ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 241-2 สอนสัญญาณลับ
ครู่ใหญ่จู่ๆ เมิ่งเชี่ยนโยวก็ถามขึ้น “เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าตัวเองเป็นใคร?”
เมิ่งอี้เซวียนผงะอึ้ง ส่ายหน้าพลัน “ไม่อยาก”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาอย่างแปลกใจ
เมิ่งอี้เซวียนมองนาง พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ข้าแซ่เมิ่ง ชื่อเมิ่งอี้เซวียน ที่นี่ก็คือบ้านของข้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวใจกระตุกไหว เผยอปากค้าง คิดจะพูดบางอย่าง สุดท้ายกลับไม่ได้พูดออกมา
เมิ่งอี้เซวียนนั่งบนเก้าอี้มองนางเงียบๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกพรวดขึ้น เดินมาตรงหน้าเขา
เมิ่งอี้เซวียนตกใจสะดุ้ง ร่างถอยร่นไปพิงพนักเก้าอี้โดยอัตโนมัติ
เมิ่งเชี่ยนโยวยืนนิ่งเบื้องหน้าเขา พูดอย่างดุดัน “เจ้าเป็นคนพูดเองนะ หากภายหน้าเจ้ากล้าผิดคำพูด ไม่ว่าเจ้าอยู่ที่ใด ข้าจะจับเจ้ามาอัดให้สาสม”
คล้ายว่าเมิ่งอี้เซวียนจะตกใจในท่าทีดุดันเ**้ยมเกรียมของนาง พยักหน้าเงอะงะอย่างเลื่อนลอย
เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงจ้องเขาอย่างดุดันกราดเกรี้ยวอีกครู่หนึ่ง ถึงหันกลับไปนั่งบนเก้าอี้ ชี้สิ่งของที่วางระเกะระกะบนโต๊ะ พูดว่า “นับจากวันนี้ไป ข้าจะสอนเจ้าใช้สิ่งของไม่เป็นจุดสนใจพวกนี้ ยามเมื่อเจ้าพบอันตรายหรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทิ้งสัญญาณลับไม่เป็นจุดสนใจนี้ไว้ ให้คนที่ตามหาเจ้าอาศัยสัญญาณลับเหล่านี้ตามหาเจ้าพบโดยไว”
เมิ่งอี้เซวียนมองดูเศษกระดาษ เศษก้อนหิน เศษกิ่งไม้แล้วพยักหน้า
สิ่งของพวกนี้เป็นเพียงสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง เทียบกับสมุนไพรแล้วง่ายกว่ามาก ดังนั้นเมิ่งฉีที่เอาแต่เงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวในครั้งนี้จึงไม่ได้ยินเสียงร้องโหยหวนใดๆ
ช่วงเวลานับจากนั้นมา ทุกวันเมื่อมีเวลา เมิ่งเชี่ยนโยวจะสอนวิธีการใช้เศษสิ่งของรอบกายมาทำเป็นสัญญาณลับ ทั้งยังคอยพาเขาไปทำการทดลอง บางครั้งทำในบ้าน บางครั้งขึ้นไปบนเขา หลังจากตนเองทำสัญลักษณ์ในที่ต่างๆ แล้ว จะให้เมิ่งอี้เซวียนตามหานางในเวลาที่กำหนด
บางครั้งนางทำสัญลักษณ์ไม่ชัดเจน เมิ่งอี้เซวียนตามหานางเจอช้ากว่าเวลาที่นางกำหนด เมิ่งเชี่ยนโยวก็จะสั่งสอนเขาอย่างไม่รักษาน้ำใจ ทุกครั้งเมื่อถึงเวลานี้ ซุนเหลียงไฉที่กลับมาเรียนหนังสือลอบกระหยิ่มยินดี โชคดีที่ตนเองกลับบ้านไปตอนปีใหม่ ไม่ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวจับมาเรียนวิชาพวกนี้ ไม่เช่นนั้นคงเป็นตนเองที่ถูกสั่งสอน
วันเวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือนกว่า จำนวนครั้งที่เมิ่งอี้เซวียนถูกลงไม้ลงมือลดน้อยลง เมิ่งชื่อทั้งรู้สึกปลาบปลื้มใจและให้คลางแคลงใจ ก่อนหน้านี้บุตรสาวบอกว่าจะไม่บังคับอี้เซวียนเล่าเรียนแล้วมิใช่หรือ? เหตุใดตอนนี้ถึงเริ่มใหม่อีก?
