ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 224-2 ฝูงชนต่อต้าน ญาติมิตรหลีกหนี (1)
เมิ่งอี้เซวียนเดินมาเบื้องหน้าเมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิง คิดจะปกป้องพวกเขาไว้ด้านหลัง ไม่คิดว่าเด็กน้อยทั้งสองใช้มือปัดเขาออก พูดด้วยใบหน้าฮึกเหิม “พี่อี้เซวียน ท่านไม่ต้องสนใจพวกเรา เรื่องน่าสนุกเช่นนี้ พวกเราก็อยากเข้าร่วม”
ได้ฟังวาจาของเด็กน้อยทั้งสอง เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี รู้สึกว่าควรจะทบทวนตัวเองหรือไม่ ต่อไปไม่ควรสอนพวกเขาเช่นนี้อีก ทว่าสองมือยังกอดอกนิ่ง พูดอย่างเบาสบาย “พวกเจ้าทั้งหมด หากเอาชนะได้ วันนี้อยากกินอะไร ข้าจะทำให้พวกเจ้ากิน หากเอาชนะไม่ได้ นับแต่พรุ่งนี้ไป เพิ่มเวลาฝึกซ้อมอีกหนึ่งชั่วยาม”
เพิ่มอีกหนึ่งชั่วยาม หมายความว่าต้องตื่นเช้ากว่าทุกวันนี้อีกหนึ่งชั่วยาม แปลว่าแทบจะไม่เหลือเวลาให้นอนแล้ว ทั้งสี่คนสั่นผวาเข้าไปถึงทรวง
หลิวลี่ยังคงร้องโวยวายอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าพวกเศษสวะ ยังไม่รีบลงมือ อยากถูกโบยใช่หรือไม่?”
หน้าที่สำคัญของบ่าวพวกนี้คือคุ้มครองความปลอดภัยให้หลิวลี่ อย่าให้เกิดเรื่องใดขึ้นกับนาง ตอนนี้หลิวลี่ถูกเตะติดต่อกันสองครั้งซ้อน หากกลับไปแล้วให้นายท่านฮูหยินทราบเรื่อง จักต้องถลกหนังพวกเขาไม่เหลือแน่ เพื่อทำคุณไถ่โทษ กลับไปจะได้รับโทษน้อยลง บ่าวทั้งหมดต่างหันหน้ามองกัน แสดงกระบวนท่าดุดันปะทะเข้าหาพวกเขาทั้งหมด
เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงยังเด็ก พวกเขาไม่เห็นอยู่ในสายตา ต่างจับจ้องไปที่เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉ หมายจะเผด็จศึกสองคนนั้น ส่วนเด็กน้อยทั้งสองปล่อยให้คุณหนูจัดการเองก็พอ
เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงเห็นไม่มีใครสนใจพวกเขา จึงโบกมือโบกไม้คอยให้กำลังใจข้างๆ “พี่อี้เซวียน พี่เหลียงไฉ จัดการพวกเขาเลย”
เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉก็แสดงท่าตั้งรับ โต้ตอบกลับไป
บ่าวทั้งหมดนี้น้าหญิงของหลิวลี่คัดเลือกมาอย่างพิถีพิถันเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของนาง ย่อมมีฝีมือไม่ธรรมดา ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันสิบกว่ากระบวนท่า ไม่เพียงไม่มีใครถูกกำราบ เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉยังเริ่มจะเพลี้ยงพล้ำแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่นัยน์ตาลง ไม่มีท่าทีเบาสบายเหมือนเมื่อครู่
