ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 224-1 ฝูงชนต่อต้าน ญาติมิตรหลีกหนี (1)
สิ้นเสียงเมิ่งเชี่ยนโยว ชาวบ้านยิ่งส่งเสียงวิพากษ์หนาหูขึ้น มีคนเห็นด้วย มีคนพูดเหน็บแนม ยังมีคนพูดนินทาอย่างมีลับลมคมใน
เมิ่งเชี่ยนโยวมิได้สนใจปฏิกิริยาของชาวบ้าน เอ่ยปากพูดต่อ “พวกเขาทบทวนถี่ถ้วนแล้ว ถึงยอมรับข้อเสนอของข้า ทว่านอกจากเงื่อนไขทั้งสองข้อแรกแล้วนั้น พวกเขายังเสนอเรียกเงินอีกห้าพันตำลึง”
ชาวบ้านส่งเสียงสูดลมเข้าปากดังขึ้นเป็นระลอก มีคนพูดว่า “ประเสริฐนัก พวกเขาช่างกล้าเรียก เงินห้าพันตำลึง คนชนบทใช้กันแปดชาติก็ไม่หมด”
เสียงเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้นต่อเนื่อง “ข้าย่อมไม่ยอมให้พวกเขามากเช่นนั้น หลังการต่อรองราคา จึงให้พวกเขาห้าร้อยตำลึง ทั้งรับปากจะมอบสัญญาทาสของหลิวต้าเป่าและสูตรเนื้อรมควันให้พวกเขา ทว่า ข้าขอให้พวกเขาให้เวลาข้าสามวัน เพื่อจัดการกับคนงานในโรงงานเนื้อรมควัน พวกเขารับปากทันควัน หลิวกุ้ยและท่านลุงใหญ่ข้าไปดำเนินเรื่องเปลี่ยนตำแหน่งที่ศาลาว่าการตำบล เดิมทีเรื่องทั้งหมดดำเนินไปได้ด้วยดี ทว่าพอกลับมาจากการดำเนินเรื่อง สะใภ้หลิวกุ้ยก็กลับคำพูด ใช้อำนาจเรียกร้องให้ข้าปิดโรงงานทันที ข้ามิได้รับปาก เรื่องราวต่อจากนั้นทุกคนคงทราบดีแล้ว วันที่ท่านลุงใหญ่ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน นางวิ่งมาก่อกวนอาละวาด ข้าโมโหจนขาดสติ จึงมองสูตรเนื้อรมควันให้คนในหมู่บ้าน”
เรื่องนี้ทุกคนต่างทราบดี ดังนั้นจึงมิได้พูดสิ่งใด หลิวกุ้ยไม่รู้เรื่องนี้ ได้ฟังเช่นนั้นก็ถลึงตาใส่ภรรยา แผดเสียงตวาดลั่น “ที่แท้เป็นเจ้าที่ก่อเรื่องงามหน้า ถึงว่าต้าเป่าถึงเข้าเมืองไปตั้งแต่คืนวันนั้น แม่ลูกรวมหัวกันมอบสูตรให้คนในหมู่บ้านโดยเปล่า”
สะใภ้หลิวกุ้ยผงะถอยหลังไปอย่างหวาดผวา ถอยมาถึงข้างตัวหลิวลี่ แต่ยังปากดีพูดโต้แย้งเสียงแข็ง “เกี่ยวอะไรกับพวกเรา เพราะนังตัวดีนี่ต่างหากที่กลับคำพูด ไม่ยอมปิดโรงงานทันที ขัดขวางเส้นทางร่ำรวยของครอบครัวพวกเรา ข้าโมโหขาดสติถึงเรียกเอาสูตรต่อหน้าชาวบ้าน ข้าไหนเลยรู้จะรู้ว่านางจะร้ายกาจถึงเพียงนั้น กลับแจกจ่ายสูตรให้คนทั้งหมู่บ้านโดยเปล่า”
หลิวกุ้ยที่คิดมาตลอดว่าเป็นเมิ่งเชี่ยนโยวไม่รักษาสัจจะก่อน วางแผนไว้แต่แรกแล้วว่าจะบอกสูตรเนื้อรมควันให้คนในหมู่บ้าน ถึงยอมมอบสูตรเนื้อรมควันมาล่อหลอกตนเอง ไม่คิดว่าจะเป็นเพราะถูกภรรยาและบุตรชายตัวเองบีบให้ทำ ไฟโทสะลุกฮือ โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
สะใภ้หลิวกุ้ยคว้าแขนหลิวลี่ไว้แน่น ลนลานถาม “ลี่เอ๋อร์ เจ้าว่าแม่สมควรทำเช่นนี้หรือไม่?”
