ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 228-3 ผิดจากที่คาดไว้
บ่าวเฝ้าประตูได้รับคำสั่งก่อนแล้ว พาเมิ่งเชี่ยนโยวเดินตรงเข้ามาในลานเรือน เรียนบอก “นายท่าน นายหญิง แม่นางเมิ่งมาแล้วขอรับ”
ท่านอาจารย์ไม่ได้ตอบความ สะใภ้ใหญ่โจวเดินออกมาต้อนรับนาง พูดอย่างสนิทสนม “แม่นางเมิ่ง รีบเข้ามาด้านในเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มส่งเสียงทักทาย “ฮูหยินโจว” แล้วเดินตามนางเข้าไป
ภายในห้องมีคนจำนวนมาก ไม่เพียงมีท่านอาจารย์โจวและภรรยา โจวเสี้ยวและภรรยา แม้แต่โจวหลี่และภรรยาก็อยู่ด้วย ทุกคนต่างมองนางด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เห็นภาพตรงหน้านี้ ความกังวลใจของเมิ่งเชี่ยนโยวหดหายกลับคืนสู่สภาพปกติ จากสภาพการณ์นี้ พวกเขาคงจะเห็นด้วยกับการแต่งงานนี้แล้ว
เป็นจริงดังคาด เมิ่งเชี่ยนโยวเพิ่งจะนั่งลงจากคำเชื้อเชิญอย่างเป็นกันเองของสะใภ้ใหญ่โจว ท่านอาจารย์โจวก็เอ่ยปากพูดว่า “แม่นางเมิ่ง พวกเราทั้งครอบครัวหารือกันแล้ว ยินยอมให้อิ๋งเอ๋อร์และพี่รองของเจ้าแต่งงานกัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวด้วยความปิติ “ดียิ่งนัก ข้าจะกลับไปบอกท่านปู่ท่านย่าและลุงใหญ่เดี๋ยวนี้” พูดจบก็ลุกขึ้น
ท่านอาจารย์โจวร้องเรียกนาง “ช้าก่อนแม่นางเมิ่ง พวกเรายังมีเงื่อนไขไม่ทราบว่าพวกเจ้าจะยอมรับปากหรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งกลับลงไปอีกครั้ง พูดอย่างอ่อนน้อม “ท่านพูดเถิด ขอเพียงพวกเราทำได้ จะต้องยอมรับปาก”
ท่านอาจารย์โจวพูดว่า “หนึ่ง พวกเรามาพักอยู่ที่นี่ชั่วคราว ไม่มีเครือญาติร่วมงาน ดังนั้นพิธีหมั้นพวกเราอยากขอให้จัดอย่างยิ่งใหญ่ นอกจากของหมั้นหมายที่ห้ามขาดแม้เพียงชิ้นเดียวแล้ว คนที่มาร่วมพิธีหมั้นก็ห้ามขาดแม้แต่คนเดียว อีกอย่าง ตอนที่พวกเจ้าเข้ามาหมั้นหมาย จะต้องหาบของหมั้นเดินวนหมู่บ้านหนึ่งรอบ ให้ชาวบ้านเห็นว่าครอบครัวเจ้าให้ความสำคัญต่ออิ๋งเอ๋อร์มากเพียงใด”
เมิ่งเชี่ยนโยวถามอย่างระวัง “ของหมั้นหมายนี้ท่านต้องการใช้ประเพณีเมืองหลวงหรือประเพณีชนบท?”
