ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 226-2 พบเงื่อนงำ
วันเวลาผ่านไปอย่างสงบ เมิ่งเชี่ยนโยวที่มักจะไปโรงงานบ่อยๆ เริ่มพบสิ่งผิดปกติเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือทุกวันเมิ่งอี้จะปรากฏตัวหน้าประตูโรงงานช่วงเวลาเลิกงานอย่างพอเหมาะพอเจอะ ทั้งจับจ้องคนที่เดินออกมาจากโรงงานจนหมด ถึงกลับไปบ้าน
เริ่มแรกเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ใส่ใจ ผ่านไปสิบกว่าวัน เริ่มให้รู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ มีวันหนึ่งช่วงโรงงานเลิกงาน นางยืนด้านในประตูโรงงาน ลอบมองปฏิกิริยาของเมิ่งอี้
ประตูโรงงานเปิดออก คนในโรงงานต่างเดินออกมา เมิ่งอี้เอาแต่แหงนหน้ารอคอย กระทั่งเหล่าหญิงสาวในโรงงานเดินออกมา ดวงตาเมิ่งอี้เปล่งประกายสุกสกาว จับจ้องร่างของโจวอิ๋งไม่กะพริบตา
โจวอิ๋งก็ลอบมองเขาเล็กน้อย แล้วเดินหน้าแดงตามสะใภ้ใหญ่โจวไป
กลุ่มคนพูดคุยหยอกล้อ ไม่มีใครสนใจเรื่องนี้
กระทั่งโจวอิ๋งและสะใภ้บ้านโจวเดินออกไปไกลแล้ว เมิ่งอี้ถึงเก็บคืนสายตา อมยิ้มมีเลศนัยเตรียมจะกลับไปบ้าน
“พี่เมิ่งอี้!” เมิ่งเชี่ยนโยวเดินยิ้มออกมาจากโรงงานร้องเรียกเขา
เมิ่งอี้เห็นนาง กะพริบตาปริบๆ ร้อนตัว ขยี้ศีรษะตัวเองถามขึ้น “น้องโยวเอ๋อร์ เย็นมากแล้วเจ้ายังไม่กลับบ้านหรือ”
“หากข้ากลับบ้านแล้ว ก็ไม่ได้เห็นเรื่องสนุกนะสิ” เมิ่งเชี่ยนโยวกะพริบตาถี่ใส่เขาอย่างซุกซน พูดกระเซ้าเย้าแหย่
ใบหน้าค่อนข้างดำคล้ำของเมิ่งอี้ปรากฏสีแดงเรื่อ เขาแสร้งไม่เข้าใจคำพูดนาง ร้อนรนพูด “เย็นมากแล้ว ข้าต้องกลับบ้านก่อน”
พูดจบ หุนหันมุ่งหน้าเดินกลับบ้าน
เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูแผ่นหลังที่ยิ่งเดินก็ยิ่งเร็วของเขา ขมวดคิ้วมุ่น
เมิ่งชื่อเดินออกมาเป็นคนสุดท้าย เห็นนางยืนทอดสายตามองไกลออกไป จึงช้อนสายตามองตามไป กลับไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ให้คลางแคลงใจถาม “โยวเอ๋อร์ เจ้ามองอะไรหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ตอบ เพียงยิ้มพูดว่า “ท่านแม่ ดูท่าครอบครัวเราจะมีเรื่องดีเพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว”
พอได้ยินว่าเป็นเรื่องดี เมิ่งชื่อก็ดีใจยกใหญ่ ถามความ “เรื่องดีอันใด”
เมิ่งเชี่ยนโยวเล่นตัว “อีกสักระยะหนึ่งท่านก็จะรู้เอง”
เมิ่งชื่อตีนางเบาๆ “เจ้าลูกคนนี้แก่นแก้วเข้าไปทุกวัน มาทำให้แม่อยากรู้แล้วเจ้าก็ไม่บอก”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะคิกคักคล้องแขนนาง เปลี่ยนหัวเรื่องพูด “ท่านแม่ รีบกลับไปทำกับข้าวเถอะ ประเดี๋ยวอี้เซวียนก็จะเลิกเรียนแล้ว”
