ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 236-3 การมาของแม่ทัพฉู่
ผู้ว่าการตำบลฟังจนเบลอไปหมดแล้ว รู้สึกว่าสมองตัวเองตามไม่ทัน ได้ฟังเมิ่งเชี่ยนโยวพูดดังนั้น เร่งเร้าถาม “เช่นนั้นพวกเราควรทำอย่างไรดี?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มอ่อน “จากนี้ไปต้องอาศัยท่านผู้ว่าการตำบลแล้ว ท่านสนิทสนมกับพวกเศรษฐีในเมืองดี หากพวกเขามีความเคลื่อนไหวขนานใหญ่ย่อมหนีไม่พ้นสายตาของท่านได้ ท่านลองให้เจ้าหน้าที่ไปสืบความ ดูว่ามีเศรษฐีสกุลใดนำเข้าสิ่งของจำนวนมากช่วงก่อนปีใหม่ แน่นอนว่าไม่นับสิ่งของที่นำเข้าไปในร้านค้า”
ผู้ว่าการตำบลมีท่าทีลำบากใจ “คือๆ เกรงว่าจะไม่ดีกระมัง”
เมิ่งเชี่ยนโยวหันมองเปาชิงเหอ
เปาชิงเหอถามผู้ว่าการตำบลอย่างน่าเกรงขาม “มีสิ่งใดไม่ดี เจ้าพูดมาซิ”
ผู้ว่าการตำบลเผยอปากออก กลับไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร
“ผู้ว่าการตำบลคิดว่าพวกเขาเป็นเศรษฐีมีเงิน หากให้พวกเขารู้ว่าท่านเป็นคนส่งเจ้าหน้าที่ไปสืบค้นพวกเขา ภายหน้าพบกันจะอธิบายไม่ถูกใช่หรือไม่?” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
ผู้ว่าการตำบลพยักหน้า “แม่นางเมิ่งคิดได้ทะลุปรุโปร่งนัก ข้าก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวแสยะยิ้มถามเสียงเบา “หากใต้เท้าสืบคดีนี้ไม่ได้ ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ท่านคิดว่าพวกเขายังต้องการคำอธิบายของท่านหรือไม่?”
ผู้ว่าการตำบลเนื้อตัวสั่นวาบ ได้สติกลับคืนมา กล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ “ข้าคิดผิดไป โชคดีที่ได้แม่นางเตือนสติ”
พูดจบหันไปโน้มคำนับเปาชิงเหอ “ผู้น้อยจะไปสั่งการเดี๋ยวนี้ ให้พวกเขารีบไปสืบสวนขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวเตือนเขา “ท่านใต้เท้าจะต้องให้พวกเขาเข้าไปสืบเงียบๆ หากเจอใครซักถามจักต้องปิดปากเงียบ ห้ามให้เรื่องนี้แพร่งพรายเด็ดขาด”
ผู้ว่าการตำบลกล่าวขอบคุณนางอีกครั้ง หมุนตัวออกไปสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชา
เมิ่งเชี่ยนโยวมองแผ่นหลังเขาเดินออกไป ส่ายหน้าพูดอย่างไม่คาดหวังอะไร “ข้ากล้าพนันได้ว่า ภายในสามวัน เขาจะต้องไม่ได้ข่าวอะไรทั้งนั้น”
เปาอีฝานแปลกใจถาม “เหตุใดเจ้าถึงพูดเช่นนี้?”
“ผู้ว่าการตำบลเป็นคนละโมบ ปกติเหล่าเศรษฐีในเมืองจะคอยมอบของกำนัลให้เขา เพื่อประจบเอาใจเขา เขาไฉนเลยจะทำใจล่วงเกินคนพวกนั้นได้” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
เปาอีฝานยิ่งให้คลางแคลงใจ “เช่นนั้นเจ้าจะให้เขาส่งคนไปสืบความทำไม?”
