ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 216-1 รุมสกรัมหัวโจกหมู่บ้าน
หลี่ตุนได้ฟังหน้าสลดถอดสี สุดท้ายกัดฟันแน่น เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นไปถตามจริง
เดิมทีเมื่อคืนวานแม่เฒ่าหลี่ตุนมีอาการดีขึ้นมากแล้ว หลังจากกินอาหารค่ำเสร็จอยู่คุยกับหลี่ตุนอย่างมีความสุขครู่หนึ่ง ถึงถูกหลี่ตุนพูดหว่านล้อม ยอมปิดเปลือกตาลง ค่อยๆ เข้าสู่ห้วงนิทรา พอหลี่ตุนเห็นนางหลับสนิท ก็ทำทุกอย่างอย่างเบามือเตรียมจะกลับไปที่ห้องตัวเอง ครั้นหันหลังไปเห็นโสมคนบนโต๊ะ จึงนำโสมคนไว้เก็บไว้ในตู้ซอมซ่อบนหัวเตียง แล้วกลับมานอนในห้องตัวเอง
ด้วยกลัวว่ามารดาจะเกิดเรื่องร้องเรียกตัวเอง ทำให้หลี่ตุนนอนด้วยความระแวงระวัง คอยตื่นขึ้นมาดูว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับมารดาตนเองหรือไม่ กระทั่งกลางดึก ถึงทนความง่วงงุนไม่ไหว หลับสนิทไป ขณะที่กำลังหลับสบายนั้น พลันได้ยินเสียงของหนักตกพื้น ตกใจตื่นนึกว่ามารดาตนเองลุกขึ้นมาไม่ระวังสะดุดล้ม รีบตื่นออกไปดู เดินไปพลางลุกลนถาม “ท่านแม่ ท่านเป็นอะไร?”
ในห้องไม่มีเสียงตอบกลับ หลี่ตุนกระวนกระวายใจ เปิดม่านกำลังจะเดินเข้าไปในห้อง กลับมีร่างตะคุ่มหนึ่งใช้ของแข็งกระแทกเข้าที่ศีรษะเขา หลี่ตุนไม่ทันได้มีสติตอบโต้ ก็ทรุดฮวบหมดสติลงไปกับพื้น กระทั่งยามที่ฟื้นขึ้นมา ภายในบ้านก็มีคนมุงล้อมมากมายแล้ว ศีรษะตัวเองมีผ้าเก่าๆ พันไว้ ส่วนหมอกำลังจับชีพจรให้มารดาตนเอง
พูดถึงตรงนี้ หลี่ตุนเหลือบมองเมิ่งเชียนโยวแวบหนึ่ง กลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ถึงพูดอย่างระวังว่า “นายหญิง ข้าตรวจดูแล้ว โสมคนที่ท่านให้ไว้เมื่อวานหายไปแล้ว คนผู้นั้นจะต้องตั้งใจมาเอาโสมคนไป”
เมิ่งเชียนโยวขมวดคิ้วมุ่น
หมอถอนหายใจ ในน้ำเสียงเจือตำหนิ “เมื่อวานข้าบอกแม่นางแล้ว โสมคนดีเลิศเช่นนี้สำหรับพวกเขาแล้ว คือภัยพิบัติ แม่นางไม่ฟัง จะให้พวกเขาเก็บไว้ให้ได้ ไม่ผิดจากที่ข้าพูดเลย โชคดีที่พวกเขาสองแม่ลูกไม่เป็นอะไรร้ายแรง ไม่เช่นนั้นเจ้าคงเสียใจแย่”
เมิ่งเชียนโยวเม้มริมฝีปาก ไม่โต้แย้งคำพูดของหมอ ถามหลี่ตุน “เห็นชัดหรือไม่ว่าเป็นใคร?”