“เข้าเมืองตาหลิ่ว พวกเราย่อมทำตามประเพณีแบบชนบทของพวกเจ้า พวกเราไม่เรียกร้องว่าของหมั้นหมายต้องโดดเด่น พวกเราขอเพียงให้พวกเจ้าพาคนมามากหน่อย แสดงให้เห็นว่าให้ความสำคัญต่ออิ๋งเอ๋อร์ของพวกเรา” ท่านอาจารย์โจวกล่าว
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบทันควัน “เช่นนั้นไม่มีปัญหา เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า ท่านอยากให้มากี่คนพวกเราก็จะมาเท่านั้นคน”
ท่านอาจารย์โจวพูดต่อ “สอง ตอนที่หมั้นหมาย พวกเราจะทำผิดธรรมเนียม ให้พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายออกหน้า”
ข้อนี้เมิ่งเชี่ยนโยวก็รับปากเต็มคำ
ท่านอาจารย์โจวพูดต่อ “เงื่อนไขสุดท้ายอาจจะมากเกินไปบ้าง พวกเจ้าจะต้องรับปาก ให้พี่รองของเจ้าพูดรับรองต่อหน้าชาวบ้าน ไม่ว่าภายหน้าจะยากดีมีจนอย่างไร ก็ห้ามละเลยอิ๋งเอ๋อร์ของพวกเรา และห้ามมีความคิดนอกลู่นอกทาง จะต้องมีอิ๋งเอ๋อร์เป็นภรรยาเป็นคนเดียว แน่นอนว่าพวกเราก็ขอรับประกันว่า อิ๋งเอ๋อร์จะเชื่อฟังสามีอบรมบุตรหลาน กลมเกลียวรักใคร่สามีตราบจนชีวิตจะหาไม่”
เงื่อนไขนี้ก็ไม่ถือว่าลำบากอะไร เพราะไม่รู้ว่าเมื่อใดที่ครอบครัวท่านอาจารย์โจวย้ายออกไป ทิ้งโจวอิ๋งไว้คนเดียวไม่มีบ้านฝ่ายหญิงพึ่งพิง จักต้องให้พวกเขาวางใจลงบ้าง เมิ่งเชี่ยนโยวจึงพยักหน้ารับคำ “ข้อนี้ก็ไม่มีปัญหา ข้าออกปากรับแทนพี่รองได้เลยเจ้าค่ะ”
เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวตบปากรับคำทันควัน ครอบครัวสกุลโจวต่างแย้มยิ้มอย่างสุขใจ
ท่านอาจารย์โจวผ่อนคลายอารมณ์ลงไปได้มาก ลูบเคราคลี่ยิ้มพูดว่า “เมื่อพวกเจ้าสามารถทำตามเงื่อนไขได้ทั้งสามข้อ เช่นนั้นก็หาวันฤกษ์งามยามดียกขบวนเข้ามาสู่ขอเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบลุกขึ้นยืน แสดงความคำนับชุดใหญ่ต่อท่านอาจารย์ ขอบคุณด้วยใจจริงที่เขายอมปล่อยวางค่านิยมความเท่าเทียมยอมรับการแต่งงานนี้
ท่านอาจารย์โจวก็ไม่เบี่ยงบ่าย หัวเราะเหอะๆ รับการคำนับชุดใหญ่จากนาง พูดว่า “แม่นางเมิ่ง อิ๋งเอ๋อร์ยังเด็ก หวังว่าภายหน้าเมื่อพวกเราจากไปแล้วเจ้าจะดูแลนางเรื่อยไป”
“ท่านอาจารย์วางใจเถอะ แม่นางอิ๋งเอ๋อร์แต่งมาอยู่สกุลพวกเรา ก็คือคนในสกุลพวกเรา ไม่ต้องให้ท่านพูด พวกเราก็ต้องดูแลนางเป็นอย่างดี” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
โจวเสี้ยวและภรรยา รวมถึงโจวหลี่และภรรยาต่างไม่ได้ปริปากพูด กระทั่งเมิ่งเชี่ยนโยวขอตัวลา สะใภ้ใหญ่โจวและสะใภ้รองโจวถึงแย้มยิ้มเดินออกมาส่งนางถึงนอกประตูใหญ่
เมิ่งเชี่ยนโยวบอกให้พวกนางส่งเพียงเท่านี้ ก้าวเท้าฉับๆ ตรงไปบ้านเมิ่งจงจวี่อย่างสุขสำราญใจ
สองสะใภ้โจวมองนางเดินไปไกลแล้ว ถึงหันหลังกลับเข้าบ้าน
สะใภ้เมิ่งต้าจินคาดเดาฝ่ายเดียวว่าสกุลโจวไม่ตอบรับการแต่งงานนี้ ทำเอาบรรยากาศภายในบ้านเต็มไปด้วยความอึมครึมหมองมัว
แม้จะอยู่ในการคาดเดาของตัวเอง เมิ่งจงจวี่ก็ยังเอาแต่ถอนหายใจไม่หยุด เกรงว่าหากท่านอาจารย์โจวโกรธเคืองล้มเลิกการสอนอี้เซวียน พาคนทั้งครอบครัวกลับบ้านเกิด ยิ่งให้เสียใจที่ตอนนั้นไม่ห้ามปราบให้มากกว่านี้
เมิ่งต้าจินก็หน้าเ**่ยวคอตก นั่งไม่พูดอะไรบนเก้าอี้
สะใภ้เมิ่งต้าจินยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่มีแม้แต่อารมณ์จะทำอาหารค่ำ
เมิ่งอี้เห็นทุกคนมีสภาพเช่นนี้ ให้ตำหนิโทษตัวเอง คอยพูดปลอบใจพวกเขา
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในบ้าน เห็นสภาพของทุกคน มึนงงถามขึ้น “เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?”
