ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 227-3 คัดค้าน
เมิ่งชื่อไม่เข้าไปในห้อง ตะโกนบอกเข้าไปในห้อง “พ่อเอ๊ย ข้ากับโยวเอ๋อร์จะไปบ้านพี่สะใภ้ใหญ่นะ”
เมิ่งเอ้ออิ๋นยังไม่ทันขานรับคำ สองแม่ลูกก็เดินฉับๆ ออกไปแล้ว ให้นึกกังขา เมิ่งอี้ไปพึงใจหญิงสาวบ้านไหนเข้า ทำเอาสองแม่ลูกทนไม่ไหวต้องรีบไปหารือกับพี่สะใภ้ใหญ่
สองผู้เฒ่าเมิ่งและครอบครัวเมิ่งต้าจินก็เพิ่งกินอาหารค่ำเก็บล้างถ้วยชามในครัวเสร็จแล้ว กำลังเดินออกมา เห็นสองแม่ลูกเมิ่งเดินเข้ามา ร้องทักอย่างสนิทสนม “น้องสะใภ้และโยวเอ๋อร์มาแล้ว รีบเข้ามานั่งในบ้าน”
เมิ่งชื่อยิ้มเดินเข้ามาในบ้าน ร้องเรียกสองผู้เฒ่าเมิ่ง แล้วดึงนางเข้าไปในห้องสะใภ้เมิ่งต้าจิน เมิ่งเชี่ยนโยวกลับไปห้องท่านย่า
เมิ่งชื่อพูดเรื่องที่เมิ่งเชี่ยนโยวบอกว่าเมิ่งอี้พึงใจโจวอิ๋งให้สะใภ้เมิ่งต้าจินฟัง
สะใภ้เมิ่งต้าจินได้ฟังร้องอุทานลั่น “น้องสะใภ้ ที่เจ้าพูดเป็นความจริง?”
เมิ่งชื่อยิ้มพยักหน้า
หญิงชราเมิ่งได้ยินเสียงนางร้องลั่น แย้มยิ้มถามเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่เจ้าพูดเรื่องอันใดกับป้าใหญ่เจ้า นางถึงเสียอาการเช่นนี้?”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะกรุ้มกริ่ม “เป็นเรื่องดีเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวท่านย่าก็ทราบเอง”
หญิงชราเมิ่งยิ้มตีนางแปะๆ “เจ้าเด็กคนนี้ รู้จักจะพูดโยกโย้กับย่าแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มไม่พูดอะไร
สะใภ้เมิ่งต้าจินมิได้แย้มยิ้มยินดีเหมือนที่เมิ่งชื่อคิดไว้ แต่ขมวดคิ้วยับย่น
เมิ่งชื่อไม่เข้าใจ “พี่สะใภ้มิได้กลัดกลุ้มเรื่องการแต่งงานของอี้เอ๋อร์มาตลอดหรือ? ตอนนี้เขามีคนที่พึงใจแล้ว เหตุใดท่านดูไม่ดีใจเลยเล่า?”