หลี่ตุนส่ายหน้า “พอข้าพ้นประตูเข้ามาก็ถูกตีหัสสลบ ยังไม่ทันได้เห็นหน้าตาของคนผู้นั้นเลย”
เมิ่งเชียนโยวย่นหัวคิ้วขบคิด
หมอถอนหายใจอีกครั้ง พูดโน้มน้าวใจไกล่เกลี่ยเรื่องราว “ไม่ว่าเป็นใคร เมื่อขโมยของไปแล้วก็ให้แล้วไปเถอะ อย่างไรแม่เฒ่าหลี่ตุนก็ไม่ได้ใช้ แม่นางก็มิได้ขาดแคลนโสมคนต้นนี้ เรื่องนี้ให้จบเท่านี้เถอะ”
เมิ่งเชียนโยวย้อนถามอย่างตกใจ “เรื่องนี้จะให้จบเท่านี้หรือ?”
หมอตอบ “ไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้? หลี่ตุนเองก็ไม่เห็นหน้าคนที่มาขโมยโสมคน คิดจะตามหาเขาก็ยากแล้ว ต่อให้แจ้งความ ทางการก็คงไม่มาสนใจช่วยพวกเจ้า หรือพูดในอีกแง่หนึ่ง ต่อให้จับตัวคนที่มาขโมยโสมคนได้ก็แล้วอย่างไร หากไม่ได้รับโทษรุนแรง สักวันเขาจะต้องกลับมาอีก หลี่ตุนเองก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน มีเพียงแม่เฒ่าหลี่ตุนอยู่คนเดียวลำพัง หากมีคนคิดฉวยโอกาสแก้แค้น เกรงว่าต่อไปแม่เฒ่าหลี่ตุนคงไม่อาจอยู่อย่างสงบสุขได้อีก ดังนั้นข้าคิดว่า เรื่องนี้ให้จบเท่านี้เถอะ อย่างไรพวกเขาแม่ลูกก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก พักฟื้นตัวสักระยะหนึ่งก็พอแล้ว”
หลี่ตุนเองก็คิดเช่นนี้ ได้ยินคำพูดหมอก็หันมองไปที่เมิ่งเชียนโยว หวังว่านางจะไม่สืบสาวราวเรื่องนี้อีก
เมิ่งเชียนโยวหน้าเปลี่ยนสี ถามหลี่ตุน “เจ้าก็คิดเช่นนี้หรือ?”
หลี่ตุนเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของนาง ตกใจจนไม่กล้าพูด
เมิ่งเชียนโยวมองหน้าหมอ พูดว่า “ท่านคงจะยังไม่รู้จักข้าดี ข้าเป็นคนที่แม้เป็นความแค้นเล็กน้อยก็ต้องชำระ เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะข้า ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เรื่องนี้จบลงง่ายๆ ส่วนเรื่องราวต่อจากนั้น ข้าจะจัดการเอง”
หมอส่ายหน้า พูดเกลี้ยกล่อมอีก “แม่นางน้อย เจ้าอย่าได้ใช้แต่อารมณ์ ต่อให้เจ้าหาคนที่ขโมยโสมคนพบ เจ้าจะไปทำอะไรเขาได้ อย่างมากก็ส่งตัวให้ทางการโบยไม่กี่ไม้ พักฟื้นไม่กี่วันก็หายแล้ว พอเขาร่างกายฟื้นคืน จักต้องเข้ามาหาเรื่องดังเดิม ถึงตอนนั้นเจ้าจะให้หญิงชราอย่างแม่เฒ่าหลี่ตุนรับมืออย่างไร?”
เมิ่งเชียนโยวฟังออกถึงความหมายแฝง ถามขึ้น “จากความนัยแฝงของท่าน ท่านรู้ว่าใครเป็นขโมยโสมคน?”
หมอสะท้อนสายตาเลิ่กลั่ก โบกมือพูด “เรื่องนี้ข้าไม่รู้ ข้าเพียงว่าไปตามเนื้อผ้า เกลี้ยกล่อมแม่นางก็เท่านั้น”
เมิ่งเชียนโยวส่ายหน้า น้ำเสียงเด็ดขาด “ขอบคุณในคำเตือนของท่าน เรื่องนี้ข้าจะตัดสินใจเอง”
หมอถอนหายใจ ส่ายหน้าหงุด พูดงึมงำกับตัวเอง “วัยเยาว์เลือดร้อน ทำไปก็ไม่มีประโยชน์”
เมิ่งเชียนโยวทำเป็นไม่ได้ยิน ตอนที่กำลังจะให้สะใภ้จู่อู่ตามเหวินเปียวเข้ามานั้น แม่เฒ่าหลี่ตุนก็รู้สึกตัว ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
หลี่ตุนดีใจถลาไปข้างเตียง “ท่านแม่ ท่านฟื้นแล้ว”
แม่เฒ่าหลี่ตุนกลิ้งกลอกนัยน์ตาขุ่นมัว กวาดมองคนในห้องหนึ่งรอบ สุดท้ายมาหยุดยังศีรษะที่มีผ้าพันไว้ของหลี่ตุน ถามอย่างห่วงใย “ตุนเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นอะไรนะ?”
