ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 208 จับกุม
เปาอีฝานพยักหน้าสนับสนุน
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ดูท่าวันนี้คนด้านนอกจะยังไม่ลงมือ พวกเขาน่าจะฉวยโอกาสกระทำบางอย่างตอนงานแต่งงานของคุณชายเปาพรุ่งนี้ คืนวันนี้พวกเราจัดการเรื่องคนวางยาก่อน ดูว่าจะมีอะไรเชื่อมโยงถึงกันหรือไม่”
สองพ่อลูกเปาชิงเหอพยักหน้า
ทั้งสามหารือกันอย่างรอบคอบอีกครั้ง หลังจากกำหนดแผนการอย่างถี่ถ้วนแล้ว เปาชิงเหอก็กลับมาที่ห้องฮูหยินเปา
เปาอีฝานกินอาหารค่ำเสร็จแต่หัวค่ำ แล้วไปต้มยาหนึ่งเทียบให้ฮูหยินเปาด้วยตัวเองอีกครั้ง นำมาป้อนให้นาง รอจนนางหลับสนิท ถึงกลับมาห้องตัวเอง
เปาชิงเหอใช้เรื่องงานบังหน้าออกไปห้องหนังสือ บอกสาวใช้ในห้อง วันนี้ตนเองมีเรื่องสำคัญต้องสะสาง อาจจะอยู่ในห้องหนังสือจนดึก ให้พวกนางดูแลฮูหยินเปาให้ดี มีเรื่องใดให้รายงานเขาทันที
บรรดาสาวใช้ขานรับคำ
ฮูหยินเปาหลับสนิทไปแล้ว ในห้องก็ไม่มีงานอื่นอีก ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ชิวผิงก็สั่งพวกสาวใช้ให้กลับไปพักผ่อน มีตนเองอยู่ปรนนิบัติในห้องก็พอ
ชิวผิงติดตามฮูหยินเปามานานหลายปี ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากฮูหยินเปาเป็นอย่างมาก เรื่องใหญ่น้อยภายในเรือนจะมอบให้นางจัดการเกือบทั้งหมด บรรดาสาวใช้ยอมรับกลายๆ ถึงสถานะของนางแล้ว ได้ยินนางสั่งการ หลังจากเอ่ยปากขานรับก็แยกย้ายกลับเข้าห้องตัวเอง ภายในห้องจึงเหลือนางเพียงคนเดียว
ผ่านไปอีกสองเค่อ ชิวผิงเงี่ยหูฟังด้านนอกไม่มีความเคลื่อนไหวแล้ว จึงเดินไปข้างโต๊ะรินน้ำหนึ่งถ้วย ล้วงห่อขนาดใหญ่ออกมาจากชายแขนเสื้อเทลงในน้ำ แกว่งถ้วยเล็กน้อย ยกน้ำเดินมาข้างเตียง เอ่ยเรียกฮูหยินเปาเสียงแผ่ว “ฮูหยิน ลุกขึ้นมาดื่มน้ำเถอะเจ้าค่ะ”
ฮูหยินเปาไม่ขานรับ
ชิวผิงส่งเสียงเรียกอีกสองครั้งติดต่อกัน ฮูหยินเปายังคงหลับสนิท ไม่มีเสียงขานรับ
ชิวผิงวางน้ำไว้บนเก้าอี้เตี้ยข้างเตียง หลังจากเข้าไปประคองตัวฮูหยินเปาขึ้น ก็หยิบถ้วยน้ำ หมายจะกรอกใส่ปากฮูหยินเปา
บานประตูพลันถูกถีบออก เปาอีฝานยืนอยู่หน้าประตูด้วยใบหน้าขุ่นมัว ถามด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “ชิวผิง เจ้าคิดจะทำสิ่งใด?”