สะใภ้เมิ่งต้าจินถอนใจ “น้องสะใภ้ แม่นางโจวอิ๋งใช้ชีวิตในเมืองหลวงแต่เยาว์ มีการศึกษามีชาติตระกูล เป็นคุณหนูสูงศักดิ์โดยแท้ มิใช่คนที่พวกเราจะอาจเอื้อมได้ เกรงว่าเรื่องนี้อี้เอ๋อร์คงต้องดีใจเก้อแล้ว”
เมิ่งชื่อไม่รู้สถานะของท่านอาจารย์โจว นึกว่าเป็นบัณฑิตที่พอจะมีฐานะในเมืองหลวงบ้าง ได้ยินสะใภ้เมิ่งต้าจินกล่าวเช่นนี้ จึงพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ก็ไม่แน่หรอก โยวเอ๋อร์บอกเองว่าหากพวกเขาไม่มาสอนอี้เซวียน ก็คงกลับบ้านเกิดไปแล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้ แม่นางโจวอิ๋งก็ต้องหาสามีที่บ้านเกิด บ้านเกิดพวกเขากับพวกเราต่างกันตรงไหนเล่า? ข้าว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหา”
ได้ฟังนางกล่าวเช่นนี้ สะใภ้เมิ่งต้าจินก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ให้เกิดความหวังขึ้นในใจ “ไม่เช่นนั้น พวกเราเรียกอี้เอ๋อร์มาถามความดู หากเรื่องนี้เป็นความจริง ข้าจะยอมแบกหน้าไปพูดทาบทามด้วยตัวเอง”
เมิ่งชื่อพยักหน้า
สะใภ้เมิ่งต้าจินตะโกนไปทางห้องอีกด้านหนึ่ง “อี้เอ๋อร์ เจ้ามาหาแม่หน่อย แม่มีเรื่องจะถามเจ้า”
เมิ่งอี้ขานรับคำ เดินออกมาจากห้องตัวเอง เข้ามาในห้องสะใภ้เมิ่งต้าจิน เห็นว่าเมิ่งชื่อก็อยู่ด้วย ร้องเรียกทักทาย แล้วถามขึ้น “ท่านแม่ มีเรื่องอันใด?”
สะใภ้เมิ่งต้าจินมองเมิ่งชื่อแวบหนึ่ง
เมิ่งชื่อพยักหน้า
สะใภ้เมิ่งต้าจินไม่ลังเลอีก เอ่ยปากถามตามตรง “อี้เอ๋อร์ เจ้าบอกแม่มา เจ้าพึงพอใจแม่นางโจวอิ๋งใช่หรือไม่?”
เมิ่งอี้ตะลึงลานมองนางแวบหนึ่ง คิดจะปฏิเสธ แต่พอเห็นรอยยิ้มมั่นใจของเมิ่งชื่อ ใบหน้าแดงเรื่อ ก้มศีรษะ ไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ
เห็นสภาพของเขา สะใภ้เมิ่งต้าจินก็พอจะเข้าใจมากขึ้น ถามความ “เจ้าไปมีปฏิสัมพันธ์กับแม่นางโจวอิ๋งตอนไหน เหตุใดแม่ถึงไม่รู้?”
เมิ่งอี้เงยหน้าโบกมืออุตลุด “ท่านแม่ ข้าไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแม่นางโจว ท่านอย่าพูดเช่นนี้เด็ดขาด หากแพร่งพรายออกไป จะทำให้แม่นางโจวเสียชื่อเสียงได้”
สะใภ้เมิ่งต้าจินยิ่งให้กังขา “เจ้าไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแม่นางโจว เช่นนั้นเจ้าพึงพอใจนางได้อย่างไร?”
เมิ่งอี้ขยี้ศีรษะ หน้าแดงพูดอึกๆ อักๆ “ก็ครั้งนั้น ที่ป้ารองเก็บเกี่ยวมันฝรั่ง พวกเขาทั้งครอบครัวเข้ามาช่วยด้วย แล้วนางเกิดสะดุดล้ม ข้าเข้าไปประคองนาง และไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด นับแต่นั้นมาข้าก็เอาแต่คิดถึงนาง”
สะใภ้เมิ่งต้าจินมองเขาอย่างไม่เชื่อ ครู่ใหญ่ถึงพูดว่า “เจ้าลูกโง่ของแม่ จะให้แม่พูดกับเจ้าอย่างไรดี? เรื่องใหญ่ของชีวิตเหตุใดถึงมักง่ายเช่นนี้?”
