ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 211 ทุกอย่างเตรียมพร้อม
บุตรชายคนเดียวของนายอำเภอแต่งงาน ไม่มีใครกล้าปลุกห้องเจ้าสาว พวกจูหลานก็วุ่นวายกับการช่วยดื่มเหล้าแทนเปาอีฝาน จึงไม่ว่างเข้ามา ดังนั้นเมิ่งเชี่ยนโยวจึงอยู่กับซุนฮุ่ยในห้องหอจนกระทั่งแขกเหรื่อเริ่มทยอยกลับ ถึงยิ้มพูดว่า “ท่านพี่ซุน อีกประเดี๋ยวคุณชายเปาก็คงมาแล้ว ข้าคงไม่อยู่ต่ออีก”
ซุนฮุ่ยพยักหน้าให้อย่างประหม่า
เมิ่งเชี่ยนโยวปลอบใจนาง “ท่านรู้จักกับคุณชายเปามานาน รักใคร่ชอบพอกัน ย่อมแตกต่างจากคนอื่น ท่านไม่จำเป็นต้องตกประหม่าเช่นนี้”
กล่าวเช่นนี้ก็ถูก แต่อย่างไรการแต่งงานก็เป็นใหญ่ของชีวิต จะบอกว่าไม่ตื่นเต้นประหม่าก็โกหกกันเกินไป ทว่า คำพูดปลอบใจของเมิ่งเชี่ยนโยวก็นับว่าได้ผลอยู่บ้าง ซุนฮุ่ยผ่อนคลายอาการกระวนกระวายใจลง พูดกับนางด้วยความตื้นตัน “น้องโยวเอ๋อร์ ขอบใจเจ้านัก”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มคลุมผ้าปิดศีรษะให้นาง เดินออกไปจากห้องหอ
สาวใช้ของซุนฮุ่ยคอยเฝ้าอยู่นอกประตู เห็นนางออกมา จึงเดินเข้าไป ถามซุนฮุ่ยว่าต้องการกินอะไรหรือไม่?
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกมาไม่กี่ก้าว เห็นเปาอีฝานที่ดื่มจนเริ่มมีอาการกึ่มๆ เดินเข้ามา จึงใช้ข้ออ้างร่วมอวยพรเดินเข้าหา “ยินดีกับคุณชายเปาด้วยในที่สุดก็ได้แต่งกับท่านพี่ซุนแล้ว”
เปาอีฝานยิ้มตอบ “ขอบใจๆ”
พูดจบ ยกมือทำท่าที่เตรียมไว้แล้วให้นาง
เมิ่งเชี่ยนโยวเงยหน้าพินิจมอง เห็นแววตาสุกสกาวของเขา หาได้มีเงาแห่งความเมามายแม้แต่น้อย รู้ว่าเขามีเจตนาล่อหลอกอีกฝ่าย อมยิ้มอย่างรู้ทัน แล้วเบี่ยงตัวหลบ ให้เขาเดินโงนๆ เงนๆ ผ่านไป
แขกเหรื่อต่างกลับไปเกือบทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงจูหลาน เซี่ยเจียงเฟิงรวมถึงอันอี่หยวนที่คอยช่วยดื่มเหล้าแทนมีอาการเมามายนั่งอยู่ข้างโต๊ะ
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้สนใจพวกเขาสามคน เดินมาหาเมิ่งเสียนและเหวินเปียวเหวินหู่ ยิ้มพูดกับเมิ่งเสียนว่า “พี่ใหญ่ เมื่อคืนข้าอยู่คุยกับท่านพี่ซุนไม่ได้นอนทั้งคืน วันนี้รู้สึกเหนื่อยล้ามาก ไม่อยากกลับไปแล้ว รอวันพรุ่งเช้าตรู่พวกเราค่อยกลับบ้านได้หรือไม่” พูดจบ ยังหาวหวอดใหญ่ได้อย่างถูกเวลา
เมิ่งเสียนเห็นนางดูเหนื่อยล้าจริงๆ ก็ให้ปวดใจ ไม่แม้แต่จะคิดก็พยักหน้าตกลง “ได้ พวกเราค่อยกลับบ้านกันพรุ่งนี้ เจ้ารีบตามข้าไปโรงเตี๊ยม จะได้พักผ่อนให้เต็มที่”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “คุณชายเปาเตรียมสถานที่ให้ข้าเรียบร้อยแล้ว คืนวันนี้ข้าจะนอนพักที่นี่ พรุ่งนี้หลังจากพวกท่านกินอาหารเช้าเสร็จค่อยมารับข้าก็พอ”
เมิ่งเสียนไม่คิดอะไรมาก หลังจากกำชับให้นางกลับถึงห้องแล้วให้พักผ่อนให้มากๆ ก็พาเมิ่งเสียนและเหวินหู่จากไป