ชิวผิงตกใจสะดุ้ง ถ้วยน้ำในมือตกลงพื้น แตกเป็นเสี่ยงๆ ตอบตะกุกตะกัก “คุณ.. คุณชาย ข้ากลัวฮูหยินคอแห้ง คิดจะเอาน้ำให้นางดื่มเจ้าค่ะ”
เปาอีฝานย่างสามขุมเข้ามาในห้องอย่างนิ่งขรึม
ชิวผิงรีบวางฮูหยินเปานอนลง ลุกขึ้นยืนอย่างสั่นผวา
เปาอีฝานมองดูน้ำที่สาดกระเซ็นไปทั่วพื้นแวบหนึ่ง เค้นถามชิวผิง “ปกติท่านแม่ข้าดีต่อเจ้ามาก เหตุใดเจ้าต้องคิดร้ายต่อนาง”
ชิวผิงแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “คุณ คุณชาย ท่านพูดอะไร? ข้าฟังไม่รู้เรื่อง”
เปาอีฝานบันดาลโทสะ ยกเท้าถีบใส่ “คนเนรคุณคน เจ้าวางยาพิษท่านแม่ข้าใช่หรือไม่”
ชิวผิงถูกถีบจนล้มกองไปกับพื้น หวีดร้องโอดครวญ หวังจะให้ฮูหยินเปาตื่นขึ้นมา แก้สถานการณ์ให้นาง
ฮูหยินเปายังคงหลับสนิท ราวกับไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวใดภายในห้อง
เมื่อคำขอไม่เป็นผล ชิวผิงจำต้องกัดฟันตะเกียกตะกายลุกขึ้นคุกเข่า “คุณชาย ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าท่านพูดเรื่องอะไร? ฮูหยินได้รับโรคไข้ลมมิใช่หรือเจ้าคะ? จะได้รับพิษได้อย่างไร?”
เปาอีฝานถีบใส่อีกครั้ง “จนถึงตอนนี้ยังจะเฉไฉ พูดมา ใครเป็นคนบงการเจ้า?”
ชิวผิงถูกถีบล้มอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ได้ลุกขึ้น แต่นอนพูดไปบนพื้นอย่างไม่ได้รับความยุติธรรม “ฮูหยินมีบุญคุณช่วยชีวิตข้า ข้าจะวางยานางได้อย่างไร คุณชายใส่ร้ายข้าโดยไร้หลักฐาน ประเดี๋ยวฮูหยินตื่นขึ้นมาจักต้องตำหนิท่าน”
เปาอีฝานยังไม่ทันพูดอะไร เสียงของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ดังขึ้นหน้าประตู “อยากได้หลักฐานหรือ? ข้าจะให้เจ้า”
ชิวผิงมองไปที่นาง สายตาล่อกแล่ก หมายจะนำสิ่งของในชายเสื้อ ลอบโยนเข้าไปใต้เตียง
“หากเจ้ากล้าขยับ ข้าจะให้คุณชายเปาตัดแขนเจ้า” เมิ่งเชี่ยนโยวเปล่งเสียงข่มขู่
ชิวผิงตกใจตัวสั่นเทิ้ม สิ่งของในชายเสื้อร่วงสู่พื้น
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไป ยกยิ้มมองนางแวบหนึ่ง ก้มตัวหยิบของสิ่งนั้นขึ้นมา
ชิวผิงถูกนางมองจนขนลุกชูชัน ฉวยโอกาสตอนที่เปาอีฝานไม่ระวัง ตะเกียกตะกายลุกขึ้นวิ่งออกไปโดยไว
เปาอีฝานและเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ขัดขวางนาง
ชิวผิงวิ่งพ้นประตูออกมา ยังไม่ทันได้หายใจ แสงไฟในลานเรือนพลันสว่างจ้า เปาชิงเหอใบหน้าเ**้ยมเกรียมนำกองกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามายืนเต็มลานเรือน มีสาวใช้และบ่าวรับใช้ทั้งหมดยืนขวัญผวาอยู่ด้านข้าง
เห็นภาพเหตุการณ์นี้ ชิวผิงรู้ว่าถูกจับได้แล้ว หมายจะดิ้นรนเฮือกสุดท้ายก่อนตาย ล้วงกริชสั้นออกมาจากอกเสื้อ กระโดดลอยตัวพุ่งเข้าหาเปาชิงเหอ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คนในเรือนไม่มีใครรู้มาก่อนว่าชิวผิงมีวรยุทธ์ ต่างตกตะลึงจังงัง
เปาชิงเหอก็คล้ายจะตะลึงค้าง ลืมเบี่ยงตัวหลบ
พอเห็นว่าใกล้จะทำสำเร็จแล้ว ชิวผิงแสยะยิ้มลำพองใจ
คาดไม่ถึงว่า ตอนที่อยู่ห่างจากเปาชิงเหออีกเพียงฉื่อ[1]เดียว ด้านหลังเปาชิงเหอมีเจ้าหน้าที่นายหนึ่งพุ่งตัวออกมา ยกดาบกวัดแกว่งใส่นาง
ชิวผิงหยุดร่างกะทันหัน ถอยหลังไปหลายก้าว
เปาอีฝานเดินพ้นประตูออกมา เห็นชิวผิงมีวรยุทธ์ เกิดอาการตื่นตะลึงมากกว่าคนทั้งลานเรือน
เปาชิงเหอก็ตกใจไม่น้อย ชิวผิงปิดบังหลบซ่อนอย่างลึกล้ำ อยู่คอยปรนนิบัติข้างกายตนเองและฮูหยินมานานหลายปี พวกเขากลับไม่เคยสังเกตรู้ว่านางมีวรยุทธ์
ชิวผิงยืนนิ่ง คับข้องใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากไหนถึงตอบสนองไวเช่นนี้ เพ่งพินิจมอง กลับไม่รู้จัก ตวาดถามน้ำเสียงฉุนเฉียว “เจ้าเป็นใคร?”
