ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 226-1 พบเงื่อนงำ
พูดจบ หลิวกุ้ยหันหลังกลับเข้าบ้าน
สะใภ้หลิวกุ้ยในลานบ้านเห็นเขาเข้ามา เผยอริมฝีปาก ร้องเรียกเสียงแผ่ว “ตาเฒ่า”
หลิวกุ้ยมองนางอย่างรังเกียจแวบหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปเก็บสมบัติของตัวเองในบ้าน
สะใภ้หลิวกุ้ยเดินตามเข้ามา เห็นเขากำลังเก็บข้าวของ พลันตื่นตระหนก งึมๆ งำๆ ถามอย่างหวาดผวา “เจ้าเก็บเสื้อผ้าทำไม”
หลิวกุ้ยไม่หยุดมือ “บ่าวรับใช้ที่ลี่เอ๋อร์พามาได้รับบาดเจ็บ ไม่มีคนบังคับรถม้า ข้าจะส่งนางกลับไป หากไม่เกิดเรื่องใดขึ้น ช่วงเวลานี้ข้าคงไม่กลับมา เจ้าอยู่บ้านดูแลตัวเองให้ดีเถอะ”
สะใภ้หลิวกุ้ยเดินขึ้นหน้า ขัดขวางการกระทำเขา วางแบเสื้อผ้าที่เขาเก็บเสร็จแล้ว “ไม่ได้ เจ้าจะไปไม่ได้ เจ้าไปแล้วข้าจะอยู่บ้านคนเดียวอย่างไร”
“ในบ้านยังมีเงินอีกห้าสิบตำลึง ข้าจะไม่เอาไปสักอีแปะเดียว ลี่เอ๋อร์บอกว่ายังจะให้เจ้าอีกจำนวนหนึ่ง เจ้าใช้อย่างประหยัด ก็จะใช้ไปได้หลายสิบปี” หลิวกุ้ยหยุดเก็บเสื้อผ้า เปิด**บที่ใส่กุญแจมาตลอด หยิบเงินด้านในออกมาวางไว้ตรงหน้าหลิวกุ้ย
ได้ฟังวาจาเขา สะใภ้หลิวกุ้ยยิ่งให้หวาดผวา ถามด้วยริมฝีปากสั่นระริก “เจ้าคิดจะไม่กลับมาอีกแล้วใช่หรือไม่”
หลิวกุ้ยไม่ได้ตอบ คิดจะเก็บเสื้อผ้าตัวเองอีก สะใภ้หลิวกุ้ยลนลานหอบเสื้อผ้าเขามากอดไว้แนบอก “ไม่ได้ ข้าไม่ให้เจ้าไป จะไปพวกเราต้องไปด้วยกัน”
หลิวกุ้ยมองนาง แล้วมองเสื้อผ้าในอ้อมอกนาง ไม่พูดอะไรอีก หันหลังเดินออกไปจากบ้าน
สะใภ้หลิวกุ้ยลนลานโยนเสื้อผ้าทิ้งลงบนเตียง วิ่งตามติดหลังเขาออกมาจนพ้นลานเรือน เห็นบ่าวรับใช้นอนระเกะระกะไม่รู้เป็นตายร้ายดีหน้าประตู ตกใจกรีดร้อง เสียงแปดหลอดระคายหูนั้นดังระงมแสบแก้วหูหลิวลี่
หลิวลี่ตวาดนางอย่างหงุดหงิด “หุบปาก! ท่านกลัวครอบครัวพวกเรายังขายหน้าไม่พอหรือไร อยากให้คนเข้ามาดูมากกว่านี้เรอะ”
สะใภ้หลิวกุ้ยยืนชี้บ่าวรับใช้อย่างหวาดผวา ถามเสียงสั่น “ลี่เอ๋อร์ พวกเขาตายแล้วหรือ”
หลิวลี่เดียดฉันท์นางเข้ากระดูก น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ไม่ตาย ยังหายใจอยู่ ไม่เป็นวิญญาณอาฆาตมาคิดบัญชีกับท่านหรอก”
