ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 209 สอบสวนชิวผิงด้วยการทรมาน
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่เกิดอารมณ์ ยังคงยิ้มตาหยีพูดว่า “แม่นางชิวผิงเข้มแข็งถึงเพียงนี้ ข้าขอนับถือจากใจจริง หากไม่เพราะจุดยืนไม่ถูกต้อง ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้”
ชิวผิงถ่มน้ำลาย “ถุย” “ไม่ต้องมาเสแสร้งตีหน้าเป็นคนดี หากไม่เพราะเจ้าทำข้าเสียเรื่อง ข้าได้ทำสำเร็จไปแล้ว ตอนนี้ข้าอยากฆ่าเจ้าที่สุด”
เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงยิ้มพูดด้วยน้ำเสียงเดิม “เมื่อแม่นางชิวผิงเอาแต่ร้องขอความตาย เช่นนั้นข้าจะสงเคราะห์ให้ เพียงแต่ว่ากระบวนการนี้อาจจะทรมานบ้าง เจ้าต้องอดทนเสียหน่อยเล่า”
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่นระริกไปทั้งร่าง ถามอย่างขวัญผวา “เจ้าจะทำอะไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบกริชที่ชิวผิงเพิ่งใช้เมื่อครู่เก็บติดมือมาด้วย ยิ้มแล้วพูดว่า “เมื่อครู่ข้าขอร้องแทนเจ้า ยับยั้งไม่ให้คุณชายเปาตัดนิ้วของเจ้า แต่เจ้ากลับไม่รับน้ำใจ ข้าก็เกรงใจไม่อาจให้คุณชายเปามาอีกครั้งได้ จึงต้องลงมือด้วยตัวเอง” พูดจบ ถือกริชวาดลวดลายไปมาบนนิ้วมือทั้งหมดของชิวผิง ถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร “เห็นแก่ที่พวกเราเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ข้าจะให้โอกาสเจ้าเลือก เจ้าพูดมาว่าเจ้าอยากถูกตัดนิ้วมือไหนก่อน”
เห็นนางส่งยิ้มหวานถามคำถามอำมหิตเช่นนี้ บรรดาเจ้าหน้าที่ต่างตัวสั่นขวัญกระเจิง ยิ่งให้รู้สึกหวาดกลัวเมิ่งเชี่ยนโยวจับขั้วหัวใจ ต่างลอบพึมพำกับตัวเอง ต่อไปจะหาเรื่องใครก็ได้แต่ห้ามเป็นแม่นางน้อยเด็ดขาด
ชิวผิงก็หวาดผวาจับขั้วหัวใจ จนฟันสั่นกระทบกัน
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มมองนางแวบหนึ่ง วางกริชไว้บนมือที่ยังสมบูรณ์ดีของนาง พูดว่า “ดูก็รู้ว่าคุณชายเปาไม่มีประสบการณ์ อยู่ๆ ก็ตัดนิ้วเจ้าทิ้งทีเดียวสองนิ้วได้อย่างไร ไม่น่าสนุกเลยสักนิด”
พูดจบ ออกแรงกดกริชไปบนนิ้วมือหนึ่งของชิวผิง แล้วบดขยี้เต็มแรง พูดด้วยใบหน้าไม่สะทกสะท้าน “สมควรทำเช่นนี้ ต้องค่อยๆ ตัดทิ้ง”
เมื่อครู่เปาอีฝานลงมือด้วยความคลุ้มคลั่ง กว่าชิวผิงจะรู้สึกเจ็บ นิ้วมือก็ถูกตัดทิ้งไปแล้ว ดังนั้นจึงมีเพียงความเจ็บปวด ไม่มีความหวาดกลัว แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ชิวผิงวางกริชไว้บนมือนาง ใช้รูปแบบการเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ให้นางเห็นนิ้วมือตัวเองถูกตัดออก ชิวผิงทนรับความน่าหวาดกลัวนี้ไม่ไหว หวีดร้องเสียงหลง “ข้าพูด! ข้าพูด!”