หลิวลี่ไม่ทันได้เดียดฉันท์ว่ามือหยาบกระด้างของสะใภ้หลิวกุ้ยจะทำให้ชุดสวยของนางเสียหาย รีบพูดช่วยนางพลัน “ท่านพ่อ ท่านแม่มิได้ทำผิด เมื่อให้สูตรกับพวกเราแล้ว นางก็สมควรปิดโรงงานทันที เป็นนางที่ไม่รักษาสัจจะก่อน ท่านจะมาโทษว่าเป็นความผิดท่านแม่ไม่ได้” พูดถึงตรงนี้ ก็จ้องเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างเคียดแค้น “จะโทษก็ต้องโทษนังตัวดีที่มีแต่แผนการ ล่อหลอกพวกท่าน”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะเบาๆ พูดว่า “ใครถูกใครผิด คืนนั้นคนทั้งหมู่บ้านก็ได้เห็นแล้ว ข้าไม่เคยทำสิ่งใดให้ละอายใจตัวเอง”
“เจ้า…” หลิวลี่สะอึกกึกจนพูดไม่ออก
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “พวกเขาจึงเคียดแค้นชิงชังข้า ตอนที่ข้าซื้อที่ดินเปล่า หลิวกุ้ยไปฟ้องร้องท่านลุงใหญ่ข้าที่ศาลาว่าการตำบล บอกว่าเขาใช้อำนาจหน้าที่อำนวยความสะดวก วัดที่ดินเพิ่มให้ข้าอีกไม่น้อย ท่านผู้ว่าการส่งคนมาทำรางวัด พบว่าตรงกับตัวเลขที่พวกเรารายงานทุกประการ ท่านผู้ว่าการถึงได้เดือดดาล สั่งคนโบยเขา เรื่องที่เขาถูกโบยเพราะเขาหาเหาใส่หัวเอง ไม่เกี่ยวกับพวกเรา”
ชาวบ้านที่มาชุมนุมถึงได้เข้าใจต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ ต่างกล่าวตำหนิครอบครัวหลิวกุ้ย
หลิวกุ้ยหน้าอมเขียวอมม่วง เหยเกดูไม่ได้
สีหน้าหลิวลี่ยิ่งเบ้เบี้ยวไม่น่าดู มารดาตนเองหาได้พูดเช่นนี้กับตัวเองไม่ เดิมนางคิดจะใช้โอกาสนี้จัดการเมิ่งเชี่ยนโยวให้หนำใจสักยก สร้างบารมีเฉิดฉายต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้าน ไม่คิดว่ากลับเป็นสะใภ้หลิวกุ้ยที่พูดกลับดำเป็นขาว ทำให้ครอบครัวของพวกนางต้องตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ หากเป็นคนอื่น คงอับอายพาสาวใช้และบ่าวเผ่นแนบกลับบ้านไปนานแล้ว แต่หลิวลี่ได้รับสืบทอดทักษะความหน้าหนาและพูดกลับดำเป็นขาวมาจากสะใภ้หลิวกุ้ย กระชากแขนเสื้อของตัวเองออกมาจากมือสะใภ้หลิวกุ้ย เดินหน้าสองสามก้าว พูดเยาะหยัน “ไม่เจอหนึ่งปี ฝีปากเจ้าคมคายขึ้นไม่น้อย แต่ด้วยวาจาที่ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จของเจ้า