เมิ่งอี้พูดสวนทันควัน “ข้ามิได้มักง่าย ต่อมาข้าคอยลอบสังเกตแม่นางโจวหลายครั้ง ยิ่งพิจก็ยิ่งนิยมชมชอบ ทำใจไม่ได้ ถึงควบคุมตัวเองไม่อยู่ ต้องคอยไปเฝ้าดูหน้านางหลังโรงงานเลิกทุกวัน”
“เจ้ามิได้มักง่าย เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่า พวกเราและครอบครัวแม่นางโจวไม่เหมาะสมกัน?” สะใภ้เมิ่งต้าจินย้อนถามเขา
รอยยิ้มบนใบหน้าเมิ่งอี้เลือนหาย แก้มแดงเรื่อกลืนหาย สีหน้าอึมขรึมลง “ข้าทราบดี อย่าว่าแต่ครอบครัวไม่เหมาะสมเลย แค่ความเป็นคนมีการศึกษาของแม่นางโจว ข้าก็ไม่คู่ควรแล้ว”
เห็นสภาพของบุตรชาย สะใภ้เมิ่งต้าจินให้ปวดใจไม่น้อย ความจริงคุณสมบัติของบุตรชายรองของตนเองหาได้ย่ำแย่ไม่ เพียงแค่ในอดีตครอบครัวยากแค้น เมิ่งต้าจินก็เอาแต่เกียจคร้าน ไม่ทำการทำงาน บวกกับที่เมิ่งเหรินมีพรสวรรค์เป็นเลิศ ดังนั้นทั้งครอบครัวจึงฝากความหวังไว้ที่บุตรชายคนโต ละเลยบุตรชายคนเล็กไป เมิ่งอี้ก็ไม่เคยโอดครวญ คอยทำงานตามกำลังที่ตัวเองพอจะทำได้ หลายปีก่อนก็เข้าไปเป็นเสี่ยวเอ้อร์ในภัตตาคารตั้งแต่อายุยังน้อย เหนื่อยยากลำบากอย่างไรไม่เคยพูดให้ฟัง เงินที่หาได้ก็อดออมไม่กล้าใช้ ส่งกลับบ้านทั้งหมด
ยิ่งคิดสะใภ้เมิ่งต้าจินก็ยิ่งให้ปวดใจ กัดฟันตัดสินใจพูดว่า “แม่จะไปปรึกษากับท่านปู่ท่านย่าเจ้า ให้หาคนไปบ้านแม่นางโจวพูดทาบทามให้เจ้า”
เมิ่งอี้โบกมือเป็นพัลวัน “ท่านแม่ ไม่เอา ข้าไม่เคยคิดจะแต่งแม่นางโจวเป็นภรรยา ข้าเพียงได้มองนางไกลๆ ก็พอแล้ว”
“จะพอได้อย่างไร?” เมิ่งชื่อพูด “เจ้าไปรอคนหน้าประตูโรงงานทุกวัน หากมีวันใดถูกคนคิดไม่ซื่อเห็นเข้านำไปพูดต่อ จะไม่ดีต่อทั้งชื่อเสียงของเจ้าและแม่นางโจว”
เมิ่งอี้ลนลานพูด “ข้าทราบ ดังนั้นข้าถึงคิดอยากไปทำงานที่โรงงาน ทุกวันเวลาเลิกงานได้มองนางสักหน่อยก็พอแล้ว”
เมิ่งชื่ออ้าปากค้าง ครู่หนึ่งถึงพูดว่า “เจ้าเด็กคนนี้นะ จะให้ป้ารองพูดกับเจ้าอย่างไรดี หากไม่เพราะโยวเอ๋อร์พบเข้า แล้วมาบอกพวกเรา เจ้าคิดจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ตลอดไปหรือ?”
เมิ่งอี้ก้มหน้า พูดเสียงแผ่ว “ครอบครัวแม่นางโจวจะอยู่ที่นี่สองปีมิใช่หรือ? สองปีให้หลัง พอพวกเขาจากไป ข้าก็จะตัดใจได้เอง”
เมิ่งชื่อพูดอย่างไม่พอใจ “สองปีให้หลังเจ้าอายุเท่าใดแล้ว เจ้าอยากจะให้พ่อแม่เจ้ากลัดกลุ้มใจตายเรอะ?”