สะใภ้หลิวกุ้ยกลัวตัวหดทันควัน ก้าวถอยหลังห่างบ่าวรับใช้พวกนั้นออกมาหลายก้าว เผยอปากหันมองหลิวลี่ คิดจะพูดบางอย่าง กลับเห็นรอยนิ้วมือเด่นชัดบนใบหน้านาง หัวใจพลันปวดร้าว เดินเข้าหานางพูดว่า “ลี่เอ๋อร์ เจ็บหรือไม่” ทั้งยื่นมือออกไปหมายจะลูบคลำแก้มนาง
หลิวลี่ปัดมือนางขวับ พูดเกรี้ยวกราด “อย่าใช้มือสกปรกของเจ้ามาแตะต้องข้า”
สะใภ้หลิวกุ้ยทำหน้าไม่อยากเชื่อ “ลี่เอ๋อร์ เจ้าพูดเช่นนี้กับแม่ได้อย่างไร”
“แม่” หลิวลี่หัวเราะอย่างดูแคลน สั่งการสาวใช้ “ไปหยิบเงินหนึ่งร้อยตำลึงมา”
สาวใช้รับคำ ไปหยิบเงินในรถม้าลงมา มอบให้หลิวลี่ด้วยความนอบน้อม
หลิวลี่รับเงินมา แล้วโยนไปที่พื้น พูดอย่างไร้หัวใจ “ท่านเลี้ยงข้ามาจนเติบใหญ่ใช้เงินไปไม่กี่สิบตำลึง ข้าให้ท่านหนึ่งร้อยตำลึง ถือว่าข้าทำดีที่สุดแล้ว ภายภาคหน้าท่านคือท่าน ข้าคือข้า ไม่เกี่ยวข้องต่อกันอีก”
สะใภ้หลิวกุ้ยถูกโจมตีอีกครั้ง เบิกตาโพลง มองเงินบนพื้น เงยหน้ามองหลิวลี่ แล้วก้มมองเงิน แล้วมองหลิวลี่อีกครั้ง วนไปมาหลายครั้ง ราวกับกำลังยืนยันเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าว่าไม่ใช่เรื่องจริง
เสียงดูแคลนของหลิวลี่ดังขึ้น “ไม่ต้องดูแล้ว เงินนั้นเป็นของจริง ด้วยสถานะของข้าในตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเก๊มาหลอกท่าน ครานี้ท่านคงดีใจแย่แล้ว คนอื่นเลี้ยงบุตรสาวสิบคนยังสู้ข้าคนเดียวไม่ได้ ทว่า ข้าขอบอกท่าน มีเพียงครั้งนี้เท่านั้น ภายหน้าหากท่านกล้ามาวอแวข้า ข้าจะให้คนมาตีขาท่านหัก”
คล้ายว่าสะใภ้หลิวกุ้ยจะเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว น้ำตาทะลักไหลเป็นสาย “ลี่เอ๋อร์ แม่คิดแทนเจ้าด้วยเจตนาดี เจ้าทำกับแม่เช่นนี้ได้อย่างไร”
หลิวลี่แค่นเสียงหึเหยียดหยาม “คิดแทนข้า ท่านพูดได้น่าฟังนะ ท่านเคยคิดแทนข้าเมื่อใด ตอนเด็กท่านลำเอียงรักพี่ใหญ่ วันๆ เอาแต่ชี้นิ้วสั่งข้าทำนั่นทำนี่ ไม่ให้ข้าได้มีเวลาแม้แต่จะหายใจ ตอนนี้ข้ามีสถานะสูงศักดิ์ กำลังจะได้แต่งงานมีคู่ครองดี กลับถูกท่านยุยงให้ไปหาเรื่องนังตัวดีเมิ่งเชี่ยนโยว จนเกือบจะทำลายงานแต่งงานข้า ท่านไม่เพียงไม่ปลอบใจข้า ยังจะตบหน้าข้า นี่คือสิ่งที่ท่านคิดแทนข้า”
