ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 213 ถอนพิษ
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้ามาในห้องตัวเอง เก็บคืนสีหน้าหยอกเย้า ล้มตัวนอนลงบนเตียง ย้อนขบคิดถึงคำพูดที่ได้ยินจากชายชุดดำในคืนนี้และพวกคนที่ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่อย่างละเอียดอีกครั้ง ถึงสะลึมสะลือหลับไป
พอตื่นขึ้นมา ฟ้าก็สางมากแล้ว ด้านนอกกลับไม่มีเสียงใดๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวถลึงตัวลุกขึ้น ร้องตะโกนออกไปด้านนอก “มีใครอยู่บ้าง!”
มีสาวใช้ขานรับแล้วเข้ามาถาม “แม่นาง ท่านต้องการสิ่งใด?”
“ตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว เหตุใดถึงไม่มีใครปลุกข้าตื่น?”
สาวใช้ตอบอย่างอ่อนน้อม “ตอนนี้เป็นยามเว่ย[1]แล้วเจ้าค่ะ คุณชายบอกว่าเมื่อวานแม่นางเหนื่อยเกินไป กำชับพวกเราไม่ให้รบกวนท่าน”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่คิดว่าตัวเองจะหลับไปจนถึงยามนี้ รีบร้อนลงจากเตียง ถามขึ้น “มีใครมาหาข้าหรือไม่?”
“เหมือนว่าพี่ใหญ่ของแม่นางจะมาหาท่าน แต่ถูกคุณชายเรียกไปที่เรือนของเขาแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้ตอบ
เห็นนางหลับไปทั้งชุด ก็ให้มองนางอย่างตกใจแวบหนึ่ง
เมิ่งเชี่ยนโยวโล่งอก
“แม่นางจะล้างหน้าแต่งตัวตอนนี้หรือไม่?” สาวใช้ถามอย่างระวัง
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
สาวใช้ยกน้ำเข้ามา หลังจากเห็นนางล้างหน้าเสร็จ ก็ถามขึ้น “ทางห้องครัวยังเตรียมอาหารไว้ให้แม่นาง จะให้ยกมาตอนนี้เลยหรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้สึกหิวแล้ว พูดว่า “ยกเข้ามาในห้องเถอะ”
สาวใช้ยกสำรับอาหารเข้ามาอย่างไม่รอช้า
เมิ่งเชี่ยนโยวกินไปพลางพูดกับนางว่า “เจ้าไปบอกคุณชายเปาและพี่ใหญ่ข้าหน่อยเถิด บอกว่าข้าตื่นแล้ว อีกประเดี๋ยวจะเข้าไปหาพวกเขา”
สาวใช้รับคำแล้วออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวกินอาหารเสร็จ ไม่รอคำสั่ง สาวใช้ก็ยกอาหารที่เหลือออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้น กล่าวขอบใจ แล้วเดินมายังเรือนของเปาอีฝาน
ซุนฮุ่ยถอดล้างเครื่องเคราสำหรับเจ้าสาวหมดแล้ว กำลังนั่งคุยเป็นเพื่อนเมิ่งเสียนพร้อมกับเปาอีฝาน เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามา กระวีกระวาดเข้ามาต้อนรับ พูดอย่างรู้สึกผิด “สองวันนี้ทำเจ้าเหนื่อยแย่แล้ว เหตุใดถึงไม่นอนเยอะกว่านี้?”