เมิ่งอี้ให้ละอายใจนัก “ขอโทษท่านแม่ ต่อไปข้าจะไม่ทำเช่นนี้แล้ว”
เมิ่งชื่อไม่คิดอะไรมากแล้ว พูดไปตามตรง “ต่อไปเจ้าย่อมจะไม่ทำเช่นนี้อีก จะมองก็ต้องมองอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้ง ข้าและท่านแม่เจ้าจะไปหารือกับท่านปู่ท่านย่าเจ้าเรื่องทาบทามสู่ขอ”
เมิ่งอี้เงยหน้า ดวงตาสะท้อนแวววาดหวัง ริมฝีปากสั่นระริก กลับไม่ได้พูดอะไรออกมา
สะใภ้เมิ่งต้าจินมองปฏิกิริยาของเมิ่งอี้ไว้เต็มสองตา คิดในใจว่าต่อให้ต้องคุกเข่าขอร้องก็ต้องจัดการงานแต่งครั้งนี้ของบุตรชายรองให้สำเร็จจงได้
ช่วงนี้เมิ่งจงจวี่สุขสบายยิ่งนัก วันๆ ฝึกเขียนอักษรอยู่ในบ้าน มีชีวิตที่แสนสบายใจ ทั้งมีชีวิตชีวากระฉับกระเฉง ดูอ่อนเยาว์ขึ้นกว่าเมื่อสองปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด
ตอนนี้ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่าเมิ่งอี้เซวียนร่ำเรียนวิชาได้เป็นอย่างดี ยิ่งให้อารมณ์เบิกบาน ลูบเคราตัวเองพูดว่า “หากปีหน้าอี้เซวียนสอบซิ่วไฉได้ เขาก็จะเป็นซิ่วไฉที่อายุน้อยที่สุดของตำบลชิงซี ถึงตอนนั้นสกุลเมิ่งของพวกเราก็จะไม่มีใครไม่รู้จักอีกต่อไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ท่านปู่ ไม่ต้องรอให้อี้เซวียนสอบซิ่วไฉได้ ตอนนี้ครอบครัวพวกเราก็มีชื่อเสียงในตำบลชิงซีแล้ว ไม่เชื่อท่านลองไปสืบถามดู ต่อไปเดินออกไปไกลยี่สิบลี้ เพียงแค่เอ่ยถึงบ้านเมิ่งหมู่บ้านหวง ก็จะไม่มีใครไม่รู้จัก”
เมิ่งจงจวี่พยักหน้ายินดี “วันก่อนปู่ไปเยี่ยมท่านหัวหน้าสกุล เขาพูดกับปู่แล้ว บอกว่าครานี้ครอบครัวเราทำให้ทั้งสกุลเมิ่งมีหน้ามีตาไปด้วย ในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่ ได้เห็นสกุลเมิ่งเป็นเช่นนี้ เขาก็พึงพอใจมากแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ครั้งหน้าท่านไปพบท่านปู่หัวหน้าสกุลอีก ท่านบอกเขาว่า นี่ยังไม่เท่าไหร่ ผ่านไปอีกไม่กี่ปี ไม่แน่ว่าครึ่งค่อนแคว้นอู่จะต้องรู้จักสกุลเมิ่งของพวกเรา”
วาจานี้พูดแทงเข้าไปถึงก้นบึ้งหัวใจของเมิ่งจงจวี่ เมิ่งจงจวี่ลูบเคราพยักหน้า หัวเราะร่วนพูดว่า “ดีๆๆ อีกไม่กี่วันปู่ไปพบเขาใหม่ ปู่จะบอกเขาเอง”
สะใภ้เมิ่งต้าจินและเมิ่งชื่อเดินเข้ามา
สะใภ้เมิ่งต้าจินพูดกับสองผู้เฒ่าชรา “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ามีเรื่องจะพูดกับพวกท่าน”
เมิ่งจงจวี่กำลังมีความสุขเต็มล้น ในน้ำเสียงเจือแววเบิกบานใจ “พูดเถอะ มีเรื่องอะไร?”
