ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 218-2 เป็นแม่สื่อ
เห็นทั้งสามคนที่พริบตาเดียวก็หายออกไปจากห้องรับแขก จางฟู่กุ้ยได้แต่กลืนเสียงเอ็ดลงไป สูดลมหายใจเข้าลึก บุตรสาวมีนิสัยใจร้อนบุ่มบ่ามเช่นนี้ ไม่รู้ว่าบ้านสามีในอนาคตจะยอมรับนางได้หรือไม่
คนในห้องครัวกำลังขะมักเขม้นทำสำรับอาหาร เห็นจางลี่ฉุดกระชากแม่นางน้อยคนหนึ่งและมีฮูหยินจางเดินไล่หลังเข้ามา ต่างก็ตกใจตัวโยน กำลังจะทำความเคารพ จางลี่พลันโบกมือห้ามทุกคน “พวกเจ้าทำงานไปเถอะ เหลือเตาเล็กสักอันไว้ให้ข้ากับแม่นางเมิ่งก็พอ”
แม่ครัวได้ยินดังนั้น รีบยกซุปเนื้อตุ๋นบนเตาเล็กออกไปทันที
จางลี่ดึงเมิ่งเชี่ยนโยวมายังที่เก็บของภายในห้องครัว ให้นางดูวัตถุดิบ แล้วถามขึ้น “แม่นางเมิ่ง วัตถุดิบทั้งหมดอยู่ตรงนี้ เจ้าดูก่อนว่าต้องการจะทำอาหารใด?”
ฮูหยินจางเข้าไปห้ามปราบพลางพูดเอ็ดนาง “เจ้าลูกคนนี้ จะให้แม่นางเมิ่งทำอาหารได้อย่างไร เจ้าเป็นคนทำ ให้นางคอยชี้แนะก็พอแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ฮูหยิน ไม่เป็นไรเลย ข้าอุตส่าห์ได้พบกับคนที่ชอบคิดค้นเรื่องอาหารเช่นแม่นางจาง พวกเราจะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน”
ฮูหยินจางยับยั้งนาง “ลี่เอ๋อร์ถูกพวกเราตามใจจนเสียเด็ก ทำตัวเหลวไหลไปบ้าง แต่เจ้าจะทำอาหารกับนางไม่ได้เด็ดขาด หากเรื่องแพร่งพรายออกไป พวกเราคงไม่มีหน้าไปเจอใครแล้ว”
จางลี่เดินมาตรงหน้าฮูหยินจาง พลิกตัวกลับหลังหัน แล้วออกแรงผลักนางออกไปจากห้องครัวอย่างระวัง พูดกระเง้ากระงอด “ท่านแม่ ท่านให้แม่นางเมิ่งทำอาหารให้ข้าชิมสักจานเถอะ ไม่เช่นนั้นคืนนี้ข้านอนไม่หลับแน่”
ฮูหยินจางถูกผลักออกมาด้านนอก ทั้งโมโหทั้งขบขัน “ปีนี้เจ้าอายุได้สิบห้าปีแล้ว ไม่มีความเป็นสาวสะพรั่งแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าต่อไปจะได้บ้านสามีเป็นอย่างไร”
จางลี่ที่เอาตัวนางออกไปนอกครัวได้แล้ว ได้ยินคำพูดนี้ของนาง กระทืบเท้าพูดแง่งอน “ท่านแม่ ข้าแค่ให้แม่นางเมิ่งทำอาหารเท่านั้น เหตุใดท่านถึงต้องโยงมาเรื่องแต่งงานด้วย ข้าไม่มีความเป็นสาวสะพรั่งแล้วอย่างไร พวกเขาไม่ยินดีขอข้า ข้าก็ไม่อยากแต่งเหมือนกัน อย่างไรบ้านเราก็ไม่อัตคัดขาดแคลน ข้าอยู่เป็นยายแก่เทื้อคาเรือนไปทั้งชีวิตก็ได้”
ฮูหยินจางยิ้มเอ็ด “เจ้าอยากเป็นยายแก่เทื้อคาเรือนไปทั้งชีวิต แต่ข้าและพ่อเจ้าไม่ยินยอมหรอก พวกเราฝากฝังแม่สื่อแล้ว ให้คอยสอบถาม เมื่อเจอสกุลที่คู่ควรก็จะแต่งเจ้าออกไป”
จางลี่ร้อนรนกระทืบเท้าถี่รัว หันหลังกลับเข้าไปในครัว
เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินบทสนทนาของพวกเขาแม่ลูก หัวใจสั่นไหว เกิดความคิดบางอย่างปรากฏขึ้นในสมอง
จางลี่เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวก็ลืมคำพูดเมื่อครู่ของฮูหยินจางไปสิ้น ถามอย่างชื่นบาน “แม่นางเมิ่ง เจ้าคิดได้แล้วหรือยังว่าจะทำอะไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ข้าเห็นในครัวมีเนื้อมาก เช่นนั้นก็ทำหมูสามชั้นน้ำแดงเถอะ”
จางลี่กระฉับกระเฉงขึ้นมาพลัน “เจ้าต้องการอะไร ข้าจะเป็นลูกมือให้”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ไม่ต้องหรอก แค่เตรียมน้ำตาลทรายขาวและเครื่องปรุงให้ข้าก็พอ อย่างอื่นข้าจัดการเองก็พอ”
จางลี่จัดแจงหยิบน้ำตาลทรายขาวและเครื่องปรุงมาวางตรงหน้านางด้วยตัวเอง พูดว่า “เมื่อเจ้าไม่ต้องการให้ข้าช่วย เช่นนั้นข้าจะทำอาหารที่ข้าเพิ่งจะคิดค้นได้ ประเดี๋ยวจะให้เจ้าลิ้มรส ให้คำติชมข้าด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้ารับคำ “ได้”
จางลี่เขยิบออกไปเตรียมวัตถุดิบอาหารของตัวเอง เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบเนื้อขึ้นมาหนึ่งก้อน ล้างให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นขนาดเท่ากัน ลงมือทำหมูสามชั้นน้ำแดง
จางลี่เองก็เตรียมวัตถุดิบของตัวเองเสร็จแล้ว หลังจากชำระล้างน้ำก็เริ่มลงมือทำอาหารบนเตาเล็กอีกตัว
คนอื่นๆ ในห้องครัวก็ขมีขมันทำงานของตัวเอง ในห้องครัวพลันเต็มไปด้วยเสียงกระทะตะหลิวกระทบกันดังโฉ่งฉ่าง
จางลี่ทำอาหารจานผัด ไม่นานก็ทำเสร็จ
หมูสามชั้นน้ำแดงของเมิ่งเชี่ยนโยวต้องใช้เวลา กระทั่งบรรดาแม่ครัวทำอาหารในมือเสร็จ หมูสามชั้นน้ำแดงถึงส่งกลิ่นหอมคละคลุ้ง
ทุกคนที่ได้กลิ่นหอมนี้ ต่างสูดเข้าปอดไปอีกหลายฟอด จางลี่อาการหนักกว่าคนอื่น ก้าวเข้าไปหน้าเตา สูดกลิ่นจากหม้อที่ยังมีฝาปิดอยู่อย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ พูดอย่างตื่นเต้น “โอ้โห แม่นางเมิ่ง หมูสามชั้นน้ำแดงที่เจ้าทำช่างหอมยิ่งนัก”
เมิ่งเชี่ยนโยวขบขันกับท่าทีน่าเอ็นดูของนาง พูดแหย่เย้า “เจ้าต้องระวังนะ อย่าให้น้ำลายไหลเข้าไปในหม้อ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะไม่ได้กินกันหมด”
จางลี่ดวงตาเปล่งประกาย ตอบโต้ด้วยแววซุกซน “หากเจ้าไม่พูดข้าคงคิดไม่ถึง วิธีนี้เยี่ยมยอดเลย ข้าจะได้กินหมูสามชั้นน้ำแดงคนเดียว ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวพวกเจ้าแย่งข้าไปหมด”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะขบขันอีกครั้ง คิดว่าหากในครอบครัวมีคนสดใสร่าเริงเช่นนี้ก็คงดีไม่น้อย พูดไม่กี่คำก็ทำให้ความกลัดกลุ้มใจมลายหายไปได้หมด
