ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 240-2 ซักถามพระอาจารย์
ครั้งนี้หลังจากหลับเต็มที่ เมื่อลืมตาขึ้น ฟ้าด้านนอกก็สางแล้ว เสียงทำอาหารอยู่ในครัวของเมิ่งชื่อดังแว่วมา
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้รีบลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน กลับนอนขดตัวในผ้านวม ตั้งใจฟังสรรพเสียงในลานเรือน รู้สึกเต็มอิ่มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เมิ่งชื่อทำอาหารเสร็จ เข้ามาเรียกเมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นไปกินข้าว เห็นนางลืมตานอนอยู่บนเตียง ยกยิ้มพูดว่า “รีบลุกขึ้นได้แล้ว หลายวันมานี้เจ้าไม่อยู่บ้าน ไม่ได้ไปสวัสดีปีใหม่ท่านปู่ท่านย่า พวกเขาเป็นห่วงเจ้ามาก พอกินข้าวเสร็จจะได้รีบไปสวัสดีปีใหม่พวกเขา”
เมิ่งเชี่ยนโยวขานรับคำ ลุกขึ้นสวมเสื้อผ้า ล้างหน้าล้างตา เดินเข้ามาในครัว คนในครอบครัวต่างเข้ามารอกันหมดแล้ว
เมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งเสียนเห็นนางดูกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาเหมือนก่อนแล้ว ก็ให้วางใจลง
กินข้าวเช้าเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามาสวัสดีปีใหม่ที่เรือนใหม่คนเดียว สองผู้เฒ่าเมิ่งย่อมต้องซักไซ้ไล่เลียงชุดใหญ่
เมิ่งเชี่ยนโยวยกยิ้มตอบพวกเขาทีละข้อ
สองผู้เฒ่าเมิ่งเห็นนางไม่เป็นอะไร ก็ให้วางใจ หยิบอั่งเปาที่เตรียมเอาไว้นานแล้วให้นาง
เมิ่งเชี่ยนโยวรับมาอย่างดีอกดีใจ กระหยิ่มยิ้มย่องใจไม่น้อย
เมิ่งต้าจินกับภรรยา เมิ่งเหรินกับภรรยาและเมิ่งอี้กับภรรยาต่างก็ให้อั่งเปานางด้วย
เมิ่งเชี่ยนโยวรับมาอย่างไม่เกรงใจ ถือซองอั่งเปาใบหนากลับบ้านอย่างอิ่มอกอิ่มใจ
พอพ้นประตูบ้านเข้ามา ก็ตรงไปที่ห้องสองสามีภรรยาเมิ่งทันที ยื่นมือให้สองสามีภรรยาเมิ่งที่กำลังพูดคุยกัน “ท่านพ่อ ท่านแม่ อั่งเปาของข้าเล่า?”
เมิ่งชื่อผงะเล็กน้อย ยิ้มแล้วหันหลังไปหยิบอั่งเปาใน**บออกมาวางใส่มือนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวรับมาแล้วกอดเมิ่งชื่ออย่างเบิกบาน “ท่านแม่ ท่านดีที่สุด ข้ารักท่านที่สุดในโลกเลย”
เมิ่งชื่อคุ้นชินกับคำพูดแปลกประหลาดเหล่านี้ ที่บุตรสาวมักจะโพล่งพูดออกมาแล้ว ยิ้มสรวลพูดหยอกล้อเมิ่งเอ้ออิ๋น “เจ้าดูบุตรสาวที่เจ้าเลี้ยงมาเถอะ ต้องให้อั่งเปาถึงจะคิดว่าแม่คนนี้ดีที่สุด”
เมิ่งเอ้ออิ๋นหัวเราะร่วน มิได้โต้แย้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่โต้เถียง หันหลังเดินออกมาจากห้องพวกเขา เดินเบิกบานเข้ามาในลานเรือนของเมิ่งเสียน ไม่รอให้สาวใช้ร้องบอกก็เดินเข้ามา ยื่นมือให้ซุนเชี่ยนอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง “พี่สะใภ้ อั่งเปา!”
