ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 215-3 โสมคนช่วยชีวิต
ได้ลูกค้ารายใหญ่มา เมิ่งเอ้ออิ๋นดีใจยิ้มแก้มปริ พูดอย่างสุขใจ “ครานี้ดีแล้ว ในที่สุดพวกเราก็ขายมันฝรั่งได้แล้ว”
เห็นท่าทีดีอกดีใจกว่าปกติของเขา เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกระเซ้า “ท่านพ่อ นี่ท่านก็เป็นคนละโมบตั้งแต่เมื่อไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดด้วยน้ำเสียงเจือความปิติ “เจ้าไม่รู้อะไร มันฝรั่งกองเต็มโรงงานเช่นนี้ทุกวัน พ่อกลุ้มอกกลุ้มใจเหลือจะเอ่ย กลัวมันฝรั่งขายไม่ออก ตอนนี้ดีแล้ว มีลูกค้ารายใหญ่เข้ามา พ่อค่อยสบายใจขึ้นบ้าง”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดแหย่เย้า “ท่านพ่อ ท่านไม่คิดบ้างว่า บุตรสาวท่านเป็นใคร จะขายมันฝรั่งไม่ออกได้อย่างนั้นหรือ?”
เมิ่งเอ้ออิ๋นหัวเราะครื้นเครง
เมิ่งชื่ออยู่ในโรงงานได้ยินเสียงหัวเราะของสองพ่อลูก อดออกมาเหล่ดูไม่ได้
เมิ่งชื่อถามเมิ่งเอ้ออิ๋นอย่างสงสัย “ได้ยินเสียงเจ้าหัวเราะตั้งแต่ในโรงงานแล้ว มีเรื่องอะไรทำให้เจ้าดีใจเช่นนี้?”
เมิ่งเอ้ออิ๋นครึ้มอกครึ้มใจ ใช้น้ำเสียงอิ่มอกอิ่มใจตอบอย่างสุขใจ “เมื่อครู่มีลูกค้ารายใหญ่เข้ามา บอกว่าจะซื้อมันฝรั่งจำนวนมากของพวกเรา เจ้าว่าข้าควรดีใจหรือไม่?”
“จริงหรือ เราขายมันฝรั่งได้อีกแล้วหรือ?” เมิ่งชื่อย้อนถามอย่างยินดี
เมิ่งเอ้ออิ๋นพยักหน้า “เป็นเถ้าแก่หวังที่ขายส่งพืชผักสดโดยเฉพาะ มีเขาอยู่ ต่อไปเราไม่ต้องกังวลเรื่องการขายมันฝรั่งแล้ว”
เมิ่งชื่อก็ยินดีปรีดาไปด้วย
จากนั้นหันไปถามเมิ่งเชี่ยนโยว “โยวเอ๋อร์ แม่ของหลี่ตุนไม่เป็นอะไรนะ?”
“พอกินโสมคนเข้าไปก็ฟื้นได้สติ แต่ร่างกายยังอ่อนแอ ท่านหมอบอกว่าต้องพักรักษาตัวอีกระยะหนึ่ง ข้าให้หลี่ตุนคอยอยู่ปรนนิบัติมารดาเขาให้หายค่อยกลับมา” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ
เมิ่งชื่อวางใจลง “ไม่เป็นไรก็ดี คนแก่แล้ว ไม่มีใครอยู่ข้างๆ ไม่ได้ แค่ปวดหัวตัวร้อนบางทีก็ช่วยตัวเองไม่ไหว”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวใจกระตุกวูบ
เถ้าแก่หวังเป็นคนมีสัจจะ เช้าวันถัดมาก็พารถม้าห้าคันเข้ามาด้วยตัวเอง พอเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวก็ดีใจพูดว่า “แม่นางเมิ่ง เมื่อวานข้ากลับไปคำนวณดูแล้ว มันฝรั่งขั้นต่ำสุดที่ข้าต้องการก็หมื่นจินแล้ว รบกวนเจ้าให้คนบรรทุกใส่รถข้าด้วยเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า สั่งกลุ่มคนที่รออยู่ในโรงงานแต่เช้าให้ลงมือขนย้ายมันฝรั่ง