เจ้าหน้าที่ไม่พูดอะไร ยืนเบื้องหน้าเปาชิงเหอคอยปกป้องเขา
ชิวผิงประเมินเขาอย่างละเอียดแวบหนึ่ง โพล่งปากถาม “เจ้าคือองครักษ์หลวง?”
เจ้าหน้าที่นายนั้นไม่โต้ตอบ
เปาชิงเหอและเปาอีฝานกลับยิ่งตกตะลึง
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น หรี่ตาลงมองประเมินเจ้าหน้าที่นายนั้น
คนในลานเรือนมากมายเช่นนี้ เปาอีฝานกลัวชิวผิงจะพูดสิ่งใดออกมาอีก ฉวยโอกาสที่นางหันหลังให้ตัวเอง กระโดดตัวลอยถีบเข้าเต็มรัก
ชิวผิงไม่ได้ระวังตัว ถูกถีบเข้าอย่างจัง ร่างโซเซก้าวไปเบื้องหน้าสองสามก้าว
เปาชิงเหอออกคำสั่งเจ้าหน้าที่ทั้งหมด “จับตัวนางไว้”
เจ้าหน้าที่ชักมีดดาบข้างเอวออกมา เฮโลเข้าไปพร้อมกัน
แม้ชิวผิงจะมีวรยุทธ์ แต่ก็มิได้สูงส่ง ภายใต้การถูกโจมตีจากเจ้าหน้าที่ ต้านทานได้เพียงอึดใจ ก็ถูกจับกุมอย่างน่าเวทนา
เปาชิงเหอเดินขึ้นหน้า มองนางอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง โบกมือให้เจ้าหน้าที่ “นำตัวไปขังคุก”
เจ้าหน้าที่สองนายเดินขึ้นหน้า หยิบโซ่ตรวนออกมา คล้องชิวผิงที่ยังดิ้นรนขัดขืน นำตัวไปเข้าคุก
เจ้าหน้าที่ที่ไม่ได้เอ่ยปากเลยนายนั้นก็ตามออกไปด้วย
เปาชิงเหอหันมองกลุ่มคนในลานเรือน ตวาดเสียงลั่น “สิ่งที่เห็นในคืนนี้ทั้งหมด หลังจากกลับไปแล้วพวกเจ้าจงลืมไปจนสิ้น หากใครกล้าเอ่ยขึ้นลับหลังข้าแม้แต่ครึ่งคำ มีเรื่องแพร่งพรายออกไป ข้าจะตัดหัวสถานเดียว”
สาวใช้และบ่าวรับใช้ต่างตกใจค้างกับเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ เอาแต่ยืนเหม่อไม่ได้สติกลับมา ได้ยินเสียงตวาดของเปาชิงเหอ ต่างลนลานขานรับตัวสั่น “ขอรับ นายท่าน”
“คืนวันนี้ข้ามีธุระ ไม่กลับห้องแล้ว พวกเจ้าดูแลฮูหยินให้ดี เกิดเรื่องอะไรก็ห้ามออกมา” เปาชิงเหอกำชับอีกครั้ง
สาวใช้สองสามคนขานรับ เดินขาสั่นเข้าไปในห้องฮูหยินเปา
เปาชิงเหอโบกมือให้คนที่เหลือถอยออกไป หันไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “คืนนี้พวกเราจะไปสอบสวนชิวผิงในที่คุมขัง รบกวนแม่นางเมิ่งเข้าไปฟังด้วยเถิด”
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่บอกปัด พยักหน้าตกลง
ทั้งสามคนมาถึงในคุกด้วยกัน
ผู้คุมถูกปลุกขึ้นกลางดึก เกิดอาการหงุดหงิดเคืองขุ่น กระทั่งได้เห็นคนที่ถูกนำตัวมาคือชิวผิงคนสนิทข้างกายฮูหยิน ก็ให้ตะลึงค้าง รีบสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าเรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่?