สองพ่อลูกเปาชิงเหอตกตะลึงมองชิวผิงที่ขวัญกระเจิงไปแล้วกับเมิ่งเชี่ยนโยวที่ยังยิ้มหวานไม่เปลี่ยน หันหน้าสบตากัน ต่างก็เห็นความเลื่อมใสในแววตาของกันและกัน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าเจ้าหน้าที่ ต่างยอมศิโรราบให้นางอย่างไร้เงื่อนไขพลัน
เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บกริชขึ้น พูดอย่างเสียดาย “เหตุใดแม่นางชิวผิงถึงจะพูดแล้วเล่า เจ้ายืนหยัดอีกประเดี๋ยวก็ไม่ได้ ตั้งแต่ข้าเรียนวิชานี้มายังไม่เคยได้ใช้มาก่อน คิดอยากจะลองกับเจ้าสักครั้ง”
เจ้าหน้าที่เกือบจะหน้าหงาย
ชิวผิงให้ยิ่งสั่นผวา
สองพ่อลูกเปาชิงเหอหันหน้ามองกัน เปาชิงเหอโบกมือพูดกับเจ้าหน้าที่ “ที่นี่ไม่มีธุระของพวกเจ้าแล้ว ออกไปรอรับคำสั่ง เมื่อข้าเรียกพวกเจ้าถึงเข้ามา”
เจ้าหน้าที่ขานรับคำ ต่างทยอยกันออกไป เหลือเพียงเจ้าหน้าที่ที่ไม่ยอมปริปากยืนอยู่ด้านใน
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเขาใบหน้าสงบนิ่ง ยืนตัวแข็งตรง เห็นก็รู้ว่าได้รับการฝึกฝนมา หรี่หลุบนัยน์ตาลง
หลังจากให้คนทั้งหมดออกไปแล้วเปาชิงเหอก็พูดกับชิวผิง “พูดมา เจ้าเป็นใคร มาจากที่ไหน ใครที่อยู่เบื้องหลังเจ้า พวกเขาให้เจ้าวางยาฮูหยินข้าด้วยมีจุดประสงค์ใด?”
ชิวผิงยังขวัญผวาไม่หาย เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตาหยีมองนาง กลืนน้ำลายอึกใหญ่ แล้วพูดเสียงสั่น “ข้าเป็นเด็กกำพร้า ตอนอายุห้าปีถูกคนพาเข้าไปรับการฝึกในพรรคหนึ่ง ตอนที่อายุสิบปีได้รับคำสั่ง ให้แสร้งทำเป็นพลัดหลงกับพ่อแม่นอนหิวสลบอยู่ข้างทางที่ฮูหยินเปาจะขึ้นเขาไปไหว้เจ้า เพื่อให้ฮูหยินเปารับข้าไปเลี้ยง ให้ข้าคอยอยู่ข้างกายนาง หลังจากนั้นนอกจากจะคอยมีคนติดต่อพวกเราเป็นระยะ ก็ไม่มีภารกิจอื่นใด กระทั่งก่อนหน้านี้หนึ่งเดือน ข้าถึงได้รับคำสั่ง บอกให้ข้าวางยาพิษในอาหารของฮูหยินเปา หลายปีมานี้ฮูหยินดีต่อข้ามาตลอด ในตอนนั้นข้าลังเลใจอยู่เป็นนาน แต่ข้าเคยเห็นวิธีลงทัณฑ์คนของพรรค หากไม่ทำตามที่พวกเขาบอก ข้าคงต้องตายอย่างน่าสังเวช ดังนั้นหลังจากลังเลหลายตลบ ข้าก็ทำตามความต้องการของพวกเขาใส่ยาพิษปริมาณน้อยลงในอาหารของฮูหยิน ต่อมาฮูหยินค่อยๆ ซูบผอมลง กินอาหารไม่ลง ข้าก็นำยาพิษใส่ในยาของนาง สำหรับผู้อยู่เบื้องหลัง ข้าไม่รู้จริงๆ”
“เหตุใดพวกเขาถึงให้เจ้ามาติดตามท่านแม่ข้า? ทั้งตอนนี้ยังให้เจ้าวางยาท่านแม่ข้าอีก?” เปาอีฝานถาม
ชิวผิงส่ายหน้า “ข้าก็ไม่รู้ ข้าเคยถามคนติดต่อข้าในอดีต เขาเตือนให้ข้าจัดการเรื่องของตัวเองให้ดีก็พอ สิ่งที่ไม่ควรถามก็อย่าได้ถาม”
