ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 214-2 ซุนเหลียงไฉถูกลงโทษ
เดินมาถึงถนนใหญ่ก็ได้ยินเสียงรถม้า จึงหยุดฝีเท้าหันมองไปเบื้องหลัง เห็นรถม้าหกเจ็ดคันวิ่งควบอยู่บนบนถนนใหญ่ของหมู่บ้าน ผู้ที่นั่งอยู่บนรถม้านำขบวนก็คือหลงจู๊แห่งเหลาจวี้เสียน
หลงจู๊ก็มองเห็นนางแล้ว ร้องทักทายนางแต่ไกล “แม่นางเมิ่ง!”
เมิ่งเชี่ยนโยวยืนรออยู่ตรงนั้น
รถม้าแล่นใกล้เข้ามา หยุดจอดเบื้องหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว หลงจู๊ลงมาจากรถม้า หัวเราะแหะๆ พูดว่า “แม่นางเมิ่ง ข้ากำลังจะไปหาเจ้าที่บ้านพอดี นายท่านของพวกเราตอบจดหมายมาแล้ว บอกว่าเหลาจวี้เสียนทุกสาขาล้วนต้องการมันฝรั่งจำนวนมาก รถม้าพวกนี้พวกเขาเป็นคนส่งมา”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ยิ้มพูด “ขอบคุณหลงจู๊ที่ช่วยข้า”
หลงจู๊โบกมือ “พวกเราต่างร่ำรวยด้วยกัน เจ้ามิต้องขอบใจหรอก”
เมิ่งเชี่ยนโยวจึงไม่เกรงใจอีก พูดว่า “ไปเถอะ พวกเราจะพาพวกท่านไปโรงงาน มันฝรั่งทั้งหมดกองเก็บเอาไว้ที่นั่น ต่อไปพวกท่านมาอีกให้ตรงเข้าไปได้เลย”
หลงจู๊พยักหน้า ไม่ขึ้นไปบนรถม้า เดินไปโรงงานพลางพูดคุยกับเมิ่งเชี่ยนโยว
รถม้าเป็นขบวนเด่นสะดุดตา ทำเอาคนทั้งหมู่บ้านตาร้อนผ่าวอีกครั้ง พวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจำนวนไม่น้อยเดินตามติดไป หวังจะตามไปดูถึงโรงงาน พอเดินมาถึงหน้าประตู กลับถูกพวกอู๋ต้าที่เฝ้าประตูอยู่ขวางไว้ พูดกับพวกเขาว่า “นี่คือโรงงาน นอกจากคนงานแล้ว คนในหมู่บ้านไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าไป”
คนในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยที่ทำงานในโรงงาน ทราบกฎระเบียบภายในดี หยุดชะงักฝีเท้า คอยมองดูเหตุการณ์จากภายนอก
รถม้าเข้ามาในลานกว้างภายในโรงงานทั้งหมดแล้ว พวกอู๋ต้าจึงปิดประตูใหญ่โรงงาน
เมิ่งเชี่ยนโยวพาหลงจู๊มาด้านหน้าประตูโกดังโรงหนึ่ง เปิดประตูออก เผยให้เห็นมันฝรั่งกองพะเนินเต็มห้อง
หลงจู๊เบิกตาโพลง กล่าวทอดถอนใจอย่างสุดซึ้ง “แม่นางช่างมีความสามารถนัก ช่วงเวลาสั้นๆ เพียงครึ่งปีก็เก็บเกี่ยวมันฝรั่งได้มากมายเช่นนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวชี้โกดังเปล่าอีกสองสามโรงพูดว่า “นี่เป็นเพียงส่วนน้อย ภายในโกดังเหล่านี้ล้วนเต็มไปด้วยมันฝรั่ง”
หลงจู๊ยิ่งทวีความตกตะลึง
เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับอู๋ต้าให้ไปเรียกคนที่บ้านมาบรรจุมันฝรั่งแล้วชั่งให้เรียบร้อย
