ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 228-1 ผิดจากที่คาดไว้
“มีคนไม่น้อยที่แต่งงานโดยไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน แต่ก็อยู่ด้วยกันไปทั้งชีวิตได้ ขอเพียงแม่นางโจวอิ๋งก็พึงใจพี่เมิ่งอี้ ความรู้ ชาติตระกูลก็ไม่ใช่ปัญหา” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
เมิ่งจงจวี่ขมวดคิ้วมุ่น “ปัญหาก็คือพวกเราไม่รู้เลยว่าแม่นางโจวคิดอย่างไรกันแน่ หากเป็นอี้เอ๋อร์คิดไปเองฝ่ายเดียว พวกเราบุ่มบ่ามเข้าไปสู่ขอ ผิดใจกับท่านอาจารย์โจว เขาโมโหไม่ยอมสอนอี้เซวียน พาคนทั้งครอบครัวกลับบ้านไปจะทำอย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้าเชื่อมั่น “แม่นางโจวอิ๋งก็ถึงวัยต้องแต่งงานแล้ว พวกเราเข้าไปสู่ขอก็มิใช่เรื่องไม่ดี แม้ท่านอาจารย์โจวไม่ตอบตกลงก็คงไม่โกรธเคือง”
เมิ่งจงจวี่ยังคงเป็นห่วง “หากเขาคิดว่าพวกเราเป็นพวกฉวยโอกาสจะทำอย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “หญิงสาวจิตใจดีรูปงาม เหมาะเป็นคู่ชีวิตในอุดมคติของชายหนุ่ม ท่านอาจารย์โจวเป็นผู้คงแก่เรียน น่าจะทราบในจุดนี้ดี หากพวกท่านเป็นห่วงจริงๆ พวกเราจะยังไม่ให้คนไปพูดทาบทามสู่ขอ แต่ให้คนกันเองไปพูดหยั่งเชิงดู หากว่าสำเร็จ พวกเราก็ดีใจ หากไม่สำเร็จ ก็ไม่มีใครนำไปพูดต่อ ให้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของแม่นางโจว”
อี้เอ๋อร์พอได้ยินว่ามีความหวัง ดวงตาฉายแวววาดหวัง มองเมิ่งต้าจินอย่างวิงวอน
เมิ่งต้าจินเองก็ละอายใจต่อบุตรชายคนนี้ยิ่งนัก เห็นท่าทีเต็มไปด้วยความหวังของเขา ถอนหายใจยาว พูดขอร้องอีกแรง “ท่านพ่อ ลองดูก่อนเถิด หากไม่ได้จริงๆ ต่อไปอี้เอ๋อร์จะได้ตัดใจเสียที”
เมิ่งอี้พยักหน้ารับประกัน “หากไม่สำเร็จ ข้าจะไม่ตอแยแม่นางโจว เรื่องการแต่งงานก็จะให้เป็นไปตามที่ท่านพ่อท่านแม่จัดหา”
แม้เมิ่งจงจวี่จะเป็นกังวล แต่พอเห็นคนในครอบครัวต่างเห็นด้วย จึงยอมเห็นด้วย ทว่า ยังกำชับทุกคนว่า “หากไม่สำเร็จ ห้ามแพร่งพรายให้ใครรู้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้น ภายหน้าข้าคงไม่มีหน้าพบหน้าท่านอาจารย์อีก”
ทุกคนพยักหน้ารับ พูดรับรองพร้อมกันว่าจะไม่แพร่งพรายออกไป
เรื่องการขอแต่งงานถูกกำหนดแล้ว ใครจะเป็นคนไปหยั่งท่าทีก็เป็นอีกหนึ่งปัญหา
