ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 235-3 เหวินซื่อใจสลาย
พนักงานเดินวนไปวนมาด้วยความกระสับกระส่าย เห็นผู้ว่าการตำบลออกมา รีบเดินไปเบื้องหน้าเขา ร้องเรียกอย่างนอบน้อม “ท่านผู้ว่าการตำบล”
ผู้ว่าการตำบลถามเขา “เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด เหตุใดพวกเจ้าถึงเพิ่งมาแจ้งความตอนนี้?”
พนักงานตอบ “เพิ่งจะล่วงยามจื่อของเมื่อคืนวาน ก็มีคนบุกเข้ามาในร้านยาเต๋อเหริน หมายจะสังหารนายท่านของพวกเรา เพื่อปกป้องนายท่าน หมอชราเอาตัวเข้าขวางดาบ พวกเราเชิญแม่นางเมิ่งมารักษาอาการให้เขา แต่หมอชราบาดเจ็บสาหัส แม่นางเมิ่งไม่อาจช่วยยื้อชีวิตเขาไว้ได้ จากโลกนี้ไปเมื่อตอนฟ้าสาง นายท่านของพวกเราด้วยเสียใจมากเกินไปจนเป็นลมหมดสติไป พวกเราไม่รู้เลยว่าควรทำอย่างไรต่อไป เป็นแม่นางเมิ่งที่สั่งให้พวกเราเข้ามาแจ้งความขอรับ”
ผู้ว่าการตำบลไม่คิดว่าแม่นางเมิ่งที่พนักงานกล่าวถึงจะเป็นเมิ่งเชี่ยนโยว จึงมิได้ใส่ใจ พยักเพยิดแสดงว่าตนเองทราบแล้ว
บ่าวตามกุนซือและเจ้าหน้าที่เข้ามาอย่างเร็วรี่ ผู้ว่าการตำบลเดินหน้า ทุกคนเดินตามหลัง มุ่งหน้าไปร้านยาเต๋อเหริน
หน้าร้านยาเต๋อเหรินมีคนล้อมมุงดูความวุ่นวายไม่น้อยแล้ว ต่างชี้มือชี้ไม้ คาดเดาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พอเห็นผู้ว่าการตำบลเข้ามา ก็แยกออกหลีกทางให้พวกเขา
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นผู้ว่าการตำบลเข้ามา ลุกขึ้นออกไปต้อนรับ
ผู้ว่าการตำบลเห็นนางผงะเล็กน้อย จากนั้นถึงได้สติว่าแม่นางเมิ่งที่พนักงานเอื้อนเอ่ยถึงก็คือเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “รบกวนท่านผู้ว่าการตำบลในช่วงวันเช่นนี้เป็นการไม่เหมาะสมยิ่งนัก ทว่ามีคนเสียชีวิตในร้านยาเต๋อเหริน พวกเราจำเป็นต้องทำเช่นนี้ ขอท่านผู้ว่าการตำบลอภัยด้วย”
ในตำบลนี้ไม่เคยเกิดคดีถึงแก่ชีวิตมาก่อน นี่เป็นครั้งแรก แม้ผู้ว่าการตำบลจะกังขาว่านางและร้านยาเต๋อเหรินมีความสัมพันธ์ใดต่อกัน กลับยังเอ่ยปากพูดว่า “ศพของหมอชราอยู่ที่ใด? พอจะให้ข้าดูได้หรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักน้า แสดงท่าผายมือ “อยู่ในห้องรักษาด้านหลัง เชิญท่านผู้ว่าการตำบล”
ผู้ว่าการตำบลเดินนำเข้าไปหลังร้าน กุนซือเดินนำเจ้าหน้าที่สองสามนายเดินตามหลัง สุดท้ายเหลือเจ้าหน้าที่สองนายยืนหน้าประตูร้านยาเต๋อเหริน ไม่อนุญาตให้ใครเข้าออกร้านยาเต๋อเหรินตามอำเภอใจ
เดินเข้ามาถึงหลังร้าน เห็นพนักงานสองคนยืนเฝ้าหน้าห้องห้องหนึ่ง ผู้ว่าการตำบลนึกว่านั่นคือห้องรักษา เดินตรงไปยังห้องนั้น
เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือชี้ไปที่อีกห้องหนึ่งพูดว่า “ห้องรักษาอยู่ทางนี้เจ้าค่ะ”