“เจ้าจะโยนความผิดของเรื่องนี้มาที่แม่ได้อย่างไร เจ้าเองต่างหากที่อยากได้หน้า ถึงไปหานังตัวดีนั่น” สะใภ้หลิวกุ้ยโต้แย้งตาใส
หลิวลี่ยิ่งให้โกรธเกรี้ยว “หากไม่เพราะท่านพูดดำเป็นขาว ตลบตะแลง ข้าจะยอมไปหานางระบายแค้นให้พวกท่านหรือ อีกอย่าง หากท่านคิดแทนข้าจริงๆ ตอนที่ข้าไปหานาง ท่านควรจะขัดขวางข้า มิใช่เอาแต่ยุแยง โชคดีฟันที่กระแทกหลุดของข้าไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นง่าย การแต่งงานยังพอจะกู้คืนได้ ไม่เช่นนั้นข้าคงอดใจไม่ไหวฆ่าท่านไปแล้ว”
สะใภ้หลิวกุ้ยผงะตกใจ มองนางเหมือนคนไม่รู้จัก
หลิวลี่ใช้ปากบุ้ยบ้ายเงินบนพื้น “เก็บขึ้นมาเถอะ ประเดี๋ยวข้าเปลี่ยนใจ แม้แต่ตำลึงเดียวท่านก็จะไม่ได้”
สะใภ้หลิวกุ้ยไม่คิดเลยว่าหลิวลี่จะโยนความรับผิดชอบทุกอย่างมาที่นาง ทั้งเกลียดนางเข้ากระดูกเช่นนี้ น้ำตาไหลเป็นสายราวเม็ดไข่มุก พูดอย่างน่าเวทนา “ลี่เอ๋อร์ เจ้าจะไร้หัวใจ ไม่นับญาติกับแม่คนนี้แล้วจริงๆ หรือ”
หลิวลี่ราวกับไม่ได้ยินคำพูดนาง ไม่ได้สนใจนาง
สะใภ้หลิวกุ้ยกัดฟัน พูดข่มขู่นาง “เจ้าอย่าลืมนะ น้าหญิงเจ้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของแม่ หากเจ้าตัดขาดกับแม่ เจ้าคิดว่าน้าหญิงเจ้าจะยอมรับหลานสาวอย่างเจ้าเรอะ”
หลิวลี่เบ้ปากเหยียดหยาม “เลิกสำคัญตัวเองผิดได้แล้ว น้องสาวแท้ๆ หากไม่เพราะข้ามีคุณค่าให้ใช้งาน นางยังจะจำได้ว่าท่านเป็นใคร”
สะใภ้หลิวกุ้ยสะอึกกึก น้ำตายิ่งไหลพร่างพรู
หลิวต้าเป่ารับปากจะให้เงินสิบตำลึง ถึงหารถเทียมเกวียนในหมู่บ้านมาได้หนึ่งคัน
เดินเข้ามาจอดรถเทียมเกวียนหน้าประตู หลิวต้าเป่าเห็นเงินบนพื้น ประหลาดใจถาม “นี่มันเงินอะไรกัน”
หลิวลี่ตอบส่งๆ “ข้าให้เป็นค่าเลี้ยงชีพยามแก่ นางไม่ต้องการ พี่ใหญ่รับเอาไปเถอะ”
หลิวต้าเป่าไม่แม้แต่จะคิดก็เดินเข้าไปเก็บเงิน สะใภ้หลิวกุ้ยถลาไปที่พื้นพลัน กระวีกระวาดกอบเงินเข้ามาในอ้อมอกตัวเอง “นี่เป็นเงินของข้า ใครก็ห้ามแย่ง”
หลิวต้าเป่ายังพอมีความเป็นคน เห็นมารดาตนเองฟุบไปบนพื้นอย่างน่าสมเพช คิดจะเข้าไปประคองนางขึ้นมา
สะใภ้หลิวกุ้ยกลับกอดเงินไว้แน่น ร้องคำราม “เจ้าอย่าเข้ามา เงินพวกนี้เป็นของข้า ใครก็ห้ามมาแย่งเอาไป”
