ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 238-2 ผู้บงการน่าสะพรึง
กัวเฟยส่งเสียงร้องจิ๊ๆ หัวเราะเหอะๆ พูดว่า “ไม่ได้พบกันสิบกว่าปี หัวหน้าใหญ่ฉีกลายเป็นคนอ่อนไหวไปแล้ว แค่ลูกกระจ๊อกตายไปคนหนึ่งถึงกับปวดใจทนดูไม่ได้”
ชายหัวหน้าลืมตาขึ้น กลับคืนความสงบนิ่ง ถามว่า “กัวเฟย เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเราจะมา เจ้าคิดจะทำอะไร?”
กัวเฟยยิ้มหวานพูดว่า “ไม่ใช่ข้าคิดจะทำอย่างไร แต่ท่านแม่ทัพของพวกเรามีเรื่องจะถามพวกเจ้า”
ชายหัวหน้าถลึงตาหวาดผวาอีกครั้ง “ฉู่เหวินเจี๋ย ก็มาตำบลชิงซี?”
กัวเฟยพยักหน้า แย้มยิ้มตอบ “มาถึงเมื่อวาน ตั้งใจรอให้พวกเจ้าเข้ามาติดกับ”
ชายหัวหน้าใบหน้าเสียขวัญ เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
กัวเฟยสั่งการองครักษ์หลวงนายหนึ่ง “ไปรายงานท่านแม่ทัพ บอกว่าพวกเราทำสำเร็จแล้ว”
องครักษ์หลวงรับคำออกไปจากเรือน ลอยตัวออกไปพร้อมความมืด อึดใจเดียวก็มาถึงหน้าร้านยาเต๋อเหริน
ฉู่เหวินเจี๋ยรู้ว่าคืนนี้พวกเขามีปฏิบัติการ มิได้พักผ่อน นั่งรออยู่ในโถงด้านหน้ากับสองพ่อลูกเปาชิงเหอรวมถึงเหวินซื่อและเมิ่งเชี่ยนโยว
เห็นองครักษ์หลวงเข้ามา ไม่รอให้เจ้าหน้าที่รายงาน ลุกขึ้นเดินออกมา สั่งองครักษ์หลวง “นำทางไป”
องครักษ์หลวงน้อมรับคำ หันหลังเดินนำไปอีกด้าน
เปาชิงเหอสั่งเจ้าหน้าเฝ้ายามให้เฝ้าร้านยาเต๋อเหรินให้ดี แล้วรีบเดินตามหลังไป
เปาอีฝาน เหวินซื่อและเมิ่งเชี่ยนโยวเดินตามหลังไปเงียบๆ
คนทั้งหมดมาถึงเรือนฝั่งตะวันออก ฉู่เหวินเจี๋ยเดินข้าไปในห้อง คนที่เหลือรอดชีวิตถูกจับอยู่ในลานเรือน
ชายหัวหน้าเห็นว่าเป็นฉู่เหวินเจี๋ยจริงๆ สีหน้ายิ่งให้สิ้นหวังไร้เรี่ยวแรง
ฉู่เหวินเจี๋ยกวาดตามองคนทั้งหมดแวบหนึ่ง สายตาหยุดที่ชายหัวหน้า ร้องถามเสียงเข้ม “เฮ่อเหลี่ยนยอมจ่ายหนักเช่นนี้เชียว กระทั่งเจ้าก็ถูกส่งตัวมา ดูท่าการแต่งตั้งองค์ชายสิ้นปีนี้จะกระตุ้นเร้าเขา ให้เขายอมทำทุกวิถีทางเพื่อขุดรากถอนโคนคนที่ข้าทิ้งไว้ในตำบลชิงซี”
ชายหัวหน้าไม่ตอบ ทำท่าทีจะฆ่าจะแกงก็เชิญ
ฉู่เหวินเจี๋ยก็ไม่พูดอีก แววตาพุ่งเป้าไปยังคนที่นอนอยู่บนเตียงทั้งสามคน นัยน์ตาสะท้อนแววขุ่นมัว เปล่งเสียงตะโกนเรียก “เหวินซื่อ!”