หญิงชราเมิ่งและลูกสะใภ้ทั้งสองคนไม่รู้จักมักจี่กับท่านอาจารย์โจว ย่อมไปไม่ได้ เมิ่งจงจวี่และเมิ่งต้าจินเป็นผู้ชาย ยิ่งไม่สมควรพูดเรื่องเจรจาสู่ขอ ทุกคนหารือกันเป็นนาน สุดท้ายมติเป็นเอกฉันท์ให้เมิ่งเชี่ยนโยวเป็นคนไป
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบรับงานนี้อย่างเบิกบาน บอกว่าพรุ่งนี้ตอนเช้าจะเข้าไปบ้านท่านอาจารย์โจว
หญิงชราเมิ่งและสะใภ้เมิ่งต้าจินต่างดีอกดีใจ เมิ่งจงจวี่และเมิ่งต้าจินกลับกลัดกลุ้มใจจนนอนไม่หลับ
เมิ่งชื่อและเมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาถึงบ้าน เมิ่งเอ้ออิ๋นถามเมิ่งชื่อว่าไปหาพี่สะใภ้ทำอะไร
เมิ่งชื่อบอกเขาว่าไปเรื่องงานแต่งงานของเมิ่งอี้ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
นี่เป็นเรื่องที่ผู้หญิงต้องทุกข์กังวล เมิ่งเอ้ออิ๋นจึงไม่ถามมากความ ทั้งไม่เก็บมาใส่ใจ
วันถัดมาหลังกินอาหารเช้า เมิ่งเชี่ยนโยวมาถึงบ้านท่านอาจารย์เร็วกว่าเมิ่งอี้เซวียนสองเค่อ พูดกับคนเฝ้าประตูอย่างสุภาพ “รบกวนท่านช่วยไปเรียนรายงาน บอกว่าข้ามีเรื่องขอพบท่านอาจารย์”
ครั้งก่อนท่านอาจารย์โมโหโกรธเกรี้ยว ได้เมิ่งเชี่ยนโยวมาพูดให้อ่อนลงได้อย่างง่ายดาย ทุกคนต่างเลื่อมใสในตัวนางมาก บ่าวรับใช้ยิ่งให้เคารพนับถือ ได้ฟังดังนั้นรีบพูดว่า “แม่นางรอสักครู่ ข้าจะไปเรียนรายงานเดี๋ยวนี้” พูดจบวิ่งตรงเข้าไปรายงาน บอกว่าเมิ่งเชี่ยนโยวขอเข้าพบ
ท่านอาจารย์กำลังเตรียมสอนวิชาของเมิ่งอี้เซวียน ได้ยินบ่าวเข้ามารายงาน พลันนึกว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเมิ่งอี้เซวียน ลุกลนพูดว่า “รีบไปเชิญนางเข้ามา”
บ่าวรับคำ วิ่งเหยาะกลับมา เชิญเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามาอย่างอ่อนน้อม
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในห้อง ท่านอาจารย์โบกมือไล่บ่าวออกไป ให้พวกเขาไปรอนอกลาน หากตนเองมิได้ร้องเรียกห้ามเข้ามาในลานเรือนโดยพลการ
บ่าวขานรับคำ ถอยออกไปทั้งหมด
ท่านอาจารย์เชิญเมิ่งเชี่ยนโยวนั่งบนเก้าอี้ ถามความ “แม่นางเมิ่ง เข้ามาหาข้าแต่เช้าตรู่ หรือจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอี้เซวียน?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มโบกมือ “ท่านอาจารย์เดาผิดแล้วเจ้าค่ะ ไม่ใช่เรื่องของอี้เซวียน แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับแม่นางโจว”