ช่วงเวลานี้เหมือนว่าเมิ่งอี้เซวียนจะปรับตัวกับเวลาเรียนที่เพิ่มขึ้นอีกวันละหนึ่งชั่วยามได้แล้ว ทุกวันที่กลับมา ใบหน้ากะจิริดไม่เหนื่อยล้ามากเหมือนก่อน แต่กลับผอมซูบลงไปมาก เมิ่งชื่อเห็นแล้วให้ปวดใจ คอยเปลี่ยนสำรับอาหารแบบต่างๆ ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ ลืมเรื่องเมื่อครู่ไปสิ้น วิ่งแนบกลับบ้านไปทำกับข้าว
เมิ่งเชี่ยนโยวทำเหมือนปกติ ยืนหน้าประตูคอยพวกเขากลับมา
วันนี้หลังจากเลิกเรียน ซุนเหลียงไฉที่พาเมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงกลับมาแต่โดยดีเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวยืนอยู่หน้าประตู ลอบดีใจที่วันนี้ตัวเองไม่ได้พาเด็กน้อยทั้งสองไปเที่ยวเล่น ไม่เช่นนั้น ไม่รู้ว่าจะต้องถูกลงโทษอย่างไร
เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงร้องเรียกพี่สาววิ่งเริงร่าเข้าไปหานาง
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มลูบศีรษะพวกเขา ถามว่าวันนี้อาจารย์สอนอะไรพวกเขาบ้าง
เด็กน้อยทั้งสองแย่งกันพูดเสียงเจื้อยแจ้ว ทั้งบอกนางว่าที่อาจารย์สอนพวกเขาเข้าใจหมดแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวชมพวกเขาสองสามคำ ให้พวกเขาวางกระเป๋านักเรียนแล้วไปเล่นได้ตามใจชอบ
ซุนเหลียงไฉก็ตามเข้าไปด้วย
เมิ่งอี้เซวียนกลับมาช้ากว่าพวกเขาครึ่งชั่วยามเต็มๆ เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวยืนรอตัวเองหน้าประตู เร่งฝีเท้าเดินเข้ามา ฉีกยิ้มเจิดจ้าให้นาง
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นใบหน้าซูบตอบของเขา เม้มริมฝีปากถาม “จะให้ข้าไปหาท่านอาจารย์ ให้เขาลดทอนการเรียนของเจ้าให้น้อยลงบ้างหรือไม่”
เมิ่งอี้เซวียนส่ายหน้า “ไม่ต้อง แบบนี้ดีแล้ว เรียนเร็วเช่นนี้ ปีหน้าข้าก็จะไปสอบซิ่วไฉพร้อมเมิ่งเหรินได้แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวชะงักเล็กน้อย พูดว่า “ตามใจเจ้าเถอะ หากเจ้าไม่เจริญอาหารก็จงบอกข้า อย่าให้ตัวเองเหนื่อยจนเกินไป”
“การเรียนไม่มีปัญหา เพียงแต่ช่วงนี้ท่านอาจารย์พูดเรื่องกลยุทธ์การวางแผนมากเกินไป ข้าไม่อาจเรียนรู้ทั้งหมดได้ในเวลาอันสั้น ผ่านไปสักระยะหนึ่งคงดีเอง เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล” เมิ่งอี้เซวียนพูด
เมิ่งชื่อทำอาหารเสร็จ เมิ่งเอ้ออิ๋นและลูกๆ ก็กลับมาแล้ว
คนทั้งหมดกินข้าวไปพลางพูดเล่าเรื่องในวันนี้ไปพลาง
เมิ่งเอ้ออิ๋นพูดว่า “อีกหนึ่งเดือน พืชพรรณในแปลงดินก็จะสุกงอม หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ชาวบ้านก็จะไม่มีงานทำ วันนี้คนมากมายมาถามพ่อว่าโรงงานกุนเชียงจะเปิดอีกครั้งเมื่อใด”
“ตอนนี้อากาศยังอบอุ่น ยังไม่ต้องสนใจโรงงานกุนเชียง ข้าคิดจะเปิดโรงงานอีกแห่งขึ้นก่อน” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