ก็คิดจะปัดความรับผิดชอบที่ได้ทำลายครอบครัวพวกเราจนย่ำแย่เช่นนี้ เจ้าฝันไปเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวคลี่ยิ้มพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน “แม้จะไม่มีสูตรเนื้อรมควัน แต่เงินห้าร้อยตำลึงก็เพียงพอให้พวกเจ้าใช้ไปทั้งชีวิตแล้ว เพราะพวกเจ้ามีจิตใจคิดคด ขโมยไก่ไม่ได้เสียข้าวสารอีกหนึ่งกำมือ[1]เอง ถึงต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ หาได้เกี่ยวข้องกับข้าไม่”
“เงินห้าร้อยตำลึง” หลิวลี่หัวเราะเหยียดหยาม ประคองจับปิ่นทองบนศีรษะตนเอง หลังจากได้รับแววตาอิจฉาจากชาวบ้านแล้ว ถึงพูดอย่างดูแคลนว่า “เงินห้าร้อยตำลึงยังไม่พอค่าแป้งผัดหน้าของข้าหนึ่งเดือนเลย เห็นข้าเป็นขอทานหรือไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเสียดสี “ให้ขอทานยังดีกว่าพวกเจ้า หมั่นโถวลูกเดียวก็เพียงพอแล้ว”
“เจ้า…” หลิวลี่สะอึกกึก โกรธกระฟัดกระเฟียด ยกมือชี้หน้าด่าเมิ่งเชี่ยนโยว “นังผู้หญิงชั้นต่ำ อย่าคิดว่าตัวเองมีเงินหยิบมือก็กล้ามากำเริบต่อหน้าข้า ข้าจะบอกให้นะ ถ้าข้าโมโหขึ้นมา วันนี้จะให้คนตีเจ้าให้ตาย”
เมิ่งเชี่ยนโยวชักสีหน้านิ่งขรึม น้ำเสียงเจือโทสะ “ชีวิตนี้ข้าเกลียดคนที่ใช้นิ้วชี้หน้าข้าที่สุด ข้าขอเตือนเจ้าทางที่ดีให้รีบเก็บมือลง ไม่เช่นนั้นข้าไม่รังเกียจที่จะหักมันทิ้ง”
หนึ่งปีที่ผ่านมาหลิวลี่ได้รับการยกยอจนเหลิง ไม่เคยถูกหยามเกียรติ ได้ฟังก็เลือดขึ้นหน้า เดินขึ้นหน้าไปอีกก้าว ยกนิ้วชี้เข้าใกล้หน้าเมิ่งเชี่ยนโยว “ข้าจะใช้นิ้วชี้หน้าเจ้า เจ้าจะทำอะไรข้าได้?”
สิ้นเสียง ร่างก็ลอยปลิวออกไป
ความเปลี่ยนแปลงชั่วพริบตานี้ ชาวบ้านยังมองไม่ทันว่าเกิดอะไรขึ้น หลิวลี่ก็ลงไปนอนร้องครวญครางอยู่บนพื้นแล้ว
พวกสาวใช้ตกใจผวา ร้องอุทาน “คุณหนู” แล้ววิ่งเข้ามาประคองนางพร้อมกัน
เมิ่งเชี่ยนโยวก็สะดุ้งตกใจ มองเมิ่งอี้เซวียนอย่างไม่อยากเชื่อ
เมิ่งอี้เซวียนพยายามถูไถเท้าข้างที่ถีบหลิวลี่เช็ดไปกับพื้น ย่นหัวคิ้วพูดว่า “สกปรกนัก ไม่รู้ว่าข้าควรจะเก็บรองเท้านี้ไว้หรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวได้สติกลับมาแล้ว โพล่งหัวเราะลั่น ยกนิ้วหัวแม่มือให้เขา กล่าวชมเชย “เตะได้ดี!”