เหวินซื่อก้าวเท้าเดินเข้ามา มองไปตามสายตาของฉู่เหวินเจี๋ยไปที่คนทั้งสามที่นอนอยู่บนเตียง ดวงตาฉายแววเคียดแค้นชิงชัง
น้ำเสียงเย็นเยียบของฉู่เหวินเจี๋ยดังก้องภายในห้อง “พวกเขาทั้งหมดเป็นของเจ้า จัดการได้ตามใจ”
เหวินซื่อชักดาบชายหัวหน้าออกมา เดินไปข้างเตียง ไม่พูดพร่ำทำเพลง แทงใส่หน้าอกชายคนหนึ่ง เสียงร้องโหยหวนเพิ่งจะดังออกมา เหวินซื่อก็ชักดาบออก พลิกมือตวัดตัดลำคอของเขา คนผู้นั้นสิ้นลมหายใจฉับพลัน
อีกสองคนบนเตียงตกใจได้แต่ถอยหนี ชายหัวหน้าหลุบนัยน์ตาลงอย่างปวดร้าว
เหวินซื่อดวงตาแดงกล่ำ ถือดาบที่มีคราบเลือดจ่อเข้าหาพวกเขา
ทั้งสองยิ่งให้หวาดผวา ริมฝีปากสั่นระริกคิดจะร้องขอชีวิต เสียงชายหัวหน้าดังขึ้น “อย่าได้ลืมสถานะของพวกเจ้า กระทำเรื่องอัปยศเสื่อมเสียเกียรตินายท่าน”
ทั้งสองคนกลืนคำร้องขอชีวิตที่ปลายลิ้นกลับลงไป แสดงท่าทีไม่กลัวตาย
เหวินซื่อแสยะยิ้ม ราวกับการปลิดชีวิตเป็นเรื่องปกติ ยกดาบฟันฉับแขนหนึ่งคนในนั้น
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังระงมไปทั้งห้อง
เหวินซื่อราวกับไม่ได้ยิน พูดเสียงเย็นเยียบ “ข้าสาบานต่อหน้าเหล่าอวี๋ว่า จะต้องสับพวกเจ้าเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น แก้แค้นให้เขา” พูดจบ ฟันฉับไปที่ขาชายอีกคน
ทั้งสองกรีดร้องโหยหวน เสียงดังล่องลอยออกไปในราตรีกาลอันมืดมิด
ฉู่เหวินเจี๋ยขมวดคิ้ว ตวาดเขา “เหวินซื่อ รีบลงมือจัดการ อย่าให้เสียการใหญ่”
เหวินซื่อดวงตาแดงกล่ำ ตวัดมือสองครั้ง สิ้นเสียงกรีดร้องของทั้งสองคนพลัน “พลั่ก!” “พลั่ก!” เสียงล้มแน่นิ่งไปบนเตียงดังขึ้น
ทุกคนในห้องต่างเห็นจนชินตาแล้ว แม้หัวใจจะกระตุกไหวบ้าง แต่ก็มิได้แสดงออกทางใบหน้า มีเพียงหวังจิ่ว ตกใจจนขาอ่อน นั่งตัวแข็งทื่อไปบนพื้น
เสียงเย็นเยียบของฉู่เหวินเจี๋ยดังขึ้นอีกครั้ง ทิ่มแทงโสตประสาทของชายหัวหน้า “อยากตายอย่างไม่ทรมาน ก็จงบอกสิ่งที่เจ้ารู้ออกมาทั้งหมด!”
ชายหัวหน้าที่หลุบนัยน์ตาลง ลืมตาขึ้นอีกครั้ง นัยน์ตาไร้แววหวาดกลัว เหลือเพียงความสงบนิ่ง “ข้าไม่มีสิ่งใดจะพูด จะฆ่าจะแกง ก็เชิญตามสบาย”
ฉู่เหวินเจี๋ยลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอก ทิ้งไว้เพียงน้ำเสียงเ**้ยมเกรียม “กัวเฟย มอบให้เจ้าแล้ว ชั่วเวลาหนึ่งก้านธูป ข้าจะต้องได้คำตอบ”
กัวเฟยรับคำสั่ง หันมองเหวินซื่อ
เหวินซื่อโยนดาบทิ้งลงพื้น เดินออกไปนอกห้อง
ทุกคนในลานเรือนไม่มีใครได้ยินเสียงใดๆ ไม่รู้ว่ากัวเฟยใช้วิธีอะไร ไม่ถึงครึ่งก้านธูป ก็มีเสียงขวัญผวาร้องลั่น “ข้าพูด ข้าพูดแล้ว”
ราวกับถูกเขาแพร่เชื้อใส่ คนที่เหลือก็ส่งเสียงหวีดร้องลั่นตามไปด้วย
กัวเฟยตวาดพวกเขา “หุบปาก!”