เมิ่งเอ้ออิ๋นเมิ่งเสียนและเมิ่งฉีเร่งเร้าถาม “โรงงานอะไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบว่า “โรงงานเส้นแป้งมันฝรั่ง”
“เส้นแป้งมันฝรั่ง คือนำมันฝรั่งมาบดละเอียดหรือ เช่นนั้นจะกินอย่างไร” เมิ่งชื่อถามอย่างฉงน
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “มิใช่นำมันฝรั่งมาบดละเอียด แต่นำมาแปรรูป เปลี่ยนมันให้กลายเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ทั้งอร่อย ทั้งยังเก็บไว้ได้นานเจ้าค่ะ”
เมิ่งชื่อตกใจ “มีของเช่นนั้นด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ถามเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ พวกเรายังเหลือมันฝรั่งอีกเท่าใด”
เมิ่งเสียนตอบทันควัน “ประมาณสามสี่หมื่นจิน”
เมิ่งเชี่ยนโยวคำนวณคร่าวๆ พูดว่า “ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนกว่า มันฝรั่งชุดใหม่ก็จะออกมา ด้วยความเร็วในการมารับสินค้าของเถ้าแก่หวังในตอนนี้ ถึงตอนนั้นเราจะยังเหลืออีกหมื่นกว่าจิน ของที่เหลือนี้พวกเรานำมาทำแป้งมันฝรั่งได้พอดี”
พูดจบก็พูดต่อว่า “วิธีการผลิตแป้งมันฝรั่งยังต้องใช้สิ่งของบางอย่างด้วย พรุ่งนี้ท่านตามข้าเข้าไปในเมือง หากว่าหาซื้อได้ พอกลับมาพวกเราลองทำออกมาสักจำนวนหนึ่งดูก่อน”
เมิ่งเสียนพยักหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวถามซุนเหลียงไฉ “เจ้าไม่ได้กลับบ้านมาหลายเดือนแล้ว อยากจะกลับไปพร้อมพวกเราหรือไม่”
ซุนเหลียงไฉส่ายหน้า “ท่านอาจารย์บอกว่าจะให้หยุดเรียนช่วงเก็บเกี่ยว ถึงตอนนี้ข้าค่อยกลับไปก็ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ก็ดี เจ้าไปๆ กลับๆ อาจจะทำให้ใจแกว่งได้ ข้ายังหวังให้ปีหน้าเจ้าไปสอบถงเซิงกลับมาได้อีกเล่า”
ซุนเหลียงไฉตกใจจนตะเกียบในมือร่วงหล่นพื้น ถลึงตาโต ทำหน้าตื่นตกใจสุดขีด พูดติดอ่างฟังไม่ได้ศัพท์ “ขะ ขะ ข้าไปสอบถงเซิง”
“เจ้าว่าอย่างไรเล่า” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
ซุนเหลียงไฉส่ายหน้าเหมือนกลองป๋องแป๋ง “ไม่ได้ ข้าสอบไม่ได้แน่ๆ”
“ไม่ลองดูจะรู้ได้อย่างไรว่าสอบไม่ได้ เรื่องนี้ตกลงตามนี้แล้ว สองวันนี้ข้ามีเวลาจะเข้าไปพูดกับท่านอาจารย์โจว ให้เขาสั่งสอนเจ้าใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง”
ซุนเหลียงไฉโบกมืออุตลุด “เจ้าอย่าไปนะ การเรียนในทุกวันนี้ข้าก็แทบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว หากเพิ่มวิชาเข้ามาอีก ข้าได้ตายหยังเขียดแน่”
เมิ่งเชี่ยนโยวเจตนาพูด “วางใจเถอะ ข้ารับประกันกับเจ้า ต่อให้เพิ่มเวลาเรียนอีกสองชั่วยาม เจ้าก็ไม่ตายหรอก อย่างมากก็แค่หนังหลุดออกมาเท่านั้น”