สะใภ้เมิ่งต้าจินฝืนยกยิ้มให้นาง ร้องทักทายนางอย่างไร้อารมณ์ “โยวเอ๋อร์มาแล้ว นั่งก่อนเถอะ”
หญิงชราเมิ่งนั่งขัดสมาธิบนเตียง ตีที่นั่งข้างๆ ตัวเอง ร้องเรียกให้นางมานั่งข้างตนเองเหมือนเคย
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปนั่งข้างหญิงชราเมิ่ง ถามด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง “เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่เจ้าคะ?”
เมิ่งจงจวี่ถอนหายใจ “โยวเอ๋อร์ หวังว่าท่านอาจารย์จะไม่พาลโกรธก็พอ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งให้งงงวย “ท่านปู่ ท่านพูดอะไร เหตุใดข้าถึงฟังไม่เข้าใจ เหตุใดท่านอาจารย์ต้องพาลโกรธเจ้าคะ?”
“ท่านอาจารย์มิได้ตอบตกลงการแต่งงานนี้หรือ? ท่านปู่เจ้ากลัวท่านอาจารย์จะพาลโกรธอี้เซวียนไปด้วย ได้แต่พะว้าพะวงไม่เป็นสุข” หญิงชราเมิ่งหวังดีอธิบายให้นางฟัง
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งไม่เข้าใจหนัก “ใครบอกพวกท่านว่าท่านอาจารย์ไม่ตอบตกลงการแต่งงานนี้เจ้าคะ?”
สะใภ้เมิ่งต้าจินตอบกลับอย่างเศร้าหมอง “เจ้าเข้าไปบ้านท่านอาจารย์ตั้งแต่เช้า เพิ่งจะมาตอนนี้ ไม่ใช่เพราะกลับไปคิดว่าจะพูดกับพวกเราอย่างไร เพื่อไม่ให้พวกเราต้องผิดหวังหรือ?”
“คุณพระช่วย!” เมิ่งเชี่ยนโยวร้องอุทาน “ที่ข้ามิได้เข้ามาเพราะท่านอาจารย์บอกว่าขอเวลาตัดสินใจ ข้าจึงคิดว่ารอพวกเขามีคำตอบแน่ชัดแล้วค่อยเข้ามา”
เมิ่งต้าจินเงยหน้าพรึ่บ หยั่งเชิงถาม “เช่นนั้นที่เจ้าเข้ามาแปลว่าครอบครัวท่านอาจารย์มีคำตอบแล้วหรือ?”
“ใช่เจ้าค่ะ ข้าเพิ่งออกมาจากบ้านท่านอาจารย์ ก็รีบตรงมาที่นี่” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ
สะใภ้เมิ่งต้าจินยิ่งใช้น้ำเสียงระวัง “ท่านอาจารย์ว่าอย่างไรบ้าง?”