หลังจากที่ฮูหยินจางถูกจางลี่ไล่ออกมาด้านนอก จึงไม่กลับเข้าไปอีก หันหลังกลับมาห้องรับรองแขก ดูว่าสาวใช้เตรียมการเป็นอย่างไรบ้าง
ปกติไม่ค่อยจะมีแขกเข้ามา เหล่าสาวใช้ย่อมจัดเตรียมได้เป็นอย่างดี ปัดกวาดห้องหับจนสะอาดเอี่ยม เครื่องนอนทั้งหมดล้วนเป็นของใหม่ แม้แต่ผ้าปูเตียงและผ้าม่านก็เปลี่ยนเป็นสีสันสดใส
ฮูหยินจางเห็นแล้วก็ให้พึงพอใจ พูดกับสาวใช้ที่จัดเตรียมห้องรับรองว่า “จัดเตรียมห้องได้ดีมาก ตกกลางคืนยังต้องคอยปรนนิบัติแม่นางเมิ่ง ขอเพียงแม่นางเมิ่งพอใจ พวกเจ้าล้วนได้รับบำเหน็จ”
สาวใช้ดีใจขานรับคำ “ขอบคุณฮูหยิน”
มองดูห้องหับที่จัดเตรียมเรียบร้อย ฮูหยินจางรู้สึกว่าถึงเวลาแล้ว ด้านหนึ่งสั่งสาวใช้ไปดูว่าอาหารในห้องครัวทำเสร็จแล้วหรือไม่ ด้านหนึ่งสั่งบ่าวให้จัดโต๊ะอาหาร
สาวใช้กลับมารายงานโดยไว บอกว่าอาหารในห้องครัวทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงอาหารของเมิ่งเชี่ยนโยวที่ยังทำไม่เสร็จ
ฮูหยินจางจึงไปที่ห้องครัวอีกครั้ง เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงร้องวี๊ดว้ายของบุตรสาวตนเอง “แม่นางเมิ่ง หมูสามชั้นน้ำแดงของเจ้าอร่อยยิ่งนัก แบบนี้คนที่กินได้กัดลิ้นกลืนเข้าไปพร้อมกันเป็นแน่”
ฮูหยินจางได้ฟังหลุดขำพรวด คิดว่าไม่เสียแรงที่หลายปีมานี้บุตรสาวของตนเองคอยตามติดเรียนรู้การทำการค้ากับบิดา วาจาปะเหลาะคนของนางถือว่าฝึกออกมาได้บ้างแล้ว พลางเดินเข้ามาในครัว กำลังยกยิ้มจะเอื้อนเอ่ย กลิ่นหอมคลุ้งก็ลอยเข้ามาปะทะจมูกตัวเอง ฮูหยินจางก็สูดเข้าไปหลายฟอดอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ถามด้วยความประหลาดใจ “อาหารอะไรถึงได้หอมเช่นนี้?”
หลายปีมานี้จางฟู่กุ้ยทำการค้าเจริญรุ่งเรือง ต่อหน้าคนอื่นฮูหยินจางจะรู้จักเก็บอาการมากขึ้น ไม่ว่าทำสิ่งใดจะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ครานี้กลับไม่สนอะไรแล้ว สาวเท้าจากสามก้าวเป็นสองก้าวเดินมาข้างจางลี่ รับตะเกียบที่จางลี่ส่งให้ คีบหมูสามชั้นน้ำแดงชิ้นหนึ่งขึ้นมาเป่าลมอย่างอดใจรอไม่ไหว แล้ววางใส่ปากอย่างระวัง ค่อยๆ เคี้ยวอย่างละเมียดหนึ่งคำ ความหอมหวานกระจายทั่วปาก พลันร้องอุทาน “หมูนี้อร่อยยิ่งนัก ข้าไม่เคยกินหมูที่อร่อยเลิศเช่นนี้มาก่อน”
จางลี่พูดอย่างลำพอง “ท่านแม่ ครานี้ท่านได้อาศัยใบบุญของข้าแล้ว หากไม่เพราะข้าดึงรั้งเมิ่งเชี่ยนโยวมาห้องครัว ท่านจะได้กินหมูสามชั้นน้ำแดงเลิศรสเช่นนี้หรือ?”