ในสายตาคนในหมู่บ้านเมิ่งอี้เซวียนเป็นเด็กดีมากคนหนึ่งมาตลอด ไม่ว่าพบเจอใครจะต้องกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มอย่างสุภาพ ไม่เคยเห็นเขาโมโหมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องทำร้ายคน ตอนนี้เห็นเขาถีบหลิวลี่ตัวลอย ชาวบ้านต่างตะลึงค้าง มึนงงกันไปตามๆ กัน
ลูกเตะนี้ของเมิ่งอี้เซวียนไม่เบาเลย หลิวลี่ถูกคนห้อมล้อมรุมเรียกครู่ใหญ่ถึงมีเรี่ยวแรงคืนกลับมา กำลังจะระเบิดอารมณ์ เสียงร้องอุทานหนึ่งก็ดังขึ้น “พวกเจ้ามายืนหน้าประตูบ้านข้าทำอะไรตั้งมากมาย?”
ชาวบ้านหันกลับไปมอง ที่แท้เป็นซุนเหลียงไฉที่เพิ่งจะกลับมาพร้อมเมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิง แต่ละคนร่างกายมอมแมม ไม่รู้ว่าไปเล่นที่ไหนมา
เมิ่งเชี่ยนโยวถามซุนเหลียงไฉด้วยใบหน้ามึนตึง “อี้เซวียนต้องเรียนมากกว่าพวกเจ้าครึ่งชั่วยามยังกลับถึงบ้านแล้ว พวกเจ้าทั้งหมดไปเล่นที่ไหนกันมา ไม่อยากกินข้าวแล้วใช่หรือไม่?”
ซุนเหลียงไฉลูบจมูกอย่างร้อนตัว ชี้หลิวลี่ที่นอนมีสาวใช้ห้อมล้อมบนพื้น เปลี่ยนเรื่องพูดว่า “พวกนางเป็นใคร มาทำอะไรหน้าประตูบ้านพวกเรา?”
“พวกมาหาเรื่องถึงบ้านคนอื่น” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบส่งๆ
แม้ซุนเหลียงไฉจะมีความก้าวหน้าในการเรียนมาก แต่นิสัยติดเล่นยังไม่เปลี่ยน ทุกวันหลังจากเลิกเรียน จะต้องพาเมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงไปเที่ยวเล่น ทุกครั้งที่เล่นเสร็จก็จะแอบย่องกลับบ้าน เปลี่ยนเสื้อผ้าที่สกปรกออก เมิ่งเชี่ยนโยวธุระเยอะ ไม่มีเวลาสนใจเขา จึงไม่สังเกตเห็น เดิมทีวันนี้พวกเขาก็คิดจะแอบย่องกลับบ้าน ไม่คิดว่าวันนี้จะมีคนมาหาเรื่องถึงบ้าน เมิ่งเชี่ยนโยวก็อยู่บ้านพอดี จับไต๋พวกเขาสามคนได้อย่างจัง พอคิดว่าจะต้องรับโทษทัณฑ์ ซุนเหลียงไฉก็ให้สั่นสะท้าน โยนความรับผิดชอบทั้งหมดไปที่หลิวลี่ พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “กล้ามาหาเรื่องบ้านพวกเรา เบื่อจะมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่?”
หลิวลี่ที่เพิ่งจะได้สติคืนกลับมาเห็นใบหน้าเกลี้ยงเกลาหมดจด คมคายหล่อเหลาของซุนเหลียงไฉก็ตาโตอ้าปากค้างอีกครั้ง ลืมกระทั่งความขุ่นเคือง ได้แต่จ้องซุนเหลียงไฉตาค้าง
ซุนเหลียงไฉกำลังคิดว่าจะแสดงผลงานให้เมิ่งเชี่ยนโยวประทับใจอย่างไรดี ยามที่นางจะลงโทษตัวเองจะได้ไม่รุนแรงเกินไป เห็นหลิวลี่เอาแต่จ้องตัวเองตาไม่กะพริบ ก็ให้ผะอืดผะอม พูดอย่างเดียดฉันท์ “มองอะไรอยู่ได้ รีบไสหัวไปซะ ไม่เช่นนั้นข้าจะอัดเจ้าจนจำบิดามารดาไม่ได้”
หลิวลี่ถึงได้สติกลับมา ตวาดสาวใช้ข้างๆ “พวกทาสโง่เง่า ยังไม่รีบผยุงข้าขึ้นมา!”