เมิ่งเชี่ยนโยวแสยะยิ้มมีเลศนัย
ผู้ว่าการตำบลกระสับกระส่าย “เจ้ารีบพูดเสียทีเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ที่ข้าต้องการก็คือเวลาสามวันนี้ วันแรก เจ้าหน้าที่จะจดจำคำเตือนของพวกเรา จะต้องปฏิบัติตามคำบอกของพวกเรา เข้าไปสืบค้นเงียบๆ วันที่สองจะเริ่มใจร้อนหงุดหงิด ท่าทีที่เข้าไปสอบถามก็จะค่อยๆ เผยออกมา คนพวกนั้นไม่รู้ว่าพวกเรามีหลักฐานอะไร ไม่กล้าบุ่มบ่าม วันที่สามพวกเขาจะเข้าไปสอบถามอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้ง ในตอนนี้คนที่เป็นหนอนบ่อนไส้จะส่งคนไปสืบความ กระทั่งรู้ว่าพวกเราหาพวกเขาพบเพราะน้ำมันดิบ จะต้องจิตใจตื่นผวา เช่นนั้นจะเหลือผลลัพธ์เพียงสองประการ ประการแรกพวกเขาจะคิดหาวิธีหนีไปให้เร็วที่สุด อีกข้อก็คือลงมือกับร้านยาเต๋อเหรินหรือบ้านข้าอีกครั้ง ไม่ว่าเป็นข้อไหน พวกเขาจะไม่มีทางได้สมหวัง เพราะถึงตอนนั้นท่านแม่ทัพฉู่ก็มาถึงแล้ว พอพวกเรามีคนเพียงพอ รีบใช้โอกาสนี้รวบตัวพวกมันทั้งหมดได้”
เปาชิงเหอได้ฟังแล้วโพล่งปากชื่นชม “เป็นความคิดที่ล้ำเลิศนัก”
เปาอีฝานและเหวินซื่อก็พยักหน้าเห็นพ้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวยักคิ้วอย่างลำพองใจ กำลังจะพูดต่อ พนักงานก็ส่งเสียงรายงานเข้ามา “นายท่านขอรับ หวังเกินจับไข้ขอรับ”
เหวินซื่อตกใจลุกพรวด สาวเท้าเดินออกมา ถามขึ้น “จับไข้ได้อย่างไร?”
พนักงานตอบเสียงแผ่ว “พวกเราฟังคำสั่งของแม่นางเมิ่ง เข้าไปพักผ่อนในห้อง ข้าสะลึมสะลือได้ยินเสียงคนละเมอ พอลืมตาก็พบว่าหวังเกินที่นอนข้างๆ ข้าใบหน้าแดงกล่ำ ดวงตาปิดสนิท เนื้อตัวร้อนผ่าว ข้าจึงรีบมารายงานขอรับ”
เหวินซื่อเดินไปพลางถาม “คนอื่นเล่า? มีใครจับไข้หรือไม่?”
“ตอนนี้มีหวังเกินคนเดียว คนอื่นต่างตกใจตื่นหมดแล้ว กำลังล้อมวงดูเขาขอรับ”
ระหว่างที่สนทนากัน ทั้งสองก็มาถึงห้องพักพนักงาน เห็นกลุ่มคนกำลังล้อมเตียงตัวหนึ่ง พอเห็นเหวินซื่อเข้ามา พนักงานก็หลีกทาง
เหวินซื่อเดินมาข้างเตียง ตรวจดูบาดแผลของเขาอย่างละเอียด คงเพราะจัดการได้ไม่ดี บริเวณบาดแผลแดงบวม เหมือนกำลังจะติดเชื้อ ถึงมีอาการจับไข้
เหวินซื่อสั่งพนักงานนายหนึ่ง “เจ้าไปตักน้ำสะอาดเข้ามา ข้าจะเช็ดทำความสะอาดบาดแผลให้เขา”
พนักงานรับคำออกไป
เหวินซื่อสั่งพนักงานอีกนายหนึ่ง “เจ้าไปบอกเมิ่งเชี่ยนโยวเรื่องอาการของหวังเกิน ให้นางเขียนใบสั่งยาลดไข้หนึ่งขนาน เจ้าได้มาแล้วรีบไปต้มยายกเข้ามา”
พนักงานนายนั้นขานรับคำเดินออกไป
พนักงานที่ออกไปก่อนยกน้ำสะอาดหนึ่งกะละมังเข้ามา เหวินซื่อหยิบผ้าขนหนูสะอาดผืนหนึ่งจากอีกด้าน พิถีพิถันเช็ดบาดแผลให้เขา
เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินพนักงานพูดจบ ไม่แน่ชัดว่าต้องใช้ยาปริมาณเท่าใด จึงเข้ามาตรวจดูอาการของหวังเกินเอง เห็นบาดแผลของเขาเพียงแดงบวมเล็กน้อย พูดปลอบใจทุกคนว่า “พวกเจ้าวางใจเถอะ บาดแผลของเขาไม่ร้ายแรง คงเพราะตกใจกลัวมากจนจับไข้ ข้าจะเขียนใบสั่งยา พวกเจ้านำไปต้มให้เขาดื่ม แล้วให้เขาพักผ่อนให้เต็มที่ก็พอ”
พนักงานที่รายล้อมถึงวางใจลง