คนพวกนั้นต่างขวัญผวาเบิกตาโพลง ไม่กล้าเปล่งเสียงใดๆ อีก
ส่วนชายหัวหน้าไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาอีก
หลังเวลาครึ่งก้านธูป ชายหัวหน้าทนต่อไปไม่ไหว แค่นเสียงหึ พูดอย่างอ่อนแรง “ข้าพูด ข้าพูดแล้ว”
กัวเฟยลากเขาออกมา เปาอีฝานและเมิ่งเชี่ยนโยวที่เห็นภาพการสังหารมาจนชินตายังอดสูดลมหายใจเย็นเข้าปากไม่ได้ ส่วนเหวินซื่อและเปาชิงเหอต่างตกใจจนร่างสั่นเทิ้ม
เอ็นข้อต่อทุกส่วนของชายหัวหน้าถูกตัดขาด บิดม้วนเป็นเกลียวไปทั้งตัว
“ฉีอี” ฉู่เหวินเจี๋ยเรียกเขา “ไม่เคยมีใครฝืนทนวิธีการขององครักษ์หลวงได้ยาวนานเช่นนี้ เจ้าเป็นคนแรก ข้าขอยกย่องว่าเจ้าเป็นชายห้าวหาญ ขอเพียงเจ้าบอกข้ามาตามจริง ข้าจะให้เจ้าได้ตายอย่างไม่ทรมาน”
ฉีอีนอนร่างอ่อนยวบแน่นิ่งอยู่บนพื้น ไม่มีส่วนไหนในร่างกายที่ออกแรงได้อีก จ้องฉู่เหวินเจี๋ยอย่างมีใจแต่ไร้แรงกำลัง พูดว่า “ข้าเป็นเพียงองครักษ์ลับ รู้อะไรไม่มาก เกรงจะบอกท่านไม่ได้ทั้งหมด”
“ไม่เป็นไร เจ้าเพียงพูดสิ่งที่เจ้ารู้ออกมาทั้งหมดก็พอ” ฉู่เหวินเจี๋ยกล่าว
“เช่นนั้นท่านต้องการทราบสิ่งใด?” ฉีอีถาม
“พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเหวินซื่อเป็นคนของข้า?” ฉู่เหวินเจี๋ยถาม
ฉีอีตอบความ “อู๋เหวินจวินเป็นหูเป็นตาในตำบลชิงซีให้นายท่าน ทั้งหมดนี้เขาเป็นบอกคุณชายใหญ่”
ฉู่เหวินเจี๋ยหรี่นัยน์ตา “เจ้าบัดซบเฮ่อจางเอาตัวเขามาแฝงตัวอยู่ในตำบลชิงซีตั้งแต่เมื่อใด?”
ฉีอีคิดจะส่ายหน้า กลับพบว่าแม้แต่ท่วงท่านี้ก็ทำไม่ได้ ทำได้เพียงแสยะยิ้มสังเวช ตอบว่า “อู๋เหวินจวินเป็นคนท้องที่นี้ ยี่สิบกว่าปีก่อนบังเอิญมีโอกาสได้ประจบนายท่านของพวกเรา ทั้งจ่ายเงินมหาศาลขอให้นายท่านของพวกเรานำหัวข้อการสอบขุนนางมาให้เขา…”
เมิ่งเชี่ยนโยวปลายเท้ากระตุกเล็กน้อย
ฉีอีไม่เห็นปฏิกิริยาของนาง พูดต่อว่า “สิบปีก่อนหลังภัยพิบัติใหญ่ครั้งนั้น นายท่านของพวกเราได้ยินว่าบุตรชายองค์โตของอ๋องฉีหายสาบสูญไปในอำเภอชิงเหอ จึงส่งข้ามาบอกความ ถามเขาว่ายินดีจะรับใช้นายท่านของพวกเราหรือไม่ อู๋เหวินจวินรับปากเต็มคำ นับแต่นั้นมา นายท่านของพวกเราก็คอยลอบช่วยให้เขาได้เป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของตำบลชิงซี เงื่อนไขคือเขาจะต้องช่วยตามหาบุตรชายองค์โตของอ๋องฉีในอำเภอชิงเหอ หลายปีผ่านไป เขาไม่มีความคืบหน้าเลย กระทั่งก่อนปีใหม่ จู่ๆ เขาก็ให้คนส่งข่าวมาถึงนายท่าน บอกว่าสืบรู้ว่านายท่านร้านยาเต๋อเหรินเป็นสายของท่านที่แฝงตัวอยู่ในตำบลชิงซี เป้าหมายก็เพื่อช่วยท่านตามหาบุตรชายองค์โตของอ๋องฉี ทั้งย้ำชัดด้วยว่า บุตรชายองค์โตของอ๋องฉีจะต้องอยู่ในตำบลชิงซี”
ฉีอีสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วพูดต่อว่า “นายท่านของพวกเรายินดีปรีดา ส่งข้ามาซักถามเรื่องราว ที่แท้เมื่อปีที่แล้วมีเด็กสาวนามว่าเมิ่งเชี่ยนโยวล่วงเกินบ่าวของอู๋เหวินจวิน เขาทำใจรับความเจ็บแค้นนี้ไม่ได้ ร่วมมือกับผู้ว่าการตำบลหลอกเงินนังตัวแสบนั่น ไม่คิดว่าคืนวันนั้นนังตัวแสบจะลอบเข้ามาในจวนอู๋พร้อมคนปิดหน้าอีกคน โกนศีรษะพวกเขาทั้งครอบครัว อู๋เหวินจวินวางแผนแก้แค้นนางหลายครั้งล้วนแต่ไม่สำเร็จ จึงเบนเป้าหมายมายังคนที่ปิดหน้า หลังการสะกดรอยตามสืบหามายาวนาน จนจำได้ว่านายท่านร้านยาเต๋อเหรินก็คือคนปิดหน้าคนนั้น อู๋เหวินจวินไม่รู้เบื้องหลังของร้านยาเต๋อเหริน ไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือ ด้านหนึ่งเขียนจดหมายสืบถามความจากนายท่านของพวกเรา ด้านหนึ่งให้ลูกน้องมาสืบหาข่าวจากพนักงานร้านยาเต๋อเหริน สุดท้ายกลับสืบได้ข่าวใหญ่น่าตกตะลึงหนึ่ง ก็คือทุกปีท่านจะเข้ามาตำบลชิงซี และทุกครั้งจะอาศัยอยู่ร้านยาเต๋อเหริน หลังจากนายท่านของพวกเรารับทราบข่าวนี้ วิเคราะห์ว่าบุตรชายองค์โตของอ๋องฉีจะต้องหายสาบสูญไปที่ตำบลชิงซี และนายท่านร้านยาเต๋อเหรินก็คือสายที่ท่านวางไว้ที่นี่ เป้าหมายก็เพื่อช่วยท่านตามหาบุตรชายองค์โตของอ๋องฉี รับเขากลับเมืองหลวง…”
ฟังมาถึงตรงนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รู้ว่าตอนนี้ภายในใจมีความรู้สึกเช่นใด ไม่คิดว่าความวู่วามของตนเองในครั้งนั้น จะซ่อนรากแห่งหายนะครั้งใหญ่ไว้ ส่วนเหวินซื่อกลับมึนงงไปหมด ที่แท้ต้นเหตุแห่งหายนะทั้งหมด ล้วนเกิดขึ้นจากตนเอง บัดนี้ไม่เพียงทำให้ท่านพี่ฉู่เสียงานใหญ่ ยังทำให้เหล่าอวี๋ต้องมาจบชีวิตลงด้วย
ฉู่เหวินเจี๋ยก็ไม่คิดว่าจะได้บทสรุปเช่นนี้ ยืนตะลึงค้างงงงัน
ฉีอีสูดหายใจแรงพูดต่อ “หลังจากนายท่านของพวกเราวิเคราะห์ได้เช่นนี้ ก็ให้คนบรรทุกน้ำมันดิบมาตำบลชิงซี หลังจากที่พวกเขาฆ่าคนทั้งหมดแล้ว ให้เผาร้านยาเต๋อเหรินอย่าได้หลงเหลือหลักฐานใดๆ ให้คนสืบมาถึงพวกเขาได้ จากนั้นค่อยหาโอกาสจัดการสกุลเมิ่งทั้งสกุล แต่นายท่านของพวกเราไม่คิดเลยว่าเศษสวะพวกนี้แม้แต่นายท่านร้านยาเต๋อเหรินยังจัดการไม่ได้ ซ้ำยังถูกทำลายบาดเจ็บสามคน หลังจากนายท่านของพวกเราได้รับจดหมายก็เดือดดาล ให้ข้านำคนเร่งรุดเดินทาง ไม่คิดว่าพวกเราเพิ่งจะก้าวพ้นประตูเข้ามา ก็ถูกองครักษ์หลวงจับกุม”
พูดถึงตรงนี้ คล้ายว่าฉีอีจะไร้เรี่ยวแรงแล้ว ฝืนพูดว่า “ที่ข้ารู้ก็บอกไปแล้ว รีบปลิดชีวิตข้าเถอะ การได้ตายด้วยน้ำมือองครักษ์หลวงที่เพียงได้ยินชื่อก็ขยาดกลัว นับว่าข้าไม่ตายอย่างไร้ค่าแล้ว”
ฉู่เหวินเจี๋ยโบกมือ
ดาบในมือกัวเฟยสะท้อนแสงวาบ ฉีอีหมดลมหายใจพลัน
ฉู่เหวินเจี๋ยกวาดตามองเข้าไปในห้องแวบหนึ่ง กัวเฟยเข้าใจทันที ส่งสัญญาณมือให้องครักษ์หลวงภายในห้อง เกิดลำแสงสะท้อนวาบหลายครั้ง องครักษ์ลับทั้งหมดร่างอ่อนยวบล้มหงายไปกับพื้น
หวังจิ่วตกใจกลัวจนหมดสติไป
พวกองครักษ์หลวงไม่มีใครสนใจเขา ต่างเดินออกมาด้านนอก ยืนอย่างนอบน้อมในลานเรือน รอฟังคำสั่งจากฉู่เหวินเจี๋ย