หลี่ตุนส่ายหน้า “ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไร ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
แม่เฒ่าหลี่ตุนยื่นมือแห้งกร้านลูบคลำศีรษะตนเอง “แม่ไม่เป็นไร แค่มึนหัวเล็กน้อย”
“ยื่นมือมา ข้าจะจับชีพจรให้” หมอได้ฟังก็รีบพูด
แม่เฒ่าหลี่ตุนยื่นมือออกไป หมอวางมือจับชีพจรให้นางอย่างละเอียด แล้วพูดว่า “นอกจากร่างกายอ่อนแรงแล้ว ไม่มีอะไรร้ายแรง คงเพราะศีรษะกระแทกกับขอบโต๊ะแรงเกินไป พักไม่กี่วันก็จะหายดี”
แม่เฒ่าหลี่ตุนพยักหน้าแผ่ว ช้อนตามองเมิ่งเชียนโยว พูดตำหนิโทษตัวเอง “ขอโทษด้วย นายหญิง ข้าขวางไว้ไม่ได้ โสมคนที่ท่านให้ไว้ถูกคนขโมยไปแล้ว เรื่องนี้ข้าผิดเอง ท่านอย่าได้คาดโทษตุนเอ๋อร์เลย”
เมิ่งเชียนโยวพูดปลอบใจเสียงละมุน “โสมคนราคาไม่กี่มากน้อย ท่านอย่าได้เอามาใส่ใจ ขอเพียงท่านไม่เป็นอะไรก็พอ”
แม่เฒ่าหลี่ตุนตำหนิตัวเองเสียงเบา “หากไม่เพราะข้าร่างกายอ่อนแอ ถูกเขาผลักทีเดียวก็ทรุดฮวบ หมดสติไป ต่อให้ข้าต้องแลกด้วยชีวิตก็จะต้องแย่งโสมคนกลับมาให้ได้”
เมิ่งเชียนโยวหยั่งเชิงถาม “ท่านเห็นชัดหรือไม่ว่าใครขโมยโสมคนไป?”
หมอกระแอมหนึ่งครั้ง บอกเป็นนัยไม่ให้แม่เฒ่าหลี่ตุนพูดอะไรออกมา
แม่เฒ่าหลี่ตุนเพิ่งจะฟื้น เห็นหลี่ตุนโพกผ้าพันศีรษะ รู้ว่าเขาจะต้องถูกหัวขโมยทำร้ายบาดเจ็บ โกรธแค้นเคืองขุ่น ไม่ได้สนใจคำเตือนของหมอ พูดว่า “ตอนนั้นข้างัวเงียได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวในห้อง นึกว่าตุนเอ๋อร์มาเฝ้าข้ายังไม่ไปนอน ข้าลืมตาขึ้น คิดจะพูดให้เขาไปพักผ่อน กลับเห็นเงาร่างหนึ่งกำลังค้น**บบนหัวนอนข้า ข้าตวาดถามว่าเขาเป็นใคร? ไม่คิดว่าเขาจะมองข้ากลับอย่างไม่สะทกสะท้าน ตะคอกข้าว่า “หากไม่อยากเป็นอะไร ก็จงหลับตาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร พูดจบก็หยิบกล่องออกมาจากใน**บ คิดจะเดินจากไป ข้าไหนเลยจะยอม ลุกขึ้นหมายจะสกัดเขา ไม่คิดว่าแค่เขาสะบัดมือ ข้าก็ไปชนเขากับขอบโต๊ะหมดสติไป ทว่า ข้าฟังเสียงเขาออก น่าจะเป็น…”
หมอร้องกระแอมเสียงลั่น ตัดบทสิ่งที่แม่เฒ่าหลี่ตุนกำลังจะพูด
เมิ่งเชียนโยวรู้ว่าหมอคิดแทนแม่เฒ่าหลี่ตุน ไม่ขุ่นเคือง ยิ้มถาม “ท่านเป็นอะไรอีกแล้ว ให้ข้าช่วยดูให้ท่านดีหรือไม่?”