ทว่าไม่นานเมิ่งชื่อก็ลืมข้อกังขาเหล่านี้ไปสิ้น เพราะซุนเชี่ยนตั้งครรภ์แล้ว
หลังปีใหม่ ซุนเชี่ยนว่างงาน เมิ่งเสียนจึงมอบโรงงานน้ำมันพริกและโรงงานมันฝรั่งแผ่นทอดให้นาง
ซุนเชี่ยนเรียนรู้การทำการค้ากับซุนซ่านเหรินมาหลายปี หลังจากเริ่มต้นอย่างทุลักทุเล ก็ค่อยๆ คล่องมือ ทุกวันจะพาสาวใช้สองนางมาทำงานในโรงงาน มีเพียงตอนกินข้าว ถึงกลับมาพร้อมเมิ่งเสียน
วันนี้เมิ่งชื่อทำเหมือนกับทุกวัน กลับมาทำอาหารให้คนทั้งครอบครัวก่อน รอพวกเขากลับมากินข้าว
ซุนเหลียงไฉและเมิ่งเจี๋ย เมิ่งชิงกลับมาด้วยกัน เมิ่งอี้เซวียนกลับมาช้าหน่อย เมิ่งเสียนและซุนเชี่ยนรอคนงานในโรงงานหยุดพักก่อนถึงกลับมา พอกลับมาซุนเชี่ยนก็ตรงเข้ามาในครัว เตรียมล้างมือล้างไม้จัดสำรับอาหารให้คนในครอบครัวพร้อมเมิ่งชื่อ ไม่คิดว่าพอเข้ามาในครัว มีกลิ่นประหลาดลอยกระทบจมูก พลันรู้สึกสะอิดสะเอือนอยากจะอาเจียน รีบปิดปากตัวเอง ฝืนข่มกลั้นอึดใจหนึ่งถึงรู้สึกดีขึ้น
เมิ่งชื่อไม่ทันสังเกตเห็นปฏิกิริยาผิดปกติของนาง ยกมันฝรั่งตุ๋นเนื้อเดินผ่านนาง เดินไปพลางพูดอย่างมีความสุข “วันนี้แม่ทำของอร่อยให้พวกเจ้ากิน…”
พูดยังไม่ทันจบ ซุนเชี่ยนก็ทนไม่ไหว รีบวิ่งออกไปอาเจียนนอกครัว
สองสาวใช้ตกใจขวัญเสีย รีบเดินเข้ามาถามอย่างร้อนใจ “คุณหนู ท่านเป็นอะไรเจ้าคะ?”
เมิ่งเสียนก็ตกใจตัวโยน ลุกขึ้นสาวเท้าเดินมาข้างกายนาง ค่อยๆ ลูบหลังให้นาง ถามด้วยน้ำเสียงละมุน “เป็นอะไร? ไม่สบายตัวตรงไหน?”
ซุนเชี่ยนอาเจียนแห้งไม่กี่คำ รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับมุมปาก พูดว่า “คงเพราะเมื่อคืนตากลม ไม่เป็นอะไรดอก”
เมิ่งเสียนวางใจลง ประคองนางกลับมาที่ครัว พอหันหลัง กลับเห็นเมิ่งชื่อยืนยิ้มระรื่นอยู่หน้าประตู
ทั้งสองงุนงง เมิ่งเสียนถามพลัน “ท่านแม่ ท่านเป็นอะไร?”
เมิ่งชื่อไม่ได้ตอบเขา ถามซุนเชี่ยนอย่างยินดี “เชี่ยนเอ๋อร์ หรือเจ้าจะตั้งครรภ์แล้ว?”