เมิ่งเสียนก็ลุกขึ้น มองนางอย่างปวดใจ พูดว่า “เจ้าไม่เคยตื่นสายขนาดนี้มาก่อน จักต้องเหนื่อยล้ามาก เจ้าไปพักต่ออีกหน่อยเถิด พวกเราถึงบ้านตอนไหนก็ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ข้าพักผ่อนเต็มที่แล้ว กลับไปเอนตัวก็นอนไม่หลับแล้ว ท่านป้าเปายังไม่สบายดี ประเดี๋ยวพอข้ารักษาให้นางเสร็จ พวกเราจะได้กลับบ้านเร็วขึ้น กลับไปช้า ท่านแม่จะเป็นห่วงได้”
เมิ่งเสียนพยักหน้า “ได้ เจ้าไปเถอะ ข้าจะรออยู่ที่นี่”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รอช้า เดินมาห้องฮูหยินเปาพร้อมซุนฮุ่ย หลังจากจับชีพจรให้นาง วินิจฉัยอาการเขียนใบสั่งยา แล้วมอบให้ซุนฮุ่ย
ซุนฮุ่ยกำชับสาวใช้รีบไปจัดยาตามใบสั่ง
เปาชิงเหอไม่วางใจ ฉวยโอกาสด้านหน้าไม่มีงานกลับมาดูอาการ
เปาอีฝานให้บ่าวคอยดูแลเมิ่งเสียนอย่างรู้สึกผิด ตนเองก็เข้ามาในห้องฮูหยินเปา
สาวใช้จัดยากลับมาอย่างเร็วรี่
เมิ่งเชี่ยนโยวตรวจดูอย่างละเอียด พบว่าไม่มีปัญหา จึงหยิบยาออกมาหนึ่งเทียบสั่งคนไปต้มให้ดี อีกประเดี๋ยวพอตนเองต้องการจะให้พวกนางยกเข้ามาทันที ทั้งให้คนเตรียมถังใหญ่สองใบ ให้ห้องครัวต้มน้ำร้อนในปริมาณที่เพียงพอเตรียมรอไว้
บ่าวรับใช้ทำตามคำสั่งนางเตรียมทุกอย่างไว้เสร็จสรรพ
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างขึงขังกับฮูหยินเปา “ท่านป้า ท่านป่วยมายาวนาน อาศัยแต่ตัวยาไม่อาจฟื้นตัวได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ ตอนนี้ข้าจะใช้วิธีและการรักษาแบบพิเศษ ระหว่างการรักษาท่านอาจจะต้องทุกข์ทรมานบ้าง”
ฮูหยินเปานอนรักษาตัวบนเตียงมานาน แทบอยากจะหายทันทีให้รู้แล้วรู้รอด ได้ฟังเช่นนี้ก็พูดว่า “เจ้าวางใจ ขอเพียงโรคของข้าหายได้เร็ววัน ให้ทรมานเพียงใดข้าก็ทนได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ด้านหนึ่งสั่งให้คนตักน้ำใส่ถังใบใหญ่ค่อนถัง ด้านหนึ่งพูดกับสองพ่อลูกเปาชิงเหอ “การรักษาต่อจากนี้ของฮูหยินเปา ไม่เหมาะให้พวกท่านเฝ้าดู พวกท่านออกไปรอด้านนอกเถิด”
เห็นนางสั่งคนตักน้ำใส่ถัง สองพ่อลูกเปาชิงเหอเข้าใจแล้วว่านางจะรักษาฮูหยินเปาอย่างไร พยักหน้าพร้อมกัน แล้วเดินออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวนำยาอีกขนานเทลงไปในน้ำเดือด ใช้สิ่งของคนให้เข้ากัน รอจนอุณหภูมิน้ำไม่เดือดมาก ถึงให้ฮูหยินเปาถอดเสื้อผ้าลงไปแช่น้ำในถังจนมิดตัว
อุณหภูมิน้ำยังร้อนมาก ไม่นานฮูหยินเปาก็ทนไม่ไหว คิดจะยืดตัวระบายความร้อนบ้าง เมิ่งเชี่ยนโยวยับยั้งนาง “ท่านป้า ท่านต้องอดทน หากครั้งนี้ไม่รักษาอาการป่วยของท่านให้หายขาด หลงเหลือต้นตอโรคไว้ ภายหน้าท่านจะต้องทุกข์ทรมานยิ่งกว่านี้”
ฮูหยินเปาได้ฟังกัดฟันอดทนห่อหดร่างกายกลับลงไป
เมิ่งเชี่ยนโยวใช้มือคอยวัดอุณหภูมิน้ำอยู่ตลอด พอรู้สึกว่าน้ำเริ่มเย็นก็จะให้คนเทน้ำร้อนลงไป