เปาชิงเหอคำรามเสียงลั่น “โกหก เจ้าจักต้องรู้จุดประสงค์ของพวกเขา”
ชิวผิงลนลานพูด “ข้าไม่รู้จริงๆ พวกเขาไม่ได้บอกอะไรข้าทั้งนั้น เมื่อข้ายอมรับสารภาพแล้ว ก็ไม่มีทางปิดบังพวกท่านอีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวยกยิ้มพูด “แม่นางชิวผิง ความอดทนข้ามีจำกัด หากเจ้ายอมรับสารภาพแต่โดยดี ข้าก็จะให้เจ้าได้ไปสบาย ไม่เช่นนั้น ข้าจักไม่พูดดีด้วยเหมือนเมื่อครู่อีก”
คิดถึงท่าทางการตัดนิ้วตัวเองด้วยรอยยิ้มหวานของนาง ชิวผิงตกใจตัวสั่น ร้อนรนพูด “ตอนข้าติดต่อกับพวกเขา ได้ยินพวกเขาพูดโดยบังเอิญว่า วันพรุ่งพวกเขามีงานใหญ่ที่ต้องลงมือในงานแต่งงานของคุณชายเปา ส่วนที่ว่าเป็นอะไรนั้น ข้าไม่รู้จริงๆ”
เห็นนางยังไม่ยอมพูดความจริง เมิ่งเชี่ยนโยวถามจี้ใจดำ “เมื่อเจ้าไม่รู้อะไรสักอย่าง เจ้ารู้จักองครักษ์หลวงได้อย่างไร?”
ได้ยินนางเอ่ยถึงองครักษ์หลวง เจ้าหน้าที่ที่ยืนตัวตรงแข็งมีปฏิกิริยาเล็กน้อย แล้วกลับคืนสู่สภาวะเดิมทันที
เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บพฤติกรรมละเอียดอ่อนนี้ของเขาไว้ในแววตา
สองพ่อลูกเปาชิงเหอก็ตะลึงค้างมองนาง
ชิวผิงเริ่มส่อแววตาล่อกแล่ก อึกๆ อักๆ ไม่ยอมพูด
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วยู่ย่น พลันลุกขึ้นยืน ชิวผิงตกใจร้องลั่น “ข้าพูด! ข้าพูด!”
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลง
ชิวผิงพูดว่า “ตอนที่ข้าได้รับภารกิจ หัวหน้าพรรคบอกข้าว่า ใต้เท้าเปาจะต้องมีองครักษ์หลวงคอยพิทักษ์ข้างกาย ให้ข้าคอยเฝ้าสังเกตให้ดี เมื่อพบเบาะแสของพวกเขาให้รีบใช้นกพิราบส่งข่าวแก่เขาทันที แต่ข้าเฝ้าติดตามข้างกายฮูหยินมานานหลายปี วันนี้เพิ่งจะเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นพวกเขาหนึ่งคนในนั้น ส่วนที่ว่าองครักษ์หลวงมีหน้าที่อะไร ข้าไม่รู้จริงๆ”
สองพ่อลูกเปาชิงเหอเห็นนางไม่รู้ที่มาขององครักษ์หลวง ก็ให้ถอนใจโล่งอกพร้อมกัน เปาชิงเหอเปลี่ยนเรื่องทันควัน “เมื่อเจ้าไม่รู้อะไรเลย พวกเราสืบต่อไปก็ไม่มีความหมายอะไร นี่ก็ดึกมากแล้ว แม่นางเมิ่งสมควรกลับไปพักผ่อนได้แล้ว ส่วนที่เหลือพวกเราจะจัดการกันเอง”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มมองสองพ่อลูก ถามขึ้น “เมื่อครู่ชิวผิงก็พูดแล้ว พรุ่งนี้พวกเขาจะมีความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ท่านใต้เท้าเปาแน่ใจว่าตัวเองจะจัดการได้?”