หมอโบกมือ แล้วกระแอมอีกหลายครั้งถึงพูดว่า “ข้าไม่ทันระวัง สำลักน้ำลายตัวเอง มิได้เป็นอะไร” พูดจบ ฉวยโอกาสส่งสายตาให้แม่เฒ่าหลี่ตุน
แม่เฒ่าหลี่ตุนเห็นเขาส่งสายตาให้ กลับไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร นอนงงอยู่บนเตียง
เมิ่งเชียนโยวเปิดโปงเขา “ท่านไม่ต้องขัดขวางแล้ว เรื่องที่ข้าคิดจะทำยังไม่เคยมีใครขวางได้มาก่อน”
หมอหน้าแดงเรื่อ กระแอมกลบเกลื่อนอีกสองสามครั้ง
เมิ่งเชียนโยวหันไปถามแม่เฒ่าหลี่ตุน “ท่านฟังออกว่าเขาเป็นใคร?”
แม่เฒ่าหลี่ตุนฟังอย่างงุนงงสับสน ไม่รู้เลยว่าพวกเขาพูดเรื่องอะไรกัน ครั้นเมิ่งเชียนโยวถามนาง ไม่แม้แต่จะคิดก็ตอบกลับว่า “เป็นเอ้อซุ่นไม่ผิดแน่”
ครั้งนี้หมอสำลักจริงๆ แล้ว กระแอมไอไม่หยุด
หลี่ตุนกลับตะลึงค้างอยู่ตรงนั้น
เมิ่งเชียนโยวขมวดคิ้วมุ่น ถามหลี่ตุน “เอ้อซุ่น คนที่เข้ามาเยี่ยมแม่เจ้าเมื่อวาน?”
หลี่ตุนพยักหน้า ถามมารดาตนเองอย่างไม่เชื่อ “ท่านแม่ ท่านมิได้หูฝาดนะ? จะเป็นพี่เอ้อซุ่นได้อย่างไร? แม้ช่วงเวลานี้พวกเราจะไม่ได้ไปมาหาสู่กัน แต่เมื่อก่อนพวกเราคบหากันดี เขาจะกล้าลงมือได้อย่างไร?”
ในอดีตหลี่ตุนไม่ทำการทำงาน คบแต่เพื่อนอันธพาลเกเร แม่เฒ่าหลี่ตุนเกลียดเข้ากระดูก เคยก่นด่าพวกคนเกเรที่ชอบมาสุงสิงกับเขา ย่อมคุ้นเคยกับคนพวกนั้นเป็นอย่างดี ได้ยินหลี่ตุนถาม ก็ตอบได้อย่างเด็ดขาด “ไม่ผิดแน่นอน ข้าจำน้ำเสียงเขาได้ติดหู ยังมีรูปร่างของเขา แม้แม่จะอายุมากแล้ว แต่ยังไม่ถึงขั้นหูตาฝ้าฟาง แยกแยะคนไม่ได้”
หมอเห็นว่าแม่เฒ่าหลี่ตุนพูดออกมาจนหมด ตนเองห้ามไปก็ไม่มีประโยชน์ ได้แต่นั่งถอนหายใจ
เมิ่งเชียนโยวมองเขาแวบหนึ่ง ยิ้มถาม “ท่านเอาแต่หวาดกลัวเพราะรู้แต่แรกแล้วว่าเป็นเขาสินะ”
หมอถอนหายใจอีกครั้ง พูดว่า “ดังนั้นข้าถึงได้คอยเตือนแม่นางอย่าได้สืบสาวเอาความอีก ครอบครัวเอ้อซุ่นมีพี่น้องผู้ชายสี่คน ไม่ว่าใครก็ไม่ควรมีเรื่องด้วย ปกติคนในหมู่บ้านเห็นพวกเขาจะต้องหลบให้พ้นทาง หากเจ้ายังดึงรั้นจะเอาความไม่เลิก ไม่ว่าพวกเขาได้รับบทลงโทษอย่างไร เกรงว่าพี่น้องอีกสามคนไม่มีทางยอมรามือง่ายๆ ครอบครัวหลี่ตุนก็จะไม่มีวันได้อยู่อย่างสงบสุข”