หลิวลี่ที่เห็นว่าฝ่ายตัวเองกำลังได้เปรียบ ยิ่งให้หยิ่งลำพอง พูดให้สัญญา “หากวันนี้พวกเจ้าจัดการพวกไม่รู้จักที่ตายสองคนนี้จนตายได้ กลับไปข้าจะไปบอกท่านน้าหญิง ให้นางมอบเงินให้พวกเจ้าคนละห้าสิบตำลึง”
บ่าวทั้งหมดยิ่งให้ฮึกเหิม เพิ่มความเร็วโรมรันโจมตี กระบวนท่ายิ่งดุดันเ**้ยมโหด
ซุนเหลียงไฉพลาดท่าโดนเตะเข้าอย่างจัง ขาอ่อนจนเกือบจะคุกเข่าไปกับพื้น
เมิ่งเชี่ยนโยวพลันเดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว แล้วก็ถอยหลังกลับ เม้มปากยืนดูพวกเขาหน้าประตู
เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงก็ไม่ร้องให้กำลังใจแล้ว เบิกตาลุกวาวมองเมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉอย่างเป็นห่วง
ซุนเหลียงไฉฝึกวรยุทธ์มานาน นึกว่ายอดเยี่ยมไร้เทียมทานแล้ว ไม่คิดว่าวันนี้จะต้องมาถูกบ่าวคนหนึ่งเตะต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้าน จนเกือบต้องขายหน้า ให้เกิดไฟโทสะพลุ่งพล่าน ตรงเข้าตอบโต้บ่าวที่เตะเขาอย่างหน้ามืดตามัว ด้านหลังเกิดช่องโหว่ให้โจมตี บ่าวคนหนึ่งลอยตัวถีบเขาจากด้านหลัง ทำเขาโซเซไปหลายก้าว ก่อนจะล้มหน้าคะมำลงไป ครู่ใหญ่ถึงลุกขึ้นมาได้
ชาวบ้านโดยรอบร้องอุทาน
เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงหวีดร้องวิ่งเข้าหา คิดจะพยุงซุนเหลียงไฉขึ้น
บ่าวสองคนแยกกันลงมือกับพวกเขา
เด็กน้อยทั้งสองหลบได้อย่างคล่องแคล่ว แยกเท้าตั้งรับด้วยใบหน้าไม่สะทกสะท้าน จ้องเขม็งไปที่บ่าวที่เข้ามาลงมือกับตัวเอง
หลิวลี่หัวเราะคลุ้มคลั่ง “เมิ่งเชี่ยนโยว ข้านึกว่าเจ้าไปได้สินค้าชั้นดีที่ไหนมา ที่แท้ก็แค่ตุ่มหนอง”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ขยับ ถามซุนเหลียงไฉ “เหลียงไฉ ต้องการให้ข้าออกโรงหรือไม่?”
ซุนเหลียงไฉลุกขึ้นยืน เช็ดเลือดที่มุมปาก ตอบอย่างแน่วแน่ “ไม่ต้อง หากวันนี้ข้าเอาชนะพวกเขาไม่ได้ ไม่ต้องให้เจ้าพูด ต่อไปข้าจะเพิ่มการฝึกวรยุทธ์ขึ้นวันละสองชั่วยามเอง”
เมิ่งอี้เซวียนใช้กระบวนท่ารวบรัดจัดการบ่าวให้ถอยการโจมตีออกไปได้ ถอยหลังมาข้างกายซุนเหลียงไฉ ถามอย่างเป็นห่วง “เจ้าไม่เป็นอะไรนะ?”