ผู้ว่าการตำบลตามเมิ่งเชี่ยนโยวมายังห้องรักษา พอเห็นสภาพศพของหมอชราก็ให้สูดลมเข้าปาก กล่าวอย่างฉุนเฉียว “คนพวกนั้นอำมหิตเกินไปแล้ว ลงมือกับหมอชราได้โหดเ**้ยมถึงเพียงนี้”
กุนซือก็ตามเข้ามาในห้องด้วย หลังจากเห็นสภาพการตายหมอชรา ตกใจขวัญกระเจิง ก็รีบถอยออกไปจากห้อง
ผู้ว่าการตำบลก็ทนดูต่อไปไม่ไหว เดินตามออกไป หันมาพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “เมื่อครู่พนักงานเล่าเหตุการณ์ให้ข้าฟังแล้ว จากการสันนิษฐานของข้า ต้องเป็นการฆ่าล้างแค้นอย่างไม่ต้องสงสัย แม่นางพอจะทราบหรือไม่ว่า ช่วงนี้ร้านยาเต๋อเหรินได้ล่วงเกินใครหรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ “ร้านยาเต๋อเหรินเป็นโรงหมอ มีแต่คนเจ็บป่วยเข้ามา ระหว่างพวกเขาไม่อาจมีความขัดแย้ง ยิ่งไม่ต้องพูดว่าจะล่วงเกินใครได้”
“เช่นนั้นก็แปลกประหลาดนัก หากพวกเขาไม่ได้ล่วงเกินใคร เหตุใดถึงเกิดการฆ่าล้างแค้นเ**้ยมโหดเช่นนี้ได้?” ผู้ว่าการตำบลไม่เข้าใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า พูดว่า “ข้าก็ไม่ทราบ”
“แล้วนายท่านเหวินเล่า เขาพอจะรู้หรือไม่ว่าใครเป็นผู้ลงมือ?” ผู้ว่าการตำบลถามอีก
เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงส่ายหน้า “ข้าถามเขาแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่”
ไม่มีเบาะแส ผู้ว่าการตำบลไม่อาจชี้ชัดได้ จำต้องพูดว่า “นี่เป็นเรื่องใหญ่ ข้าเกรงจะจัดการไม่ไหว เอาอย่างนี้เถอะ เจ้าให้คนเฝ้าร้านยาเต๋อเหรินให้ดี อย่าเคลื่อนย้ายสิ่งของในลานเรือนและศพของหมอชรา ข้าจะกลับไปเขียนเอกสารทางการ ให้เจ้าหน้าที่นำส่งไปศาลาว่าการอำเภอ ให้ท่านนายอำเภอเข้ามาจัดการด้วยตัวเอง”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ไม่ต้องรบกวนท่านใต้เท้า ข้าได้ส่งคนไปแจ้งข่าวแล้ว ตอนนี้น่าจะถึงศาลาว่าการอำเภอแล้วเจ้าค่ะ”
เห็นนางพูดว่าส่งคนไปศาลาว่าการอำเภออย่างคล่องปาก ผู้ว่าการตำบลให้ตกใจเล็กน้อย หยั่งเชิงถาม “แม่นางรู้จักท่านใต้เท้านายอำเภอหรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย ผ่อนคลายสบายๆ “พวกเราเคยร่วมกันแก้ไขในหลายเรื่อง พอจะมีความสนิทสนมกันบ้าง”
ได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ ย้อนคิดถึงท่าทีที่ตนเองเคยปฏิบัติต่อนาง เหงื่อเย็นวาบผุดซึมออกมาทั่วตัวผู้ว่าการตำบล รีบปรับเปลี่ยนท่าทีประจบประแจง พูดอย่างระมัดระวัง “เช่นนั้นแม่นางเมิ่งคิดว่าต่อจากนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี?”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาแวบหนึ่งพูดว่า “ท่านเป็นผู้ปกครองของตำบล เรื่องนี้ท่านควรจะเป็นผู้ตัดสิน”