เมิ่งเชี่ยนโยวรั้งเขาไว้ สั่งกำชับเหวินเปียวและเหวินหู่ “หลังจากพวกเจ้ากลับโรงเตี๊ยมแล้ว อย่าได้คิดอะไรมาก นอนห้องเดียวกับพี่ใหญ่ข้าก็พอ”
นับตั้งแต่ที่เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งฆ่าคนได้อย่างไม่สะทกสะท้าน เหวินเปียวก็เกิดความกริ่งเกรงต่อนางเพิ่มขึ้นอีกขั้น รู้ว่าคำพูดที่คล้ายจะปกติทั่วไปของนางมักแฝงด้วยความหมายลึกซึ้ง จึงพยักหน้ารับคำ
เหวินหู่ย่อมไม่คัดค้าน
เมิ่งเสียนนึกว่านางทำเพื่อประหยัดเงินค่าห้อง จึงไม่มีความเห็นต่าง
เห็นทั้งสามคนไปไกลแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวถึงเดินมาตรงหน้าพวกจูหลานที่เมามายอย่างเห็นได้ชัด พูดสัพยอกกับพวกเขา “คุณชายทั้งสามท่านคุยโวว่าดื่มเก่งมิใช่หรือ? เหตุใดวันนี้ถึงดื่มจนมีสภาพเช่นนี้ได้”
จูหลานดื่มจนสติสตังพร่าเลือน ฝืนเงยหน้าขึ้น พูดอ้อแอ้ลิ้นคับปาก “แม่งเอ๊ย เจ้าพวกต่ำช้าเหลือขอ รู้ว่าแกล้งเปาอีฝานไม่ได้ ก็เลยมารุมมอมเหล้าพวกเราเหมือนตกลงกันมาแล้วอย่างนั้น ฝากไว้ก่อนเถอะ วันไหนมันแต่งงาน ข้าจะให้คนไปมอมเหล้ามันให้เละเทียว”
รู้จักเขามานานหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินเขาพูดคำหยาบ คิดว่านี่คงจะเป็นพฤติกรรมโดยปกติของพวกเขา เพียงแต่หลบซ่อนไว้ยามเมื่อเจอตนเองเท่านั้น
อันอี่หยวนก็เงยศีรษะโงนๆ เงนๆ ขึ้น พูดงึมงำคล้อยตาม “ใช่ๆ มอมมันให้เละเลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นสภาพของพวกเขาก็ให้หลุดขำ
มีบ่าวรับใช้สามคนเข้ามา แยกกันไปยืนข้างพวกเขาสามคน หลังจากร้องเรียกนายน้อย ก็แยกกันประคองพวกเขาเดินโซซัดโซเซออกไป
เห็นคนทั้งหมดถูกบ่าวประคองออกไปไกลแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวเลือนหาย ขบคิดเล็กน้อย ร้องเรียกบ่าวรับใช้คนหนึ่งเข้ามาถามว่าร้านยาที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ใด
หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน ในใจของสาวใช้และบ่าวรับใช้ยกให้เมิ่งเชี่ยนโยวมีสถานะไม่ต่างจากเปาอีฝานแล้ว พอได้ยินนางถามถึงร้านยาที่ใกล้ที่สุด ก็รีบร้อนรับคำบอกว่าจะพานางไปเอง
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ตามบ่าวรับใช้เดินพ้นประตูใหญ่ศาลาว่าการออกไป
คนที่มาตั้งแผงหน้าประตูศาลาว่าการแยกย้ายกลับไปไม่น้อยแล้ว ส่วนที่เหลือก็กำลังทยอยเก็บข้าวของ เหลือเพียงไม่กี่แผงที่ดูไม่มีทีท่าจะเก็บแผงแม้แต่น้อย
เมิ่งเชี่ยนโยวพินิจมอง เป็นแผงบุคคลต้องสงสัยที่เมื่อวานตนเองสำรวจดังคาด หรี่หลุบนัยน์ตาลง
บ่าวรับใช้เชิญนางไปทางซ้ายด้วยความนอบน้อม เมิ่งเชี่ยนโยวกวาดตามองพวกแผงที่ยังเหลืออยู่ทั้งหมดแวบหนึ่ง ถึงเดินตามบ่าวรับใช้มาร้านยา
โบราณว่าคนเฝ้าประตูเสนาบดีเทียบเท่าข้าราชการระดับสาม บ่าวรับใช้ท่านนายอำเภอหาได้มีสถานะต่ำต้อย พนักงานร้านยาเห็นเขาเข้ามา รีบเข้ามาต้อนรับอย่างเป็นกันเอง กระตือรือร้นถามบ่าวรับใช้ว่าต้องการซื้อยาใด?