“เกี่ยวกับการแต่งงานของอี้เอ๋อร์เจ้าค่ะ” สะใภ้เมิ่งต้าจินตอบ
หญิงชราเมิ่งได้ฟังหน้าตาตื่น รบเร้าถาม “มีคนมาพูดทาบทามให้อี้เอ๋อร์หรือ?”
สะใภ้เมิ่งต้าจินส่ายหน้า “มิใช่เจ้าค่ะ อี้เอ๋อร์เกิดไปพึงใจหญิงสาวนางหนึ่งเข้า”
เมิ่งชื่อใจร้อนพูดว่า “พี่สะใภ้ ทำไมท่านถึงพูดอะไรครึ่งๆ กลางๆ เช่นนี้ ท่านบอกท่านพ่อแม่ไปตามตรงว่า อี้เอ๋อร์พึงใจแม่นางสกุลโจวก็จบเรื่องแล้ว”
หญิงชราเมิ่งพลันชะงักงัน พูดอย่างยินดี “อี้เอ๋อร์มีหญิงสาวที่พึงใจแล้ว?”
สะใภ้เมิ่งต้าจินพยักหน้า
อี้เอ๋อร์มีหญิงสาวที่พึงใจเป็นเรื่องดี สะใภ้เมิ่งต้าจินไม่เพียงไม่มีอาการยินดี กลับแสดงท่าทีกลัดกลุ้มกังวล เมิ่งจงจวี่ให้กังขาถามขึ้น “แม่นางสกุลโจวบ้านไหนรึ”
ไม่รอให้สะใภ้เมิ่งต้าจินตอบ เมิ่งชื่อชิงตอบก่อน “ก็บ้านท่านอาจารย์โจวที่พวกเราเชิญมาอย่างไรเจ้าคะ”
เมิ่งจงจวี่ตกใจเกือบจะลุกขึ้นยืน ฝืนควบคุมตัวเอง กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “การแต่งงานนี้ไม่มีทางเป็นไปได้”
หญิงชราเมิ่งก็ไม่รู้สถานะของท่านอาจารย์โจว ได้ฟังถามขึ้น “พวกเขาชายยังไม่แต่ง หญิงยังเป็นโสด เหตุใดถึงเป็นไปไม่ได้เล่า?”
เมิ่งจงจวี่อธิบายไม่ออก ทำได้เพียงพูดเสียงแข็ง “ข้าบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้”
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการแต่งงานของเมิ่งอี้ หญิงชราเมิ่งเริ่มเดือดเนื้อร้อนใจ “การแต่งงานของเด็กๆ เป็นเรื่องที่พวกเราผู้หญิงต้องทุกข์กังวล ท่านไม่ต้องมายุ่ง”
เมิ่งจงจวี่โมโหจนหนวดกระตุก “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าในอดีตท่านอาจารย์โจวมีสถานะเช่นไร? คิดว่าหลานสาวของเขาจะขอแต่งงานได้ง่ายๆ เรอะ?”