ซุนเชี่ยนตกตะลึง เมิ่งเสียนหันกลับมามองนางอย่างปลาบปลื้มยินดี
“ปัดโธ่ เสียนเอ๋อร์ เจ้าประคองเชี่ยนเอ๋อร์เข้ามานั่งก่อน แม่จะรีบไปตามหมอมาตรวจชีพจรนางเดี๋ยวนี้” เมิ่งชื่อกระวีกระวาดพูดกับเมิ่งเสียน
เมิ่งเสียนได้สติกลับมา ประคองซุนเชี่ยนค่อยๆ เดินเข้ามาในครัว
คนทั้งครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า ซุนเชี่ยนรู้สึกประดักประเดิด พยายามแกะมือเมิ่งเสียนออก พูดว่า “ข้าไม่เป็นไร…” พูดยังไม่ทันขาดคำ ได้กลิ่นเนื้อหมู อาการสะอิดสะเอียนปะทุขึ้นมาอีกครั้ง รีบวิ่งออกไปอาเจียนนอกประตู
เมิ่งชื่อตบหน้าขาฉาดใหญ่ “ไม่ต้องไปตามหมอแล้ว จะต้องตั้งครรภ์แล้วเป็นแน่”
คนในห้องได้ยินคำพูดเมิ่งชื่อ ต่างดีใจยกใหญ่ เมิ่งเจี๋ยผู้ไม่รู้เรื่องราว แหงนหน้ากะจิริดถามอย่างไร้เดียงสา “ท่านพี่ อะไรคือตั้งครรภ์หรือขอรับ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวลูบศีรษะเขาด้วยอารามดีใจ ยิ้มพูดว่า “ตั้งครรภ์ก็คือในท้องของพี่สะใภ้มีเด็กน้อย อีกไม่กี่เดือนเจ้าก็จะได้เป็นท่านอาแล้ว”
เมิ่งเจี๋ยดีใจกระโดดโลดเต้น
เสียงเบิกบานของเมิ่งชื่อดังลอยมา “เสียนเอ๋อร์ เจ้าประคองเชี่ยนเอ๋อร์เข้าไปในบ้านก่อนเถอะ แม่จะทำอาหารอ่อนๆ ให้นางกินเดี๋ยวนี้”
ซุนเชี่ยนรีบร้องห้าม “ไม่ต้องเจ้าค่ะ ท่านแม่ ไม่แน่ว่าเป็นเพราะเมื่อวานตากลมเย็นจนเป็นหวัด ท่านอย่าได้ยุ่งยากเลย”
“แม่อาบน้ำร้อนมาก่อน จะแยกแยะไม่ถูกว่าตั้งครรภ์หรือเป็นหวัดได้อย่างไร เชื่อแม่เถอะ เจ้าเข้าไปพักในบ้านก่อน แม่จะรีบทำไปให้เจ้ากินเดี๋ยวนี้”
ยังไม่ได้รับการยืนยัน จะให้เมิ่งชื่อปรนนิบัติตนเองได้อย่างไร ไม่ว่าอย่างไรซุนเชี่ยนก็ไม่ยินยอม
เมิ่งเสียนเกลี้ยกล่อมนาง “เชื่อท่านแม่เถอะ ข้าจะประคองเจ้าเข้าไปในบ้านก่อน แล้วข้าจะไปเชิญท่านหมอมา”
เสียงเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้น “เชิญท่านหมอทำไม พี่ใหญ่ลืมว่าข้ารู้วิชาแพทย์แล้วหรือ? ข้าจะจับชีพจรให้พี่สะใภ้เอง”
เมิ่งชื่อดีใจจนเลอะเลือน “ใช่ๆๆ เหตุใดแม่ถึงลืมได้ เจ้าก็รู้วิชาแพทย์ เร็วๆๆ รีบเข้ามาจับชีพจรให้พี่สะใภ้เจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ลุกขึ้นเดินมาหน้าประตู “ท่านแม่ อย่างน้อยท่านก็ควรหาที่ให้พี่สะใภ้ใหญ่นั่งก่อน ข้าถึงจะจับชีพจรให้นางได้”
เมิ่งชื่อเดินเข้าไปประคองซุนเชี่ยน “ไป เข้าไปนอนในห้องเจ้า แม่นางเมิ่งจะได้จับชีพจรให้เจ้า”