หลงจู๊กล่าวว่า “นายท่านของพวกเราบอกว่า ต้องการมันฝรั่งภัตตาคารละหนึ่งพันจินก่อน โดยมีทั้งหมดเจ็ดภัตตาคาร พวกท่านบรรจุให้ตามจำนวนนี้ก็พอ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า สั่งพวกอู๋ต้าให้ทำตามนี้
เก็บเกี่ยวมันฝรั่งมาหลายวันแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเข้ามาซื้อมันฝรั่ง ไม่ว่าจะเป็นพวกอู๋ต้า หรือครอบครัวเมิ่งเอ้ออิ๋นต่างดีใจปลาบปลื้ม ใบหน้าแต่ละคนเต็มตื้นไปด้วยความปิติยินดี
ยังคงเป็นเมิ่งเสียนและเมิ่งฉีรับหน้าที่จดบัญชี พวกอู๋ต้าเวียนกันเข้ามาชั่งน้ำหนัก คนที่เหลือช่วยบรรจุมันฝรั่ง ทุกคนต่างทำงานแข็งขันอย่างเป็นระบบระเบียบ
ขณะรอการบรรจุมันฝรั่งนั้น หลงจู๊ก็ยิ้มบอกเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “แม่นางเมิ่ง ในที่สุดพ่อครัวก็ทำพระกระโดดกำแพงสำเร็จแล้ว ไม่ต้องเปิดฝากลิ่นหอมก็คละคลุ้งขจรขจายไปไกล ลูกค้าที่มากินข้าวต่างสั่งจองอาหารนี้ และเกือบจะวิวาทกันเพราะอาหารจานนี้ ข้าเป็นหลงจู๊มานานหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นภัตตาคารเกิดปรากฏการณ์แย่งสั่งจองอาหารอย่างโกลาหลเช่นนี้ เป็นเพราะแม่นางโดยแท้”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้ม “ข้าเพียงแค่สอนพ่อครัวครั้งเดียว ส่วนที่เหลือเป็นเขาที่ตั้งใจพยายามทำเอง ความสำเร็จใหญ่หลวงนี้ท่านอย่าได้ผลักมาที่ข้าเลย”
หลงจู๊ก็หัวเราะแหะๆ พูดว่า “แม่นางถ่อมตนแล้ว หากไม่ได้เจ้าถ่ายทอดวิชาให้พ่อครัว ต่อให้เขาเพียรพยายามอย่างไรก็ไม่มีทางทำพระกระโดดกำแพงเลิศรสนี้ได้ วันนั้นข้ายังพูดกับพ่อครัวว่า แม่นางก็คือดาวนำโชคของเหลาจวี้เสียน ตั้งแต่ได้รู้จักเจ้า การค้าของเหลาจวี้เสียนของพวกเรามีแต่ดีวันดีคืน แม้แต่เหลาจวี้เสียนในตัวจังหวัดก็เทียบไม่ได้แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “หลงจู๊กล่าวชมเกินไปแล้ว การที่การค้าของเหลาจวี้เสียนดีได้เช่นนี้ ล้วนเป็นเพราะท่านดำเนินการค้าได้สัมฤทธิ์ผล”
หลงจู๊โบกมือ “ไม่ขอปิดบังแม่นาง หลงจู๊ของเหลาจวี้เสียนเราทุกคนล้วนถูกคัดเลือกจากนายท่านเองกับมือ แต่ละคนมีคุณสมบัติไม่แตกต่างกัน ดังนั้นเหลาจวี้เสียนทุกสาขาล้วนประกอบการได้ดีเยี่ยม มีเพียงตำบลชิงซีด้วยเพราะเป็นเมืองเล็กๆ ส่งผลให้กำไรในแต่ละปีได้น้อยที่สุด ทำให้ยามเมื่อต้องส่งบัญชีประจำปีรายงานนายท่าน ในบรรดาหลงจู๊ทั้งหมดข้ามีผลประกอบการที่แย่ที่สุด แม้นายท่านจะไม่ว่ากล่าวอะไร แต่ข้ากลับรู้สึกตะขิดตะควงใจมาตลอด