ไม่ใช่เรื่องของเมิ่งอี้เซวียน ท่านอาจารย์ก็ให้โล่งใจ พลันถามอย่างกังขา “เรื่องที่เกี่ยวข้องกับอิ๋งเอ๋อร์?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พูดว่า “แม่นางโจวมาจากตระกูลบัณฑิต มีการศึกษาดีพร้อม จิตใจผุดผ่อง มีคุณธรรมจรรยา หญิงสาวที่ดีเช่นนี้ ไม่ทราบว่าคุณชายสกุลไหนจะมีโชคดีได้แต่งงานกับนาง”
เมิ่งเชี่ยนโยวเค้นพลังสมองทั้งหมดที่มี เทน้ำหมึกในท้องออกมาจนเกลี้ยง เพื่อกล่าวชื่นชมแม่นางโจว
เมิ่งเชี่ยนโยวคิดเองว่าถ้อยคำเหล่านี้น่าจะพอสู้กับแม่สื่อได้แล้ว
ท่านอาจารย์ผงะอึ้ง แล้วส่งเสียงหัวเราะลั่น พูดว่า “แม่นางเมิ่ง มีอะไรก็พูดมาตามตรงเถิด”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นท่านอาจารย์กล่าววาจาไม่มีช่องโหว่ ไม่อาจสืบความใดๆ ได้ จึงตัดสินใจทุ่มสุดตัว พูดว่า “ที่ข้าเข้ามาแต่เช้า เพราะอยากใช้โอกาสที่พวกท่านอาจารย์และฮูหยินยังอยู่บ้านพูดทาบทามสู่ขอแม่นางโจว”
ท่านอาจารย์พินิจมองนาง ลูบเคราแย้มยิ้มอ่อน “ตัวเจ้ายังเป็นเพียงเด็กสาว มาพูดสู่ขอให้คนอื่นแล้ว?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ข้าเองก็ไม่มีทางเลือก คนในครอบครัวต่างไม่กล้ามา ข้าจำต้องออกหน้าเอง หวังว่าท่านอาจารย์อย่าคิดว่าพวกเราไม่มีความจริงใจพอ”
ท่านอาจารย์จับใจความสำคัญได้ “คนในครอบครัว? จากที่ข้าทราบ พี่ใหญ่ของแม่นางหมั้นหมายแล้ว พี่รองยังเยาว์วัย ไม่ทราบว่าคนในครอบครัวของเจ้าคือคนไหน?”
เมิ่งเชี่ยนโยวสังเกตคำพูดและสีหน้า เห็นท่านอาจารย์ไม่มีท่าทีเคืองขุ่น เริ่มมีความกล้ามากขึ้น ยิ้มตอบกลับ “เป็นบุตรชายคนรองของท่านลุงใหญ่ข้าเจ้าค่ะ ชื่อเมิ่งอี้ แม่นางโจวเป็นรักแรกพบของเขา ดังนั้นข้าจึงจำต้องแบกหน้ามาช่วยเขาพูดสู่ขอ”
ท่านอาจารย์ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเมิ่งอี้เลย ได้ฟังก็ขมวดคิ้วขบคิดเป็นนาน แต่ก็คิดไม่ออกว่าเป็นคนไหน
เห็นเขาขมวดคิ้วมุ่น เมิ่งเชี่ยนโยวให้หัวใจกระสับกระส่าย พูดต่อว่า “พี่เมิ่งอี้เก็บงำเรื่องนี้ไว้ในใจมาตลอด หากไม่เพราะข้าไปพบเข้าโดยบังเอิญ เกรงว่าเขาคงไม่มีวันพูดออกมา คนในครอบครัวทราบเรื่องก็คัดค้านรุนแรง คิดว่าพวกเราสองครอบครัวไม่เหมาะสมกัน แต่ข้าคิดว่าหญิงสาวจิตใจดีรูปงาม เหมาะเป็นคู่ชีวิตในอุดมคติของชายหนุ่ม พวกเรามาเจรจาทาบทามมิใช่เรื่องผิด ถึงหน้าด้านหน้าทนเข้ามาเช่นนี้”
“พี่รองของเจ้าคนนี้เป็นคนเยี่ยงไร?” ท่านอาจารย์ไม่ตอบตกลงหรือไม่ตกลง เพียงลูบเคราถามอย่างสงบนิ่ง