ซุนเชี่ยนไม่มีทางเลือก จำต้องให้เมิ่งชื่อประคองตนเองกลับเข้าห้อง
จากนั้นนอกจากเมิ่งเอ้ออิ๋นแล้ว ทั้งครอบครัวต่างตามเข้ามา
ซุนเชี่ยนเอนตัวนอนลงบนเตียง เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งบนม้านั่งข้างเตียง จับมือนางวางราบ ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางของมือขวากดจุดชีพจรนาง จับชีพจรให้นางอย่างตั้งอกตั้งใจ
เมิ่งชื่อและเมิ่งเสียนกลั้นหายใจมองนาง
ครู่หนึ่งเมิ่งเชี่ยนโยวถึงคลายมือออก วางมือซุนเชี่ยนกลับเข้าที่
เมิ่งชื่อกระวีกระวาดถาม “เป็นอย่างไร โยวเอ๋อร์ พี่สะใภ้ใหญ่เจ้าตั้งครรภ์แล้วใช่หรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดอะไร หันไปมองนางช้าๆ
เมิ่งชื่อเห็นสีหน้านาง หัวใจหล่นวูบ หยั่งเชิงถาม “ไม่มี?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงไม่พูด
รอยยิ้มบนใบหน้าเมิ่งเสียนจางหาย
ซุนเชี่ยนลุกขึ้นมานั่งพูดว่า “ข้าบอกแล้วว่าข้าเป็นหวัด โชคยังดีไม่ได้ตามท่านหมอเข้ามาจับชีพจร ไม่เช่นนั้นได้ขายหน้าแย่”
เมิ่งเชี่ยนโยวผุดลุกขึ้นยืน คว้าแขนเมิ่งชื่อแน่น พูดกับนางอย่างกระดี๊กระด๊า “ท่านแม่ ข้ากำลังจะได้เป็นท่านน้าจริงๆ แล้ว!”
เมิ่งชื่อชะงักอึ้ง แล้วได้สติคืนกลับมา ตีนางเบาๆ “เจ้าเด็กคนนี้ แกล้งคนไม่รู้จักเวล่ำเวลา เมื่อครู่แม่ผิดหวังแทบแย่”
เมิ่งเชี่ยนโยวคลายมือหัวเราะคิกคัก หันกลับไปถามซุนเชี่ยนที่นิ่งอึ้งไปแล้ว “พี่สะใภ้ ดีใจจนมึนแล้วหรือ?”
ซุนเชี่ยนใช้มือลูบท้องน้อยตัวเอง ถามอย่างไม่เชื่อ “ข้าตั้งครรภ์แล้วจริงๆ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวเลิกคิ้ว แกล้งย้อนถาม “พี่สะใภ้ไม่เชื่อวิชาการแพทย์ของข้าหรือ?”
“ไม่ใช่ ข้าเพียงไม่เชื่อว่าตัวเองจะตั้งครรภ์เร็วเช่นนี้” ซุนเชี่ยนรีบร้อนพูด
เมิ่งเชี่ยนโยวก็วางมือบนท้องซุนเชี่ยน พูดว่า “ช่างอัศจรรย์นัก ภายในนี้มีทารกน้อยคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะโต ออกมาเจอหน้าพวกเราได้”
เมิ่งชื่อพูดอย่างเบิกบาน “เร็วทีเดียวล่ะ พอครบสี่เดือน เห็นครรภ์ชัด ท้องของพี่สะใภ้ใหญ่เจ้าก็จะโตๆๆ อย่างเร็วเทียว”
เป็นจริงดังว่า หกเดือนต่อมา ท้องของซุนเชี่ยนก็โตใหญ่ยิ่งกว่าลูกโป่ง
ตอนที่เมิ่งชื่อกำลังเป็นกังวลว่านางจะคลอดก่อนกำหนดหรือไม่นั้น วันสอบซิ่วไฉของเมิ่งอี้เซวียนก็มาถึง