ในตอนนี้แม้แต่บนหน้าผากผู้ว่าการตำบลก็มีเหงื่อซึมออกมาทั่วแล้ว ลองหยั่งเชิงถาม “เช่นนั้นข้าจะให้คนปิดล้อมเส้นทางบริเวณนี้ไว้ก่อน ห้ามไม่ให้ใครเข้าใกล้ รอท่านนายอำเภอมาถึงแล้ว พวกเราค่อยตัดสินความ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “เช่นนั้นต้องรบกวนท่านใต้เท้าผู้ว่าการตำบลแล้ว”
ผู้ว่าการตำบลซับเหงื่อบนหน้าผาก เปล่งเสียงสั่งเจ้าหน้าที่ในลานเรือน “พวกเจ้าจงไล่คนที่มามุงดูโดยรอบออกไป ปิดล้อมเส้นทางบริเวณนี้ หากไม่มีคำสั่งข้า ใครก็ห้ามเข้าใกล้ร้านยาเต๋อเหริน”
เจ้าหน้าที่ขานรับคำ เดินออกไป
กุนซือก็ได้ยินวาจาของเมิ่งเชี่ยนโยวแล้ว หัวใจเต้นรัวไม่หยุด หันมองสบตาผู้ว่าการตำบล ส่งสายตาให้เขา
ผู้ว่าการตำบลเข้าใจพลัน หันไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่ง ข้าและท่านกุนซือจะตรวจดูสภาพการณ์โดยรอบลานเรือนอย่างละเอียด ว่าคนร้ายได้ทิ้งเบาะแสอะไรเอาไว้หรือไม่”
“รบกวนท่านใต้เท้าผู้ว่าการตำบลแล้ว” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว
ผู้ว่าการตำบลลนลานโบกมือ “นี่เป็นหนึ่งในหน้าที่ของข้า สมควรแล้ว” พูดจบทำท่าทีขึงขังเดินออกไปสำรวจดูรอบลานเรือนพร้อมกุนซือ
เหวินเปียวขี่ม้าเร็วมาถึงตัวอำเภอ หลังจากพ้นประตูเมืองเข้ามาก็มุ่งหน้าไปศาลาว่าการอำเภอ
วันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ เศรษฐีมีเงินในอำเภอไม่น้อยเข้ามาสวัสดีปีใหม่เปาชิงเหอ ผู้คนขวักไขว่ครึกครื้นเป็นอย่างมาก
เหวินเปียวพลิกตัวลงจากหลังม้า พูดกับบ่าวที่วุ่นวายกับการต้อนรับคนที่เข้ามาสวัสดีปีใหม่ “ข้าเป็นบ่าวรับใช้ของแม่นางเมิ่ง แม่นางเมิ่งมีเรื่องด่วนให้ข้ามาเรียนแจ้งท่านนายอำเภอ”
บ่าวในบ้านต่างรู้จักเมิ่งเชี่ยนโยว พอได้ยินว่าเขาเป็นบ่าวบ้านเมิ่ง รีบพาเขาเข้ามาหลังเรือน เรียนรายงานเปาชิงเหอที่กำลังรับรองคนที่เข้ามาสวัสดีปีใหม่ภายในห้อง “นายท่านขอรับ แม่นางเมิ่งส่งคนเข้ามา บอกว่ามีเรื่องด่วนจะแจ้งท่านขอรับ”
วันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ ด้วยนิสัยของเมิ่งเชี่ยนโยวหากไม่เกิดเรื่องใหญ่เรื่องสำคัญ นางไม่มีทางมารบกวนตนเองส่งเดช เปาชิงเหอได้ฟังกล่าวขอโทษคนที่เข้ามาสวัสดีปีใหม่ เดินพ้นประตูออกมา ส่งสายตาให้เหวินเปียวตามตนเองไปที่ห้องหนังสือ
มาถึงห้องหนังสือ ไม่รอเปาชิงเหอซักไซ้ เหวินเปียวรายงานโดยไว “ท่านใต้เท้า เมื่อคืนวานมีคนชุดดำบุกเข้าไปล้อมสังหารในร้านยาเต๋อเหริน หมอชราโชคร้ายเสียชีวิต นายท่านเหวินเสียใจหนักจนหมดสติไป นายหญิงของข้าให้ข้ามาเชิญท่านและคุณชายเปาเข้าไปหน่อยขอรับ”
ร่างที่กำลังจะนั่งลงของเปาชิงเหอแข็งค้าง น้ำเสียงตื่นตระหนก ถามอย่างไม่เชื่อ “เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด?”