ขายมันฝรั่งได้ในปริมาณมากสองวันติดต่อกัน แต่ละคนต่างดีใจจนเก็บซ่อนสีหน้าไว้ไม่อยู่ มือไม้ก็ทำงานคล่องแคล่วว่องไว บรรจุเสร็จเป็นถุงๆ ต่อเนื่องไม่ได้หยุด
เถ้าแก่หวังเองก็อารมณ์ชื่นบาน ยกยิ้มพูดว่า “มันฝรั่งแผ่นที่ข้านำกลับไปเมื่อวาน คนเฒ่าคนแก่และเด็กเล็กได้กินต่างก็ติดอกติดใจ เอาแต่พูดว่าไม่เคยกินขนมที่อร่อยเช่นนี้มาก่อน”
“ชอบกินก็ดีแล้ว” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
เถ้าแก่หวังขยี้ศีรษะ พูดอย่างเก้อเขิน “หากว่าแม่นางไม่รังเกียจ วันนี้ข้าอยากจะซื้อกลับไปอีกจำนวนหนึ่ง เพราะคนเฒ่าคนแก่และเด็กเล็กในบ้านชอบกินกันมาก บ้านข้าก็มิได้ขาดแคลนเงินเล็กน้อยแค่นั้น เจ้าวางใจ ข้าจะจ่ายให้เจ้าไม่ให้ขาดแม้อีแปะเดียว”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มถาม “ไม่ทราบว่าเถ้าแก่หวังต้องการมันฝรั่งแผ่นเท่าใด”
เถ้าแก่หวังเห็นนางตอบรับ ดีอกดีใจ พูดขึ้นทันควัน “เอาไปให้คนในครอบครัวกิน ข้าไม่เรียกร้องมาก แค่ยี่สิบห่อก็พอ”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับคำ “ได้ ประเดี๋ยวพอบรรทุกมันฝรั่งเสร็จ ข้าจะให้บ่าวไปเอามาให้ท่าน ข้าคิดราคาขายให้ท่านก็แล้วกัน”
พอรู้ว่าได้ขนมในราคาถูก เถ้าแก่หวังก็หน้าบาน พูดหยอกเย้า “ข้าเสียใจแล้ว หากรู้ว่าได้ราคาถูกเช่นนี้ข้าจะขอมากกว่านี้”
“เมื่อให้คนในครอบครัวกิน เถ้าแก่หวังก็อย่าซื้อทีละมากๆ เลย โรงงานข้าผลิตมันฝรั่งแผ่นปริมาณมากออกมาทุกวัน เวลาท่านมารับของ ค่อยมาซื้อกลับไปก็ได้” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
เถ้าแก่หวังคิดว่าก็ถูก ยิ้มพูดว่า “ได้ ข้าเชื่อแม่นาง ทุกครั้งที่มาจะคอยซื้อกลับไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “แม้มันฝรั่งแผ่นจะอร่อย แต่ถ้ากินมากจะทำให้เป็นร้อนใน ดังนั้นกินให้พอเหมาะจะดีที่สุด อย่าได้กินมากเกินพอดีเด็ดขาด”
กลุ่มคนจิตใจกระปรี้กระเปร่า ความเร็วก็เพิ่มมากขึ้น มันฝรั่งหนึ่งหมื่นจินใช้เวลามากกว่าเมื่อวานอีกหนึ่งเค่อก็บรรทุกเสร็จ เถ้าแก่หวังจ่ายเงินค่ามันฝรั่งและมันฝรั่งแผ่นอย่างเบิกบานใจเสร็จ ก็พารถม้าที่บรรทุกมันฝรั่งจนเต็มกลับบ้านไปอย่างสุขสำราญใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวนำตั๋วเงินให้เมิ่งเสียน กำชับเขา “พี่ใหญ่ ท่านกลับไปดูบัญชีหน่อยเถิด คำนวญคร่าวๆ ดูว่าฤดูกาลนี้เก็บเกี่ยวมันฝรั่งได้กี่จิน ข้าจะได้จัดการได้ถูก”