เจ้าหน้ายังตื่นตกใจ ย่อมพูดไม่ออก พูดเพียงว่าคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ชิวผิงที่ปกติดูเป็นสาวน้อยอรชรบอบบางนางหนึ่ง กลับมีวรยุทธ์ ไม่เพียงเกือบจะฆ่านายท่าน ยังต้านทานการล้อมโจมตีของเหล่าเจ้าหน้าที่ได้ครู่ใหญ่ถึงถูกจับกุมตัว
ผู้คุมได้ฟังต่างพินิจมองชิวผิงอย่างละเอียด พบว่านางก็ยังเป็นชิวผิงคนเดิม ทั้งมิได้ถูกสับเปลี่ยนตัวและมิได้แปลงโฉม ก็ยิ่งให้ตะลึงลาน ซักถามเจ้าหน้าที่ว่าจะพานางมาเข้าคุกหรือคุมตัวไปห้องสอบสวน
เจ้าหน้าที่ตอบว่าย่อมต้องพานางไปห้องสอบสวน ประเดี๋ยวนายท่านและคุณชายจะเข้ามา
พวกเปาชิงเหอทั้งสามคนเข้ามาในคุก เดินตรงมาที่ห้องสอบสวน
ชิวผิงถูกล่ามโซ่คุกเข่าอยู่บนพื้น
เปาชิงเหอนั่งบนโต๊ะสอบสวน เปาอีฝานและเมิ่งเชี่ยนโยวนั่งข้างเขาคนละฝั่ง
เปาชิงเหอพูดขึ้น “ชิวผิง เห็นแก่ที่เจ้าทุ่มเทปรนนิบัติข้าและฮูหยินมานานหลายปี ข้าจะไม่ใช้วิธีการทรมานเจ้า เจ้าจงสารภาพมาตามความจริงเหตุใดถึงต้องวางยาพิษฮูหยินของข้า?”
ชิวผิงทำเหมือนไม่ได้ยิน นิ่งเงียบไม่ปริปาก
เปาชิงเหอถามขึ้นอีกครั้ง
ชิวผิงยังคงไม่ตอบสนอง
เปาอีฝานเดือดดาล เดินไปตรงหน้า ใช้เท้าถีบจนนางล้มกลิ้งไปสองรอบ “รีบพูด ใครกันแน่ที่ส่งเจ้ามาวางยาพิษท่านแม่ข้า?”
ชิวผิงถูกถีบล้มไปกองกับพื้น หากไม่ได้ตะเกียกตะกายลุกขึ้น กลับหัวเราะเยาะหยัน “ตอนนี้ข้าตกอยู่ในกำมือพวกเจ้าแล้ว จะฆ่าจะแกงก็เชิญตามสบาย อยากรู้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังข้า พวกเจ้าฝันไปเถอะ”
อย่างไรเปาอีฝานก็ยังเด็ก พอคิดว่าตัวเองถูกหลอกอำพรางมาหลายปี กลับไม่เคยรู้เลยว่าชิวผิงมีวรยุทธ์ ทั้งมารดาก็เกือบถูกนางวางยาพิษจนตาย ไฟโทสะลุกพรึบในใจ เกรี้ยวกราดเสียงลั่น “อยากตาย คิดง่ายเกินไปแล้ว วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าอยู่ก็เหมือนตาย ตายก็เหมือนอยู่”
พูดจบ ชักมีดดาบข้างเอวเจ้าหน้าที่ ฟันฉับไปที่มือชิวผิง
ชิวผิงกรีดร้องโหยหวน นิ้วมือสองนิ้วร่วงหล่นพื้น
แม้เปาอีฝานจะเป็นบุตรชายท่านนายอำเภอ แต่เวลาอยู่ในบ้านไม่เคยวางอำนาจบาตรใหญ่กับใคร ปกติเป็นคนที่เข้าหาง่าย ไม่ว่าใครมีเรื่องมาขอร้อง ขอเพียงไม่ใช่เรื่องที่เกินกว่าเหตุ เขาจะพยายามช่วยจัดการให้อย่างสุดกำลัง ดังนั้นบรรดาเจ้าหน้าที่และผู้คุมต่างประทับใจในพฤติกรรมของเขาเป็นอย่างมาก นึกว่าเขาเป็นคนนิสัยอ่อนโยน ตอนนี้ได้มาเห็นอีกด้านที่อำมหิตโหดเ**้ยมของเขากะทันหัน ต่างตกตะลึงพรึงเพริด มีเจ้าหน้าที่บางคนถึงกับคิดว่าตนเองได้เคยทำสิ่งใดล่วงเกินเขาหรือไม่
ชิวผิงเจ็บจนกลิ้งไปมากับพื้น
เปาชิงเหอทำเหมือนไม่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเขาสงบนิ่งเช่นนี้ หรี่หลุบนัยน์ตา
เปาอีฝานยังไม่หายแค้น ใช้มีดชี้ชิวผิง ตวาดถาม “จะพูดไม่พูด?”