ฮูหยินเปาราวกับกุ้งต้มสุก แดงฝาดไปทั้งร่าง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด ขณะที่ฮูหยินเปากำลังจะทนไม่ไหวสลบไปนั้น เมิ่งเชี่ยนโยวก็ร้องพูดขึ้น “ยกยาเข้ามา”
สาวใช้ที่คอยเฝ้าอยู่หน้าประตูรีบร้อนยกยาเข้ามา
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับฮูหยินเปาที่กำลังจะสลบไสล “ท่านป้า ท่านดื่มยานี้ก่อน แล้วอดทนอีกนิด ไม่นานก็จะเสร็จแล้ว”
ฮูหยินเปาฝืนพยักหน้า ดื่มยาจนหมดเกลี้ยงภายใต้การช่วยเหลือของซุนฮุ่ยและเมิ่งเชี่ยนโยว แล้วทิ้งตัวกลับลงไปในถังน้ำอย่างไร้เรี่ยวแรง
ซุนฮุ่ยปวดใจเหลือจะเอ่ย ไม่รู้ว่าฮูหยินเปาป่วยเป็นโรคร้ายแรงอะไรกันแน่ ถึงต้องทนทรมานเช่นนี้
เมิ่งเชี่ยนโยวคอยมองดูน้ำในถัง กระทั่งน้ำค่อยๆ เปลี่ยนสี ก็ร้องพูดว่า “เปลี่ยนน้ำ”
บรรดาสาวใช้ยกน้ำร้อนเดินเป็นพรวนเข้ามา เทน้ำใส่ถังใหญ่อีกใบ
เมิ่งเชี่ยนโยวให้ซุนฮุ่ยและสาวใช้อีกคนประคองฮูหยินเปาไปนั่งในถัง พูดว่า “ท่านป้า ท่านอดทนอีกนิด ใกล้จะเสร็จแล้ว”
ไม่รอให้ฮูหยินเปาพยักหน้า เมิ่งเชี่ยนโยวรวบรวมกำลังภายในตบแผ่นหลังนาง
ฮูหยินเปาพ่นเลือดสีดำออกมาพลัน แล้วสลบไป
ซุนฮุ่ยและคนอื่นๆ หวีดร้องเสียงลั่น
เปาชิงเหอและเปาอีฝานที่รออยู่ด้านนอกได้ฟังก็ตกใจขวัญผวา เปาอีฝานทนไม่ได้ถามขึ้น “ฮุ่ยเอ๋อร์ ท่านแม่เป็นอย่างไร?”
ซุนฮุ่ยริมฝีปากสั่นระริกยังไม่ทันขานตอบ เสียงเมิ่งเชี่ยนโยวก็เปล่งดังขึ้น “ถอนพิษได้แล้ว ท่านป้าหมดสติไป”
เปาชิงเหอได้ยินว่าฮูหยินเปาหมดสติไป หุนหันจะเดินเข้ามาในห้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวราวกับรู้พฤติกรรมของพวกเขา ร้องห้ามพวกเขา “พวกท่านรอประเดี๋ยว รอให้พวกเราชำระล้างตัวให้ท่านป้าเสร็จแล้วพวกท่านค่อยเข้ามา”
ทั้งสองชะงักฝีเท้า สะกดกลั้นจิตใจกระสับกระส่าย รอด้านนอกอย่างไม่เป็นสุข
เมิ่งเชี่ยนโยวเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก กำชับเหล่าสาวใช้ให้อุ้มฮูหยินเปาไปล้างตัวในถังอีกใบ ถึงใส่เสื้อผ้าให้นางได้
เหล่าสาวใช้ทำตามที่นางสั่ง ช่วยกันคนละไม้ละมือย้ายฮูหยินเปาไปวางในถังอีกใบ ล้างตัวนางจนสะอาด เช็ดตัวจนแห้ง แล้วเพียงใส่เสื้อและกางเกงชั้นในให้นาง แล้วพานางไปวางบนเตียงอย่างระวัง ห่มด้วยผ้านวม
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย สาวใช้คนหนึ่งเปิดประตูออก ร้องเรียกบ่าวรับใช้นอกเรือนให้มายกถังน้ำสองใบในห้องออกไป
สองพ่อลูกเปาชิงเหอเร่งรุดเข้าไป เดินมาข้างเตียง มองสีหน้าแดงฝาดของฮูหยินเปา ดวงตาหลับสนิท เปาชิงเหอถามอย่างตื่นกังวล “ฮูหยินข้าไม่เป็นอะไรแล้ว?”
“ท่านป้าร่างกายอ่อนแอ ทนการรักษาไม่ไหวจึงหมดสติไป รอท่านฟื้นขึ้นมาก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
เปาอีฝานกระวนกระวายถาม “เช่นนั้นท่านแม่ข้า…” คิดจะถามว่าถอนพิษไปแล้วหรือไม่ คิดได้ว่าซุนฮุ่ยไม่รู้เรื่องที่ฮูหยินเปาถูกวางยา จึงเปลี่ยนคำพูด “อาการป่วยของท่านแม่ข้าหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว?”