เมิ่งเสียนรับตั๋วเงินมา พยักหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอีก “ต่อไปถ้าข้าไม่อยู่บ้าน การค้ามันฝรั่งนี้มอบให้ท่านแล้ว ไม่ว่าใคร ก็ขายในราคาจินละครึ่งตำลึง อีกอย่าง ทุกคนที่เข้ามาซื้อมันฝรั่ง ต้องให้เขาบอกให้ชัดเจนว่าใครเป็นคนแนะนำมา ไม่เช่นนั้นห้ามขายให้พวกเขา”
เมิ่งเสียนจดจำขึ้นใจ
กำชับเมิ่งเสียนเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวก็เข้าไปเดินวนในโรงงานมันฝรั่งแผ่นหนึ่งรอบ
สะใภ้เมิ่งต้าจินรับสมัครหญิงสาวเข้ามาทำงานในโรงงานเพิ่มอีกห้าคน พอเห็นนางเข้ามา กลุ่มคนก็ร้องทักทายนางอย่างเป็นกันเอง “นายหญิง ท่านเข้ามาแล้ว”
หลายวันนี้เมิ่งเชี่ยนโยวไม่อยู่บ้าน ไม่รู้ว่าสะใภ้เมิ่งต้าจินรับสมัครคนงานได้แล้ว พยักหน้าขานรับคำ แล้วถาม “ท่านป้าใหญ่ ท่านได้บอกข้อเรียกร้องของพวกเรากับพวกนาง และให้พวกนางทำสัญญาเรียบร้อยแล้วหรือไม่?”
สะใภ้เมิ่งต้าจินตอบว่า “เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ตอนที่ข้าไปเรียกพวกนาง ได้บอกเรื่องข้อสัญญากับพวกนางก่อนแล้ว พวกนางต่างตอบตกลง ข้าถึงรับสมัครพวกนางเข้ามา หลังจากพวกนางเข้ามา ข้าจึงให้เสียนเอ๋อร์ร่างสัญญา ให้พวกนางลงนามเรียบร้อยแล้ว เจ้าวางใจเถอะ”
ผู้หญิงเหล่านั้นพูดว่า “นายหญิง ท่านวางใจเถอะ พวกเรารู้เรื่องกฎระเบียบของโรงงานมานานแล้ว ต่อให้ไม่ทำสัญญา พวกเราก็ไม่มีทางพูดออกไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า กำชับสะใภ้เมิ่งต้าจิน “อากาศค่อนข้างร้อน ท่านแบ่งพวกเขาออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งทอดมันฝรั่งแผ่น กลุ่มหนึ่งนั่งพัก แล้วสลับกันทุกๆ สองเค่อ ระวังอย่าให้มีคนเป็นลม”
“เจ้าวางใจเถอะ ข้าแบ่งพวกนางไว้แล้ว” สะใภ้เมิ่งต้าจินตอบ
เมิ่งเชี่ยนโยวเมิ่งเอ้ออิ๋นมันฝรั่งแผ่นที่พวกนางทอด พยักหน้าพอใจ “ใช้ได้ เป็นงานเร็ว พวกท่านทำงานให้คล่องแคล่ว หากพวกเขาขายมันฝรั่งแผ่นได้เร็วขึ้น รอให้ถึงวันจ่ายเงิน ข้าจะเพิ่มบำเหน็จให้พวกท่าน”
หญิงสาวที่กำลังนั่งพักข้างๆ ปากไว ถามนางอย่างใคร่รู้ “นายหญิง อะไรคือบำเหน็จ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มอธิบาย “บำเหน็จหรือ ก็คือเงินค่าแรงที่ให้พวกท่านเพิ่ม บางครั้งยังมากกว่าเงินเดือนของพวกท่านอีกเล่า?”