ซุนเหลียงไฉบ้วนเลือดในปากออกมา ตอบว่า “ไม่เป็นไร ข้าประมาทคู่ต่อสู้เอง ข้านึกว่าเป็นพวกลูกกระจ๊อกชั้นต่ำ ไม่นานก็จัดการได้ ไม่คิดว่าพวกมันจะพอมีฝีมือ ดูท่าพวกเราต้องตั้งใจเล่นกับพวกมันซักตั้งแล้ว”
เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า
ในตอนนี้มีบ่าวสองสามคนตรงเข้ามาโรมรัน
ทั้งสองเข้ารับมือ ครั้งนี้ไม่มืออ่อนอีก และไม่ประมาทคู่ต่อสู้แล้ว ใช้ความสามารถที่แท้จริงของตัวเอง ไม่นานทั้งสองก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ
บ่าวสองคนที่แยกกันจัดการเมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงนึกว่าพวกเขาเป็นเพียงเด็กอายุห้าหกขวบ จับพวกเขามารุมซ้อมสักยกง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก ไม่คิดว่าเด็กน้อยทั้งสองจะลื่นไหลว่องไว พวกเขาคว้าตัวไม่ได้เลย ไม่นานก็เหนื่อยหอบแฮ่กๆ
เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉที่หลังจากได้เปรียบ เริ่มมีความมั่นใจ เพิ่งความดุดันให้กระบวนท่า
ไกลออกไปเหวินเปียวที่ได้รับทราบข่าวพาคนวิ่งเข้ามา เห็นเมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉถูกรุมทำร้าย คิดจะเข้าไปช่วย
เมิ่งเชี่ยนโยวตวาดห้ามเขา “ไม่ต้อง” แล้วชี้บ่าวสองคนที่กำลังต่อกรกับเมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิง “จัดการพวกเขาสองคนก่อน”
เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงอายุยังน้อย ช่างฉอเลาะจำนรรจา เป็นความสุขของคนทั้งครอบครัว เห็นเด็กน้อยทั้งสองถูกผู้ชายร่างสูงใหญ่สองคนรุมทำร้าย เหวินเปียวและเหวินหู่ให้โมโหเดือดดาล ก้าวเท้าอาดๆ เข้าไป แยกกันประเคนลูกถีบใส่บ่าวทั้งสองคน
บ่าวทั้งสองคนถูกถีบเซถลาไปหลายก้าว ยังไม่ทันยืนนิ่ง พวกอู๋ต้าก็รุมเข้ามา ประเคนทั้งมือและเท้าใส่ทั้งสองคน “เจ้าพวกรนหาที่ตาย กล้ามาทำร้ายคุณชายน้อยของพวกเรา ไปตายซะ”
บ่าวที่น่าสงสารทั้งสองคน ยังไม่ทันรู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็ถูกพวกเขารุมอัดจนหน้าบวมปูด ร้องครวญครางไม่หยุด
เห็นสภาพน่าสมเพชของทั้งสองคน ชาวบ้านทนดูต่อไปไม่ไหว ต่างต้องเบือนหน้าหนี
กระทั่งทั้งสองคนหายใจรวยริน นอนไม่ไหวติงอยู่บนพื้น พวกอู๋ต้าถึงยอมหยุด ยืนอีกด้าน มองดูเมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉต่อกรบ่าวที่เหลือ
จู่ๆ ก็มีคนเข้ามามากมาย อึดใจเดียวก็เล่นงานพรรคพวกตัวเองจนไม่ไหวติง บ่าวที่เหลือลนลานสติหลุด กระบวนท่าจู่โจมเกิดช่องโหว่บ่อยครั้ง
เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉฉวยโอกาสนี้ลงมือ ไม่นานก็จัดการพวกเขาจนหมอบราบคาบ
เมิ่งเชี่ยนโยวบอกเพียงแค่ไม่ต้องช่วยต่อกรกับกลุ่มบ่าว แต่ไม่ได้บอกว่าจะทำอย่างไรหลังจากที่พวกเขาถูกจัดการแล้ว พวกอู๋ต้าก็เข้าไปรุมกระทืบพวกบ่าวที่ยังไม่ทันลุกขึ้นมา ไม่นานบ่าวที่เหลือก็หมดเรี่ยวแรงขัดขืนเหมือนบ่าวสองคนก่อนหน้า
เพียงพริบตาเดียว เหตุการณ์ก็เปลี่ยนตาลปัตร หลิวลี่และเหล่าสาวใช้งงเป็นไก่ตาแตก
หน้าที่ในตอนนี้ของพวกอู๋ต้าก็คือคุ้มครองคนในครอบครัว ทว่าเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ขึ้น หากไม่เพราะมีชาวบ้านหวังดีวิ่งไปบอกพวกเขาที่โรงงาน พวกเขาก็คงไม่รู้เรื่องเลย เมิ่งเชี่ยนโยว หลิวลี่และซุนเหลียงไฉยังดี หากคุณชายน้อยทั้งสองคนเป็นอะไรขึ้นมา พวกเขาคงขอขมารับผิดไม่ทัน พวกอู๋ต้ายิ่งคิดก็ยิ่งให้โกรธเกรี้ยว เดินแกว่งเข้าหาหลิวลี่และกลุ่มสาวใช้ หลิวลี่ตกใจถอยหลังกรูด กรีดร้องเสียงหลง “พวกเจ้าอย่าเข้ามานะ!”