หลิวต้าเป่าอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก ถอนหายใจ แล้วหันไปพูดกับหลิวลี่ “ข้าหาทั่วหมู่บ้านอยู่เป็นนาน มีเพียงเขาที่ยอมช่วยพวกเราพาบรรทุกคนเข้าเมือง แต่จะต้องจ่ายเงินสิบตำลึงก่อน”
ตอนนี้ลี่เอ๋อร์อยากจะไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ไม่อิดออดที่อีกฝ่ายเรียกเงินมาก สั่งการสาวใช้มอบเงินให้หนิวเอ้อทันที
หนิวเอ้อที่พอเห็นว่าได้เงินสิบตำลึงจริงๆ ก็ดีใจหน้าบาน
หลิวต้าเป่าและหลิวกุ้ยช่วยกันหามบ่าวรับใช้ขึ้นไปไว้บนรถเทียมเกวียนอย่างเหน็ดเหนื่อย
หลิวลี่ไม่เดินบิดไปส่ายมาแล้ว ก้าวเท้าเร็วรี่เดินมาข้างรถม้า ขึ้นไปนั่งบนรถม้า พูดกับหลิวกุ้ยว่า “ท่านพ่อ พวกเราไปเถอะ”
หลิวกุ้ยพยักหน้า จับบังเ**ยนบังคับรถม้ามุ่งหน้าออกไป
สะใภ้หลิวกุ้ยกอดเงินตะเกียกตะกายลุกขึ้นขวางหน้าประตู “ไม่ได้ พวกเจ้าจะทิ้งข้าไว้ไม่ได้ ข้าจะไปกับพวกเจ้าด้วย”
หลิวลี่สั่งสาวใช้ด้วยความหงุดหงิด “ลากนางออกไป!”
สาวใช้เข้าไปดึงรั้งนาง
สะใภ้หลิวกุ้ยขัดขืนสุดชีวิต พวกสาวใช้เอานางไม่อยู่
หลิวต้าเป่าต้องเข้าไปพูดเกลี้ยกล่อม “ท่านแม่ น้องสาวต้องกลับไปแล้ว ท่านอย่ามาขวางทางเลย”
สะใภ้หลิวกุ้ยราวกับเห็นดาวช่วยชีวิต ร่ำร้องวิงวอนหลิวต้าเป่า “ต้าเป่า ต้าเป่า พวกเขาไปกันหมด ไม่ต้องการแม่แล้ว เจ้าอยู่กับแม่ได้ไหม แม่สาบาน ต่อไปจะดีกับพวกเจ้าทั้งครอบครัว”
หลิวต้าเป่าไม่ตอบรับนาง พูดว่า “ท่านแม่ รอให้พวกเราตั้งหลักแหล่งในเมืองได้แล้ว ข้าจะกลับมาเยี่ยมทาน” พูดจบ ก็เดินไปหาภรรยาและลูกของตนเอง
สะใภ้หลิวกุ้ยยื่นมือออกไปหมายจะคว้าเขาไว้ เงินในอกกลับร่วงพรูสู่พื้น ตะลีตะลานก้มลงเก็บเงิน
หลิวต้าเป่าใช้โอกาสนี้พาภรรยาและลูกรีบเดินจากมา
เสียงดุดันของหลิวลี่ดังแว่วมา “เจ้าพวกสวะไม่ได้เรื่อง เรื่องง่ายๆ แค่นี้ยังทำไม่ได้ กลับไปรอถูกเอาตัวไปขายเถอะ”
สาวใช้ผลุนผลันเข้ามาใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดลากตัวสะใภ้หลิวกุ้ยออกไปจากหน้าประตู
หลิวกุ้ยบังคับรถม้าพ้นประตูใหญ่ออกมา โดยไม่แม้แต่จะมองนาง
พวกสาวใช้กำลังจะคลายมือ เสียงหลิวลี่ก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เอานางเข้าไปขังไว้ในลานบ้าน อย่าให้นางวิ่งตามมาร้องโวยวายให้ข้าต้องรำคาญใจอีก”