หญิงสาวทั้งหมดได้ยินก็ตาลุกวาว ถามอย่างไม่เชื่อ “มากกว่าเงินเดือน? เท่ากับว่าพวกเราทำงานหนึ่งวัน แต่ได้ค่าแรงสองวันนะสิ”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ประมาณนั้น แต่ก่อนอื่นพวกท่านต้องตั้งใจทอดมันฝรั่งแผ่นให้ดี ต้องทอดให้ได้รสชาติอร่อยลิ้น ให้คนที่ซื้อไปกินแล้วอยากกินอีก การค้าของพวกเราก็จะดังระเบิด ถึงตอนนั้นกระเป๋ากางเกงของพวกท่านจะนูนตุงแน่นอน”
พอได้ยินว่าทำงานหนึ่งวันแต่ได้ค่าแรงเป็นสองวัน ครานี้แม้แต่หญิงสาวที่กำลังทอดมันฝรั่งแผ่นก็พูดรับประกันบ้าง “ไม่มีปัญหา นายหญิง ท่านคอยดูให้ดีเถอะ พวกเรารับประกันว่ามันฝรั่งแผ่นที่ทอดออกมาจะอร่อยเลิศรส ให้ใครก็ตามได้กินแล้วแทบอยากจะกัดลิ้นกลืนตามไปด้วย”
คนทั้งหมดหัวเราะขบขันนาง
หญิงสาวที่บรรจุมันฝรั่งแผ่นในอีกห้องหนึ่งได้ยินเสียงพูดคุยครึกครื้น หันหน้ามองกันไปมา เสียใจเศร้าหมองเหลือจะเอ่ย
ตอนที่เมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามาในห้องเห็นสีหน้าพวกเขาพอดี ไม่ได้พูดอะไร เดินเงียบๆ ไปข้างกายพวกเขา ตรวจสอบการบรรจุมันฝรั่งแผ่นของพวกเขา
หญิงสาวเหล่านั้นปกติมีชื่อเสียงเป็นคนทำงานคล่องแคล่ว ไม่เหลาะแหละเหยาะแหยะ บรรจุมันฝรั่งแผ่นได้เร็วและมีคุณภาพ แทบจะไม่มีชิ้นส่วนแตกหัก เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นผลงาน ชื่นชมพวกเขาสองสามคำ หญิงสาวเหล่านั้นฝืนแย้มยิ้ม
โรงงานมันฝรั่งแผ่นทำงานได้เป็นระบบระเบียบ เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกวางใจ คิดจะไปดูที่โรงงานกระเป๋านักเรียน ดูว่าพวกเขาเย็บกระเป๋านักเรียนไปได้เท่าไหร่แล้ว หากว่ามีมาก ตนเองควรจะพาเมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉออกไปทำการตลาดอีกสักครั้งหรือไม่
เดินมาถึงหน้าประตูโรงงานกระเป๋านักเรียน ได้ยินเสียงพูดคุยด้านใน เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังจะผลักประตูเข้าไป
ในตอนนี้จางมู่วิ่งตกใจหน้าตั้งเข้ามา “นายหญิง แย่แล้ว เมื่อครู่สะใภ้จูอู่ส่งข่าวมา บอกว่าสองแม่ลูกหลี่ตุนถูกทำร้ายบาดเจ็บ!”
เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดชะงักมือที่กำลังจะผลักประตู ย่นยู่หัวคิ้ว หันหลังถามกลับ “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
จางมู่ส่ายหน้า “ข้าก็ไม่ทราบ เมื่อครู่สะใภ้จูอู่ตะลีตะลานวิ่งเข้ามาบอก ข้าไม่ทันได้ถามไถ่ ก็วิ่งมาบอกท่านก่อน”
เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังสาวเท้าเดินไปที่ประตูใหญ่
คล้ายว่าสะใภ้จูอู่จะวิ่งเร็วเกินไป จนถึงตอนนี้ก็ยังหายใจไม่ทั่วท้อง สองมือจับหัวเข่า ก้มตัวหายใจเหนื่อยหอบ
จางมู่รีบพูด “สะใภ้จูอู่ นายหญิงมาแล้ว”