เมิ่งเชี่ยนโยวสัมผัสได้ว่าในใจของท่านอาจารย์มิได้คัดค้านเรื่องนี้ จึงตอบไปตามจริง “ซื่อสัตย์ มุ่งมั่น ทุ่มเทลับหลัง ไม่เคยพร่ำบ่น ข้อเสียเดียวก็คือการศึกษาต่ำไปบ้าง”
“ท่านปู่เจ้าเป็นซิ่วไฉที่มีชื่อเสียงในละแวกนี้ เหตุใดพี่รองเจ้าถึงมีการศึกษาต่ำได้?” ท่านอาจารย์ประหลาดใจถาม
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ปิดบัง พูดเรื่องในอดีตที่เมิ่งต้าจินเป็นคนเกียจคร้าน ไม่เอาการเอางาน ถอนใจพูดว่า “แม้จะมีเงินค่าสอนของท่านปู่ ความเป็นอยู่ของครอบครัวก็ยังอัตคัดลำบาก เพื่อให้พี่ใหญ่เข้าสอบขุนนาง พี่รองจึงไปทำงานที่ภัตตาคารตั้งแต่หลายปีก่อน ด้วยเหตุนี้เขาจึงมีการศึกษาต่ำ”
ท่านอาจารย์ผงกศีรษะเข้าใจ “เช่นนี้พี่รองคนนี้ของเจ้ายังนับว่าใช้ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ไม่ใช่ใช้ได้ แต่ดีมากต่างหากเจ้าค่ะ หากไม่เพราะเขาพึงใจแม่นางโจว หญิงสาวในรอบละแวกนี้เขาสามารถเลือกได้ตามใจชอบ”
ท่านอาจารย์แย้มยิ้มขบขัน “แม่นางกล่าวเกินไปแล้วกระมัง? พี่รองของเจ้าดีเช่นนั้นจริงรึ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าหงึกหงัก “ไม่ว่าจะด้านใด พี่รองก็คือคนที่ฝากชีวิตไว้ได้ ดังนั้นข้าหวังว่าท่านอาจารย์จะพิจารณาการแต่งงานครั้งนี้อย่างถี่ถ้วน แม้พวกเราจะอาจเอื้อม แต่สำหรับแม่นางโจวแล้วก็มิใช่เรื่องไม่ดี และข้าขอรับประกันกับท่าน ขอเพียงท่านรับปากการแต่งงานนี้ ชีวิตของพี่รองข้าจะมีแม่นางโจวเป็นภรรยาเพียงคนเดียว ไม่นอกใจเด็ดขาด”
คล้ายว่าท่านอาจารย์เริ่มจะหวั่นไหว ลูบเครานิ่งเงียบครู่หนึ่ง พูดว่า “การแต่งงานนี้ข้าต้องคิดทบทวนให้ดี เชิญแม่นางกลับไปรอฟังข่าว ไม่เกินสามวัน ข้าจะต้องมีคำตอบให้แม่นาง”
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่พูดอะไรอีก ยิ้มแล้วลุกขึ้น “เช่นนั้นข้าจะกลับไปรอฟังข่าวดีจากท่านอาจารย์”
ท่านอาจารย์ผงกศีรษะ เปล่งเสียงตะโกนเรียนบ่าว ให้เขาพาเมิ่งเชี่ยนโยวไปส่ง
เมิ่งเชี่ยนโยวจากไปแล้ว ท่านอาจารย์สั่งบ่าวอีกคนไปเรียกโจวเสี้ยวและโจวหลี่เข้ามา
โจวเสี้ยวและโจวหลี่กำลังเตรียมจะไปสอนหนังสือ ได้ยินบ่าวเข้ามาแจ้ง ก็ตรงเข้ามาที่เรือนท่านอาจารย์ ถามขึ้นพร้อมกัน “ท่านพ่อ ท่านเรียกพวกเรามาด้วยเรื่องอันใด?”
ท่านอาจารย์ให้ทั้งสองคนนั่งลง แล้วพูดว่า “เมื่อครู่แม่นางเมิ่งมาพูดทาบทามสู่ขออิ๋งเอ๋อร์ ให้บุตรชายคนรองของลุงใหญ่นาง”
โจวเสี้ยวผงะเล็กน้อย ถามขึ้น “ท่านพ่อหมายความว่า?”