เขียนใบสั่งยาเสร็จ พนักงานนายหนึ่งไปจัดยา เมิ่งเชี่ยนโยวจึงตรวจดูบาดแผลของพนักงานที่บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ใส่ยาพันแผลให้พวกเขาใหม่ ทั้งกำชับให้พวกเขาพักผ่อนให้มาก
พนักงานยกยาที่ต้มเสร็จแล้วเข้ามา เหวินซื่อป้อนให้หวังเกินด้วยตัวเอง หลังดื่มเสร็จก็ห่มผ้าให้เขา สั่งพนักงานอีกคนคอยดูแลเขาให้ดี ถึงเดินออกมาจากห้องพักพนักงานพร้อมเมิ่งเชี่ยนโยว กลับมาที่ห้องตัวเอง ตอนที่เดินผ่านห้องรักษา คิดถึงหมอชราที่อยู่ด้านใน เหวินซื่อก็ให้ขอบตาแดงเรื่ออีกครั้ง
ที่พูดปลอบได้ก็พูดไปหมดแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รู้ว่าควรพูดอะไรอีก แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น เดินนำผ่านห้องรักษาไปก่อน
เหวินซื่อดวงตาแดงเอ่อ ควบคุมความรู้สึกที่อยากจะเข้าไปอยู่กับเขา เดินตามหลังเมิ่งเชี่ยนโยวผ่านไป
เหวินเปียวควบม้าเร็วรี่ ทั้งกลางวันกลางคืน ใช้เวลาหนึ่งวันกับหนึ่งคืนมาถึงเมืองหลวง เห็นประตูเมืองตั้งตระหง่าน เกือบจะน้ำตาร่วงเผาะ ตอนที่ทั้งครอบครัวถูกตัดสินเป็นทาสหลวงขายทอดตลาด เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันได้กลับมา
ถึงหน้าประตูเมือง พลิกตัวลงจากหลังม้า จูงม้าเดินตามฝูงชนเข้าเมือง ทุกอย่างยังคุ้นตา ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง เขาควบคุมแรงปรารถนาภายในใจไม่ได้ ขี่ม้ามายังสำนักคุ้มภัยของครอบครัวตนเองก่อน
ประตูใหญ่สำนักคุ้มภัยถูกตีตราปิดผนึก ด้านหน้าประตูไม่มีคนเดินผ่าน เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว คิดถึงภาพอดีตที่รุ่งเรืองของสำนักคุ้มภัย แล้วมองดูความวิเวกวังเวงในตอนนี้ เหวินเปียวทนต่อไปไม่ไหว น้ำตาไหลอาบนองสองแก้ม
ลงจากหลังม้า เดินมาหน้าประตู ยื่นมือออกไปลูบคลำห่วงเหล็ก เคาะเบาๆ สองสามครั้ง ไม่คิดว่าเสียงก้องกังวานนั้นจะดังไปถึงเรือนข้างเคียง พลันมีเสียงชายคนหนึ่งดังแว่วมา “เหตุใดข้าเหมือนได้ยินเสียงเคาะประตูบ้านข้างๆ หรือว่ามีคนเข้ามา?”
เสียงหญิงคนหนึ่งดังแว่วมา “จะเป็นไปได้อย่างไร คนในสำนักคุ้มภัยทั้งถูกเนรเทศ ถูกตัดสินเป็นทาสหลวง จะมีใครที่ไหนมาเคาะประตูอีก เจ้าคงหูฝาดไปแล้ว”
คล้ายว่าชายคนนั้นจะตั้งใจฟังอีกครั้ง กลับไม่ได้ยินเสียงใดแล้ว พูดว่า “ข้าอาจจะหูฝาดไปจริงๆ แม้แต่นายท่านสำนักคุ้มภัยยังถูกตัดสินเป็นทาสหลวง ตอนนี้ไม่รู้ไปทนทุกข์ทรมานอยู่ที่ไหน จะมีใครกลับมาได้อย่างไร?”
หญิงคนนั้นถอนใจพูดว่า “คิดถึงอดีตที่รุ่งเรืองของสำนักคุ้มภัยเวยหย่วน แต่ละวันมีคนเข้าออกไม่ขาด ล้วนแต่เป็นเด็กหนุ่มกำยำ มีเรี่ยวแรงกำลังให้ใช้ไม่หมดสิ้น พวกเราได้เห็นยังรู้สึกหนุ่มสาวขึ้นเป็นกอง แต่บัดนี้…” คำหลังจากนี้ไม่ได้กล่าวออกมา
ชายคนนั้นก็ถอนใจมิได้เอื้อนเอ่ย
เหวินเปียวเป็นเพื่อนบ้านกับพวกเขามาหลายปี ย่อมรู้ว่าคู่สนทนาทั้งสองคนเป็นใคร คิดอยากจะเข้าไปกล่าวทักทาย ก็นึกได้ถึงจุดประสงค์ที่ตัวเองเข้ามาเมืองหลวง กัดฟัน กระโดดขึ้นหลังม้า ตวัดบังเ**ยน สั่งให้ม้าวิ่งตรงไปจวนท่านแม่ทัพ