ตั้งแต่ได้สูตรอาหารจากแม่นาง การค้าของเหลาจวี้เสียนของข้าก็มีแต่เจริญเฟื่องฟู ปีใหม่ของปีที่แล้วในที่สุดข้าก็ไม่ใช่คนที่ทำกำไรได้น้อยที่สุดอีกต่อไป ปีนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ได้พระกระโดดกำแพงที่แม่นางถ่ายทอดสูตรให้ ไม่แน่ว่าข้าจะเป็นคนที่กำไรได้เยอะที่สุดของปีนี้” พูดจบราวกับกำลังคิดฝันถึงภาพเหตุการณ์นั้น แสยะยิ้มมีความสุข
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เช่นนั้นข้าต้องแสดงความยินดีกับหลงจู๊ก่อนแล้ว เพียงแต่ว่าพระกระโดดกำแพงนี้เป็นทักษะสุดท้ายของข้าแล้ว ต่อไปข้าไม่มีสิ่งใดจะสอนพ่อครัวอีก”
หลงจู๊ได้ฟังก็ไม่ผิดหวัง หัวเราะแหะๆ พูดว่า “ด้วยพระกระโดดกำแพงนี้ก็เพียงพอให้ข้าขายไปได้หลายปีแล้ว รอถึงตอนนั้น ไม่แน่ว่าแม่นางจะคิดค้นสูตรอาหารใหม่ออกมาอีกก็เป็นได้”
“ความจริงพระกระโดดกำแพงนี้มิใช่จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ในทุกช่วงระยะเวลาหนึ่งท่านให้พ่อครัวเปลี่ยนผักชนิดต่างๆ กันใส่ไว้ด้านใน รสชาติที่ออกมาก็จะไม่เหมือนกัน” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
หลงจู๊หน้าบาน “ขอบใจแม่นาง ข้ากลับไปแล้วจะต้องบอกพ่อครัว ให้เขาตั้งใจคิดค้นให้มากขึ้น”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ เปลี่ยนหัวเรื่องพูดอย่างไม่ให้ตั้งตัว “ข้านับถือนายท่านของพวกท่านมาก เปิดเหลาจวี้เสียนในที่ต่างๆ ได้มากมายเช่นนี้ เอาไว้ยามที่เขามาตรวจร้าน รบกวนท่านช่วยแนะนำให้ด้วยเถิด ข้าจักได้เรียนรู้การทำการค้าจากเขา”
หลงจู๊ต้องพบเจอคนมากมายหลายประเภททุกวัน ไฉนเลยจะฟังความหมายแฝงของนางไม่ออก หัวเราะกลบเกลื่อนไม่ตอบรับใดๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าเขาไม่อยากเอ่ยถึง จึงไม่พูดอะไรอีกอย่างรู้ความ
คนทั้งหมดบรรจุมันฝรั่งอย่างคึกคักกระตือรือร้น มันฝรั่งเจ็ดพันจินเพียงครึ่งชั่วยามก็บรรจุเสร็จเรียบร้อย พวกอู๋ต้านำไปวางบนรถม้าตามคำบอกของหลงจู๊ได้รถม้าละหนึ่งพันจินพอดิบพอดี
เมิ่งเสียนนำบัญชีที่จดบันทึกเสร็จมาให้หลงจู๊ดู
หลงจู๊โบกมือ “ไม่ต้องดูแล้ว พวกเราทำการค้าด้วยกันมาหลายครั้ง ข้าเชื่อใจพวกเจ้า” พูดจบ ล้วงตั๋วเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากอกเสื้อมอบให้เมิ่งเชี่ยนโยว “นี่คือตั๋วเงินสามพันห้าร้อยตำลึง เชิญแม่นางนับก่อน”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา ไม่แม้แต่จะมองก็ส่งให้เมิ่งเสียน “ข้าก็เชื่อใจหลงจู๊เช่นกัน”