ซุนเชี่ยนผงะอึ้ง แล้วปิดปากขำ แหย่เย้านาง “วันนั้นเจ้ามิได้อยู่บ้าน ข้าจึงหยิบอั่งเปาที่เกินออกมาให้เจี๋ยเอ๋อร์ไปแล้ว เจ้าไปเอากับเขาสิ”
เมิ่งเชี่ยนโยวบุ้ยปากทำแก้มป่อง กระทืบเท้ารัว
ซุนเชี่ยนไม่เคยเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวทำนิสัยเด็กเช่นนี้มาก่อน ทั้งตกใจและขบขันไปพร้อมกัน
เมิ่งเสียนนั่งขบขันนางอยู่อีกด้านพูดว่า “น้องสาวมีความยึดมั่นกับอั่งเปาเป็นพิเศษ เจ้าเลิกแกล้งนางได้แล้ว รีบเอามาให้นาง ประเดี๋ยวได้งอนเจ้าหนักกว่านี้ไม่รู้ด้วย”
ซุนเชี่ยนยิ้มแล้วหยิบอั่งเปาใน**บของตนเองออกมาวางใส่มือนาง “เก็บไว้ให้เจ้าแล้ว รอเจ้ากลับมาจะได้มอบให้”
เมิ่งเชี่ยนโยวดวงตาเปล่งประกายระยิบระยับ คว้าอั่งเปาไว้หมับ ไม่สนใจดูว่าข้างในมีเงินเท่าใด เก็บรวมไว้กับอั่งเปาที่ได้มาวันนี้ โอ้อวดซุนเชี่ยน “เจ้าดูเถิด แปปเดียวข้าก็ได้อั่งเปามากขนาดนี้เลย”
ซุนเชี่ยนขบขันในพฤติกรรมเยี่ยงเด็กน้อยของนางอีกครั้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวถืออั่งเปากลับมาที่ห้องตัวเอง เปิด**บออก หยิบอั่งเปาที่ได้เมื่อปีที่แล้วออกมา วางรวมกับที่ได้มาวันนี้บนโต๊ะ เพ่งมองอย่างมีความสุขครู่หนึ่ง ถึงเก็บไว้ก้น**บอย่างอาวรณ์ ครั้นพอเห็นชุดทารกของเมิ่งอี้เซวียนก็ยิ้มไม่ออก ยื่นมือล้วงเข้าไปใต้ผ้า หยิบป้ายหยกสองชิ้นออกมา วางบนมือข้างละชิ้น พินิจมองอย่างละเอียดครู่หนึ่ง เกิดการคาดเดาบางอย่างขึ้นในสมอง เก็บป้ายหยกวางกลับไปที่ก้น**บ ลงกลอน**บ ลุกขึ้นเดินออกมาถึงหน้าประตูเรือนพระอาจารย์ พูดกับคนเฝ้าประตูอย่างสุภาพ “รบกวนเจ้าเข้าไปเรียนรายงาน บอกว่าข้ามาสวัสดีปีใหม่พระอาจารย์”
“เชิญแม่นางเข้าไปเถิด นายท่านกล่าวไว้แล้ว หากท่านเข้ามาสวัสดีปีใหม่ เชิญท่านเข้าไปได้เลย” คนเฝ้าประตูพูด
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ตามเขามาถึงลานเรือนพระอาจารย์
หลังจากบ่าวรายงานอย่างอ่อนน้อมในลานเรือน ฮูหยินโจวก็เปิดม่านประตูยกยิ้มเดินออกมา จับมือเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างสนิทสนมพาเข้ามาในเรือน
พระอาจารย์โจวก็ลุกขึ้นยืนรออยู่ในเรือนแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูดกับทั้งสองคน “ปีนี้เข้ามาสวัสดีปีใหม่ช้า ขอพระอาจารย์และฮูหยินอย่าได้ตำหนิ”
ฮูหยินโจวยังคงจับมือนางอย่างเป็นกันเอง ให้นางนั่งบนเก้าอี้ ถึงยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนนี้พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ไม่ต้องใส่ใจพิธีรีตองพวกนั้น เจ้าเข้ามาพวกเราก็ดีใจแล้ว”
พระอาจารย์โจวก็นั่งบนเก้าอี้แล้ว ถามขึ้น “ได้ยินคนในครอบครัวเจ้าบอกว่าเกิดเรื่องกับเพื่อนของเจ้าในเมือง เจ้าเข้าไปช่วยเหลือ บัดนี้คิดว่าจัดการเรื่องราวเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าถึงได้กลับมา”
ระหว่างทางที่มาเมิ่งเชี่ยนโยวคิดเอาไว้แล้ว เรื่องร้านยาเต๋อเหรินถูกคนล้อมสังหารและการตายของหมอชรา คนในเมืองต่างรับรู้ ไม่นานคนในหมู่บ้านก็จะต้องรู้ และพระอาจารย์ก็จะต้องรู้ หากถึงตอนนั้นต้องให้เขามาถามความตนเอง สู้บอกความจริงกับเขาไปตอนนี้เลยดีกว่า ดังนั้น พอพระอาจารย์โจวเอ่ยความ เมิ่งเชี่ยนโยวจึงตอบว่า “เพื่อนในเมืองของข้าคนนี้ พระอาจารย์ก็รู้จักเจ้าค่ะ”