เมิ่งเชียนโยวยิ้มพูด “ท่านคงยังไม่รู้ว่าข้ามีงานอดิเรกหนึ่ง คือการรักษาอาการไม่ยอมแพ้ชนิดนี้โดยเฉพาะ ท่านวางใจ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้คือความล้มเหลวของคนรุ่นเก่าที่จะเป็นบทเรียนให้คนรุ่นหลัง ครั้งนี้ข้าจักขจัดภัยซ่อนเร้นในภายหลังทั้งหมดเอง ไม่ว่าใครก็จะไม่กล้าลงมืออีก”
หมอมองเมิ่งเชียนโยว แม้นางจะยกยิ้มหวานพูด แต่รอบกายกลับอบอวลไปด้วยกลิ่นอายเย็นเยียบ ราวกับว่าขอเพียงเป็นคนที่ทำผิดต่อนางล้วนไม่มีจุดจบที่ดี ให้เกิดความเชื่อมั่นขึ้นหลายส่วน พูดว่า “หวังว่าแม่นางจะพูดได้ทำได้”
เมิ่งเชียนโยวพยักหน้า หันหลังเดินไปหน้าประตูร้องเรียกเหวินเปียว “เจ้ารีบกลับไปที่บ้านเรียกเหวินหู่และพวกอู๋ต้าเข้ามา บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะให้พวกเขาทำ อีกอย่าง ให้เหวินเป้าขี่ม้าเร็วเข้าไปแจ้งความที่ศาลาว่าการตำบล ไปถึงให้เอ่ยชื่อข้า บอกว่าข้าทำสิ่งของสูงค่าสูญหาย ให้ท่านผู้ว่าการส่งคนเข้ามา”
เหวินเปียวขานรับคำ บังคับรถม้าจากไปโดยเร็ว
คนในลานบ้านได้ยินคำสั่งของนาง ต่างก็อยากดูเรื่องสนุก ไม่มีใครแยกย้ายจากไป คนที่เข้ามามุงดูกลับยิ่งมากขึ้น
สองแม่ลูกหลี่ตุนไม่เป็นอะไรแล้ว เดิมหมอควรจะเก็บกระเป๋ายากลับไป แต่ครั้นได้ยินคำสั่งของเมิ่งเชียนโยว ก็ให้สนใจใคร่รู้ว่านางจะจัดการอย่างไรกันแน่ จึงนั่งบนเก้าอี้เตี้ยไม่ขยับไปไหน
แม่เฒ่าหลี่ตุนได้ยินนางสนทนากับหมอ ถึงเข้าใจความหมายที่หมอส่งสายตาให้ตนเองเมื่อครู่ พลันเต็มแน่นไปด้วยความกลัดกลุ้มและกระวนกระวายใจ
หลี่ตุนเข้าใจนิสัยของเมิ่งเชียนโยวดี รู้ว่านางจะต้องไม่ให้เอ้อซุ่นได้เป็นสุข ก็ให้สะใจถึงขีดสุด ลืมเรื่องที่ตนเองเพิ่งจะเป็นกังวลไปสิ้น
แต่ละคนมีความคิดแตกต่างกันไป มีเพียงเมิ่งเชียนโยวที่นั่งบนเก้าอี้เตี้ยด้วยอารมณ์สงบนิ่ง รอเหวินเปียวตามคนเข้ามา
เหวินเปียวกลับไปถ่ายทอดความ เหวินหู่และอู๋ต้าเบียดกันนั่งบนคานรถด้านหน้า พวกซุนเอ้อสี่คนเบียดกันอยู่ท้ายรถ ตามติดรถม้าไป