ชิวผิงเจ็บจนเหงื่อซึมไปทั้งร่าง พูดอะไรไม่ออก
เปาอีฝานยกมีดดาบขึ้นอีกครั้ง
บรรดาเจ้าหน้าที่ต่างทนดูไม่ได้หลับตาปี๋
“ช้าก่อน!” เมิ่งเชี่ยนโยวเปล่งเสียงร้อง
เจ้าหน้าที่ลืมตาขึ้น
เปาอีฝานหันศีรษะกลับมาอย่างกังขา
เมิ่งเชี่ยนโยวยกยิ้มพูด “คุณชายเปา ท่านช่างไม่รู้จักทะนุถนอมอ่อนโยนต่อสตรีบ้าง เหตุใดถึงกระทำเรื่องโหดเ**้ยมเช่นนั้นต่ออิสตรีได้เล่า?”
เปาอีฝานพลันไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหน ไม่ได้พูดอะไร
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “ท่านทำเช่นนี้อำมหิตเกินไป จะทำให้คนอื่นตื่นตกใจได้ ให้ข้าจัดการเถอะ เป็นผู้หญิงด้วยกัน อย่างไรก็พูดกันง่ายกว่า”
เปาอีฝานเคยเห็นวิธีการของนาง จึงคืนมีดดาบในมือให้เจ้าหน้าที่ เดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้
เปาชิงเหอไม่ได้พูดอะไร มองดูพฤติกรรมของเมิ่งเชี่ยนโยวเงียบๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาข้างกายชิวผิง ย่อตัวนั่งยอง พูดเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร “แม่นางชิวผิง เจ้ายอมบอกผู้อยู่เบื้องหลังแต่โดยดีเถอะ เจ้าดูอาการของคุณชายเปา หากเจ้าไม่พูด เขาได้ตัดนิ้วมือเจ้ากุดไปทั้งแถบแน่ ถึงตอนนั้นแม้แต่ข้าวก็กินไม่ได้ ได้อดตายทั้งเป็นแน่”
ชิวผิงสั่นระริกไปทั้งร่าง กลับยังกัดฟันพูดว่า “เมื่อพวกเจ้ารู้ว่าเป็นข้าแล้ว ก็ไม่มีทางให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อ ช้าเร็วก็ต้องตาย ข้าไม่มีวันบอกเจ้าเด็ดขาด”
เมิ่งเชี่ยนโยวชูนิ้วชี้ ยื่นออกไปแกว่งไกวเบื้องหน้านาง “แม่นางชิวผิงพูดผิดแล้ว ตายกับตายก็ยังมีความแตกต่าง หากเจ้าบอกพวกเราว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ พวกเราจะให้เจ้าตายอย่างสบาย ไม่ให้เจ้าต้องทุกข์ทรมาน หากเจ้าไม่พูด เกรงว่าเจ้าจะต้องทุกข์ทรมานยิ่งกว่าตาย”
ชิวผิงแค่นเสียงหึ กัดฟันแน่นไม่ปริปาก
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ดูจากพฤติกรรมทั้งหมดของแม่นางชิวผิง คงจะได้รับการฝึกฝนพิเศษมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่อยู่ข้างกายฮูหยินเปาได้อย่างยาวนานโดยไม่ถูกจับได้เช่นนี้ เช่นนั้นเจ้าคงรู้ดีว่าวิธีการลงทัณฑ์คนมีหลากหลายแบบ ไม่ทราบว่าเจ้าอยากลองแบบไหนก่อน?”
ชิวผิงเบิกตาโพลงอย่างหวาดผวา มองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างไม่เชื่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวคลี่ยิ้มมองกลับนาง
ชิวผิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ใคร่ครวญครู่ใหญ่ ในที่สุดก็ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว พูดว่า “ข้าจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น เชิญพวกเจ้าจัดการตามใจเถอะ”
[1] ฉื่อ (尺) มาตรวัดของจีน โดย 1 ฉื่อจะเท่ากับ 1 ฟุตหรือ 10 นิ้วของจีน