“ยังต้องพักฟื้นอีกระยะหนึ่งถึงจะหายดี ทว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว พวกท่านวางใจได้” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
เปาอีฝานพยักหน้ารับทราบ กล่าวขอบคุณจากใจจริง “ขอบใจมาก”
ซุนฮุ่ยก็กล่าวขอบคุณด้วย
วุ่นวายมาครึ่งค่อนวัน เสื้อผ้าชั้นนอกของเมิ่งเชี่ยนโยวชื้นชุ่มไปทั้งตัว ได้ฟังก็โบกมือ “คำขอบคุณไม่จำเป็นแล้ว ท่านพี่ซุนช่วยหาชุดมาให้ข้าเปลี่ยนสักชุดเถอะ”
ซุนฮุ่ยรีบสั่งสาวใช้นำผ้าแพรมาห่อร่างเมิ่งเชี่ยนโยวไว้ พานางกลับมาในห้องหอตัวเอง หยิบชุดของตัวเองออกมาจากใน**บให้นางเปลี่ยน
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่เกรงใจ เปลี่ยนเสื้อผ้าโดยไม่รอรี
ซุนฮุ่ยกำชับสาวใช้ให้รีบนำไปซัก
สาวใช้รับคำถือชุดเดินออกไป
ซุนฮุ่ยดึงมือเมิ่งเชี่ยนโยวมาพูดว่า “น้องโยวเอ๋อร์ เจ้าบอกข้ามาตามจริง ท่านแม่ป่วยเป็นอะไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่คิดว่าซุนฮุ่ยจะจับสังเกตได้ ตะลึงเล็กน้อย ไม่ได้ตอบนาง กลับพูดด้วยน้ำเสียงกระเซ้า “โย้ เปลี่ยนคำเร็วยิ่งนัก เมื่อวานยังเป็นท่านป้า วันนี้กลายเป็น “ท่านแม่” แล้ว”
ซุนฮุ่ยหน้าแดงก่ำฉับพลัน “ยายตัวดี หยอกเย้าข้าอีกแล้ว ดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบเว้าวอน “ท่านพี่แสนดี อภัยให้ข้าเถิด อีกประเดี๋ยวข้ายังต้องไปรักษาอาการให้ “ท่านแม่” ท่านอีกเล่า”
ซุนฮุ่ยไม่โอนอ่อนให้แล้ว ยื่นมือออกไปจั๊กจี้ไปตามตัวเมิ่งเชี่ยนโยว พูดข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเบิกบาน “ดูสิว่าต่อไปเจ้าจะกล้าแหย่เย้าข้าอีกหรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะหลบหลีก
ทั้งสองหัวเราะร่วนอลวนพักหนึ่ง จนเหนื่อยหอบถึงยอมรามือ
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “สุขภาพของท่านป้าเปาไม่มีอะไรร้ายแรงแล้ว เพียงแต่ระยะเวลาที่เจ็บป่วยนานเกินไป ข้ากลัวว่าปล่อยให้ยืดเยื้อต่อร่างกายนางจะรับไม่ไหว ถึงใช้วิธีเหนื่อยครั้งเดียวเพื่อความสบายที่ยืนยาว ท่านไม่ต้องเป็นกังวล พอนางฟื้นขึ้นมาให้กินยาอีกไม่กี่เทียบก็จะหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว”
ซุนฮุ่ยเห็นนางพูดด้วยน้ำเสียงเบาสบาย เชื่อว่าเป็นจริง จึงยอมวางใจลง พูดว่า “ไม่เป็นไรก็ดี ท่านแม่ปฏิบัติต่อข้าราวกับบุตรสาวแท้ๆ หลังจากแต่งงานแล้วข้ายังต้องการจะกตัญญูต่อนางให้มากๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวตบบ่านาง ยิ้มพูดอย่างสุขใจ “ท่านป้าโชคดียิ่งนัก คนอื่นแต่งได้ลูกสะใภ้เข้ามา นางกลับดี ได้ลูกสาวมาคนหนึ่งเทียว”
ซุนฮุ่ยเขินอายหน้าแดง
ทั้งสองพูดหยอกเอินกันอีกครู่หนึ่ง ถึงกลับมาที่ห้องฮูหยินเปาด้วยกัน
ฮูหยินเปายังคงไม่ฟื้น สองพ่อลูกเปาชิงเหอนั่งอยู่ในห้องคอยมองนางด้วยสีหน้ากังวล
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “พวกท่านวางใจเถิด ท่านป้าจักต้องไม่เป็นอะไร เมื่อนางหลับเพียงพอแล้ว ก็จะฟื้นเอง”