พอคิดว่าต่อไปจะต้องเรียนทั้งเช้าค่ำ ซุนเหลียงไฉยิ่งให้หวาดผวา ส่ายหน้าปฏิเสธ “ข้าไม่เรียน ท่านปู่ข้าบอกแล้ว ภายหน้าจะให้ข้าสืบทอดกิจการ แค่ให้ข้ารู้จักอักษรมากหน่อยก็พอ มิได้ต้องการให้ข้าเข้าสอบขุนนางไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะให้เขาเข้าสอบถงเซิง ไฉนเลยจะยอมตามใจเขา พูดว่า “ตอนนี้เจ้าอยู่ในการสั่งสอนของข้า เรื่องของเจ้าข้ามีสิทธิ์ขาด เชื่อว่าเมื่อท่านปู่เจ้ารู้เรื่องนี้ก็จะต้องดีใจเป็นอย่างมาก”
ซุนเหลียงไฉเห็นท่าทีเด็ดขาดของเมิ่งเชี่ยนโยว แทบจะไม่มีพื้นที่ให้ต่อรองได้ ร้องโอดครวญฟุบหน้าไปบนโต๊ะ ไม่มีแม้แต่อารมณ์จะกินข้าวแล้ว
เมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งชื่อรู้ว่าเป็นผลดีต่อเขา จึงไม่ได้ขอร้องแทนเขา
เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงเห็นสภาพของเขา ไม่ยอมกินข้าวแล้ว เอาแต่ปิดปากแอบหัวเราะคิกคัก
เช้าวันต่อมาหลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งเหวินเปียวให้บังคับรถม้าไปโรงงานก่อน หลังจากสั่งการพวกอู๋ต้าแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งเสียนถึงนั่งรถม้ามุ่งหน้าเข้าเมือง
เหวินเปียวบังคับรถม้าอย่างเร็วรี่ ใช้เวลาหนึ่งชั่วยามก็มาถึงหน้าประตูเมือง
เมิ่งเชี่ยนโยวให้เหวินเปียวบังคับรถม้ามาร้านยาเต๋อเหรินก่อน
รถม้าจอดสนิท เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งเสียนลงจากรถม้า เดินตรงเข้ามาในร้านยาเต๋อเหริน
ร้านยาเต๋อเหรินก็เพิ่งจะเปิดร้านได้ไม่นาน คนมาหาหมอยังไม่เยอะมาก พนักงานในร้านเห็นพวกเขาเข้ามา เข้ามาทักทายอย่างเป็นกันเอง
หมอชราก็เห็นนางแล้ว บอกหมออีกคนให้มาตรวจคนไข้แทน แล้วลุกขึ้นแย้มยิ้มพูด “แม่นางเมิ่ง นานแล้วที่เจ้าไม่ได้มา นายท่านของพวกเราเอาแต่พร่ำบ่นถึงเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบแหย่เย้า “ถูกนายท่านของพวกท่านบ่นถึงหาใช่เรื่องดีไม่ ข้ายอมให้เข้าจำไม่ได้ว่ายังมีคนเช่นข้าอยู่”
หมอชราลูบเคราหัวเราะร่วน
เหวินซื่ออยู่ชั้นบนได้ยินเสียงหมอชราหัวเราะ เค้นเสียงร้องถามด้วยความประหลาดใจ “เหล่าอวี๋ มีเรื่องอะไรทำท่านเบิกบานใจได้แต่เช้า”
หมอชราแหงนหน้าไปทางชั้นบนตอบกลับ “นายท่าน แม่นางเมิ่งมาแล้วขอรับ”
เสียงฝีเท้าชั้นบนดังขึ้น ไม่นานใบหน้าเหวินซื่อก็ปรากฏขึ้นข้างบันได “นังตัวดี ไม่มาหาข้าตั้งนาน เจ้าไปตายที่ไหนมา”
เมิ่งเชี่ยนโยวเงยหน้าแสร้งถามอย่างงุนงง “ไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร ข้ารู้จักท่านหรือ เหตุใดข้าถึงต้องมาหาท่าน”
เหวินซื่อสะอึกกึก
ครั้งนี้หมอชราหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม แม้แต่พนักงานในร้านก็ก้มหน้าขบขัน