บ่าวรับใช้มองไปที่เมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวบอกยาสมุนไพรออกไปสองชนิด
พนักงานตะลึงงัน แล้วรีบเข้าไปหน้าตู้จัดยาออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวจ่ายเงินแล้วเดินตามบ่าวรับใช้กลับ กำลังจะเดินถึงหน้าประตู เจ้าของแผงหนึ่งเดินถือแป้งประหน้าเข้ามา ก้มโค้งคำนับศีรษะลดสถานะตัวเอง พูดอย่างระวัง “เมื่อวานพี่ชิวผิงจวนแห่งนี้มาสั่งจองแป้งประหน้ากับข้าไว้ นัดข้านำมาให้วันนี้ แต่วันนี้ข้ารอมาทั้งวันก็ไม่เห็นนาง รบกวนท่านฝากบอกนางด้วย ให้นางรีบออกมาเอา ข้ารอจะเก็บแผงแล้ว”
บ่าวรับใช้ชะงักอึ้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างปกติราบเรียบ “วันนี้ฮูหยินของพวกเราป่วยหนัก หลังจากฝืนจนคุณชายทำพิธีเสร็จ ก็นอนซมลุกไม่ขึ้น พี่ชิวผิงคอยปรนนิบัติไม่ได้ห่างกาย เกรงว่าจะไม่มีเวลาออกมาพบเจ้า”
เจ้าของแผงร้อง “อ่อ” แสดงสีหน้าผิดหวัง
เมิ่งเชี่ยนโยวถามขึ้น “ไม่ทราบว่าแป้งประหน้านี้ราคาเท่าใด ข้าจะช่วยซื้อไปให้พี่ชิวผิงเอง”
เจ้าของแผงแสดงสีหน้ายินดี “เช่นนั้นก็ดีมาก ทั้งหมดห้าสิบอีแปะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจ “เป็นแป้งประหน้าแบบใดกันถึงราคาแพงเช่นนี้?”
เจ้าของแผงลุกลนพูด “แป้งประหน้านี้เป็นสูตรเฉพาะที่ได้รับตกทอดมา ใช้ดีเป็นอย่างมาก ราคาห้าสิบอีแปะถือว่าเป็นราคาที่ถูกมากแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งทำท่าทีสนอกสนใจ พูดว่า “เจ้าเอามาให้ข้าดูบ้าง หากว่าดีข้าจะซื้อสักตลับ”
เจ้าของแผงสีหน้าชะงักค้าง จากนั้นตีหน้าตายเปิดแป้งประหน้าออก ยื่นไปตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางดูเถิด แป้งประหน้าข้าละเอียดเพียงใด เมื่อทาไปบนใบหน้าจะทำให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นหลายปี”
เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งชำเลืองดูเล็กน้อย พยักหน้า “ไม่เลวจริงๆ ข้าก็เอาด้วยหนึ่งตลับ”
เจ้าของแผงรีบร้อนพูด “ต้องขออภัยด้วย แม่นาง วันนี้ข้านำมาเพียงตลับเดียว หากท่านต้องการ พรุ่งนี้ข้าจะนำมาให้ใหม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวแสดงสีหน้าผิดหวัง “เช่นนั้นก็ได้ พรุ่งนี้เจ้ารีบนำมาให้แต่เนิ่นๆ เล่า”
เจ้าของแผงค้อมศีรษะรับประกัน
เมิ่งเชี่ยนโยวล้วงเงินห้าสิบอีแปะออกมามอบให้เขา แล้วเดินเข้าศาลาว่าการไปพร้อมบ่าวรับใช้
เจ้าของแผงเผยรอยยิ้มบรรลุเป้าประสงค์ หลังจากส่งสัญญาณมือให้ด้านหลัง ก็หันกลับไปหน้าแผงลงมือเก็บข้าวของ
คนที่เหลือได้รับสัญญาณมือจากเขาก็เริ่มลงมือเก็บแผงอย่างไม่รีบไม่ร้อน
แขกเหรื่อที่มาร่วมแสดงความยินดีกลับไปหมดแล้ว ในลานบ้านเหลือเพียงสาวใช้และบ่าววิ่งวุ่นเก็บของไปมา