เปาชิงเหอถูกนางมองจนร้อนตัว หลบสายตานางอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
เมิ่งเชี่ยนโยวเอ่ยปากพูด “ท่านใต้เท้าเปาวางใจ ข้าเพียงอยากช่วยพวกท่านสืบหาผู้บงการเบื้องหลัง สิ่งที่ไม่ควรถามข้าจักไม่ถามเด็ดขาด”
ใบหน้าชราของเปาชิงเหอแดงฝาด
คนทั้งหมดสอบสวนเสร็จเรียบร้อย เปาชิงเหอตะโกนเรียกผู้คุมเข้ามา ให้เขาไปหาคนมาทำแผลให้ชิวผิงแล้วเอาตัวไปขังเดี่ยวในคุก ทั้งกำชับเด็ดขาดว่าห้ามให้เกิดความผิดพลาดใดๆ กับชิวผิง ไม่เช่นนั้น เขาจะเอาเรื่องกับผู้คุมเพียงคนเดียว
ผู้คุมก้มหน้าโค้งคำนับรับปากเต็มปากเต็มคำ แล้วลากชิวผิงออกไป
เจ้าหน้าที่ที่ไม่ยอมปริปากในที่สุดก็เปล่งเสียง “ท่านใต้เท้าเปา เมื่อไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ข้าขอตัวลา”
เปาชิงเหอพยักหน้า
เจ้าหน้าที่หันหลังจากไป
มองดูแผ่นหลังที่จากไปอย่างมั่นคงรวดเร็วราวบินได้ เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่นัยต์ลาลงอีกครั้ง
สองพ่อลูกเปาชิงเหอและเมิ่งเชี่ยนโยวออกมาจากห้องสอบสวน เจ้าหน้าที่ที่ยืนรออยู่ด้านนอกเห็นพวกเขาออกมา ก็รีบลุกขึ้นยืนตัวตรง
เปาชิงเหอสั่งการพวกเขา “ฟ้าใกล้จะสางแล้ว พวกเจ้ากลับไปพักผ่อนเสียหน่อยเถอะ หลังจากฟ้าสางแล้ว ให้รีบมารวมพลกันที่ศาลาว่าการ จะได้คอยช่วยคุณชายรับขบวนเจ้าสาว”
ทำงานจนดึกดื่น เจ้าหน้าที่ต่างง่วงงุนนานแล้ว ได้ยินคำสั่งเปาชิงเหอ ต่างเดินกอดคอจากไปอย่างดีอกดีใจ
ทั้งสามออกมาจากคุก ก็เดินกลับเข้ามาเรือนด้านหลังศาลาว่าการ
เกิดเรื่องชิวผิงขึ้น บรรดาสาวใช้บ่าวไพร่ในเรือนต่างก็ตัวสั่นงันงก เห็นพวกเขากลับเข้ามา บ่าวรับใช้รักษาการณ์รีบเข้าไปถาม “นายท่าน ท่านจะกลับไปห้องฮูหยินหรือไปห้องหนังสือขอรับ?”