แม้นางจะคอยพูดว่าไม่เป็นอะไรแล้ว แต่การที่ฮูหยินเปาไม่ฟื้น ทำให้พวกเขาอย่างไรก็ไม่อาจวางใจลงได้
เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใจความรู้สึกของพวกเขา จึงไม่พูดเกลี้ยกล่อมอีก แต่เขียนใบสั่งยาอีกใบมอบให้ซุนฮุ่ย “นี่เป็นใบสั่งยา พวกท่านจงไปจัดยาตามที่เขียนนี้มาต้ม ให้นางดื่มติดต่อกันสามวัน สุขภาพของนางก็จะฟื้นคืน”
ซุนฮุ่ยรับใบสั่งยามากำชับสาวใช้ให้ไปจัดยา
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “อาการป่วยของท่านป้าไม่มีอะไรร้ายแรงแล้ว พี่ใหญ่ก็ยังรอข้ากลับบ้าน ข้าคงต้องขอตัวกลับแล้ว”
ฟ้าใกล้จะยามเที่ยง สองพ่อลูกเปาชิงเหอย่อมไม่ยินยอม ดึงรั้งนางให้อยู่กินอาหารเที่ยงก่อนค่อยไป
เมิ่งเชี่ยนโยวต้านทานน้ำใจของพวกเขาไม่ได้ จำต้องอยู่กินอาหารเที่ยง ถึงได้นั่งรถม้าเดินทางกลับพร้อมเมิ่งเสียน
ระหว่างทาง เมิ่งเชี่ยนโยวมิได้มีสภาพจิตใจที่ผ่อนคลาย ในสมองมีแต่คำพูดของชายชุดดำวนเวียนไปมา เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องในใจหนักอึ้ง
เมิ่งเสียนสังเกตเห็นความผิดปกติของนาง ถามอย่างเป็นห่วง “น้องสาว เจ้าเป็นอะไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวได้สติกลับมา ส่งยิ้มให้เขา “คงเพราะสองวันมานี้เหนื่อยเกินไป ยังปรับสภาพจิตใจไม่ได้”
เมิ่งเสียนปวดใจยิ่งนัก รีบขยับร่างกายเข้ามาด้านหนึ่งของรถม้า พูดว่า “เจ้าเอนตัวพักสักหน่อยเถิด”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า พูดว่า “ไม่ต้องแล้ว รอไปพักผ่อนที่บ้านให้เต็มที่ดีกว่า”
เมิ่งเสียนกำชับเหวินเปียวให้บังคับรถม้าให้เร็วขึ้น
รถม้าเพิ่มความเร็ว ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบ้าน
ตั้งแต่ที่เมิ่งเจี๋ยเคยหายตัวไปในอำเภอ เมิ่งชื่อก็มีโรคหวาดผวาอย่างลุ่มลึกกับตัวอำเภอ เห็นพวกเขาสองพี่น้องไม่ได้กลับมาตามเวลาที่นัดหมายไว้ เกิดความวิตกกังวลหนัก คอยชะเง้อชะแง้คอมองอยู่หน้าประตูตั้งแต่ช่วงเช้า กระทั่งเห็นรถม้าสองคันเข้ามา ถึงถอนใจโล่งอก
รถม้าจอดสนิท เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้าเห็นเมิ่งชื่อยืนสีหน้าเป็นกังวลอยู่หน้าประตู ก็รู้ว่านางจะต้องกระวนกระวายใจมาก ตนเองเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องถูกพร่ำบ่นหนึ่งชุด ดวงตากลิ้งกลอก ยื่นมือทั้งสองออกไปแล้วโผเข้าหาเมิ่งชื่อ พูดด้วยน้ำเสียงชื่นบาน “ท่านแม่ของข้า ไม่เจอตั้งหลายวัน ข้าคิดถึงท่านจะแย่แล้ว” พูดจบก็กอดเมิ่งชื่อแน่นเป็นหมี
เมิ่งชื่อไม่เคยได้ยินวิธีการพูดเช่นนี้มาก่อน ตกตะลึงจังงัง แล้วเรียกสติกลับมายิ้มพูดทันควัน “เจ้าไม่ต้องใช้วิธีนี้มาหลอกล่อแม่ ตกลงกันแล้วว่าพอพวกเขาแต่งงานกันเสร็จก็จะกลับมาทันที แล้วดูเจ้าเถิด เพิ่งจะกลับมาเอาป่านนี้ เจ้ารู้ไหมว่าแม่เป็นห่วงมากเพียงใด?”
[1] ยามเว่ย คือ เวลา 13.00-15.00น.