บรรดาสาวใช้แย่งกันประคองนางลุกขึ้น
หลิวลี่ต้องอับอายต่อหน้าฝูงชน โพล่งปากพูดโดยไม่ยั้งคิด “ดีนัก นังผู้หญิงร่านหน้าไม่อาย กินในถ้วยแต่มองในกระทะ[2] ถือว่าตัวเองมีเงิน เลี้ยงเด็กหนุ่มคนหนึ่งไม่พอ ยังเลี้ยงถึงสองคน”
สิ้นเสียง ยังไม่ทันเห็นชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น ขาข้างหนึ่งก็เตะอัดเข้ามาเต็มแรง ครั้งนี้ใช้แรงค่อนข้างหนัก หลิวลี่รับแรงไม่ไหว ล้มหน้าหงายไปอีกครั้ง แม้แต่สาวใช้ที่ประคองนางอยู่ก็ถูกพาล้มไปด้วย
เสียงโกรธเกรี้ยวของซุนเหลียงไฉดังขึ้น “เศษสวะโผล่มาจากที่ไหน ภาษาคนยังพูดไม่เป็น หากยังกล้าพูดเหลวไหล จะอัดให้ฟันร่วงหมดปาก”
มีสาวใช้รองรับ ครั้งนี้หลิวลี่ไม่ได้ล้มกระแทกพื้น นางไม่รอให้สาวใช้ประคองแล้ว ตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากตัวสาวใช้ แผดเสียงคำรามบ่าวหัวฟัดหัวเหวี่ยง “พวกเจ้าเข้ามาให้หมด อัดเจ้าพวกไม่รู้จักที่ตายพวกนี้ให้หมด”
บ่าวเจ็ดแปดคนขานรับ พุ่งตัวเข้าใส่ซุนเหลียงไฉทันที
ซุนเหลียงไฉร่ำเรียนวรยุทธ์มานาน กำลังคิดจะหาคนลองของ เห็นบ่าวดาหน้าเข้ามา แยกขาตั้งรับอย่างฮึกเหิมใจ
หลิวลี่ตวาดเสียงเ**้ยม “ตีให้ตาย จัดการตีมันให้ตาย แม้แต่เด็กสองคนนั้นก็ไม่เว้น”
เมิ่งเชี่ยนโยวย่นหัวคิ้ว
ชาวบ้านที่มุงล้อมเห็นปฏิกิริยาคลุ้มคลั่งและดุร้ายของหลิวลี่ ต่างพูดกระซิบกระซาบอื้ออึง
หลิวลี่ไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ เอาแต่กรีดร้องคำราม
เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังจะเดินขึ้นหน้า เมิ่งอี้เซวียนรั้งนางไว้ พูดอย่างอ่อนโยน “ข้าเอง ลูกกระจ๊อกพวกนี้ไม่คู่ควรให้เจ้าลงมือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกว่าเมิ่งอี้เซวียนในวันนี้ดูแปลกออกไป แต่ก็ไม่ได้คิดมาก พยักหน้าอนุญาต
[1] 偷鸡不成蚀把米 เปรียบเทียบว่า เดิมคิดจะเอาเปรียบคนอื่นกลับต้องเสียเปรียบเสียเอง
[2] 吃着锅里的看着碗里的 เป็นสำนวนเปรียบเปรยคนโลภกินไม่รู้จักพอ
Comments for chapter "ตอนที่ 224-1 ฝูงชนต่อต้าน ญาติมิตรหลีกหนี (1)"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
nipaja
wow อี้เซวียนออกโรงเองเลยเหรอวันนี้ เพียงเพราะคำพูดของโยวเอ๋อร์ที่บอกว่าตัวเองเป็นสามีในอนาคตสินะ
Mr.Lucifer
อี้เซวียนบอกได้ยินคำว่าสามีเข้าไปหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยเมียจ๋า
Gee
เจอคำว่า สามีในอนาคต พี่อี้เซวียนถึงกะเตะ ญ กระเด็น 555