หลงจู๊หัวเราะร่วน
รถม้าเจ็ดคันออกมาจากโรงงานอย่างเอิกเกริก
พวกที่สนใจเรื่องชาวบ้านยังไม่แยกย้ายไป เห็นรถม้าที่ดูมีน้ำหนักมากกว่าตอนเข้ามาอย่างเห็นได้ชัด ต่างคาดเดาต่างๆ นานาว่าขายมันฝรั่งไปมากเท่าใด
หลังจากบอกลาเมิ่งเชี่ยนโยว หลงจู๊ก็นำรถม้าจากไปอย่างสุขใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวมองส่งรถม้าไปจนลับตา แล้วมองดูกลุ่มคนด้านนอกโรงงานที่ยังไม่ยอมแยกย้ายไป จึงกำชับอู๋ต้าและซุนเอ้ออีกครั้งจะต้องเฝ้าหน้าประตูใหญ่โรงงานให้ดี หากไม่ใช่คนงานในโรงงานใครก็ห้ามเข้าไป
ทั้งสองคนตบหน้าอกรับประกัน “นายหญิง ท่านวางใจเถอะ พวกเราจะเฝ้าประตูใหญ่ให้ดีที่สุด”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า กำลังจะจากไปพร้อมคนในครอบครัว จูอู่และภรรยาก็กระวีกระวาดเข้ามาแต่ไกล เห็นทุกคนยืนอยู่หน้าประตู ยิ่งเร่งความเร็วฝีเท้า หายใจหอบพูดกับหลี่ตุนว่า “หลี่ตุน แม่เจ้าล้มป่วยมาหลายวันแล้ว อาการไม่ค่อยดี เจ้ารีบกลับไปดูเถอะ”
บิดาหลี่ตุนจากไปเร็ว มีเพียงมารดาที่เลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ลำพัง คอยโอนอ่อนตามใจเขา ส่งผลให้ต่อมาเขากลายเป็นคนเกียจคร้าน ไม่ทำการทำงาน แม่เฒ่าหลี่ตุนคอยหว่านล้อมเกลี้ยกล่อมเขา เขาไม่เพียงไม่ฟัง กลับมีนิสัยชอบลักเล็กขโมยน้อย แม่เฒ่าหลี่ตุนด้วยความโมโห ตัดขาดความสัมพันธ์กับเขา บอกว่าต่อไปไม่ว่าอย่างไร ไม่ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก เริ่มแรกหลี่ตุนหาได้แยแส ยังคงประพฤติชั่วไม่ปรับเปลี่ยน ต่อมาถูกเมิ่งเชี่ยนโยวซื้อตัว ห่างไกลจากเพื่อนเสเพล ถึงค่อยๆ กลับมาทบทวนถึงพฤติกรรมตลอดหลายปีที่ผ่านมาของตัวเอง ในที่สุดก็รู้ซึ้งว่าตนเองอกตัญญูเพียงใด ดังนั้นหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ทุกครั้งที่เมิ่งเชี่ยนโยวปล่อยพวกเขากลับบ้านได้เดือนละสองวัน เขาจะเอาแต่อยู่ในบ้านคอยดูแลมารดาชรา ไม่เคยออกไปไหน แม้แต่เงินเดือนที่เหวินเปียวนำมาให้ ก็มอบให้มารดาชราดูแลโดยไม่แตะแม้สักอีแปะเดียว ความสัมพันธ์ของสองแม่ลูกถึงคลี่คลายดีขึ้น ตอนนี้ได้ยินสะใภ้จูอู่พูดเช่นนี้ หลี่ตุนพลันตาแดงชื้น เงยหน้ามองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างวิงวอน
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบพูดทันที “ไปเถอะ รีบกลับไปดูมารดาเจ้า”
หลี่ตุนกล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้ง ยกเท้าวิ่งปรู๊ดไปหมู่บ้านซุนทันที