หลังจากบอกขอบใจบ่าวรับใช้ เมิ่งเชี่ยนโยวก็ถือแป้งประหน้ากลับมายังห้องที่จัดเตรียมไว้ นั่งนิ่งบนเก้าอี้ เปิดแป้งประหน้าออก ตั้งใจสูดดม ไม่พบกลิ่นผิดปกติใด จึงควักออกมาจำนวนหนึ่ง วางดมแนบปลายจมูก ก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ เริ่มรู้สึกประหลาดใจ หยิบตลับแป้งขึ้นมาพินิจดูอย่างละเอียด ก็เห็นเป็นตลับแป้งปกติทั่วไป ความแตกต่างเดียวก็คือมีความประณีต ทว่าเมื่อวางชั่งน้ำหนักด้วยมือกลับเบามาก หัวใจกระตุก ออกแรงดึงแป้งส่วนที่เป็นด้านบนของตลับออก ด้านล่างปรากฏให้เห็นก้นตลับ มีสิ่งของที่มีลักษณะคล้ายผงแป้งบรรจุอยู่ด้านใน ใช้นิ้วมือจุ่มขึ้นมาเล็กน้อย เอามาดมที่ปลายจมูก รู้แจ้งกระจ่าง
เมิ่งเชี่ยนโยวนำแป้งบรรจุใส่ตลับตามเดิม แล้วเดินมายังเรือนฮูหยินเปา
สาวใช้ที่เฝ้ารับใช้ในลานเรือนเห็นนางเข้ามา รีบแสดงความเคารพนาง
“ใต้เท้าเปาอยู่ด้านในหรือไม่?” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
ไม่รอให้สาวใช้ตอบ ฮูหยินเปาที่ได้ยินเสียงนางก็ส่งเสียงยินดีออกมา “แม่นางเมิ่งใช่ไหม รีบเข้ามาเถิด!”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไปในบ้าน
คงเพราะวันนี้ฮูหยินเปาฝืนร่างกายจนเหนื่อย สีหน้าเริ่มไม่สู้ดี นอนเอนตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง เปาชิงเหอนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงคอยดูแลนาง
เห็นนางเข้ามา ฮูหยินเปาก็กวักมือให้นางอย่างเบิกบาน “รีบมา มานั่งข้างๆ ข้า”
เปาชิงเหอหลีกทางให้ ไปนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ อีกตัว
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินขึ้นหน้าไปข้างกายฮูหยินเปา
ฮูหยินเปาดึงมือนางมาพูดอย่างซาบซึ้งใจ “วันนี้ข้าได้เข้าร่วมงานแต่งงานของฝานเอ๋อร์อย่างกระปรี้กระเปร่า เป็นเพราะเจ้าโดยแท้”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ท่านป้า พวกเราเคยพูดกันว่าอย่างไร? ต่อไปคำพูดเกรงใจพวกนี้ไม่ต้องพูดอีก”
ฮูหยินเปายิ้มตบหลังมือนาง “ใช่ๆๆ ไม่พูดๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวอยู่คุยกับฮูหยินเปาอีกครู่ใหญ่ ถึงพูดเกลี้ยกล่อม “ท่านป้า สุขภาพของท่านเพิ่งจะฟื้นตัว ไม่ควรให้เหนื่อยล้าเกินไป ท่านนอนพักผ่อนเสียหน่อยเถิด”
ฮูหยินเปาอ่อนล้ามากจริงๆ แล้ว พยักหน้า ค่อยๆ เอนตัวลงนอนโดยมีเมิ่งเชี่ยนโยวคอยช่วย จากนั้นพูดขึ้นว่า “นายท่านบอกว่าชิวผิงก็ไม่สบาย อาการร้ายแรงมาก หากแม่นางเมิ่งมีเวลาว่างช่วยไปดูนางให้ด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ได้เจ้าค่ะ ประเดี๋ยวข้าจะไปดู”
ฮูหยินเปาหลับตาลง เข้าสู่ห้วงนิทรา
เมิ่งเชี่ยนโยวมองไปที่เปาชิงเหอ