“เมื่อคืนวานหลังล่วงยามจื่อขอรับ ตอนที่พวกเราได้รับทราบข่าว รีบมาถึงร้านยาเต๋อเหรินฟ้าก็ใกล้จะสางแล้ว” เหวินเปียวตอบ
เปาชิงเหอยืนร่างสั่นไหว ถามเสียงระส่ำ “เหวินซื่อได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”
เหวินเปียวตอบด้วยความอ่อนน้อม “มิได้ขอรับ เขาเพียงหมดสติไป แม่นางของพวกเราบอกว่าไม่นานเขาก็จะฟื้นขึ้นมาเอง”
เปาชิงเหอโล่งใจ หันไปตะโกนร้อง “มีใครอยู่บ้าง!”
บ่าวที่ยืนเฝ้าด้านนอกเดินเข้ามา ร้องถามอย่างพินอบพิเทา “นายท่าน”
เปาชิงเหอสั่งการเขา “รีบไปตามคุณชายมา บอกว่าข้ามีเรื่องสำคัญจะพบเขา”
บ่าวรับคำ “ขอรับ!” หันหลังวิ่งแนบออกไป
ไม่นานเปาอีฝานก็ตามบ่าวเข้ามา พ้นประตูเข้ามาเห็นเหวินเปียวก็ให้ตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นเห็นเปาชิงเหอสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยปากถามความ “ท่านพ่อ เกิดเรื่องอันใดขึ้นขอรับ?”
เปาชิงเหอมองเหวินเปียวแวบหนึ่ง พิจารณาถ้อยคำ “เกิดเรื่องที่ร้านยาเต๋อเหรินในตำบล แม่นางเมิ่งให้บ่าวเข้ามาแจ้งข่าวพวกเรา ให้พวกเรารีบตามเข้าไป”
เปาอีฝานได้ฟังสีหน้าตื่นตระหนกพลัน ถามขึ้น “เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
“คนในร้านยาเต๋อเหรินถูกล้อมสังหาร” เปาชิงเหอตอบอย่างกระชับ
เปาอีฝานตกตะลึง ถามความต่อ “เหวินซื่อเล่า เหวินซื่อเป็นอะไรหรือไม่?”