“เขาตอบตกลงการแต่งงานนี้ ให้พวกเราหาวันฤกษ์งามยามดีเข้าไปสู่ขอเจ้าค่ะ”
สิ้นเสียงเมิ่งเชี่ยนโยว ความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งบ้าน
ราวกับว่าทั้งครอบครัวไม่เชื่อในคำพูดนาง
ครู่ใหญ่สะใภ้เมิ่งต้าจินถึงถามด้วยอารามยินดี “โยวเอ๋อร์ เจ้าบอกว่า ท่านอาจารย์ตอบตกลงการแต่งงงานนี้กับครอบครัวเรา?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ!”
ทุกคนถึงได้สติกลับคืนมา ต่างยินดีปรีดา
เมิ่งจงจวี่เอาแต่พูดว่าดีๆ ไม่หยุดปาก เมิ่งต้าจินโล่งใจ สะใภ้เมิ่งต้าจินปลาบปลื้มใจจนน้ำตาร่วงเผาะ เอาแต่พูดซ้ำไปมาไม่หยุด “ดียิ่งนัก! ดียิ่งนัก!”
ดวงตาเมิ่งอี้ฉายแววสุกสกาว มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันตาเห็น
หญิงชราเมิ่งตื้นตันใจตีมือเมิ่งเชี่ยนโยว พูดไม่ออก
เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูปฏิกิริยาของทุกคน ยกยิ้มพูด “ทว่า ท่านอาจารย์เสนอเงื่อนไขออกมาสามข้อ…”
เมิ่งจงจวี่พูดสวนพลัน “อย่าว่าแต่เงื่อนไขสามข้อ ต่อให้เป็นหนึ่งร้อยข้อพวกเราก็ตกลง”
เมิ่งต้าจินและภรรยาพยักหน้าเห็นพ้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มบอกเงื่อนไขทั้งสามข้อกับพวกเขา สุดท้ายพูดว่า “มิได้เป็นเงื่อนไขหนักหนาอะไร ข้าจึงรับปากไปหมดแล้ว พวกท่านไม่ตำหนิว่าข้าทำไปโดยพลการหรอกนะเจ้าคะ?”
“รับปากได้ดี!” หญิงชราเมิ่งกล่าวชม “ต่อให้พวกเขาไม่เอ่ยปาก พวกเราก็ต้องทำเช่นนั้น อย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นพวกเราที่อาจเอื้อมเอง”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มมองเมิ่งอี้ พูดว่า “พี่รอง เงื่อนไขสุดท้ายข้ารับปากแทนท่านไปอย่างไม่ลังเล หวังว่าภายหน้าท่านจะไม่ทำให้ข้าต้องผิดคำพูด”
เมิ่งอี้ตื่นเต้นดีใจจนหน้าแดงฝาด ได้ฟังพูดริมฝีปากสั่นรับประกันว่า “น้องโยวเอ๋อร์ เจ้าวางใจเถอะ ขอเพียงแต่งงานกันแล้ว ข้ารับรองว่าจะดีกับแม่นางโจวไปทั้งชีวิต”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูดกระเซ้า “พี่รองอย่าได้เอ่ยวาจานี้กับข้า ในวันหมั้นหมายท่านค่อยไปพูดกับแม่นางอิ๋งเอ๋อร์เองเถอะ”
ทุกคนหัวเราะครื้นเครง
เมิ่งอี้ลูบศีรษะตัวเองเซื่องๆ หัวเราะตามไปด้วย
เมิ่งจงจวี่ควบคุมความดีใจไว้ไม่อยู่ หยิบปฏิทินจันทรคติออกมาพลิกดู บอกว่าอีกห้าวันให้หลังเป็นวันดี
หญิงชราเมิ่งพูดพลัน “เช่นนั้นก็กำหนดเป็นอีกห้าวันให้หลัง นับแต่พรุ่งนี้ไป พวกเราทั้งหมดเริ่มงาน ตระเตรียมข้าวของสำหรับงานหมั้นแต่เนิ่นๆ”