พวกอู๋ต้าหน้าตาถมึงทึง บรรดาสาวใช้ต่างตกใจถอยหนีตัวสั่น
หลิวลี่คว้าสาวใช้คนหนึ่งบังหน้าตัวเองไว้ ฝืนกัดฟันพูดว่า “ท่านน้าชายข้าเป็นขุนนางใหญ่ของหัวเมือง เขาและท่านน้าหญิง รักข้าดั่งลูกในไส้ หากพวกเจ้ากล้าตีข้า เขาไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่”
พวกอู๋ต้าชะงักฝีเท้า ลังเลว่าจะลงมือดีหรือไม่
หลิวลี่เห็นพวกเขาไม่กล้าเดินเข้ามา ก็ให้กำเริบได้ใจ ปัดสาวใช้ออก พูดอย่างเหิมเกริม “กลัวแล้วสิ ว่าแล้วว่าพวกเจ้าไม่แน่จริง หากท่านน้าชายข้าจะเอาชีวิตพวกเจ้า ง่ายดายเหมือนบี้มดตัวหนึ่ง”
เสียงเย็นเยียบของเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้น “งั้นหรือ? ข้าก็อยากเห็นว่า เขาจะบี้พวกเราให้ตายได้อย่างไร”
หลังจากได้ฟัง พวกอู๋ต้าก็เข้าใจนัยแฝงจากคำพูดของเมิ่งเชี่ยนโยวทันที เริ่มขยับฝีเท้า
เห็นท่าทีดุดันของพวกเขา ครั้งนี้หลิวลี่หวาดกลัวจริงๆ แล้ว กรีดร้องกลับไปหลบหลังสาวใช้
บุตรสาวจะได้แต่งงานกับขุนนาง เป็นที่พึ่งพิงในภายภาคหน้าของตนเอง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น เช่นนั้นความหวังของตนเองก็พังทลาย สะใภ้หลิวกุ้ยเกรงว่าพวกอู๋ต้าจะทำร้ายหลิวลี่ รีบเข้าไปกางแขนเบื้องหน้านาง “ใครกล้าแตะต้องบุตรสาวข้า ข้าขอสู้ตาย”
พอคิดถึงเรื่องที่สองสามีภรรยาหลิวคอยหาเรื่องนายหญิงของตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน พวกอู๋ต้าอยากจะสั่งสอนพวกเขามานานแล้ว ทว่าช่วงที่ผ่านมา พวกเขาสงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่ก่อเรื่องขึ้นอีก พวกเขาจึงไม่กล้าลงมือ ตอนนี้สะใภ้หลิวกุ้ยมายืนขวางหน้าหลิวลี่ บัญชีใหม่บัญชีเก่าจะได้สะสางพร้อมกันทีเดียว อู๋ต้าไม่แม้แต่จะคิด ก็ตวัดมือตบไปที่ใบหน้าสะใภ้หลิวกุ้ยฉาดใหญ่
อู๋ต้าเป็นคนกำยำ ทั้งฝึกวรยุทธ์ทุกวัน แรงมือนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ สะใภ้หลิวกุ้ยถูกตบจนเซไปอีกด้าน ใบหน้าครึ่งซีกบวมเห่อฉับพลับ
ชาวบ้านสูดลมหายใจเย็นเข้าปาก ในเวลาเดียวกันก็ให้รู้สึกได้ชำระแค้น
หลิวลี่ตกใจกรีดร้องลั่น เสียงหวีดร้องดังแสบแก้วหู
อู๋ต้าขมวดคิ้วเกร็ง ร้องคำราม “หุบปาก!”