สะใภ้จูอู่ยืดตัวขึ้น สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วพูดรัว “เมื่อครู่ข้าจะเข้าไปเยี่ยมดูอาการแม่เฒ่าหลี่ตุนว่าดีขึ้นแล้วหรือไม่ กลับพบว่าพวกเขาสองแม่ลูกถูกทำร้ายบาดเจ็บ ข้าร้องเรียกเพื่อนบ้านให้ช่วยไปตามหมอ แล้วถึงรีบวิ่งมาบอกท่าน” พูดจบสูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้ง
“รู้หรือไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
สะใภ้จูอู่ส่ายหน้า “ไม่ทราบ ข้าถามเพื่อนบ้าน พวกเขาก็บอกว่าไม่ได้ยินเสียงอะไร ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับเหวินเปียว “รีบไปบังคับรถม้าออกมา”
เหวินเปียววิ่งแนบออกไป อึดใจเดียวก็บังคับรถม้ากลับมา เมิ่งเชี่ยนโยวและสะใภ้จูอู่ขึ้นไปบนรถม้า เหวินเปียวก็ไม่สนใจเส้นทางขรุขระแล้ว บังคับรถม้ามาถึงบ้านหลี่ตุนโดยไว
ลานบ้านหลี่ตุนมีคนมุงล้อมเนืองแน่นแล้ว พอเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวมาก็หลีกทางออกให้นางโดยอัตโนมัติ
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบเดินเข้ามาในบ้าน เห็นสภาพภายในบ้านก็ให้ขมวดคิ้วมุ่น เห็นศีรษะของหลี่ตุนมีผ้าพันกำลังนั่งบนเก้าอี้เก่าข้างเตียง ใบหน้าเป็นกังวลมองแม่เฒ่าหลี่ตุนที่สองตาปิดสนิท ใบหน้ามีรอยฟกช้ำ
พอเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามา หลี่ตุนราวกับได้เห็นหลักที่พึ่งพิง ร้องเรียกด้วยเสียงสั่นเครือ “นายหญิง”
เมิ่งเชี่ยนโยวถามอย่างห่วงใย “เกิดอะไรขึ้น?”
หลี่ตุนน้ำตาไหลอาบเป็นเขื่อนแตกพลัน แล้วรู้สึกตัวว่าไม่เหมาะสม ใช้แขนเสื้อรุ่งริ่งป้ายเช็ดน้ำตาหยาบๆ ถึงตอบว่า “ข้าไม่เป็นไร แต่ท่านแม่ข้าตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลย”
หมอถอนหายใจพูดว่า “แม่เจ้าร่างกายอ่อนแอ ทั้งถูกคนผลักล้มไปกับพื้น หน้าผากกระแทกกับขอบโต๊ะ ตอนนี้ข้าก็บอกไม่ได้แล้วว่านางจะฟื้นขึ้นมาเมื่อใด”
เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือออกไปจับชีพจรแม่เฒ่าหลี่ตุน
หมอไม่คิดว่านางก็รู้วิชาแพทย์ ให้ตะลึงพรึงเพริด
เมิ่งเชี่ยนโยวจับชีพจรมือทั้งสองข้างของแม่เฒ่าหลี่ตุนอย่างละเอียด ถอนใจโล่งอก พูดว่า “ไม่เป็นอะไรร้ายแรง ไม่นานก็จะฟื้นขึ้นมาเอง”
หมอคืนกลับมาจากอาการตกใจ ยื่นมือออกไปจับชีพจรให้แม่เฒ่าหลี่ตุนอีกครั้ง ยังคงเหมือนเมื่อครู่ที่จับไม่เจออะไรเลย
หลี่ตุนดีใจออกนอกหน้า พูดขอบคุณนางไม่หยุด
หมอถามด้วยอารามตกใจ “แม่นางก็รู้วิชาแพทย์หรือ?”
“รู้นิดหน่อย ไม่เชี่ยวชาญ” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ
หมอย่อมไม่เชื่อ “แม่นางกล่าวถ่อมตนเกินไปแล้ว เจ้าสามารถรู้ได้ว่าแม่เฒ่าหลี่ตุนจะฟื้นขึ้นมาตอนไหน ไม่รู้ว่าวิชาแพทย์ล้ำเลิศกว่าข้าเพียงใดแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดอะไร หันกลับไปถามหลี่ตุน “เกิดเรื่องอะไรขึ้น เหตุใดพวกเจ้าสองแม่ลูกถึงถูกคนทำร้ายได้บาดเจ็บได้?”