เปาชิงเหอตอบ “พวกเรายังมีธุระต้องไปหารือที่ห้องหนังสือ เจ้าจงไปชงชาหนึ่งกาเข้ามา”
บ่าวรับใช้รับคำแล้วจากไป
ทั้งสามคนเข้ามานั่งภายในห้องหนังสือของเปาชิงเหอ
ตอนเช้าเมิ่งเชี่ยนโยวนั่งรถม้าเข้ามาสองชั่วยาม พอมาถึงก็ไม่ได้เว้นว่าง ยุ่งวุ่นวายมาถึงตอนนี้ ใบหน้าแสดงออกถึงความอิดโรย
เปาอีฝานเห็นแล้วพูดอย่างรู้สึกผิด “เดิมข้าคิดจะเชิญเจ้ามาร่วมงานแต่งงานอย่างมีความสุขด้วยกัน ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องมากมายเช่นนี้ขึ้น ตอนนี้ยังต้องให้เจ้ามาร่วมหารือด้วย ต้องขออภัยเจ้าจริงๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “อย่าว่าแต่เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ยังมีความสนิทสนิทที่มีกับคุณหนูซุน ข้าย่อมต้องช่วยนางขจัดปัญหาเหล่านี้ ให้ภายหน้านางได้ใช้ชีวิตกับท่านอย่างไม่ต้องเป็นกังวลอีก”
บ่าวรับใช้ยกชาเข้ามา เทให้คนละถ้วยแล้วถอยออกไป งับบานประตู ยืนด้านนอกพร้อมรอรับคำสั่ง
เปาชิงเหอเอ่ยปากพูด “เมื่อชิวผิงพูดว่าพรุ่งนี้พวกเขาจะเคลื่อนไหวใหญ่ ข้าคิดว่าพวกเขาจะต้องลงมือตอนรับตัวเจ้าสาว เช่นนี้แล้ว พรุ่งนี้ตอนรับตัวเจ้าสาว พวกเราควรจะเพิ่มกำลังคุ้มครองซุนฮุ่ยหรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “พรุ่งนี้เป็นวันรับตัวเจ้าสาวของคุณชายเปา คนทั้งอำเภอต่างรู้กันโดยทั่ว วันพรุ่งบนท้องถนนจะต้องมีคนไม่น้อยมาดูความคึกคัก หากพวกเขาลงมือตอนรับตัวเจ้าสาว จะโกลาหลเกินไป หากลงมือไม่สำเร็จ คิดจะหนีก็ยากลำบาก ดังนั้นข้าคิดว่ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อยที่พวกเขาจะลงมือตอนรับตัวเจ้าสาว”
เปาอีฝานก็พยักหน้าเห็นพ้อง “เมื่อพวกเขาใช้วิธีวางยาลอบฆ่าท่านแม่ ก็ไม่น่าจะลงมืออย่างเอิกเกริก หรือก็คือพวกเขาจะต้องพาคนมาไม่มาก เช่นนี้พวกเขายิ่งไม่มีทางลงมือตอนรับตัวเจ้าสาว ความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือชิงตัวฮุ่ยเอ๋อร์ตอนที่นางลงจากเกี้ยว ขู่บังคับพวกเรา”
เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงส่ายหน้า “เมื่อพวกเขาจะไม่ลงมือตอนรับตัวเจ้าสาว เช่นนั้นพวกเขายิ่งไม่มีทางลงมือหน้าประตูศาลาว่าการ คนของพวกเราอยู่รอบศาลาว่าการ คนฉลาดไม่มีทางเลือกลงมือในตอนนี้”
เปาอีฝานขมวดคิ้วมุ่น “หรือพวกเขาคิดจะลงมือตอนที่พวกเรากราบไหว้ฟ้าดิน?”