หญิงชราเมิ่งพูดอย่างไม่แยแส “ไยต้องสนใจสถานะในอดีตของเขา ตอนนี้เขาหาได้ต่างจากพวกเราไม่ อี้เอ๋อร์ของพวกเราจับคู่กับหลานสาวของเขาหาได้ลดเกียรติของเขาเสียเมื่อไร”
เมิ่งจงจวี่ยิ่งให้โกรธเกรี้ยว กำลังจะตำหนิหญิงชราเมิ่งอีก
เมิ่งเชี่ยนโยวกลัวเขาจะโมโหจนพลั้งปากพูด รีบแย้มยิ้มพูดหว่านล้อม “ท่านปู่ มีคำกล่าวว่าเรือนมีบุตรสาวร้อยบ้านสู่ขอ ไม่ว่าเขาจะมีสถานะใด พวกเราเข้าไปเจรจาสู่ขอก็ไม่ผิดอันใด”
เมิ่งจงจวี่ถลึงตาโต “โยวเอ๋อร์ พวกนางไม่รู้สถานะของท่านอาจารย์โจว เจ้าก็ไม่รู้หรือ? ยังจะพูดเหลวไหลตามไปด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ท่านปู่ พี่เมิ่งอี้อุตส่าห์มีหญิงสาวที่พึงใจ พวกเราไม่ลองก็ไม่รู้หรอก”
เมิ่งจงจวี่โบกมือ “ไม่ต้องลอง ไม่ได้แน่นอน”
หญิงชราเมิ่งเดือดดาลแล้ว “ตาเฒ่าวันนี้เจ้าเป็นอะไรของเจ้า เอาแต่ขัดขวาง พวกเราไม่เชื่อเจ้าเสียอย่าง พรุ่งนี้จะให้คนไปพูดสู่ขอ”
เมิ่งต้าจินออกไปจัดการเรื่องในหมู่บ้าน เพิ่งจะก้าวพ้นประตูเข้ามา ได้ยินเสียงร้องโวยวายของหญิงชราเมิ่ง เร่งฝีเท้าเดินเข้ามาในบ้าน เห็นทุกคนต่างอยู่ในบ้าน นึกว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ร้อนใจถามความ “เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
หญิงชราเมิ่งตอบอย่างเคืองขุ่น “อี้เอ๋อร์พึงใจหญิงสาวนางหนึ่งเข้า พ่อเจ้าได้ฟังเอาแต่คัดค้านการแต่งงานนี้”
เมิ่งต้าจินรู้ว่าบิดาตนเองมิใช่คนไม่มีเหตุผล หากเขาคัดค้านจะต้องมีสาเหตุ จึงถามขึ้น “อี้เอ๋อร์พึงใจหญิงสาวบ้านใด?”
สะใภ้เมิ่งต้าจินตอบกลับ “หลานสาวของท่านอาจารย์โจว โจวอิ๋ง”
เมิ่งต้าจินตกตะลึงจังงัง ครู่ใหญ่ถึงมองเมิ่งอี้อย่างไม่เชื่อ
เมิ่งอี้เห็นสองผู้เฒ่าทะเลาะกัน ก็เสียใจมากพอแล้ว ตอนนี้เห็นเมิ่งต้าจินใช้สายตาเช่นนี้มองตนเอง ลนลานพูดว่า “ท่านพ่อ เป็นเพียงรักข้างเดียวของข้า แม่นางโจวไม่รู้เรื่องด้วย ข้าก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ พวกท่านอย่าได้ลำบากอีกเลย ข้าจะค่อยๆ ตัดใจของข้าเอง”
เมิ่งต้าจินเผยอปาก กลับไม่ได้พูดสิ่งใดออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดโน้วน้าว “ท่านปู่ ท่านลุงใหญ่ พวกท่านคิดมากเกินไปแล้ว ความปรารถนาของท่านอาจารย์โจวก็คือพาคนทั้งครอบครัวกลับไปใช้ชีวิตในชนบท เช่นนั้นแม่นางโจวก็อาจจะต้องแต่งงานกับครอบครัวชาวนาที่มีฐานะค่อนข้างดี ครอบครัวของพวกเราเข้ากับเงื่อนไขของพวกเขาพอดี การแต่งงานนี้อาจจะสำเร็จก็ได้”
เมิ่งต้าจินถึงส่งเสียงพูดว่า “จะพูดเช่นนี้ก็ไม่ผิด แต่อี้เอ๋อร์และแม่นางโจว ไม่ว่าจะในด้านใดก็แตกต่างกันเกินไป พวกเขาไม่มีทางเป็นไปได้เลย”