เปาชิงเหอรับรู้ทันที ลุกขึ้นกำชับสาวใช้ให้ดูแลฮูหยินเปาให้ดี จากนั้นพานางมาห้องหนังสือ
เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดตลับแป้งออก เผยให้เห็นผงแป้งที่ก้นตลับแป้ง “เมื่อครู่เจ้าของแผงที่อยู่ด้านนอกคนหนึ่งให้ข้านำมามอบให้ชิวผิง ข้าดมอย่างถี่ถ้วนแล้ว ผงแป้งนี้น่าจะเป็นตัวยาที่ทำให้คนสลบไสลไม่ได้สติ ดูท่าพวกเขาต้องการจะนอกในโจมตีประสาน เริ่มจากให้ชิวผิงวางยาพวกเรา จากนั้นค่อยจัดการพวกท่านอย่างไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัว”
เปาชิงเหอพยักหน้า เปล่งเสียงออกไปด้านนอก “เด็กๆ ไปตามนายน้อยเข้ามา”
ด้านนอกมีคนขานรับ เร่งฝีเท้าจากไป
ไม่นานเปาอีฝานก็เข้ามา เมิ่งเชี่ยนโยววางตลับแป้งไว้เบื้องหน้าเขา
เปาอีฝานมองนางอย่างไม่เข้าใจ เมิ่งเชี่ยนโยวอธิบายอีกครั้ง
เปาอีฝานพูดเกรี้ยวกราด “อำมหิตเ**้ยมโหดนัก พวกมันหมายจะจัดการไม่ให้เหลือรอดสักคนหรือ?”
เปาชิงเหอก็พูดด้วยสีหน้าเหยเก “ข้าสั่งการแล้ว วันนี้จะต้องจับเป็น ข้าอยากเห็นนักว่าใครกันที่หมายจะเอาชีวิตของพวกเรา”
“เมื่อครู่ข้าไปซื้อยาสมุนไพรสองชนิดมาจากร้านยา ประเดี๋ยวข้าจะปรุงยานอนหลับออกมา หลังจากกินอาหารค่ำแล้ว พวกท่านแยกกันนำไปให้ท่านป้าเปาและท่านพี่ซุนกิน เลี่ยงไม่ให้พวกนางตกใจขวัญผวากลางดึก” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
เปาอีฝานพยักหน้า “ขอบใจแม่นาง”
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ได้ถามว่าพวกเขาวางแผนกันอย่างไร กลับมาปรุงยาที่ห้องตัวเอง หลังจากปรุงเสร็จแล้ว ให้บ่าวรับใช้นำไปให้สองพ่อลูกเปาชิงเหอ
สองพ่อลูกเปาชิงเหอแยกกันเทยาลงในอาหารของฮูหยินเปาและซุนฮุ่ยอย่างปกติเรียบเฉย มองดูพวกนางกินลงไป
ผ่านไปสองเค่อ ตัวยาออกฤทธิ์ ฮูหยินเปาและซุนฮุ่ยนอนหลับสนิท
สองพ่อลูกเปาชิงเหอต่างจัดการพวกเขาอย่างเหมาะสม ทั้งกำชับสาวใช้และบ่าวที่เหนื่อยมาทั้งวันแล้วไม่ต้องเฝ้ายาม ให้แยกย้ายกลับห้องไปพักผ่อน
เมื่อคืนวานตกใจขวัญผวา วันนี้ก็เหน็ดเหนื่อยตลอดทั้งวันอีก บรรดาสาวใช้และบ่าวรับใช้ต่างเหนื่อยสายตัวแทบขาดแล้ว ได้ยินคำสั่งของเปาชิงเหอ ต่างรับคำด้วยความยินดี กลับไปพักผ่อนที่ห้องตัวเอง
กลางดึก เรือนด้านหลังศาลาว่าการเงียบเหมือนป่าช้า
ชายคลุมหน้าชุดดำคนหนึ่งกระโดดขึ้นมาบนกำแพงศาลาว่าการ อาศัยความมืดยามรัตติกาลลอบสอดส่องความเคลื่อนไหวภายในลานเรือน เห็นเพียงความมืดมิดปกคลุมไปทั่ว ไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวใด นึกว่าชิวผิงจัดการเรียบร้อยแล้ว ให้นึกกระหยิ่มในใจ กวักมือให้คนนอกกำแพง มีเงาร่างคนอีกสิบกว่าชีวิตกระโดดขึ้นมา มองสอดส่องเล็กน้อย แล้วกระโดดลงลานเรือนพร้อมกัน จากนั้นแยกเป็นสองกลุ่มเข้าไปในเรือนของเปาชิงเหอและเปาอีฝาน