เปาอีฝานขบคิดแล้วพูดขึ้น “ไม่น่าจะเป็นตอนกราบไหว้ฟ้าดิน ข้าเดาว่า พวกเขาน่าจะลงมือหลังจากกราบไหว้ฟ้าดินเสร็จ ทุกคนกินดื่มข้าวปลาอาหาร”
เปาชิงเหอไม่เห็นด้วย “พรุ่งนี้จะมีแขกเหรื่อมากมาย อีกทั้งเจ้าใหญ่นายโตจากทั่วทุกสารทิศ พาเด็กรับใช้ บ่าวไพร่มาก็ไม่น้อย หากพวกเขาลงมือตอนนั้น จักต้องเกิดความโกลาหล พวกเขายิ่งไม่อาจทำได้สำเร็จ”
“เช่นนั้นก็มีแต่ตอนกลางคืนแล้ว” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “เหน็ดเหนื่อยมาหลายวัน คนล้าม้าเพลีย คืนวันพรุ่งนี้ในที่สุดทุกคนจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะฉวยโอกาสลงมือตอนนั้น”
เปาอีฝานพยักหน้าสนับสนุน “คืนวันพรุ่งนี้เป็นโอกาสลงมือที่ดีโดยแท้”
เปาชิงเหอพูดว่า “ต่อให้พวกเราคาดเดาว่าพวกเขาจะลงมือในคืนวันพรุ่งนี้ ตอนกลางวันพวกเราก็จะผ่อนคลายความระแวดระวังไม่ได้ ต้องให้เจ้าหน้าที่คอยเฝ้าสังเกตว่ามีคนน่าสงสัยเข้ามาวนเวียนละแวกใกล้เคียงหรือไม่ ยังต้องให้พวกเขาเฝ้าจับตาดูคนที่มาตั้งแผงลอยด้านนอก หากมีความเคลื่อนไหวใด ให้รีบส่งสัญญาณทันที พวกเราจะได้เตรียมการรับมือได้ทันท่วงที”
เปาอีฝานพยักหน้า “ทราบแล้ว ท่านพ่อ”
เปาชิงเหอพูดอีกว่า “เช่นนั้นพวกเรามาหารือว่าคืนพรุ่งนี้จะรับมือพวกเขาอย่างไรเถิด?”
“ข้าเพิ่งจะเกิดข้อสงสัยหนึ่ง” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “เหตุใดพวกเขาถึงไม่สังหารท่านป้าโดยทันที แต่กลับวางยาพิษอ่อนๆ ให้นาง เพียงเพื่อมิให้ชิวผิงถูกจับได้เท่านั้นหรือ?”
ได้ฟังวาจานาง เปาอีฝานก็ขมวดคิ้วย่นยู่ ถามขึ้นทันที “ความหมายของแม่นางเมิ่งคือพวกเขายังมีเป้าประสงค์อื่น”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “จุดหมายที่แท้จริงของพวกเขาน่าจะใช้อาการป่วยหนักของท่านป้า ให้คุณชายเปาเร่งจัดงานแต่งงาน แล้วใช้โอกาสนี้ลงมือกับพวกท่าน หากเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่ต้องพาคนมามาก เพียงสิบคนก็เพียงพอแล้ว เพราะในคืนพรุ่งนี้ภายในเรือนจะเหลือเพียงพวกท่านทั้งครอบครัวและสาวใช้บ่าวรับใช้อีกไม่กี่คน ทว่าพวกเขาก็น่าจะรู้ว่าคุณชายเปามีวรยุทธ์ หากไม่ใช้วิธีต่ำช้า คนที่พวกเขานำมาก็จะต้องมีวรยุทธ์สูง ดังนั้นคืนวันพรุ่งนี้มีเพียงคุณชายเปาคนเดียวและเหล่าเจ้าหน้าที่รักษาการณ์ไม่มีทางรับมือพวกเขาได้ อีกทั้งอาจจะต้องเสียชีวิตพวกเขาไปเปล่าก็เป็นได้”
เปาชิงเหอตกตะลึง “แม่นางหมายความว่าพวกเขาต้องการชีวิตพวกเราทั้งครอบครัว?”