ท่านอาจารย์ตอบด้วยสีหน้าขึงขัง “เมื่อครู่ข้าคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ข้าเห็นด้วยกับการแต่งงานนี้”
โจวอิ๋งเป็นบุตรสาวคนโตของตนเอง เป็นเด็กน่ารักมีไหวพริบ เป็นดั่งมุกในกำมือของตนเองและภรรยา ปกติก็เป็นที่รักใคร่เอ็นดูของฮูหยินโจวและพวกเขา หากไม่เพราะท่านอาจารย์โจวขอลาออกจากราชการกลับบ้านเกิด การจะให้บุตรสาวหาคู่แต่งงานกับบุรุษรูปงามนามทรัพย์ในเมือง ย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก โจวเสี้ยวไม่คิดเลยว่าท่านอาจารย์จะตบปากรับคำการแต่งงานนี้ พลันรับไม่ได้ นั่งตะลึงค้างบนเก้าอี้
ท่านอาจารย์โจวเห็นปฏิกิริยาเขา รู้ว่าเขาไม่ยินดี ถอนหายใจยาวพูดว่า “ทุกวันนี้พวกเราไม่เหมือนดั่งก่อนแล้ว หากไม่เพราะมาที่นี่ ตอนนี้พวกเราคงอยู่บ้านเกิดแล้ว อย่างไรอิ๋งเอ๋อร์ก็ต้องแต่งงานอยู่ชนบท สิ่งเดียวที่พอจะปลอบประโลมได้ก็คืออยู่ไม่ห่างจากพวกเรานัก แต่ตอนนี้เหตุการณ์เปลี่ยนแล้ว เพื่อตอบแทนบุญคุณท่านแม่ทัพใหญ่ ข้ารับปากมาสอนอี้เซวียนที่นี่ แต่ข้าก็คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นเด็กที่หายสาบสูญไปหลายปีก่อนของท่านอ๋องฉี เมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องราวจึงอยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเรา ความปรารถนาเดิมที่ข้าคิดจะพาพวกเจ้าออกห่างจากราชสำนัก กลับไปอยู่บ้านนอกกลับต้องสูญเปล่า วันใดที่อี้เซวียนได้กลับคืนสู่ฐานันดร อาจจะเป็นวันที่พวกเราทั้งครอบครัวต้องกลับเข้าเมืองหลวงอีกครั้ง เดิมทีเพื่อหลบลี้การแก่งแย่งชิงดีภายในราชสำนัก ข้าถึงขอเกษียณกลับบ้านเกิด หากต้องกลับเข้าเมืองหลวงอีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะมีดวงตาอีกมากน้อยจับจ้องพวกเรา หากมีสิ่งใดผิดพลาด ชีวิตของพวกเราทั้งครอบครัวก็คงยากจะอยู่รอดปลอดภัย ให้อิ๋งเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะมีชีวิตเช่นไรก็ยังคุ้มครองชีวิตนางไว้ได้ ที่นี่มีแม่นางเมิ่งอยู่ อิ๋งเอ๋อร์จะไม่มีทางถูกรังแก เมื่อครู่แม่นางเมิ่งรับประกันกับพ่อแล้ว หากพวกเราตกลงการแต่งงานนี้ พี่รองของเขาไม่ว่าภายหน้าจะร่ำรวยเช่นไร ก็จะมีอิ๋งเอ๋อร์เป็นภรรยาเพียงคนเดียว”
โจวเสี้ยวถึงเข้าใจความหวังดีของท่านอาจารย์ ใบหน้าละอายใจ “ท่านพ่อคิดรอบคอบเสมอ”
ท่านอาจารย์โจวโบกมือ “ที่พ่อทำเช่นนี้เพราะความเห็นแก่ตัวอีกข้อ ก็คืออยากร้องขอการคุ้มกันจากแม่นางเมิ่ง”
โจวเสี้ยว โจวหลี่มองท่านอาจารย์โจวอย่างไม่เข้าใจ