พระอาจารย์โจวอุทาน “ข้าก็รู้จัก?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
พระอาจารย์โจวไม่เคยมาตำบลชิงซีมาก่อน ย่อมไม่มีเพื่อนอยู่ที่นี่ บุคคลเดียวที่เคยติดต่อก็คือนายท่านเหวินร้านยาเต๋อเหริน ดังนั้นพอเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ พระอาจารย์โจวก็เดาได้ทันที รีบร้อนถาม “นายท่านเหวินแห่งร้านยาเต๋อเหรินรึ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าอีกครั้ง พูดว่า “ก็คือเขาเจ้าค่ะ”
พระอาจารย์โจวได้ฟังยิ่งให้ตกใจ ถามขึ้น “เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มมองไปทางฮูหยินโจวแวบหนึ่ง
พระอาจารย์โจวเข้าใจทันที สั่งการฮูหยินโจว “เจ้าไปเตรียมชาและขนมเข้ามาหน่อยเถิด”
ในอดีตเมื่อพระอาจารย์จะคุยเรื่องสำคัญ จะแยกนางออกมา ฮูหยินโจวรู้ว่าพวกเขามีเรื่องสำคัญต้องพูดคุย จึงลุกขึ้นยิ้มอ่อนหวาน พูดว่า “แม่นางโยวเอ๋อร์รอสักครู่ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มสรวลกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณฮูหยินเจ้าค่ะ”
ฮูหยินโจวแย้มยิ้มพยักหน้า นำสาวใช้เดินออกไป
ฮูหยินโจวออกไปถึงกลางลานเรือนแล้ว พระอาจารย์โจวรีบร้อนถาม “เกิดอะไรขึ้นกับนายท่านเหวิน?”
เมิ่งเชี่ยนโยวเล่าเรื่องที่ร้านยาเต๋อเหรินถูกล้อมสังหาร และหมอชราถูกฆ่าตายให้เขาฟังอย่างละเอียด บอกว่าเพราะตนเองรู้วิชาการแพทย์บ้าง เหวินซื่อถึงมาเชิญไปรักษาอาการหมอชรา ทว่าหมอชราได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนที่นางไปถึงก็ไม่อาจยื้อชีวิตกลับคืนมาได้แล้ว
พระอาจารย์โจวได้ฟังได้แต่ทอดถอนใจ พูดว่า “ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดถึงโหดเ**้ยมอำมหิตเช่นนี้ กระทั่งชายชราคนหนึ่งก็ไม่ละเว้น”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ไม่ทราบเจ้าค่ะ นอกจากผู้ว่าการตำบล แม้แต่ท่านนายอำเภอก็เข้ามาตรวจสอบหลายวัน แต่ก็ไม่พบเบาะแสใด”
“เช่นนั้นตอนนี้นายท่านเหวินเป็นอย่างไรบ้าง?” พระอาจารย์โจวถาม
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบว่า “พนักงานในร้านยาเต๋อเหรินต่างได้รับบาดเจ็บ ทั้งสืบหาผู้กระทำผิดไม่ได้ นายท่านเหวินไม่กล้าอยู่ในตำบลชิงซีต่อไป เมื่อวานจึงพาโลงศพหมอชราและพนักงานทั้งหมดกลับไปเมืองหลวง”
พระอาจารย์โจวพยักหน้า “นายท่านเหวินทำถูกต้องแล้ว เมื่อหาตัวผู้บงการเบื้องหลังไม่ได้ การจะอยู่เป็นเป้าให้คนร้าย สู้หลบลี้ไปจากพวกเขาก่อนดีกว่า รอวันใดที่สืบหาความจริงได้ ค่อยวางแผนเรื่องในภายหน้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปาก พูดว่า “วันนี้นอกจากมาสวัสดีปีใหม่พระอาจารย์แล้ว ข้ายังมีเรื่องหนึ่งอยากถามท่านเจ้าค่ะ?”
“พูดมาเถอะ ขอเพียงข้ารู้ จะต้องตอบแม่นาง” พระอาจารย์กล่าว
“ข้าอยากถามพระอาจารย์ว่า ท่านแม่ทัพฉู่และท่านอ๋องฉีมีความสัมพันธ์ใดต่อกัน?”