สาวใช้รับคำ ร่วมแรงกันผลักสะใภ้หลิวกุ้ยเข้าไปในลานบ้าน แล้วปิดประตูใหญ่ลงกลอน เดินกระหืดกระหอบตามรถม้าไป
เสียงร้องตะโกนโหยหวนราวฆ้องแตกของสะใภ้หลิวกุ้ยดังลอยออกมา
หลิวกุ้ยแลหลิวลี่ทำเป็นไม่ได้ยิน บังคับรถม้าค่อยๆ ไกลออกไป
สองวันให้หลังเมิ่งเชี่ยนโยวถึงได้ยินเมิ่งชื่อพูดเรื่องนี้บนโต๊ะอาหาร
แม้ในอดีตจะคิดชิงชังสะใภ้หลิวกุ้ยมาตลอด ทว่าพอเห็นจุดจบของนางในตอนนี้ เมิ่งชื่อถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ได้ยินชาวบ้านพูดว่า หลังจากหลิวลี่สั่งสาวใช้ให้ขังนางไว้ในลานบ้าน ก็จากไปพร้อมหลิวกุ้ย สะใภ้หลิวกุ้ยร้องคร่ำครวญจนคอแตกก็ไม่มีใครแยแสนาง ด้วยความร้อนรน ใช้บันไดปีนข้ามกำแพงกระโดดลงมา วิ่งสะโหลสะเหลตามไปหลายลี้ ก็ตามพวกเขาไม่ทัน แม้แต่เงาของหลิวต้าเป่าและภรรยาก็ไม่ได้เห็น เจ้าว่า เหตุใดพวกเขาถึงใจร้ายนัก ต่อให้สะใภ้หลิวกุ้ยกระทำการเกินกว่าเหตุ แต่อย่างไรนางก็เป็นแม่แท้ๆ ของพวกเขา เหตุใดพวกเขาถึงทิ้งนางไว้ที่บ้านคนเดียวได้ลงคอ”
หลังความตื่นตกใจชั่วครู่ เมิ่งเชี่ยนโยวก็พูดว่า “หลิวลี่ทิ้งเงินไว้ให้นางหนึ่งร้อยตำลึงมิใช่หรือ ต่อให้นางไม่กินใช้อย่างประหยัด ก็พอให้นางใช้จ่ายไปหลายสิบปี จุดจบของนางไม่ถือว่าน่าสังเวชเกินไป ท่านแม่อย่าเป็นกังวลแทนนางเลย รอให้พ้นช่วงเวลานี้ไป ไม่แน่ว่าพอนางคิดได้ จะยิ่งลำพองเสียเล่า”
“ไม่กระมัง” เมิ่งชื่อคลางแคลงใจพูด “ชาวบ้านบอกว่าตอนนี้นางเอาแต่ร้องไห้น้ำตานองหน้า คงไม่ทุเลาเร็วเช่นนั้นกระมัง”
“ไม่ว่าจะได้หรือไม่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา ต่อไปไม่ว่าเรื่องอะไรท่านแม่ก็อย่าไปสนใจนาง เลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหายุ่งยากตามมา” เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับนาง
เมิ่งชื่อพยักหน้า “แม่รู้ แม่ก็แค่พูดไปอย่างนั้น แม่ไม่มีทางสนใจเรื่องของนางเด็ดขาด”
สิบกว่าวันให้หลัง ไม่รู้ว่าสะใภ้หลิวกุ้ยปลงตกได้อย่างไร ออกมาปรากฏตัวท่ามกลางสายตาผู้คน วันๆ เอาแต่แทะเม็ดก๋วยจี้อย่างเริงร่า เที่ยวเดินเอ้อระเหยไม่ทำการทำงานไปทั่ว
เมิ่งชื่อถูกเมิ่งเชี่ยนโยวสั่งกำชับไว้ ย่อมอยู่ห่างได้เท่าไหร่ยิ่งดี
สะใภ้หลิวกุ้ยก็รู้ความดี ไม่เคยเข้ามาหาเรื่องนาง