ฮูหยินจางกลืนเนื้อหมูในปากลงไปแล้ว ยกยิ้มเอ็ด “เหตุใดเจ้าต้องกระหยิ่มใจด้วย นี่เป็นอาหารที่แม่นางเมิ่งทำ มิใช่เจ้าทำเสียหน่อย”
คนในครัวเห็นฮูหยินจางกินอย่างเอร็ดอร่อย ต่างกลืนน้ำลายตามโดยไม่รู้ตัว
ฮูหยินจางวางตะเกียบแล้วสั่งพวกเขา “ยกอาหารที่ทำเสร็จแล้วออกไป”
คนทั้งหมดขานรับคำ เข้ามายกอาหารที่ทำเสร็จแล้วไปที่ห้องอาหาร
ฮูหยินจางยิ้มพูด “แม่นางเมิ่ง ลำบากเจ้าแล้ว พวกเราไปกินข้าวเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้ากำลังจะเดินออกไปพร้อมฮูหยินจาง
จางลี่ร้องตะโกนเรียก “ช้าก่อน”
ทั้งสองหันมองมาที่นาง
จางลี่เดินมาอีกฝั่งของห้องครัว หยิบถาดใบหนึ่งออกมา ใช้ผ้ารองมืออีกที แล้วนำจานหมูสามชั้นน้ำแดงวางบนถาด ยกถาดขึ้น พูดกับทั้งสองคน “ไปเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ
ฮูหยินจางกลับไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เดินนำเมิ่งเชี่ยนโยวมาถึงห้องอาหารอย่างแหนงหน่ายใจ
จางเฉิงและเมิ่งอี้เซวียนรวมถึงซุนเหลียงไฉเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารอย่างเป็นระเบียบแล้ว จางฟู่กุ้ยกำลังอมยิ้มมองพวกเขาทั้งหมด
ฮูหยินจางพาเมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในห้องอาหาร จางลี่ยกถาดอาหารเดินตามหลังมา
ซุนเหลียงไฉจมูกไว ได้กลิ่นหอมของหมูสามชั้นน้ำแดงทันที อารามดีใจร้องตะโกนลั่น “หมูสามชั้นน้ำแดง!”
จางฟู่กุ้ยก็ได้กลิ่นหอมเช่นกัน ถามขึ้น “ฮูหยิน นี่คืออาหารอะไร? เหตุใดถึงหอมกรุ่นเช่นนี้?”
ฮูหยินจางยิ้มตอบ “นี่คือหมูสามชั้นน้ำแดงที่แม่นางเมิ่งเป็นคนทำ เมื่อครู่ข้าได้ชิมไปหนึ่งชิ้น อร่อยลิ้นเป็นอย่างมาก ประเดี๋ยวท่านลองชิมดูเถิด”
จางลี่วางถาดลงบนโต๊ะ บ่าวรับใช้เข้าไปยกหม้อหมูสามชั้นน้ำแดงออกมา วางไว้กลางโต๊ะอาหาร กลิ่นหอมลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้องอาหารพลัน แม้แต่คนไม่ชอบแสดงออกอย่างจางเฉิงยังโพล่งปากชม “หอมนัก!”
จางฟู่กุ้ยกล่าวยกยอ “แม่นางเมิ่งอายุเพียงเท่านี้ไม่เพียงทำการค้าเก่ง เกรงว่าแม้แต่ฝีมือทำอาหารก็คงไม่มีใครเทียบได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับอย่างถ่อมตน “เถ้าแก่จางกล่าวเกินไปแล้ว ที่ข้าพอจะชำนาญก็มีเพียงอาหารจานนี้ วันนี้ทำออกมาขายหน้าตัวเองแล้ว”
“หากนี่ยังเรียกว่าขายหน้า เช่นนั้นอาหารของข้าก็กินไม่ได้เลยสิ?” จางลี่พูดใหญ่โตเกินเหตุ
คนทั้งห้องหัวเราะขบขันนาง