สะใภ้เมิ่งต้าจินพยักหน้าหงึกหงัก “เจ้าค่ะ พรุ่งนี้ข้าจะเข้าไปจับจ่ายซื้อของในเมืองกับน้องสะใภ้”
กำหนดวันได้แล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็ลุกขึ้นยืน “เรื่องอื่นๆ พวกท่านหารือเสร็จแล้วค่อยบอกข้านะเจ้าคะ ข้าจะกลับไปบอกท่านพ่อท่านแม่ก่อน ให้พวกเขาก็ดีใจด้วย”
เมิ่งต้าจินและเมิ่งอี้ยิ้มแย้มพานางออกมาส่งถึงหน้าประตู เห็นนางไปไกลแล้ว ถึงหันหลังกลับเข้าบ้านอย่างเบิกบานใจ หารือเรื่องการหมั้นหมายจะต้องพาคนไปจำนวนเท่าใด
เมิ่งเชี่ยนโยวเบิกบานสำราญใจ เยื้องย่างกายฉับไวขึ้นมาก ไม่กี่อึดใจก็กลับมาถึงบ้าน
เด็กๆ ยังตั้งใจช่วยกันบดยาในลานบ้าน ต่างบดวางแยกไว้เป็นกองๆ แล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวปรบมือ ยิ้มพูดกับเด็กๆ ว่า “พอบดยาที่เหลือนี้เสร็จ ข้าก็จะจ่ายเงินค่าแรงให้พวกเจ้า”
เด็กๆ โห่ร้องไชโย
เมิ่งชื่อที่กำลังทำอาหารในครัวได้ยินเสียงนางก็ยื่นหน้าออกมา ถามอย่างรอคอย “โยวเอ๋อร์ มีคำตอบแล้วหรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า เดินเข้าไปในห้อง ยิ้มพูดว่า “ท่านอาจารย์ยอมตกลงแล้ว อีกห้าวันให้หลังก็จะมีงานหมั้นเจ้าค่ะ”
เมิ่งชื่อก็ไชโยโห่ร้อง พูดอย่างสุขใจ “ดีเหลือเกิน อี้เอ๋อร์มีกำหนดวันหมั้นแล้ว แม่ค่อยโล่งใจไปอีกเปราะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ
เมิ่งเอ้ออิ๋นที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในบ้านได้ยินเสียงยินดีของเมิ่งชื่อ เดินเข้ามาในห้องครัว ประหลาดใจถาม “พวกเจ้าสองแม่ลูกคุยอะไรกัน? ถึงดีใจเช่นนี้?”
เมิ่งชื่อตอบด้วยน้ำเสียงปลื้มปิติ “งานหมั้นของอี้เอ๋อร์ถูกกำหนดแล้ว อีกห้าวันให้หลังจะเป็นวันหมั้น”
เมิ่งเอ้ออิ๋นก็ดีใจเป็นอย่างมา พูดว่า “รวดเร็วทันใจยิ่ง ตอบรับเร็วเช่นนี้เลย”
เมิ่งชื่อพูดด้วยน้ำเสียงเห็นพ้อง “ถูกต้องแล้ว ครอบครัวสกุลโจวเป็นคนมาจากเมืองหลวง มีประสบการณ์มาก กระทำเรื่องฉับไว”
เมิ่งเอ้ออิ๋นชะงักในท่าโค้งตัวงอ เงยหน้าถามเมิ่งชื่ออย่างไม่เชื่อ “ครอบครัวสกุลโจวที่เจ้าว่า อย่าบอกว่าคือครอบครัวท่านอาจารย์โจวหรอกนะ”
เมิ่งชื่อตอบอย่างชื่นบาน “ก็ต้องเป็นครอบครัวท่านอาจารย์โจวอยู่แล้ว นอกจากพวกเขา หมู่บ้านพวกเรายังมีใครแซ่โจวอีกเรอะ”