หลิวลี่ตกใจปิดปากควับ ยืนตัวสั่นหลบด้านหลังสาวใช้
หลี่ลิ่วมีไวพริบดี รู้สึกว่าเรื่องได้หน้าได้ตานี้ไม่ควรให้อู๋ต้าทำคนเดียว จึงยิ้มพูดขอร้อง “พี่ใหญ่ ที่เหลือให้พวกเราจัดการเถอะ”
อู๋ต้ามองพวกเขาแวบหนึ่ง พยักหน้า
พวกหลี่ลิ่วเดินขึ้นหน้า พูดกับบรรดาสาวใช้อย่างนุ่มนวลอ่อนโยน “เห็นแก่ที่พวกเจ้าก็เป็นบ่าว พวกเราจะไม่ทำร้ายพวกเจ้า รีบหลบออกไป อย่ามาขวางทางพวกเราพี่น้องสั่งสอนนังตัวดีไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนี่”
แม้สาวใช้จะหวาดกลัว กลับไม่หลบเลี่ยง ยังคงยืนปกป้องเบื้องหน้าหลิวลี่ พูดวิงวอน “พี่ชาย ท่านปล่อยคุณหนูของพวกเราไปเถอะ คุณหนูยังเยาว์วัย กระทำการหุนหันพลันแล่น ท่านอย่าเอาความกับนางเลย”
หลี่ลิ่วเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย “แบบนั้นเรียกว่าหุนหันพลันแล่นเรอะ นางเตรียมตัวมาพร้อมแล้วต่างหาก หากไม่เพราะคุณชายของพวกเรามีวรยุทธ์ เกรงว่าคงถูกพวกเจ้าทำร้ายจนตายไปแล้ว พวกเจ้ารีบถอยออกไป ไม่เช่นนั้นแม้แต่พวกเจ้าก็จะโดนไปด้วย”
บรรดาสาวใช้ส่ายหน้าไม่หยุด ตะเบ็งเสียงเว้าวอน
โจวอู่อารมณ์ร้อน พูดว่า “จะไปเสวนากับพวกนางอีกทำไม? อัดพวกนางสักชุดก็ได้แล้ว”
สาวใช้ที่คุ้มกันหลิวลี่ได้ฟังผวาถอยหลัง
ซุนเอ้อและจางซานก็หมดความอดทนแล้ว ทั้งสองสบตากัน เข้าไปคว้าหลิวลี่จากด้านหลังสาวใช้ออกมา
หลิวลี่ตกใจกรีดร้องเสียงหลง
ซุนเอ้อตวัดตบไปหนึ่งฉาด “ร้องหาพระแสงอะไร เมื่อครู่ตอนบอกให้คนมาทำร้ายคุณชายของพวกเราทำไมถึงไม่ร้อง?”
หนึ่งปีมานี้หลิวลี่ถูกเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยง ถูกซุนเอ้อตบจนหมุนได้รอบ ล้มคมำหน้าคว่ำไปกับพื้น ปากกระแทกกับพื้นพอดิบพอดี พลันรู้สึกว่าในปากมีสิ่งแปลกปลอม บ้วนออกมาดู กลับเป็นฟันหนึ่งซี่ กรีดร้องด้วยความตกใจสุดขีด แล้วเป็นลมล้มพับไป
สาวใช้เห็นนางล้มไปกับพื้น ตกใจถลาเข้าไปร้องเรียก “คุณหนู” กระทั่งเห็นปากหลิวลี่เต็มไปด้วยเลือด ทั้งในมือยังมีฟันหนึ่งซี่ มีสาวใช้สองคนถึงกับเสียขวัญหมดสติตามไป
สาวใช้ที่เหลือมือเท้าอ่อน คิดจะประคองหลิวลี่ กลับไร้เรี่ยวแรง