจ้าไปนั่งคุยกันที่เรือนฝานเอ๋อร์ก่อน ไว้ข้าอาการดีขึ้นแล้วค่อยไปต้อนรับพวกเจ้า”
คนทั้งหมดกล่าวขอบคุณ
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นยืน ช่วยฮูหยินเปาเอนตัวนอนลงช้าๆ พูดว่า “ฮูหยินพักให้สบาย ข้าจะไปเขียนใบสั่งยาเดี๋ยวนี้”
ฮูหยินเปาพยักหน้าแผ่วเบา
คนทั้งหมดบอกลาฮูหยินเปา เดินออกมา
ฮูหยินเปาหลับตาลง นอนหลับสนิทไป
[1] 死马当活马医 เปรียบถึงการทำในสิ่งที่ไม่มีทางสำเร็จ แต่ก็ยังจะลองพยายามดู