น้ำในมือเมิ่งเอ้ออิ๋นไหลรินกลับเข้าไปในอ่าง มองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างไม่เชื่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าเขาคิดอะไร ยกยิ้มพูดปลอบ “ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องเป็นกังวล ท่านอาจารย์ก็ยินดีกับการแต่งงานนี้เจ้าค่ะ”
เมิ่งเอ้ออิ๋นเผยอปาก มองเมิ่งชื่อแล้วกลืนคำพูดที่ปลายลิ้นกลับไป
เมิ่งชื่อกำลังก้มหน้าทำอาหาร ไม่เห็นปฏิกิริยาของเขา
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อว่า “ท่านปู่และลุงใหญ่ก็ดีใจเป็นอย่างมากเจ้าค่ะ”
“ท่านปู่และลุงใหญ่เจ้ามิได้คัดค้าน?” พอเปลี่ยนเรื่องพูด เมิ่งเอ้ออิ๋นถึงได้น้ำเสียงกลับคืนมา
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “คัดค้านเจ้าค่ะ แต่ข้าพูดกล่อมพวกเขาสำเร็จ แล้วให้ข้าเข้าไปพูดทาบทามสู่ขอที่บ้านท่านอาจารย์”
พอได้ยินว่าบิดาและพี่ใหญ่ตนเองเห็นด้วย เมิ่งเอ้ออิ๋นก็วางใจลง จากนั้นก็ดีใจกับเมิ่งอี้ด้วย “แม่นางสกุลโจวไม่เลวเลย อี้เอ๋อร์ได้นางมาเป็นภรรยา ชีวิตจะต้องมีแต่ความสุขสมบูรณ์”
เมิ่งชื่อตื้นตันใจรับคำ “แน่นอนอยู่แล้ว เมิ่งอี้เป็นคนพึงใจเอง ชีวิตภายหน้าจะไม่สุขสมบูรณ์ได้อย่างไร?”
เมิ่งเอ้ออิ๋นเห็นนางปิติเบิกบาน ยกยิ้มส่ายหน้า
ช่วงเวลาหลายวันต่อมา สะใภ้เมิ่งต้าจินและเมิ่งชื่อแทบจะนั่งรถม้าเข้าเมืองทุกวัน แต่ละวันมีแต่ข้าวของกองพะเนินกลับมา
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูดกระเซ้าพวกเขา หากไม่ถึงวันหมั้นเสียที เกรงว่าพวกนางคงจะย้ายของทั้งตำบลมาไว้ที่บ้านเป็นแน่
เมิ่งจงจวี่และเมิ่งต้าจินก็กำหนดผู้ที่จะเข้าร่วมงานหมั้นเรียบร้อยแล้ว ล้วนเป็นเด็กหนุ่มและผู้หญิงที่พูดจาฉะฉานในสกุล เลือกมาทั้งหมดหกสิบคน สุดท้ายยังเชิญหัวหน้าสกุลออกหน้า ให้เกียรติครอบครัวโจวอย่างสมศักดิ์ศรี
ท่านอาจารย์โจวได้ยินแล้ว พยักหน้าพออกพอใจ
คนในหมู่บ้านถึงได้รู้ว่าบ้านเมิ่งและบ้านท่านอาจารย์โจวจะเกี่ยวดองกัน ต่างอิจฉาตาร้อนพลัน เอาแต่พูดว่าชาติที่แล้วเมิ่งอี้ทำความดีไว้มากเพียงใด ชาตินี้ถึงได้แต่งงานกับแม่นางที่ดีเช่นโจวอิ๋งได้
ทั้งหมดนี้เมิ่งเชี่ยนโยวมิได้ต้องห่วงกังวล เอาแต่ปรุงยารักษารอยแผลเป็นในบ้าน
สมุนไพรครบสมบูรณ์ ทั้งมีเด็กตัวน้อยช่วยบดยา เมิ่งเชี่ยนโยวจึงปรุงยาได้รวดเร็วดั่งใจหมาย ทว่าตัวยาสำคัญที่สุดใกล้จะหมดแล้ว ร้านยาเต๋อเหรินก็ยังไม่ส่งข่าวมา
ตอนที่เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังคับข้องใจว่าเป็นเพราะท่านปู่ของเหวินชื่อไม่อนุญาตหรือไม่นั้น พนักงานร้านยาเต๋อเหรินก็ขี่ม้าเร็วส่งจดหมายหนึ่งฉบับเข้ามา