“เหวินซื่อไม่เป็นอะไรขอรับ”
เปาอีฝานถอนใจโล่งอก พูดงึมงำ “ไม่เป็นอะไรก็ดี ไม่เช่นนั้นข้าไม่รู้เลยว่าจะตอบความนายท่านอย่างไร”
เปาชิงเหอสั่งกำชับเขา “เรื่องเร่งด่วน เจ้ารีบขี่ม้าเร็วเข้าไป ดูว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ ข้าจะตามไปที่หลัง”
เปาอีฝานพยักหน้า หันไปพูดกับเหวินเปียว “เจ้าขี่ม้าเร็วมาตลอดทาง คิดว่าคงจะเหนื่อยล้าเต็มที พักผ่อนเสียก่อน ประเดี๋ยวค่อยตามไปพร้อมท่านพ่อข้า”
เหวินเปียวส่ายหน้า “แม่นางพาพวกเราพี่น้องมาด้วยสองคนเท่านั้น ข้างกายไม่มีผู้ช่วยคนอื่น ข้าวางใจไม่ลง ขอตามกลับไปพร้อมท่านด้วย”
“ก็ได้ เจ้าออกไปรอด้านนอก ข้าไปจูงมาออกมาพวกเราจะไปทันที” เปาอีฝานพูด
เหวินเปียวรับคำ ถอยออกไปจากห้องหนังสือ
เปาอีฝานพูดว่า “ท่านพ่อ ดูจากสภาพการณ์แล้ว พวกเราคงไม่กลับมาโดยไว ข้าจะไปก่อน ท่านจัดการเรื่องราวภายในบ้านให้เรียบร้อยค่อยตามไปนะขอรับ”
เปาชิงเหอพยักหน้า “พ่อรู้ ระหว่างทางระวังตัวด้วย”
เปาอีฝานออกมาจากห้องหนังสือ เดินตรงไปโรงม้าจูงม้าออกมานอกประตู ควบม้าเร็วมาถึงตำบลพร้อมเหวินเปียว
เจ้าหน้าที่ทางการไม่รู้จักพวกเขา เห็นม้าสองตัววิ่งควบเข้ามา ตวาดสั่งให้พวกเขาหยุดแต่ไกล
เปาอีฝานและเหวินเปียววิ่งมาหยุดม้าลงเบื้องหน้าพวกเขา
เจ้าหน้าที่ร้องเอ็ดพวกเขา “ที่นี่เกิดคดีถึงแก่ชีวิต ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องห้ามเข้าใกล้ พวกเจ้าอ้อมไปทางอื่นเถอะ”
เหวินเปียวชี้เปาอีฝานพูดกับเจ้าหน้าที่ “ท่านผู้นี้คือคุณชายใหญ่บุตรชายท่านนายอำเภอ เข้ามาเพื่อสะสางคดีร้านยาเต๋อเหริน พวกเจ้าจงรีบหลีกทางให้พวกเราเข้าไป”
เจ้าหน้าที่ไม่ขยับ มองพวกเขาอย่างกังขา พูดว่า “พวกเจ้ารออยู่ตรงนี้ก่อน รอข้าไปรายงานท่านผู้ว่าการตำบลแล้วค่อยว่ากัน” พูดจบ วิ่งเหยาะๆ ไปรายงาน
ผู้ว่าการตำบลและกุนซือตรวจตราอยู่ในลานเรือนพักใหญ่แล้ว ก็ยังไม่พบเบาะแสใด กำลังไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี เจ้าหน้าที่ก็เข้ามารายงาน หันมองไปทางเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “น่าจะเป็นคนที่ข้าเชิญมา รีบปล่อยพวกเขาเข้ามาเถอะ”
เจ้าหน้าที่มองผู้ว่าการตำบล
ผู้ว่าการตำบลร้องตวาดเขา “ยังจะยืนเซ่อทำไม ไม่ได้ยินที่แม่นางเมิ่งพูดเรอะ? รีบปล่อยพวกเขาเข้ามา”
เจ้าหน้าที่ลนลานรับคำ วิ่งเหยาะๆ กลับออกมา พยักเพยิดบอกพวกเขาสองคน “ท่านผู้ว่าการตำบลให้พวกเจ้าเข้าไปได้”
เปาอีฝานและเหวินเปียวควบม้าตรงมาหน้าร้านยาเต๋อเหริน ถึงพลิกตัวลงจากหลังม้า เดินทะลุร้านยา เข้ามาลานเรือนด้านหลัง
พอเห็นเมิ่งเชี่ยนโยว เปาอีฝานเร่งเร้าถาม “เหวินซื่อเป็นอย่างไรบ้าง? ไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”
“เขาไม่เป็นอะไร เพียงหมดสติไปเท่านั้น” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ
เปาอีฝานยังคงไม่วางใจ พูดว่า “เขาอยู่ที่ไหน ข้าจะไปดู”
เมิ่งเชี่ยนโยวช้อนคางไปทางห้องที่มีพนักงานสองคนยืนเฝ้าอยู่ “อยู่ในห้องนั้น ท่านเข้าไปดูเองเถอะ”
เปาอีฝานก้าวอาดๆ เข้ามาในห้อง
ผู้ว่าการตำบลเห็นเปาอีฝานมาถึงไม่ถามถึงคดีความ แต่กลับไปดูเหวินซื่อก่อน ให้แปลกประหลาดใจยิ่งนัก เหล่ตามองเมิ่งเชี่ยนโยว คิดจะได้เบาะแสบางอย่างจากใบหน้านาง
เมิ่งเชี่ยนโยวมีสีหน้าเรียบเฉย
ผู้ว่าการตำบลมองอะไรไม่ออก ยิ่งให้กังขาคับข้องใจ
เปาอีฝานเดินเข้าไปในห้อง เห็นเหวินซื่อไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ ใช้มืออังปลายจมูกเขา รับรู้ได้ถึงลมหายใจสงบนิ่ง เพียงแค่หมดสติไปเท่านั้นจริงๆ ถึงวางใจโล่งอก
ผู้ว่าการตำบลและกุนซือยืนกระสับกระส่ายอยู่หน้าห้อง คอยชะเง้อชะแง้เข้าไปในห้องเป็นระยะ
แน่ใจแล้วว่าเหวินซื่อไม่เป็นอะไร เปาอีฝานจึงเดินออกมา ไม่สนใจพวกเขาสองคนที่ยืนหน้าห้อง ถามเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “มีคนได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวชักสีหน้าขรึม สั่งการเหวินเปียว “พาเปาอีฝานไปดูที่ห้องรักษา”
เปาชิงเหอมิได้พูดเรื่องการตายของหมอชรา ระหว่างทางรีบเดินทาง เหวินเปียวก็ไม่ได้พูด ดังนั้นเปาอีฝานจึงยังไม่รู้เรื่องการตายของหมอชรา นึกว่ามีพนักงานได้รับบาดเจ็บนอนรักษาอยู่ในห้องรักษา จึงเดินตามเหวินเปียวเข้าไปในห้องรักษา กระทั่งเห็นหมอชราที่ไร้ลมหายใจแล้ว ถึงตะลึงค้างอยู่ข้างเตียง
เหวินเปียวเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เขาฟังอย่างละเอียดอีกครั้ง
เปาอีฝานเดินขึ้นหน้า ตรวจดูบาดแผลที่แข็งตึงแล้วของหมอชรา ช่วยเช็ดเลือดที่ยังไม่แข็งตัวข้างมุมปาก ค่อยๆ ยกผ้านวมขึ้น ปิดร่างของเขา เหลือเพียงใบหน้าไว้ด้านนอก มองเผินๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มของหมอชรา ให้เหมือนเขากำลังหลับสนิท
เหวินเปียวเริ่มมีอาการขื่นขมระทม เบี่ยงสายตา ทนดูต่อไปไม่ได้
เปาอีฝานมองหมอชราเงียบๆ ครู่หนึ่ง ถึงหันหลังเดินออกมา ถามผู้ว่าการตำบลที่ยืนอกสั่นขวัญแขวน “เกิดคดีความมาพักใหญ่แล้ว ท่านสืบพบสิ่งใดแล้วหรือไม่?”
เหงื่อเม็ดเป้งผุดซึมเต็มหน้าผากผู้ว่าการตำบลพลัน ตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ “เรียนคุณชายใหญ่ คนร้ายพวกนั้นดูแล้วจะมีประสบการณ์สูง หลังจากที่ข้าและกุนซือได้รับแจ้งความตรงมาที่นี่ ก็ได้ตรวจดูอย่างละเอียด แต่กลับไม่พบเบาะแสใดเลย”
เปาอีฝานเหล่มองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ผู้ว่าการตำบลตกใจเหงื่อเม็ดโตไหลหยดเป็นทางลงมาทันที
เปาอีฝานไม่สนใจเขาอีก เดินมาตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว ถามด้วยน้ำเสียงทุกข์ตรม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครเป็นผู้ลงมือ?”